ขอถามเรื่องการฝึกกสิณดินหน่อยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย zaboojai, 1 ธันวาคม 2016.

  1. zaboojai

    zaboojai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
    โดยปกติกสิณดินที่เป็นขนาดมาตรฐานจะมีขนาด 1 คืบ 4 นิ้ว



    จากคลิปของหลวงพ่อนาทีที่ 7.10 หลวงพ่อบอกว่า จะไม่บอกขอบเขต เพราะไม่มีความจำเป็น ถ้าผมใช้ดวงกสิณขนาดเท่าแผ่น CD ก็สามารถใช้แทนได้เหมือนกันใช่ไหมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กุมภาพันธ์ 2017
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    ครับเพราะประเด็นไม่ได้อยู่ที่ขนาดครับ
    ในข่วงแรกๆ เพียงแต่เราหาขนาดที่พอดี
    ที่เหมาะกับเราก็พอครับ พอดีคือ
    ถ้าเรามองแล้วหลับตา สามารถเห็นภาพ
    มี่เรามองปรากฏขึ้นมาได้ทั้งหมดและง่าย

    ครับ
    ตรงนี้แล้วแต่บุคคลครับ และ
    นัยยะสำคัญจริงๆคือ
    การสร้างให้ตัวจิตเกิดทิพย์จักขุขึ้นมา
    ด้วยตัวจิตเองครับ ซึ่งแรกๆมันต้องอาศัยการ
    มองและจำก่อน(ซึ่งมันจะมีความคิดปนอยู่)
    แล้วเราค่อยทิ้งความคิดภายหลัง(คือมอง
    ผ่านเหนือระหว่างคิ้วไม่ว่าหลับตา
    หรือลืมตาซึ่งโดยปกติมันจะไม่ชัดเหมือนที่มี
    ความคิดมาปน) พอนานเข้า จิตสร้างภาพได้เอง
    โดยไม่มีความคิดมาปน ต่อไปก็ไม่ต้องใช้การมองวัตถุ
    เพราะแค่นึกๆแล้วมองไปในอากาศ
    หรือหลับตามองผ่านเหนือระหว่างคิ้ว
    จะปรากฏภาพทันทีภายในหลักวินาที
    ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไร สถานะการณ์ใด
    ตรงนี้ใช้ตรวจสอบผลการปฎิบัติได้ใน
    เบื้องต้น แม้ยังไม่มีประโยชน์
    และทำให้คนหลงตัวเองมามาก
    แต่ก็พอใช้ตรวจสอบเบื้องต้นได้

    กสินจะเริ่มใช้ได้จริงๆ จิตต้องปั่นปฎิภาคนิมิต
    ในสมาธิระดับกำลังสูงได้เท่านั้นครับ
    (ถ้าเราไปติดวิชชาสาม หรืออภิญญาต่างๆเราจะคิดว่า
    ที่เราทำได้เป็นสมาธิระดับสูง และหลง
    ตัวเองได้อย่างคาดไม่ถึงแม้ว่าจะยัง
    ใช้งานไม่ได้ พิสูจน์ไม่ได้ แสดงให้คนรับ
    ทราบไม่ได้ก็จะหลงตัวเองแบบไม่น่าเชื่อ)

    และจำไว้ว่าระหว่างทางห้ามสนใจพวกวิชาสาม
    และอภิญญาต่างๆเป็นอันขาดแม้มันจะเกิดก็ช่าง
    หัวมันครับ อย่าสน ไม่งั้นจะช้าและอีกนาน
    กว่าจะฝึกสำเร็จครับ บางทีชาตินี้ก็ทำไม่ได้
    แต่จะหลงตัวเองแบบไม่น่าเชื่อครับ

    ปล ถ้าผมเป็นคุณจะขึ้นด้วย เหลืองหรือแดงครับ
    กสินได้กองเดียวกองอื่นมันจะทำได้หมดของมันเองครับ
    เพราะกำลังใช้งานมันเท่ากัน เราควรขึ้นด้วยตัว
    ที่จิตเรามันเด่นๆไว้ก่อนในอดีตครับโอกาศจะสำเร็จ
    มันถึงจะเร็วขึ้น ประเด็นนี้
    ฝากให้พิจารณานะครับ


    ที่สำคัญเลือกฟังได้ถูกท่านแล้ว
    จำทริคท่านดีๆ เวลาพูดช่วง
    โทนเสียงเดียวกันเบาๆเสียงลงมาหน่อย
    และอะไรที่ท่านห้ามอย่าไปทำนะครับ(^_^)
     
  3. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ......ขอคุยด้วยคน

    .....ผมไม่ได้มาคุยว่า วิธีทำกสิณดิน นั้น มีวิธีอย่างไร

    ....ผมจะมาพูดว่า จิตที่เป็นสมาธิ นั้น มีพลังอย่างมาก

    ....พลังจิตที่มากนั้น สามารถ นำมาใช้ได้หลายอย่าง เช่น เนรมิต อากาศให้เป็นดิน แล้ว สามารถ เดินไปบนอากาศก็ได้ เป็นต้น

    ....หลักการทำกสิณก็มีหลักโดยย่อที่ผมเคยได้ยิน และได้ลองฝึก แต่ไม่สำเร็จ เขาให้ฝึกจนเข้าสู่ ประฐมฌานได้ เริ่มจาก เห็นภาพ จากอุคหนิมิต ไปเป็นปฏิภาคนิมิต จนตัดนิวรณ์ห้าได้ แล้วทำต่อ จนเข้า ฌาณที่ 2-3-4 แล้ว กลับย้อนมาที่ ฌานที่ 1 แล้ว น้อมจิต อธิฐาน เช่น อธิฐานให้เกิดในสิ่งที่ต้องการ เช่น อธิฐาน อากาศ เป็นดิน เป็นต้น แล้ว ก็เข้า ฌานที่ 2-3-4 สิ่งที่อธิฐานก็จะกลายเป็นดังนั้น

    .....จิตที่มีพลัง จะสามารถ บังคับให้เกิดได้ปานนั้น พระพุทธเจ้า ได้ทรงสอนภิกษุให้เอาพลังจิตเช่นนั้นมาใช้ ให้นำมาน้อมให้เกิดญาณ มีญาณรับรู้ว่า ขันธ์ห้าเป็นไตรลักษณ์ และเมื่อเกิดญาณรับรู้อย่างนั้น จึงเรียกว่า การบรรลุธรรม

    ....ต่างจากฤาษีชีไพร มิได้รู้เกี่่ยวกับคำสอนนี้มาก่อน พลังจิต ที่พวกฤาษีที่มีก็นำมา ใช้เพื่อฤทธิ์ต่างๆ หาได้บรรลุธรรมไม่

    .....พุทธศาสนา สอนทำสมาธิ ก็คือสติในสิ่งไดสิ่งหนึ่งอย่างต่อเนื่อง จะต้องทำควบคู่กับการสร้าง สัมปชัญญะเสมอ เพื่อจะให้จิตที่ทรงพลัง ไปน้อมให้ตัวญาณ เกิดการรับรู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2016
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    ขออนุญาติช่วยเพิ่มเติมนะครับ
    พระพุทธฯหรือพระสงฆ์มีชื่อ
    ไม่ว่ากรรมฐานกองใดๆ ท่านก็จะเน้น
    เพื่อเป้าหมายให้เกิดปัญญาทั้งนั้นครับ
    กรรมฐานที่เป็นรูปฌาน ถ้าจิตมันเคย
    ทำงานได้ไม่ว่ากรรมฐานกองไหน
    มันก็ทำให้เกิดอะไรพิเศษๆได้ทั้งนั้นครับ
    ไม่เฉพาะกสิณครับ เพียงแต่จะเน้น
    ด้านปัญญาหรือเน้นใช้งานได้จริง
    หรือไม่ว่าอรูปฌาน ก็เกิดปกติเพียงแต่
    เราจะเอากำลังตรงนี้เพื่อเป็นฐานในการ
    วิปัสสนาสำหรับตัดกิเลส

    เพียงแต่ส่วนมากชอบไปมองว่ามันวิเศษ
    จริงๆมันไม่ได้วิเศษอะไรเลยครับ
    เพราะมันเกิดได้เป็นปกติอยู่แล้วถ้าคุณเจ้าถึง
    เพียงแต่มันไม่มีประโยชน์เพราะไม่ใช่ทาง
    ที่พ้นทุกข์ แต่ถ้ามันเกิดก็ช่างมัน
    เพียงแต่เรารู้จักที่จะนำมันมาใช้
    ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นก็ไม่มีอะไรเสียหาย
    อย่าลืมว่าพระพุทธฯท่านผ่าน พระมหาฤาษีมาก่อน
    ท่านนับเป็นครูบาร์อาจารย์เช่นกัน
    ท่านที่สองสำเร็จระดับจิตธาตุ
    (เล่นแร่แปรธาตุได้สบายๆ)
    ดังนั้นการที่เราจะแยกแยะและพูด
    อะไรเกี่ยวกับพระฤาษีทั้งหลาย
    ให้ระมัดระวังใจให้ดีๆนะครับ
    เพราะโอกาสที่คุณจะเข้าถึง
    เพียงข้อ๑ ที่จะเขียนต่อไป
    จะหมดไปได้ในชาตินี้

    ส่วนการใช้งาน
    พระพุทธญท่านก็ใช้สงเคราะห์กับพระญาติท่าน
    แต่สอนลูกชายนายช่างทอง
    ในทางส่งเสริมปัญญา
    ตรงนี้เข้าใจที่สื่อนะครับ
    ส่วนเราจะเน้นด้านไหน
    ก็แล้วแต่เหตุและปัจจัยแห่งตน
    หรือเน้นทั้งสองด้านครับ เพียงแต่กสิณมันเห็นชัด
    คนมองไปในเรื่องเกี่ยวกับอะไรที่มันพิเศษมากไป
    และด้วยที่เริ่มต้นมันเป็นกรรมฐานที่หยาบๆ
    ทำให้ผู้ฝึกดูเหมือนจะเข้าถึงง่ายแต่หาผู้ที่สำเร็จ
    พอที่จะนำมาใช้งานได้ยาก เนื่องจากขาดความเพียร
    และมีเจตนาจะฝึกเพื่อมุ่งต่อตนเอง
    ฝึกเพื่อยกตัวเอง ซึ่งไม่ใช่ปฏิปทา
    ของครูบาร์อาจารย์ฝ่ายสงฆ์ทางภพภูมิ
    และไม่ใช่วิสัยของพรหมมีชื่อทั้งหลาย
    ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการนำพลังงานด้าน
    ต่างๆมาใช้งาน และไม่ใช่ปฏิปทาของ
    บรรดาพระมหาฤาษีต่างๆ ที่เป็นผู้ที่
    สอนเทคนิคการนำไปใช้งานตลอดจนการพัฒนา
    ต่อยอดเรื่องการใช้งานครับ

    ถ้าคิดว่าชาตินี้จะสามารถฝึกได้สำเร็จ
    และใช้งานได้ ควรระวังเรื่องความคิด
    การแยกแยะ พูดจาพาดพิงในส่วนที่ไม่ควร
    เพราะกว่าคุณจะใช้งานได้คุณต้องเจอ
    อย่างน้อย ๔ ฝ่ายครับ
    ๑.พระสงฆ์ที่จะมาแนะทริคเพื่อเข้าสู่
    ความสำเร็จในเบื้องต้น ซึ่งระหว่างนี้
    ห้ามไปยุงกับวิชชาและอภิญญา
    (แต่ถ้าคุณไม่ได้มีปฏิปทาหรือว่า
    ไม่มีจริตทางสงเคราะห์บุคคลอืนๆ
    คุณจะจบในข้อนี้) แต่ถ้ามีไปต่อ
    ๒.พระมหาฤาษีมีฤิทธิ์ ที่จะมาสอน
    เทคนิคการพัฒนาต่อจากพระสงฆ์ให้
    ๓.เทวปบุตรมารที่จะทดสอบ
    เมตตารวมทั้งความเฉลียวฉลาดในการใช้งาน
    และ เหล่าภูต เหล่าอสูรกายมีฤิทธิ์ที่มาทดสอบ
    การนำไปใช้ในสถานะจริงต่อไป
    ๔.เหล่าพรหมมีชื่ออย่างน้อย ๔ ท่าน
    ที่ทางภพภูมิยกให้ท่านเป็นเลิศด้านๆนั้น

    ยังไงถ้าคุณจะใช้งานได้คุณก็ต้องผ่าน
    กรรมฐานกองนี้ไม่มีคำว่าฟลุ๊กครับ
    พอผ่าน ๔ ข้อไปแล้ว ใช้งานได้แล้ว
    ซักพักหนึ่ง ก็ต้องไปเจอ
    สายบารมีอีกท่านมาสนับสนุนกำลังเพื่อต่อยอด
    และไปเจอสายในดงอีกเพื่อเพิ่มเทคนิค
    การใช้งานบางอย่าง

    ปล.ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ในวงการ
    ผู้ใช้งานได้จริงถือว่าเป็นแค่ระดับเริ่มต้นครับ
    ยังมีอะไรมากกว่านี้ครับ(^_^)
    แค่เล่าให้ฟังนะครับ
     
  5. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ....การที่ท่านกล่าวว่า

    ....."อย่าลืมว่าพระพุทธฯท่านผ่าน พระมหาฤาษีมาก่อน
    ท่านนับเป็นครูบาร์อาจารย์เช่นกัน
    ท่านที่สองสำเร็จระดับจิตธาตุ
    (เล่นแร่แปรธาตุได้สบายๆ) "

    .....นั้น หมายถึงพระพุทธเจ้า นับเอาฤาษีสองท่านนั้นเป็นอาจารย์ของพระพุทธองค์ด้วยหรือไม่ ถ้าใช่ท่านก็ บิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า อย่างแน่นอน

    ....พระพุทธองค์ ตรัสใว้อย่างไร ผมจะยกพระสูตรมาให้ฟัง

    ....." [๓๒๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาชีวกชื่ออุปกะได้เห็นเราผู้กำลังเดินทางไกลที่ระหว่างแม่น้ำ
    คยาและต้นมหาโพธิ จึงถามเราว่า ดูกรอาวุโส อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก ฉวีวรรณของท่าน
    บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ท่านได้บรรพชาเฉพาะใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน หรือท่านชอบใจธรรมของ
    ใคร. เมื่ออุปกะอาชีวกถามอย่างนี้ เราจึงได้กล่าวคาถาตอบว่า
    เราเป็นผู้ครอบงำธรรมทั้งปวง รู้แจ้งธรรมทั้งปวง อันตัณหาให้ติดไม่ได้ใน
    ธรรมทั้งปวง ละเว้นธรรมทั้งปวง พ้น (น้อมใจ) ไปในธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา
    เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเองเราจะพึงแสดงใครเล่าว่า เป็นอาจารย์ อาจารย์ของเราไม่มี
    ผู้ที่ดีเหมือนเราไม่มี ผู้ที่เทียมเสมอเราไม่มี ในโลกทั้งเทวโลก เพราะเราเป็น
    พระอรหันต์ เป็นศาสดาผู้ยอดเยี่ยม เป็นสัมมาสัมพุทธองค์เอก เป็นผู้เย็น
    ดับกิเลสได้แล้ว เราจะไปบุรีของชาวกาสีเพื่อแสดงธรรมจักร โดยหมายจะ
    บันลือกลองอมฤตธรรม ในโลกที่มืดมน.
    อุปกะอาชีวกถามเราว่า เหตุใด ท่านจึงปฏิญาณว่า เป็นอรหันต์อนันตะชินะ? เราจึง
    กล่าวคาถาตอบว่า
    ผู้ที่ถึงอาสวักขัยเช่นเรา ย่อมเป็นผู้มีนามว่า ชินะเพราะบาปธรรมทั้งหลายเราได้
    ชนะแล้ว ฉะนั้น เราจึงมีนามว่า ชินะ.
    เมื่อเรากล่าวตอบอย่างนี้ อุปกะอาชีวกนั้นได้กล่าวว่า พึงเป็นเช่นนั้นหรือ ท่าน สั่น
    ศีรษะ แล้วหลีกทางไป."

    ......พระองค์ตรัสรู้โดยชอบด้วยพระองค์เอง ไม่มีอาจารย์ ถูกต้องที่สุด

    .....การจะนับถือ นักบวชนอกศาสนา เป็นเรื่องของท่าน ไม่ว่ากัน
    .....ผมเป็นคนพุทธ มีไตรสรณะคม เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยว ไม่ เอานักบวช หรือคำสอนของนักบวชนอกศาสนามา เป็นสรณะ
    ....เรื่องกล่าวจ้วงจาบ นักบวชนอกศาสนา ไม่ใช่วิสัยของ ผม ให้เกียรติ์ เพื่อนร่วม โลกทุกคน
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    คุณ Prasit5000 พูดตรงๆหวังว่าคงไม่โกรธนะ
    ถามหน่อยคุณคิดหรือยังก่อนพูดหรือ
    อ่านดีหรือยังก่อนแย้งผม
    หนังพระพุทธเจ้าออกมาคนเค้าดูกันทั้ง
    ประเทศ ไปอยู่ไหนมาพ่อคุณ

    คุณก็พูดเกินไป ยังจะมากล่าวตู่ผมว่า
    เอาคำสอนนักบวชนอกศาสนาอะไร
    อย่างผมนะใครสอนดีก็ฟังหมดนั้นหละครับ
    ผมไม่สนหรอกนะว่าโครตเหง่าศักหลาด
    คนที่แนะผมในสิ่งดีๆจะเป็นใคร
    ถ้าดีรับฟังหมดแระครับ
    และก็ไม่อ้างพระรัตนตรัย
    แต่ปากหรอกนะ แล้วเที่ยวไปแยกแยะ
    ว่าเค้าจะเป็นนักบวชนอกศาสนาอะไรหรอกนะ
    เชื่อว่า ศาสนาพุทธเป็นกลางที่สุดแล้ว
    เราจึงได้เห็นเกือบทุกศาสนาเต๊มบ้านเมืองเรา
    รวมทั้งลัทธิต่างๆ ให้บุคคลได้เลือกที่จะศรัทธาเอาเอง
    ไม่ใช่ปากบอกตรูนี่หละพุทธ มะรึงไม่ใช่พุทธ
    เพราะคิด เพราะเห็นไม่เหมือนตรู
    อย่างนี้เค้าเรียกพุทธแต่ปากครับ
    แถวบ้านเรียกพวกพุทธท่าใหญ่


    ที่กล่าวถึงท่านพระมหาฤาษีนั้นถ้าตาคุณไม่บอดนะ
    กลับไปอ่านอีกรอบ
    ผมบอกว่าท่านจะมาสอนทางด้านเทคนิคการพัฒนา
    ต่อจากพระสงฆ์ ไม่ได้พูดถึงสอนธรรมอะไรซักนิดเดียว
    ยังจะโยงไปเรื่องสอนธรรมคำสอนอะไรอีก

    และคุณแยกคำว่าศาสดา
    ที่ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง

    กับ คำว่าอาจารย์ออกไหมครับ
    อาจารย์คือบุคคลที่เคยสอนเคยแนะนำ

    ถ้าคุณอ้างตำราอย่างนั้น
    (ส่วนนี้ผมเข้าใจ
    เพราะคุณเข้าไม่ถึงกสิณแม้เพียงเสี้ยว
    อยู่ในระดับที่ยิ่งกว่ารากหญ้าของกรรมฐานกองนี้)
    ยกมาเพื่อเสริมความคิดคุณอย่างนี้
    แถมกล่าวหาหาผม
    และยังอ้างยกตนว่าเป็นพุทธ มีไตรสรณะคม
    ปากบอกอีกให้เกียรติ์เพื่อนร่วมโลกทุกคน
    ทั้งที่พึ่งกล่าวพาดพิง นักบวช กล่าวพเดพิงพระฤาษีอยู่เป่าๆ
    มันอ่านแล้วรู้สึกสมเพชกับความคิดแบบนี้ของคุณมากครับ

    ถ้าคุณจะอ้างตำรามาเพื่อจุดประสงค์อะไรก็ตามอย่างนั้น
    แสดงว่าพระฤาษีทั้งสองท่านไม่เคยแนะนำไม่เคยสอน
    พระพุทธเจ้าเลยจริงไหมครับ คุณตอบได้ไหม

    ถ้งงั้นพระพุทธเจ้าท่านสำเร็จอรูปฌานได้เองหรือครับ
    คุณตอบผมได้ไหม

    พระพุทธฯท่านสำเร็จระดับจิตธาตุได้เอง
    โดยที่ไม่มีใครสอนใครแนะนำหรือครับ
    คุณตอบผมได้ไหม
    หรือกล้ายืนยันคำตอบไหมครับ

    ไหนขอขอดูคำตอบซิ
    ที่ผมถาม อ้างจริงๆว่าเป็นพุทธ
    มีไตรสรณะคม พูดซะดูดี
    ถึงไม่แปลกใจว่าทำไมถึงฝึกกรรมฐานอะไรไม่สำเร็จซักอย่าง
    เพราะเก่งแต่ปาก กับวิพากษ์วิจารณ์
    ตามความคิดตนนี่เอง
    คุณรู้ไหม กระทู้นี้ถามเกี่ยวกับกสิณดิน
    ถ้าจะพูดอะไร ก็ให้มีประโยชน์บ้าง
    ส่วนตัวไม่เคยอ่านเจอเลยนะว่า
    พระพุทธท่านให้เอากำลังจิตมาน้อมให้เกิดญาณ
    มีญาณรับรู้จนเห็นไตรลักษณ์อย่างที่คุณว่า
    เอามาจากไหน เคยได้ยินแต่เดินปัญญาเอานะครับ
    ถามจริงคุณเป็นพุทธแนวไหน พูดจริงเรื่องกำลังจิต
    คุณมีหรือครับ (^_^)
    ปล.อย่าลืมตอบที่ผมถามนะครับ
    พ่อพุทธท่าใหญ่

     
  7. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ....หน้ากลัว ถ้าเจอตัวเป็นๆ ผมคงวิ่งป่าราบเลย
     
  8. เร่งธรรม

    เร่งธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +60
    ถามคุณ nopphakanนะครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่นะครับผมเคยอ่านเจอเรื่องที่ พระบางรูปที่มีข่าวว่ามีอายุยืนนับ 400-500ปี อันนี้ อนุมานได้ว่า ฝึกกสิณอะไรมาครับ และได้ฌานขั้นใหนถึงอยู่ได้ครับ อาจไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ต้องขออภัยด้วยนะครับ
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    เลยกสิณไปไกลแล้วครับ
    จริงๆแล้วกสิณแค่พื้นฐานครับ คุณ เร่งธรรม
    ระดับนั่นเรียกว่าระดับจิตธาตุครับ
    ซึ่งเลยกสิณไปอีก ๓ ขั้น
    (ปัจจุบันมีอยู่ เอาหัวเป็นประกันได้ครับ
    ซึ่งแนะทริคอะไรบางอย่างส่วนตัวอยู่
    และท่านไม่ปรารถนาอยู่นาน เน้นสอนปัญญา
    ส่วนใหญ่ครับ)
    และระดับนี้มันฝึกเอาไม่ได้ด้วยครับ
    ท้าได้เลยครับ ใครบอกฝึกได้ คือ โม้แน่นอนครับ
    เพราะการแสดงความสามารถแบบนามธรรม
    เป็นรูปธรรมจะเป็นตัวชี้วัดครับ
    มันต้องมีพื้นทำอะไรได้ก่อน แล้วปล่อยวาง
    มีปัญญามากพอที่กิเลสจะไม่สามารถมาเกาะ
    ที่จิตเลยแทบทั้งวันเรียกว่าน้องอรหันต์แล้วครับ
    (จิตไม่เกาะได้วิ สองวิ เวลาปกตินี่แค่โสดา
    มีความสามารถเล็กๆน้อย ถ้าไม่มีไม่ต้องพูด
    ตัดออกไปเลย)
    และก็ต้องดูด้วยว่า จิตเดิมแท้ มาทาง
    ปฎิสัมภิทาญานร่วมด้วยครับ
    จริงๆกลุ่มที่คุณ เร่งธรรม พูดถึง
    ธรรมกายท่าน ไม่ใช่แบบรูปที่เราเห็นนะครับ
    รูปนะเพื่อความจำได้เฉยๆ
    เป็นแบบ....แล้วครับ
    คล้ายๆว่าช่วงนี่ตามเก็บ
    พอพ้นยุคนี้ คุณจะไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร
    เพราะจะเป็นแบบรูปปั้น....(ไม่เหมาะที่จะพูด)
    ที่เราเคารพแบบทุกวันนี้นั่นหละครับ
    ส่วนตัว พอมีประสบการณ์ ๓ ใน ๕ ท่าน
    ที่ได้ๆมาถ่ายทอดเล่าสู่กันฟังมาจาก ๑ ในนี้หละครับ
    ส่วนตัวถึงกล้าท้าพิสูจน์ ความสามารถ
    พวกที่ชอบเอาท่านมาอ้าง
    เพื่อยกตัวเองนั่นหละครับ
     
  10. focus of mind

    focus of mind สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    อยากทราบว่าดินสีอรุณหาได้ที่ไหนในกรุงเทพบ้างครับ เเล้วการขึ้นรูปดินให้เป็นรูปกลมๆ 1 คืบ 4 นิ้วนี่จะต้องทำอย่างไรบ้างครับ? ต้องปั้น?
     
  11. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    สมัครใหม่อีกเเล้วหรอ ยะยะยเยสสสสสสส มึน นี้ตัวจริงว่ะ
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    อย่าไปให้ความสำคัญที่ขนาดวัถตุ
    ประเด็นคือ ถ้าเรามองแล้วละสายตา
    ไปมองที่อื่นๆ ยังสามารถปรากฏเป็นภาพ
    และเห็นคล้ายวัถตุนั้นได้ทั้งภาพ

    ในระยะเดียวกันถ้าภาพขาดแสดงว่าวัถตุใหญ่ไป
    บางทีสายตาปกติคนเรามันไม่เท่ากัน
    สั้นบ้าง ยาวบ้าง ตามสังขาร
    ดังนั้นขนาดจึงไม่ใช่ประเด็นหลัก

    ดินนะหาที่ไหนก็ได้ เอาสีคล้ายๆกัน
    เพราะการต้องใช้วัถตุ
    มันเป็นเพียงแค่เริ่มต้น
    ต่อไปไม่จำเป็น
    สำคัญที่ให้จิตมันสร้างภาพให้ได้ก่อน

    และต่อให้มองในถาด เวลาละสายตา
    แล้วมองไปที่อื่นๆ ก็เห็นเป็นวงกลมได้
    ขึ้นอยู่กับต่ำแหน่งที่เลือกมอง
    ยกเว้นมองแบบกว้างๆ
    ถึงจะเห็นเหมือนถาด
    พอเข้าใจเนาะ
     
  13. ณัฏฐชัย สีม่วง

    ณัฏฐชัย สีม่วง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    42
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +53
    ความรู้ทั้งนั้นเลย ขอบคุณครับ อาจารย์
     

แชร์หน้านี้

Loading...