[IMG] รูปภาพหลายๆก็รูปให้แง่คิดน่าสนใจนะครับ..คุณเซลล์ แต่ละคนมองภาพเดียวกันแล้วได้คำตอบมากมายกว่าตัวอักษรหลายเท่า อิอิ ช่วงนี้นั่งอยู่ตรงนี้ยังมีกระแสแวปๆเข้ามาบ่อยมาก ไม่รู้ใครส่งไป-ส่งกันมาบ้างนะครับ
เห็นด้วยกับคุณ soul คุณ mead ครับ ในความเข้าใจของผม การมองดูด้วยสติ ทำให้เห็นภพชาติต่างๆของจิต จิตที่มีการเกิดดับอยู่ทุกขณะพร้อมๆกันในทุกมิติ ทุกๆเส้นทางความเป็นไปได้ทั้งหมด ทุกๆการเกิดดับ ล้วนก่อให้เกิดการสร้าง การดำรงอยู่ การทำลายไป ดังนั้นทุกขณะจิตตัวตนเราทั้งหมดก็ต่างเกิดและสลายไปเป็นปัจจุบันพร้อมกันหมด การเป็นอิสระ คือ การพ้นจากการเกิดและดับ โดยการมองดูปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ สลายไป ที่เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันหมดในปัจจุบันขณะ การมองด้วยความกระตือรือร้น ด้วยความใส่ใจ เหมือนกับการที่เราได้เห็นสิ่งใหม่ เป็นการมองด้วยสติสัมปชัญญะที่คมชัด เหมือนกับการมองดูด้วยสายตาที่มองจากความรัก ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จนเรากลายเป็นสิ่งนั้น ที่นั่นจะไม่มีความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เราดู กับสิ่งที่ถูกดู เมื่อไม่มีความแตกต่าง การเกิดดับจึงไม่เกิด ที่ๆความเกิดดับไม่เกิด คือ ความว่างที่มีสติพร้อม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของพิจารณา และเห็นซึ่งความเป็นจริง ในการสลายความเชื่อเป็นความรู้
ถ้ามองเฉพาะ สิ่งที่อยู่ตรงหน้า...คือ กำแพงที่ต้องไต่ แต่ถ้ามองไปข้างล่างจะหวาบหวิว กับความสูง แต่ถ้ามองรอบๆข้าง จะผวากับพายุทีโหมใส่....ตอบแบบกำปั้นทุบดิน..ดื้อๆ
นั่นสิครับคุณโซล ชิวิตเรามีมุมมองอันหลากหลายนะครับ..และ "สภาวะที่สมดุลย์" ก็เป็นช่องทางหลักที่นำพาสติปัญญาไปสู่ความรู้แท้จริงของพวกเราทุกๆคนนะครับ ที่คุณเซลล์ถามว่าเห็นอะไร..ในรูป ใครมาอ่านก็ลองไปช่วยกันดูหน่อยครับ เหมือนคุณเซลล์จะให้หาคำตอบ..บางอย่างเกี่ยวกับความพยายามหาคำตอบของมนุษย์รึเปล่านะ?...หรือไม่ก็เป็นความรักของจักรวาลที่มีอยู่อย่างสมบูรณ์ทั่วไปเท่าเทียมกันหมด..เดาครับ? (แต่รูปนี้เคยเห็นมาก่อน ไม่นึกว่าคุณเซลล์จะเห็นบางอย่างลึกลงไปด้วยสิ อิอิ)
หวัดดีค่ะ ..คุณเซลล์....ไปอ่านแล้วคะ หน้าบ้านที่เพื่อนๆ จุดประกาย มีหลายประเด็นที่ถามตอบกันหน้าบ้าน น่าสนใจค่ะ โซลของแจมหลังบ้านก็พอค่ะ ...ชอบอ่านและเก็บเกี่ยวมากกว่า ..ให้ตัวรู้ภายในทำหน้าที่ของมันก่อนค่ะ ตัวสงสัยมันเยอะอยู่ค่ะ ให้เค้าได้เรียนรู้ ให้จิตว่างก่อนค่ะ แล้วตัวรู้ก็จะทำงาน ..ตามความเข้าใจของโซลนะคะ ไม่ว่าสภาวะ อะไรแบบไหน สรรพสิ่งล้วนเป็นหนึ่งเดียวไม่แบ่งแยก อันนี้เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ วิธีการเข้าถึงสภาวะอันนี้ แล้วแต่การแยกแยะ การอธิบาย เพื่อการเข้าถึงข้อมูล ของจิตวิญญาณที่มีเอกลักษณ์หลากหลาย...ถ้าไปเทียบในสมัยพระพุทธเจ้า..ก็เหมือนว่าพระองค์ก็มีวิธีหลากหลายให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ถ้าถามว่าสิ่งใดถูกหรือผิด ก็ไม่มีนะคะ เพราะว่าอยู่มีมุมที่ต่างคนต่างมองมากกว่า ผิดหรือถูกอยู่ที่เราตั้งกฎเกณฑ์ให้มัน เมื่อสิ่งหนึ่งเกิด ย่อมมีอีกสิ่งเกิดขึ้นจะได้หักล้างให้เกิดความสมดุล เหมือนมีบวก ก็ต้องมีลบ ..สุดท้ายรวมกันก็ไม่เหลืออะไรถูกมั๊ยคะ..โซลคิดว่า เรากำลังทำตัวเองให้อยู่ในสภาวะสมดุล..ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ เมื่อไหร่ที่เกิดความไม่สมดุล ก็จะเกิดกรรมหรือการกระทำนั่นแหล๊ะค่ะค่ะ ..ถ้าทางกายร่างกายประกอบด้วย ธาตุ ดิน น้ำ ลมไฟหากไม่สมดุล ก็เกิดโรคภัยทางกาย.. ทางใจ ไม่สมดุลก็เกิดสุขและทุกข์ เมื่อสุขทุกข์เกิดทีใจก็ส่งผลไปยังการกระทำทางกายต่อ เพื่อจะให้พ้นสภาวะนั้นหรือคงสภาวะนั้นๆ ไว้ตามที่เราต้องการ ...แล้วสภาวะอะไรหละคะ ที่ใจจะสมดุลได้ ที่ไม่ให้เกิดกระทำทางใจ คือ ว่าง ไงคะ ว่างจึงสมดุล ถ้าไม่ว่าง จิตก็จะเริ่มปรุง ไม่ดีก็ชั่ว ทางใดทางหนึ่ง ทำไงที่จะไม่ให้มันปรุงต่อ ก็ต้องว่าง อยู่กับปัจจุบัน ชั่วขณะจิต ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ให้จุดเกิดและจุดดับอยู่บนจุดเดียวกัน ..ความรู้ทั้งหลายที่เราอยากจะรู้ก้จะรู้ได้หมด เพราะว่าเราอยู่กับความจริง...ดังนั้นสิ่งที่เรารู้คือของจริง ....;) เขียนซะยาว คุณเซลล์เข้าใจโซลมั๊ยคะ ..
ความรู้ที่เรากำลังค้นหากันนี่..ใครไม่รู้คงนึกว่าคุยอะไรกันเหรอ บางทีเค้าอ่านไม่รู้เรื่อง ? แต่ก็นะ เพราะหลายๆคนยังยึดอยู่บนกรอบศาสนากันมาก ผมว่าการพูดคุยเรื่องนี้ทำให้เราขยายสติปัญญาออกไปเรื่อยๆมากกว่า (ไม่ได้หมายความว่าไม่มีศาสนา..) แต่เราพยายามเข้าถึงองค์ความรู้สากลกันให้ได้เร็วที่สุดครับ เวลาในภพชาตินี้อาจมีไม่มากนัก..เลยต้องขนขวายหากันเป็นพิเศษ..จะว่าไปกระทู้พี่นักเขียนมีหลายคำตอบที่เต็มเต็มความรู้เราได้เยอะจริงๆครับ..แต่หาคนคุยแนวนี้ไม่มากนัก
เรื่องความเชื่อของศาสนานี่เรื่องใหญ่มาก..ต้องระวังมากกระทบไม่ได้ครับ ดีว่าเราคุยกันกว้างและลึกแบบสากล เลยไม่ค่อยถนัดศัพท์ทางศาสนามาใช้เท่าไหร่ (รอดไป อิอิ) แต่ถ้าเราเข้าใจให้เชื่อมโยงกันหมดจะดีมากครับ..พี่นักเขียนพยายามเลี่ยงเรื่องนี้เหมือนกัน สงสัยต้องคุยหลังห้องครับ
ผมคิดว่าพวกเรากำลังช่วยกันเขย่าแฟ้มจัดเรียงข้อมูลด้วยกันนะครับ ความเห็นและคำถามที่ผ่ามเข้ามาทำให้ได้คำตอบที่น่าสนใจขึ้นตลอดเลยครับ ทุกคนช่วยกันครับ..แต่ความเข้าใจบางทีต้องมีการอุปมา-อุปมัยช่วยๆกันครับ จะได้เกาถูกจุดคัน อิอิ
ขอบคุณค่ะ เดรด จะพยายามทำความเข้าใจตามไปเรื่อยๆนะค่ะ ทั้งหน้าห้อง หลังห้อง ตอนนี้ข้อมูลแน่นไปหมด ขอเวลาสงบสติอารมณ์ ค่อยๆจัดระบบก่อน เริ่มมึนตึ๊บอีกแร้วค่า..อิอิ
เมื่อกี้นี้ แวะไปขอบคุณ คุณขจรวรรณ มา เห็นคำตอบคุณเซลล์ที่ว่า "ผมว่าบางครั้งเราหลับลึก และไม่ขอฝันก็ดีนะครับ แสดงว่าปกติเรามีสติสัมปชัญญะที่รู้ตัวรู้ตนตลอดเวลา ทำให้ไม่มีอะไรที่เล็ดรอดออกไปจากสติสัมปชัญญะของเราได้ครับ" ตกลง หลับไม่ฝันนี่ คือการมีสติสัมปชัญญะ คมชัดหรือค่ะ ไม่ใช่กายหลับ และจิตหลับไปด้วยเหรอ เพราะ จิตปกติ จะตื่นตลอด เพียงแต่ไม่มีสติสัมปชัญญะ จึงไม่สามารถรับรู้ ความฝันได้ หรือ แบบนี้ เรียกว่า"สมาธิ" อธิบายหน่อยค่า เดรดเป็นงง(tm-love)
ค่ะคุณเซลล์.. พอมาศึกษาของท่านอาจารย์ก็เครียดอยู่เหมือนกันค่ะ แต่จะว่าไม่เคยฝันเลยก็ไม่เชิงนะคะ เพราะมีเหมือนกันที่เราฝันแล้วรู้สึกจะเป็นความจริง คงเป็นเพราะเป็นคนสมาธิสูงน่ะค่ะ เลยเป็นคนหลับลึกตั้งแต่เด็ก ๆ มาแล้ว ชนิดที่ไม่ว่าเสียงข้างนอกจะดังแค่ไหน ใครจะพูดอะไร ไม่ได้ยินเลยค่ะคุณเซลล์.. ............................ เมื่อกี้หลงไป post ห้องตัวเองมา.. อิอิ..
อ่านข้อมูลบนหน้าบอร์ดวันนี้แล้วเหมือน get บางอย่างได้นะ อ่านไปแล้วต้องค่อยๆเรียบเรียงข้อมูลใส่แฟ้มให้ดีครับ
เป็นไปได้ค่ะถ้าคนส่ง - คนรับมีอารมณ์อ่อนไหวและสติสัมปะชัญญะคมชัดพอ เพียงแค่นึกก็ถึงแล้ว ฝันอะไรมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ ของขจรวรรณช่วงนี้ไม่ค่อยฝันอะไรเลย ถ้าไม่ตั้งคำถามหรือขอรู้ก็จะหลับลึกไปเลยค่ะ..
สวัสดีครับคุณเซลล์...ฝันซะสมองบวมแบนนี้ สงสัยงวดนี้จะมีเลขเด็ด (06) อิอิ ไม่ได้ซื้อไว้หรอกครับ แต่ขอมาลุ้นด้วยคน (smile)
สวัสดีค่ะคุณเซลล์ ..กลับมาถึงเมื่อวานค่ะ คุณเซลล์เป็นไงบ้างค่ะ ..จิตวิญญาณพัฒนาไปถึงไหนแล้วเนี่ย..ถ่ายทอดมาให้ทางนี้บ้างนะคะ