ตามรอย "พระมหาชนก"

ถัดจากราศีมังกร(แพะทะเล-Capricornus) ก็คือ กลุ่มดาว คนแบกหม้อน้ำ (Aquarius) ราศีกุมภ์

พระราชพิพนธ์ พระมหาชนก หน้าที่ 37​

 

ราศีมีน (ปลาคู่-Pisces) และ ราศี กรกฏ (ปู-Cancer)

พระราชพิพนธ์ พระมหาชนก หน้าที่ 62​

 

ราศีธนู (Sagittarius)

พระราชพิพนธ์ พระมหาชนก หน้าที่ 112​

 

ราศีกันย์ (เทพสตรี-Virgo) .... มณีเมขลา (ไม่ขอแนบรูปในพระราชนิพนธ์นะครับ เพราะมีภาพอ้างอิงในกระทู้ค่อนข้างมาก)

​

 

ราศีตุลย์ (คันชั่ง - Libra) เก้านาฬิกา(9) --> ราศีตุลย์ (10) ... ?

พระราชพิพนธ์ พระมหาชนก หน้าที่ 144​

 

ยังเหลือ ภาพที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ ... ไว้พรุ่งนี้จะเข้ามาเขียนครับ:z16

 

อสูรกายแห่งท้องทะเล - กลุ่มดาวไฮดรา (Hydra)

พระราชพิพนธ์ พระมหาชนก หน้าที่ 100-101 ​

 

ราศีเมถุน - คนคู่ (Gemini)

พระราชพิพนธ์ พระมหาชนก หน้าที่ 18​

 

แผนที่ฝีพระหัตถ์ในหน้าที่ 54 ในพระราชนิพนธ์พระมหาชนก มีอักษรบรรยายใต้แผนที่เป็นภาษาอังกฤษ Mani mekhala 9 May และอักษรภาษาไทยบรรยายว่า วันนี้เป็นวันอุโบสถ ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งตีความว่า วันอุโบสถอาจตรงกับวันมาฆบูชา

ในความคิดเห็นส่วนตัวผมเชื่อว่า พระราชนิพนธ์ พระมหาชนก นั้นอาจจะไม่ได้มีแค่เพียงวันมาฆบูชา หรือ อาจจะไม่ใช่เป็นวันมาฆบูชา ด้วยซ้ำ แต่กลับเป็นวันสำคัญในทางพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ...

​

ปัญหาของผมเริ่มจาก ภาพประกอบในหน้า 139 เป็นภาพที่พระมหาชนกทรงใช้พระบาทเบื้องซ้ายเหยียบลงบทตัวปูทะเลย์ยักษ์ ส่วนบนท้องฟ้ามีดวงจันทร์เต็มดวงและนางมณีเมขลา หากเทียบเคียงกับกลุ่มดาว ภาพนี้คือปฏิทินที่บ่งบอกช่วงเวลาหนึ่งโดยอาศัยการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ผ่านกลุ่มดาวจักราศีต่างๆบนท้องฟ้า (ในมุมมองที่ผู้สังเกตอยู่บนโลกครับ เพราะจริงๆโลกเราโคจรรอบดวงอาทิตย์)

​

ผมเคยเทียบเคียงไว้ว่า พระมหาชนก มีลักษณะคล้ายกับ เฮอร์คิวลิส ไม่ว่าจะเป็น สายเลือดแห่งกษัตริย์-พระกำลังมาก-ทรงมีความเพียรเป็นเลิศ และยังแถมท้ายด้วย ลักษณะกลุ่มดาวเฮอร์คิวลิสคล้ายคนกำลังว่ายน้ำ และเบื้องล่างของพระบาทคือปูยักษ์ แต่ก็ยังมีข้อมูลอื่้นที่น่าสนใจเพิ่มเข้ามา

​

ย้อนกลับไปที่ภารกิจแรก ในสิบสองภารกิจ ของเฮอร์คิวลิส นั่นก็คือ ภารกิจปราบสิงโตชื่อ เนเมียน สิงโตตนนี้ก็มีสายเลือดแห่งเทพเช่นเดียวกับเฮอร์คิวลิส คือ มีพละกำลังมหาศาล แถมยังหนังเหนียวฟันแทงไม่เข้า (ยังกะ...เสือสั่งฟ้า) เฮอร์คิวลิสก็บุกเข้าไปพร้อมอาวุธคือกระบองท่อนหนึ่่ง หมายว่า ในเมื่อเอ็งฟันแทงไม่เข้าใช่มั้ยงั้นข้าจะทุบให้เอ็งช้ำในตาย แต่ก็ไร้ผลครับ สุดท้ายเฮอร์คิวลิสเลยทิ้งกระบอง หันมาต่อสู้สิงโตเนเมียนด้วยมือเปล่า แล้วก็มาจบด้วยท่าไม้ตายเฮดล๊อค ปรากฏว่า สิงโตขาดใจตาย (บทจะตายก็ตายง่ายๆ) จากนั้นเฮอร์คิวลิสแบกซากสิงโตเนเมียนกลับเข้าเมืองเพื่อเป็นหลักฐาน แต่เจ้าเมืองก็สั่งห้ามนำซากสิงโตเนเมียนเข้าเมือง เฮอร์คิวลิสจึงต้องถลกหนังสิงโตเข้าไปแทน ต่อมาเฮอร์คิวลิสก็จะสวมหนังสิงโตเนเมียนในการทำภารกิจอื่นๆอีก ซึ่งถ้าหากสังเกต ภาพในความเห็นที่ 1625 จะพบว่า เฮอร์คิวลิสก็สวมใส่หนังสิงโตขณะกำลังต่อสู้กับ อสูรไฮดรา เช่นกัน

​

มีความเชื่อที่ว่า เฮอร์คิวลิสสวมใส่หนังสิงโตเนเมียนนั้นก็เพื่อเป็นการข่มขวัญศัตรู เป็นการแสดงสัญลักษณ์แห่งอำนาจ (ก็คงคล้ายๆกับ การตัดหัวของศัตรู หรือแม้แต่การกินเลือดเนื้อหรือหัวใจของศัตรู ของบางชนเผ่าในอดีต เป็นการแสดงอำนาจและประกาศชัยชนะ) เพราะสิงโตถือเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจในการปกครอง พละกำลัง


ความเชื่อเรื่องสิงโต ยังปรากฏใน อารยธรรมอียิปต์ ใช่ครับ ผมหมายถึง สฟริงส์ นั้นแหละครับ หัวเป็นกษัตริย์ฟาโรห์แต่ร่างกายเป็นสิงห์โต หรือแม้แต่ ตราสัญลักษณ์ประจำประเทศ สิงโตคำรามอังกฤษ ตราสัญลักษณ์ของกระทรวงมหาดไทย ก็เลือกใช้ สิงห์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการปกครองเช่นเดียวกัน

​

เสารูปสิงห์สี่ตน พร้อมตราสัญลักษณ์ธรรมจักร ที่สารนาถ ประเทศอินเดีย (ปัจจุบันตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑฺ์)

​

เป็นเสาที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างขึ้น ประมาณ พุทธศักราช 200-300 ด้วยพระองค์ทรงนับถือพุทธศาสนา เถรวาทนิกาย อีกทั้งทรงเป็นประธานฝ่ายฆราวาสในการทำสังคายนาพระไตรปิฏก(ครั้งที่สาม) และทรงจัดส่งพระธรรมฑูตไปประกาศศาสนาทั้งเก้าสาย หนึ่งในนั้นคือ ดินแดนสุวรรณภูมิ รูปแกะสลักสิงห์หันหน้าทั้งสี่ทิศ มีความหมายคือ การเผยแพร่พระพุทธศาสนาไปยังทุกทิศ คำถามคือว่า พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงเลือกใช้สัญลักษณ์สิงโต เพื่อแสดงแทนสัญลักษณ์กษัตริย์ของพระองค์เท่านั้นหรือ? ในคำตอบของผมตอนนี้ อาจจะใช่ และอาจจะมีนัยยะอื่นๆ ....

สิงห์ หรือ สิงโตนั้น ยังเคยถูกใช้เป็นตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์หนึ่งในชมพูทวีป ราชวงศ์สำคัญในพระพุทธศาสนา ราชวงศ์ที่เป็นต้นตระกูลของเจ้าชายสิทธัตถะ .... ศากยวงศ์

​

รุปภาพ : งานแกะสลักจากหินคาเนเลียนรูปสิงห์หมอบ ตราสัญลักษณ์แห่งศากยวงศ์ ขุดพบแหล่งโบราณคดีบ้านดอนตาเพชร จังหวัดกาญจนบุรี

​

รูปภาพ : ธงประจำทิเบต ดินแดนพุทธศาสนา อีกแห่งหนึ่ง สิงห์คู่และดวงอาทิตย์ (หรือไม่ก็อาจหมายถึง ธรรมจักร )

ยังเขียนไม่จบ เดี๋ยวมาต่อครับ​

 

มองย้อนไปดูยังภาพประกอบ หน้าที่ 139 ในพระราชนิพนธ์ พระมหาชนก เกิดคำถามขึ้นมาว่า เรามองเห็นดวงจันทร์กี่ดวง

​

ตามเนื้อเรื่องนั้น พระมหาชนก ทรงว่ายน้ำกลางมหาสมุทร เป็นเวลา 7 วัน ดังนั้นศิลปินผู้วาดภาพประกอบจึงได้ใช้สัญลักษณ์ดวงจันทร์เป็นตัวแทนของจำนวนวัน ภาพที่แนบมานั้น มีดวงจันทร์ชัดเจน(แต่มีเมฆบังเล็กน้อย)หนึ่งดวง นั่นคือ ดวงจันทร์ของวันที่ 6 ส่วนดวงจันทร์ดวงที่ 7 อยู่ตรงศีรษะของมณีเมขลา แต่มีดวงจันทร์ที่นอกเหนือจากนั้นอีกมั้ย ? คำตอบมีครับ

ตามความเชื่อโหราศาสตร์สากล เชื่อว่า ราศีกรกฎ หรือ ปู นั้น มีดวงดาวประจำราศีคือ ดวงจันทร์ และภาพของดวงจันทร์ ก็ปรากฏอยู่ที่บนตัวปูทะเล อย่างชัดเจน ตรงบริเวณใต้ฝ่าพระบาทของพระมหาชนก แถมดวงจันทร์เต็มดวงซะด้วย ... ว่าแต่ ทำไมถึงมีดวงจันทร์ดวงที่ 8 ?

ทีนี้ลองกลับมาดูการเรียงลำดับของจักราศี อีกครั้ง จากภาพประกอบ ราศีกรกฏ(ปู-ปูทะเลย์) และราศีกันย์(เทพสตรี-มณีเมขลา) ส่วนที่หายไปราศีที่อยู่ระหว่างราศีกรกฏและราศีกันย์ ก็คือ ราศีสิงห์ จริงๆ แล้วราศีสิงห์ ไม่ได้หายไปไหนครับ หากสมมติฐานมั่วๆของผมเกิดบังเอิญเป็นจริง ราศีสิงห์ ถูกแทนด้วย พระมหาชนก ที่ผมเกริ่นตำนานเฮอร์คิวลิสสวมชุดหนังสิงโต รวมถึงสัญลักษณ์แห่งอำนาจกษัตริย์ มานั่นแหละครับ (สังเกตมั้ยครับว่า ผมแกล้งไม่เอ่ยถึงราศีสิงห์แต่กลับเล่าเรื่องมากมายเกี่ยวกับสิงโต)

ดังนั้นตอนนี้เราได้ สามในสิบสองราศี ซึ่งถูกซ่อนไว้ในภาพๆเดียว ที่เหลือคือ ช่วงเวลา หรือ ปฏิทิน ... ดวงจันทร์ดวงที่ 8 บนตัวของปูทะเลย์ คือกุญแจสำคัญ ดวงจันทร์ที่เต็มดวงของ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ช่วงราศีกรกฏ (เดือน 8) น่าจะเดาไม่ยากนะครับ

เมื่อสองพันหกร้อยปีที่แล้ว ยามใกล้สิ้นแสงสุริยา มหาบุรุษหนุ่มเดินทางไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงธรรมที่ทรงล่วงรู้ ด้วยพระองค์เองต่อผู้ที่สามารถบรรลุธรรมได้

วันที่เหล่าสาวกทั้งห้า ผู้ที่เคยสิ้นศรัทธาต่อมหาบุรุษ ได้ปรามาสต่อพระองค์ว่า พระองค์ทรงสูญสิ้น "ความเพียร" ทางกายด้วยการบำเพ็ญทุกขกิริยา เสมือนเมื่อครั้นอดีตชาติที่นางมณีเมขลาเคยเคลือบแคลงสงสัยใน"ความเพียร"ของพระมหาชนก

วันที่มหาบุรุษทรงแสดงธรรมที่พระองค์ทรงล่วงรู้ แก่พราหมณ์ชราผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งเป็นต้นกำเนิดพุทธสาวกรูปแรกของโลก นาม พระอัญญาโกณฑัญญะ

วันที่ถือว่าไตรรัตนะแห่งพระพุทธศาสนาสว่างทั่วโลกหล้าได้นำพาธรรมจักรของพระพุทธองค์เริ่มหมุน วันประกาศพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ....

วันอาสาฬหบูชา ​

หากเป็นวันอาสาฬหบูชาจริงๆ วันรุ่งขึ้นก็ควรจะเป็นวันเข้าพรรษา (แต่ยุคสมัยของพระมหาชนก เชื่อว่า ยังไม่มีวันเข้าพรรษา ในพระราชนิพนธ์จึงใช้คำว่า วันอุโบสถ แทนที่จะเลือกใช้วันพระ) และโดยส่วนหนึ่งพุทธศาสนิกชนจะเริ่มถือศีล 8 หรือ อุโบสถศีล ในช่วงเข้าพรรษา

นอกจากนี้ ยังมีข้อน่าสังเกตเพิ่มอีกนิดหนึ่ง (ทนหน่อยนะครับจะจบแล้ว) ตามหลักโหราศาสตร์สากล ราศีสิงห์ มีดวงดาวประจำราศี คือ ดวงอาทิตย์ การตีความอีกแบบจึงเกิดขึ้น จากภาพประกอบ พระบาทของพระมหาชนกอยู่บนตัวปูทะเลย์ และกำลังเข้าสู่อ้อมอกของมณีเมขลา อาจจะหมายถึง ช่วงเวลาที่ ดวงอาทิตย์ (ราศีสิงห์-พระมหาชนก) กำลังเคลื่อนจาก ราศีกรกฏ (ปู-ปูทะเลย์) เข้าสู่ ราศีกันย์ (เทพสตรี-มณีเมขลา) แล้วเริ่มตั้งแต่ตอนไหน? ... สังเกตว่า ด้านหลังศีรษะนางมณีเมขลา เป็นดวงจันทร์เต็มดวง (ดวงจันทร์ดวงที่ 7) น่าจะหมายถึง ช่วงเวลาที่เริ่มตั้งแต่วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ในราศีกรกฏ ไปจนถึง วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ในราศีกันย์

ส่วนกรณีวันที่ 9 May ที่เขียนว่า วันนี้เป็นวันอุโบสถ - ชื่อเดือนเขียนด้วย ภาษาอังกฤษ เป็นไปได้ว่าอาจจะหมายถึง วันอาสาฬหบูชา ที่ตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งดวงอาทิตย์สถิตในราศีกรกฏ... ถามว่า มันเป็นไปได้จริงหรือ ? คำตอบคือเป็นไปได้จริงครับ ไว้ว่างๆจะเขียนเพิ่มลงไปครับ ... ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ราตรีสวัสดิ์ครับ

sleeping_rbsleeping_rbsleeping_rb​

คำเตือน ข้อความดังกล่าวเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของ การคาดคะเน-การเทียบเคียงข้อมูลจากแหล่งอื่น ไม่สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงใดๆได้ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ

 

ภาพที่อยู่กับตัวปูเหมือนแสงของดาวหางเลยครับ
หรือจะถอดเวลาต้องเดินรหัสด้วยปูก่อน

 

พระราชนิพนธ์ พระมหาชนก พิมพ์ครั้งแรก (ปกแข็ง) : มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๙

​

ภาพถ่าย ดาวหาง เฮลล์บอบบ์ (Hale-Bopp comet) ปรากฏบนน่านฟ้า ประเทศอียิปต์ ปิรามิดในภาพคือ Pyramid of Khafre ถ่ายโดย John Goldsmith เมษายน ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540)

​

Picture : twanight.org

 

กระทู้นี้ยิ่งอ่านยิ่งสนุก ดาวหางจะมาเยือนโลกอีกแล้ว

 

Ring of Fire บนธนบัตร 1 ดอลลาร์​

เห็นคุยกันเรื่อง Ring of Fire Eclipse วันที่ 9 May เลยขอแจมบ้าง ...

[/IMG]​

ไม่เหมือนซะทีเดียว ก็คงเปรียบเหมือน แผนที่ยุคสมัยใช้เรือสำรวจโลก กับ แผนที่ปัจจุบันที่ใช้เทคโนโลยีดาวเทียม

 

มีสองสิ่งให้เลือกระหวางอัญมณีทีหม่นหมอง กับตาลปัตร ที่เรืองรอง

สองอย่างที่สลับกัน แทนที่อัญมณีจะเรื่องรองส่องแสงกับ ตาลปัตรที่ต้องใช้ปกปิด

บ่งบอกเมื่อถึงเวลาควรเลือกความเจริญที่ซ้อนสิ่งโสมม หรือ แผ่นดินที่เรืองรองด้วยธรรม

 

ข้อสังเกตุในภาพ