สิ่งที่ผมไม่รู้มาก่อน

ผมเป็นคนที่ไม่เคยเจอผี วิญญาณ หรือ สิ่งลี้ลับอะไรเลยนะครับ ผมจึงสงสัยและอยากได้คำตอบ?

ผมอยากรู้ว่าเวลาีที่ใครสักคนจะเจอผีหรือวิญญาณอะไรก็ตามเราจะรู้สึกยังไง และเมื่อเจอแล้ว แน่นอนครับครับว่าจะต้องมีคนที่กลัว และไม่กลัว แล้วที่คนกลัวคือกลัวอะไร? กลัวที่จะเจออีก หรือกลัวเพราะรู้ว่าเขาเป็นผี ?

แล้วมนุษย์ต่างดาว หรือชาวดาวกุรุ คือใคร?
ผมเคยบวชเรียนมาครับ หลวงปู่เคยบอกว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง แต่ว่าไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนในหนัง ละคร นะครับ หลวงปู่บอกว่า มนุษย์ต่างดาว มีหน้าตาเหมือนเราเพียงแต่รูปร่างเล็กบางแบบผอม ...ผมอยากรู้ว่า มนษย์ต่างดาวมีจริงหรือเปล่า? แล้วถ้ามีจริง มนุษย์ต่างดาวเป็นเหมือนที่หลวงปู่เคยบอกไว้มั๊ยครับ? #ขอบคุณมากๆนะครับ

 

ผีมีจริงแล้วแต่คุณจะจับสัมผัสได้ รู้เรื่องมันมากมีแต่ทุกข์เปล่าๆ มาคอยหากินกับเราฟรีๆ
ไม่รู้จะตามไปรับใช้ชาติหน้ารึไงเกาะติดไม่ยอมปล่อย
ส่วนมนุษย์ต่างดาวเป็นผู้เจริญแล้ว มีจริงครับแต่อาจอยู่คนละมิติเพราะมีปัญหาเรื่องการเดินทาง การจะมาพบกันได้นี่ต้องประจวบเหมาะพอดี อย่าไปรู้เรื่องเขามากเลย เครียดเปล่าๆ ทำยังไงให้พ้นทุกข์ดีกว่า ถ้าคุณเป็นนักสู้พอก็ลองหาวิธีติดต่อเขาดู แบบเรื่องนี้ The contact

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=SRoj3jK37Vc]"Contact" Theatrical Trailer (1997) - YouTube[/ame]

 

เท่าที่ search ดู พระไตรปิฎกกล่าวว่า
๑) ชมพูทวีป ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเขาเขาพระสุเมรุ
๒) อมรโคยานทวีป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเขาพระสุเมรุ
๓) ปุพพวิเทหะทวีป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาพระสุเมรุ
๔) อุตรกุรุทวีป ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเขาเขาพระสุเมรุ

- บางคนก็ไปตีความว่าแต่ละทวีปอยู่กันคนละจักรวาลหรือกาแล็กซี่ แต่ถามผู้รู้ท่านหนึ่งบอกว่าอยู่บนโลกใบเดียวกับเรานี่แหละ แต่อยู่กันคนละภพภูมิ เรามองไม่เห็นเค้า แต่ก็มีพระที่ท่านเคยไปบิณฑบาตที่ทวีปอื่นได้ ผมคิดว่าก็คงจะเหมือนที่ชาวบ้านเรียกกันว่าชาวเมืองลับแลนั่นแหละ หน้าตาก็เหมือนชาวโลก แต่ยึดมั่นในศีล 5 ส่วนมนุษย์ต่างดาวที่อาศัยบนดาวดวงอื่นไม่มี ศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าตั้งแต่อดีตกาล อนันตกาล ก็มาอุบัติในโลกใบนี้แหละ

- ส่วนเขาพระสุเมรุไม่รู้อยู่ไหน อันเดียวกับสะดือโลก(ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่อินเดีย) รึเปล่า ??

- เรื่องที่เค้าเห็นมนุษย์ต่างดาวหรือจานบินกันก็เลยไม่รู้ว่าเค้าเห็นอะไรกันแน่ ??

- แต่นรกที่ในพระไตรปิฎกบอกลึกกี่โยชน์ๆนั่นอยู่นอกโลกไม่ได้อยู่ใต้พื้นดิน บางทีก็อยู่คนละจักรวาลด้วยซ้ำ

ปล. เล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นข้อมูลละกัน จริงหรือไม่ก็คงต้องรอพิสูจน์ด้วยการภาวนาให้รู้เองเห็นเอง

 

วิทยาศาสตร์ที่ปุถุชนทั่วไปจะพึงเข้าใจได้ก็แค่ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ แต่วิญญาณธาตุพระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบและถ้าจะเข้าใจก็ต้องปฏิบัติภาวนา

ปัจจุบันรู้ว่ามีก๊าซอ๊อกซิเจนแต่ถ่ายไม่ได้ นับประสาอะไรกับวิณญาณธาตุซึ่งลึกลับซับซ้อนยิ่งกว่า

ปล. พวกกายทิพย์ บั้งไฟพญานาค กล้องทั่วไปถ่ายไม่ได้ แต่ถ้าอธิษฐานจิต(โดยที่มีพลังจิต หรือบารมีมากพอ) หรือมีเหตุปัจจัยบางประการก็ถ่ายติดได้เช่นกัน อย่างเทวดาจะให้คนเห็นหรือไม่ก็ได้เค้าดลบันดาลได้ หรือบางคนเห็นผีได้แต่บางคนก็ไม่เห็น มันยากที่จะอธิบายด้วยปัญญาของคนธรรมดาอ่ะนะ

ปล.2 ส่วนตัวผมเองกลัวผี(โดยเฉพาะถ้าอยู่คนเดียว) แต่ชอบเรื่องพวกนี้จนอยากเจอด้วยซ้ำ ถ้าเจอตอนนี้คงดีใจมากกว่าจะกลัว ยิ่งถ้าสามารถพูดคุยได้ก็คงดีเพราะมีเรื่องอยากรู้มากมาย เท่าที่เคยเห็นก็แค่วิ 2 วิ จนไม่รู้ว่าตาฝาดรึเปล่า ครั้งหนึ่งเคยเห็นแสงเป็นลูกไฟขนาดเท่าคนยืนพุ่งเข้าไปตรงโบสถ์วัด (ผมยืนอยู่เจดีย์ฝั่งตรงข้าม ตอนแรกคิดว่าไฟจากรถบนทางด่วน แต่แถวนั้นไม่มีทางด่วนนี่นา..) อีกครั้งก็ตอนเด็กเห็นแสงไฟเป็นลูกไฟแบบนี้พุ่งไปทางรพ.(บริเวณตึกสงฆ์อาพาธ) แต่ตอนเด็กก็คิดว่าคงเป็นเฮลิคอปเตอร์แต่มันเร็ว เสียงก็ไม่มี เคยคิดว่าเป็น UFO อยู่พักหนึ่ง จนมาอ่านพุทธประวัติหรือเรื่องของพระสารีบุตรที่เทวดา พรหม มาหาก็เป็นลูกไฟเลยคิดว่าน่าจะเป็นพวกกายทิพย์มากกว่าวัตถุที่มีแสง

 

ขอนอกเรื่องอีกหน่อย
หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องที่พระบิณฑบาตรข้ามจังหวัดหรือปรากฎตัว 2 ที่ในเวลาเดียวกัน แค่ก้าวขา ขาหนึ่งอยู่ที่หนึ่งแต่อีกขาไปอยู่อีกที่หนึ่ง ซึ่งถ้าไขความลับเรื่องนี้ได้ก็คงสร้างเครื่องวาร์ปได้ ผมว่ามันห่างไกลกับกฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์ปัจจุบันอย่างมากมาย ไม่รู้จะมีใครสามารถหาหลักการมาอธิบายเรื่องแบบนี้ได้หรือไม่ หรือจะเริ่มจากนั่งสมาธิจนตัวเบาแล้วลอยได้ก็ได้ กลัวแต่สุดท้ายนักวิทยาศาสตร์จะสรุปแค่เรื่องแบบนี้ไม่มีจริง (เพราะมันยากเกินจะเข้าใจได้ สรุปว่าเป็นไปไม่ได้ง่ายกว่า)

 

ผีน่าจะมีจริง
- ไม่กลัวที่จะเจอผี แต่กลัวบรรยากาศที่ผีจะปรากฏตัวให้เราเจอ อาจจะหนาวๆ วังเวงๆ แปลกๆ เพราะร่างกายเค้ากับเราไม่เหมือนกัน การที่เค้าจะปรากฏตัวออกมา ทำให้เป็นบรรยากาศ ที่ร่างกายคนเราไม่คุ้นเคย เลยกังวลและหลอนๆ

- ผีหลอก ทำร่างกาย น่าเกลียดน่ากลัว ถ้าร่างกายเหมือนคนปกติ เป็นคนที่เรารู้จักก็ไม่มีทางกลัว ถ้ามาแบบไม่ปกติ อาจจะก่อนที่เค้าจะตาย อาจจะเป็นแบบนั้น ถ้ามาแบบจงใจหลอกหลอนให้เรากลัว คงไม่มีทาง เพราะผีกลัวคน สาปแช่ง ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีก แรงอาฆาต คนน่ากลัวกว่า

- มนุษย์ต่างดาว น่าจะมีจริง แต่เราไม่เห็น คงเหมือนนัยน์ตาของเด็ก รึคนที่มีสมาธิขั้นสูงที่มีตาทิพย์สัมผัสกับสมอง รึ นัยน์ตาของสุนัข ที่เห็นอะไรบางอย่างที่คนปกติ อย่างเราๆ มองไม่เห็น คนที่เห็น มาบอกเล่า เราก็หาว่าเค้าบ้า (มันเป็นความรู้เฉพาะตน บอกใครไม่ได้ เพราะไม่มีใครเชื่อ ต้องพิสูจน์ให้เห็น)

 

ในจักรวาลมีดาวเป็นล้านๆดวง เราก็เป็น1ในนั้นคิดว่าเราจะเป็นดาวดวงเดียวหรือที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เป็นไปไม่ได้

 

คนมักจะกลัวในสิ่งที่ตัวเองเคยเป็น และไม่อยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีก

หมายความว่า คนที่กลัวผี คือ กลัวความตายนั่นเอง
ที่เราดูในทีวี ว่าผีมีลักษณะหน้าตาเละเทะ เราเกิดการกลัว เพราะเรากลัวว่าเราจะต้องไปหน้าตาเละเทะแบบนั้น นั่นคือยังห่วงความสวยงามของร่างกาย และนั่นก็คือ ห่วงในรูปขันธ์นั่นเองจ๊ะ

 

คนที่ปฏิบัติ โดยการฝึกจิต วิปัสนากรรมฐาน ลองสังเกตดูใจตนเอง ว่าอาการกลัวผีลดน้อยลงหรือแทบจะไม่มีเลยหรือไม่ เพราะการฝึกวิปัสนากรรมฐาน เป็นการทำจิตใจให้นิ่งและละเอียด ทำให้เรารู้สึกและสัมผัสสิ่งที่ไม่มีรูปขันธ์ นั่นคือวิญญาน เพราะเวลาเรานั่งสมาธิเราต้องไม่สนใจร่างกาย คือรูปขันธ์ นั่นก็คือตัดส่วนของร่างกายออกไป จึงมีแต่ส่วนของจิต ซึ่งวิญญานก็คือจิตดวงหนึ่ง จึงทำให้จิตใจเราเป็นปกติ เพราะความเคยชิน จึงไม่เกิดอาการกลัวผีจ๊ะ

 

บนโลกมีหลายพันล้านคน คนแบบผมมีคนเดียวในโลก
แล้วทำไม สิ่งมีชีวิิตจะมีแค่บนโลกเท่านั้น ไม่ได้ 555

 

มีผู้รู้ท่านอื่นให้ความเห็นอย่างไรบ้างครับ
เท่าที่หาดูก็มีที่อ้างว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำกล่าวไว้
- ท่านเรียกชาวกุรุ ไม่รู้หมายถึงพวกอุตรกุรุทวีปรึเปล่า ส่วนสูตูกับจามรนี่ไม่รู้คืออะไร (ฟังอมรเป็นจามรรึเปล่า??) มีจานบินด้วย
- หลวงพ่อฤาษีลิงดำกล่าวว่าอยู่เยื้องดาวศุกร์ ดาวอังคาร แต่เรามองไม่เห็น ...

แค่สิ่งที่ตามองเห็นเราก็ยังรู้น้อยมากๆ นี่ยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นอีกมากมายเหลือเกิน

ถึงยังไงฟังเขาเล่ามันก็แบบนี้แหละ อาจจะเอามาปนกับความคิดตัวเองแล้วเข้าใจคลาดเคลื่อนเป็นอีกอย่างได้ ถ้าอยากรู้จริงคงต้องฝึกจิตให้เห็นเอง ใครรู้อะไรก็มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ แต่เชื่อเถอะว่าฝึกจิตแล้วเห็นได้ทั้งจักรวาลจริงๆ ขนาดพระพุทธเจ้ายังอธิบายเรื่องโลกันตนรกที่อยู่นอกจักรวาลได้เลย (โลกันตนรกนี่ก็มีจริงอย่างพระพุทธเจ้าบอก เคยอ่านประวัติหลวงปู่จันทา แม่ของท่านตายไปแล้วอยู่นรกขุมนี้ ท่านแผ่เมตตาจนกลับมาได้ มาเกิดเป็นหลานสาวท่านซึ่งระลึกชาติได้ตอนเด็ก แต่โตมาก็ลืมหมด)
นี่ก็ 2500 ปีมาแล้วจะมีมนุษย์ไปเกิดดาวอื่นอีกหรือไม่ก็ลองมองหากันดู
ปล. แล้วยุคของเราเป็นยุคแรกที่มนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ได้ หรือมนุษย์ยุคก่อนๆก็เคยไปมาแล้ว ??

 

ถึงบอกว่ามีจริง ตอบไปก็ไม่เชื่ออยู่ดี ได้แต่สงสัยถามว่าเป็นยังไง รู้สึกยังไง คนจริงเค้าต้องพิสูจน์ ต้องลองเอง ให้เห็นกับตา เอาจนเชื่อว่ามีหรือไม่มี นี่คือคนจริง

 

ไม่ใช่ประเด็นอะไรครับ..จะเคยเจอไม่เคยเจอก็ไม่เป็นไร..แนะนำให้ลอง
ไปอ่านกระทู้นี้ในห้องผีๆ คลิปผี ดูก่อนตามลิงค์ข้างล่าง อ่านไว้ประดับความรู้เล่นๆนะครับ.เพื่อว่าจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่ม
เติมขึ้นมาบ้าง
ใครผ่านร้านหรือสถานที่บูชาเทพแล้วเป็นแบบนี้บ้าง

ปล. ส่วนนี้ถือว่าเป็นเรื่องเล่าให้ฟัง.ไว้อ่านเล่นๆ ขำๆแล้วกันนะครับ..
มนุษย์ทั้ง ๔ ทวีป ที่ คุณ ตาดำดำ ไปค้นข้อมูลมา นั้นมีอยู่จริง.และทุกคนก็สามารถเห็นได้
ขึ้นอยู่กับ ฐานของสมาธิหรือความสามารถในการอุทิศส่วนกุศลว่าจะไปถึงสถาน
ที่แห่งนั้นได้หรือเปล่า..
โดยปกติแล้วการอุทิศส่วนกุศลแบบนี้ต้อง ใช้ระดับ
กำลังสมาธิฌานที่ ๑ เป็นอย่างน้อย..ด้วยการขอกำลังบารมี ของพระรัตนตรัย
อันประกอบด้วย..บารมีของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ บารมีของพระปัจจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรมและพระอริยเจ้าทั้งหลาย
ให้สามารถมารวมกันอยู่ ณ เบื้องหน้าเราตรงหน้าฝากได้..
ร่วมกับ.บารมีที่เราได้สร้างมาตั้งแต่ชาติต้นยันชาติปัจจุบัน
ให้มารวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับบารมีของท่านทั้งหลายเหล่านั้นที่อยู่ตรงหน้าฝากเรา
ได้ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น..
ถ้าอุทิศได้ถึง..ก็จะมีโอกาสเห็นได้ทางสมาธิ..
มนุษย์อีก ๓ ทวีปที่เหลือ..จะมีหน้าตาแตกต่างกันอย่างชัดเจน
มีอยู่ ๒ ทวีปใบหน้าอาจดูไม่แตกต่างกันมาก ต้องสังเกตุที่ตรงหน้าฝาก.
ให้ดูทรงผม ว่าผมมีโค้งเดียวอย่างชัดเจน หรือมี
ทรงผมมี ๒ โค้ง มารวมกันตรงกลางหน้าฝาก
ส่วนอีกทวีปหน้าจะแหลมๆยาวๆและเล็กชัดเจน..
จุดที่สังเกตุได้ง่ายๆก็คือเรื่อง ของสีผิว
จะเหมือนกันปูนซีเมนต์ทาสี หรือ ถ้าเรามองที่ใบหน้าจะคล้ายๆกับนักแสดงละครงิ้ว.นั่นหละครับ
ปล.ย้ำนะครับ..ว่าเป็นเรื่องเล่าให้ฟังแบบขำๆ.​