ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    15 ต.ค. 55

    ไม่พูด ดีไม่? ไม่ดี?
    ยืนที่ ถูกที่ ถูกทาง
    ยืนผิด ก็ต้อง ระวัง
    บ้านพัง โทษใคร? เล่าเออ

    มหาประชาบดี ๙๗
     
  2. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    16 ต.ค. 55

    ลูกค้ามาซื้อของในร้านส่วนใหญ่บอกว่าน้ำไม่มาแล้วให้เอากระสอบทรายออกเถอะ เขาอยู่ในเมืองหรือทำงานในเมืองก็จะไม่รู้

    ลูกค้าที่วิ่งรอบเมืองกลับบอกว่าน้ำเริ่มท่วมพื้นที่ติดแม่น้ำแล้ว
    จะเชื่อใครดี? เชื่อสัญญาณตัวเองดีที่สุด ท่วมแต่ไม่มาก
    0.30เมตร

    เคอิสรา<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ร่างกายเนื้อที่ยังไม่ได้ดูดซับแสงสว่าง จะไม่สามารถรอดชีวิตอยู่ได้ !!!


    [​IMG]

    Chayutt สมาชิก


    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจาก แมทธิว เวอร์ด (Matthew Ward) วันที่: 10 ตุลาคม 2010 ผู้รับการสื่อสาร: นาง Suzanne Ward สถานที่: ประเทศสหรัฐ อเมริกา

    คำถามเกี่ยวกับ “การเลื่อนระดับขึ้น” และ “ยุคทองของโลก” มีจำนวนมากเหลือเกิน เกินกว่าที่จะนำมาตอบให้หมดทีเดียวได้ในข้อความสื่อสารครั้งนี้ ดังนั้นพวกเราจึงจะตอบให้เพียงบางส่วน ข้างล่างนี้:-

    หากใครอยากจะดูดซับแสงสว่างให้ได้ง่ายขึ้น ก็เพียงแต่ต้องดำเนินชีวิต อยู่บนวิถีแห่งความดีงามเท่านั้นเอง และไม่เลย มันไม่มีสัญญาณอะไรที่เด่นชัด ที่จะบ่งบอกว่าการเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์ จากโครงสร้างที่เป็นคาร์บอนไปเป็นคริสตัลเลย ความรู้สึกไม่สบายกายทั้งหลายทั้งปวง อันอาจมีสาเหตุมาจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้ ก็อาจจะออกมาในรูปของอาการเจ็บป่วยทางด้านร่างกายต่างๆ และนี่แหละคือสาเหตุที่พวกเรา เร่งเร้าให้พวกคุณไปปรึกษาแพทย์ หากว่าอาการมันรุนแรงหรือเรื้อรัง

    แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว พวกคุณจะแยกแยะความแตกต่างระหว่าง อาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นตามปกติ กับอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากการดูดซับแสงสว่างได้ และยิ่งแสงสว่างถูกดูดซับเข้าไปในเซลมากเท่าไหร่ พวกคุณก็จะยิ่งรู้สึกว่าสุขสบายจนซาบซ่านไปทั่วทั้งตัว และพวกคุณก็จะรู้สึกว่าความสงบสุขและความเบิกบานใจ จะยังคงมีอยู่อย่างเห็นได้ชัด แม้ในขณะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ท้าทายก็ตาม

    วันสันติภาพสากล (International Day of Peace) จะมีส่วนช่วยในกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นของโลกไหม?

    อะไรก็ตามที่พุ่งเป้าไปที่ความสงบสุข ไม่ว่ามันจะเป็นเหตุการณ์ในระดับสากล เช่น วันสันติภาพสากล อย่างที่ว่านี้ หรือเป็นเพียงกระแสความคิดและความรู้สึก ของใครคนใดคนหนึ่งเพียงแค่คนเดียวก็ตาม มันก็จะไปเพิ่มแสงสว่างให้แก่โลก และมีส่วนช่วยในกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นของโลก รวมถึงมีส่วนช่วยเร่งให้โลกของพวกคุณ ไปถึงวันแห่งความสงบสุขที่แท้จริงได้เร็วขึ้นทั้งหมดนั่นแหละ


    ในกรณีของวันสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวกับความรัก ก็มีผลแบบเดียวกันนี้ด้วย เช่น วันแห่งความรักสากล (Global Love Day) และการรวมกลุ่มกันทำสมาธิหมู่ทั่วโลก ซึ่งพุ่งเป้าไปที่ความรัก เป็นต้นถ้อยคำที่บ่งบอกถึงความรักและสันติภาพ ผ่านทางการพูด, การเขียน, การคิด, และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอารมณ์ความรู้สึก จะแผ่กระจายคลื่นความสั่นสะเทือนระดับสูงออกมา และพวกเราอยากจะบอกเพิ่มเติมอีกว่า พลังแห่งการจดจ่อในเรื่องเดียวกันของผู้คนจำนวนมากๆ จะทำให้ผลกระทบของมันเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ


    และเกี่ยวกับข้อความดังกล่าวนั้น ก็มีอีเมลส่งมาถามกันมากมาย เพราะว่าในข้อความนั้นบอกไว้ว่า “ร่างกายเนื้อของมนุษย์โลกจะตายเมื่อสิ้นปี 2012 หากไม่ได้รับการชำระล้างกรรม หรือไม่ได้ทำให้ร่างกายกลับไปเป็นหนุ่มเป็นสาวอีกได้ทัน” พวกเราอยากจะบอกว่า นอกเหนือจากกำหนดการการประหารชีวิต ที่อาจถูกวางเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่มีปัจจัยภายนอกใดๆที่จะมาการันตีได้ว่า ร่างกายเนื้อของใครจะต้องตายลงตอนไหน เพราะว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องเฉพาะของจิตวิญญาณแต่ละดวง ที่ได้กำหนดเวลาตายเอาไว้แล้ว ในพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณของตนเอง ตั้งแต่ก่อนถือกำเนิด หรือที่ได้ขอเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอาไว้แล้ว ในช่วงที่กำลังดำเนินชีวิตอยู่

    แต่มันก็เป็นความจริงที่ว่า ร่างกายเนื้อที่ยังไม่ได้ดูดซับแสงสว่าง จะไม่สามารถรอดชีวิตอยู่ได้ ในระดับความสั่นสะเทือนที่สูงกว่า เพราะว่ามันมีระดับความเข้มของแสงสว่างที่แตกต่างกัน และร่างกายเนื้อที่มีแสงสว่างน้อยที่สุด ก็จะไม่สามารถคงอยู่ได้ นอกเสียจากว่า มันจะได้รับแสงสว่างเพิ่มมากขึ้นกว่านั้นอีก ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนสิ้นปี 2012 ร่างกายของชาวโลกจำนวนหลายล้านคน ที่แม้ว่าจะเติมเต็มไปด้วยแสงสว่างแล้วก็ตาม ก็ยังจะตายไปก่อนอยู่ดี เพราะว่านั่นเป็นพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณที่พวกเขาได้เลือกเอาไว้แล้ว

    (ปล.ตรงประเด็นนี้ เท่าที่ผมสังเกตมานานแล้วนี่ นายแมทธิว ไม่ค่อยให้ข้อมูลกระจ่างสักเท่าไหร่เลย ว่าตกลงร่างกายของผู้ที่ “ไม่ดีพอ” หรือ “ไม่เข้าขั้น” นี่จะต้องตายหรือเปล่า หรือถ้าไม่ตายปลายปี 2012 จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นหรือเปล่า? นายแมทธิวมีแต่บอกว่า “ร่างกายเนื้อที่ยังไม่ได้ดูดซับแสงสว่าง จะไม่สามารถรอดชีวิตอยู่ได้ ในระดับความสั่นสะเทือนที่สูงกว่า” และก็บอกแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว

    จริงอยู่เท่าที่ผมจับประเด็นได้ก็คือ สิ้นปี 2012 จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่เท่านั้นเอง และคงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 20 ปี คือจนถึงปี 2032 โลกจึงจะเข้าไปสู่ยุคพลังงานใหม่ได้สมบูรณ์ แต่หลังจากนั้นก็ยังจะมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆเกิดขึ้นอยู่ต่อไปอย่างต่อเนื่อง ในทางที่ดีขึ้น เพราะฉะนั้น มันก็ไม่น่าแปลกใจหรอก ถ้าปลายปี 2012 จะยังไม่มีอะไรผิดแผกแตกต่างไปจากที่เป็นอยู่นี้มากนัก แต่พูดก็พูดเถอะครับ อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเองเพียงคนเดียวเท่านั้นนะครับ ไม่มีอ้างอิงใดๆทั้งสิ้น

    ผมรู้สึกว่า พวกฝ่ายแสงสว่างนี่ เท่าที่สังเกตสไตล์การสื่อสารของพวกเขามานานพอสมควรแล้วนี่ พวกเขาจะเน้นที่สุด จะระวังที่สุด ที่จะไม่ให้พวกเราเกิดอารมณ์ความรู้สึกในด้านลบ แม้ว่าจะมีเหตุร้ายใดๆกำลังจะเกิดขึ้นก็ตาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะกระแสจิตร่วมที่พุ่งไปด้านใดๆ สิ่งนั้นก็จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากขึ้นกว่าเดิม และอีกนัยยะหนึ่งคือ ความตายของร่างกายเนื้อสำหรับพวกเขาแล้ว มันไร้ความหมาย ไร้นัยสำคัญใดๆโดยสิ้นเชิง เพราะพวกเขารู้ว่ามันเป็นแค่การเปลี่ยนสถานะ หรือเปลี่ยนเปลือกหุ้มใหม่ของจิตวิญญาณเท่านั้นเอง

    ดังนั้น ผมจึงรู้สึกว่า มันน่าจะมีอะไรซ่อนอยู่ตรงประเด็นนี้เหมือนกันนะ ไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้น ทางที่ดี อย่ามัวแต่เอ้อระเหยลอยชายอยู่นะครับ รีบกอบโกยความดีเข้าไว้ ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่คุณงามความดีเอาไว้นะครับ ร่างกายทุกกาย วิญญาณ และจิตวิญญาณของพวกเรา จะได้เติมเต็มไปด้วยแสงสว่างหนะครับ แต่ถึงแม้ว่าท่านจะไม่เชื่อ หรือไม่เกี่ยว หรือไม่ได้ทำไปเพื่อปี 2012 แต่อย่างใดเลย ผมก็เชื่อว่าทุกท่านก็น่าจะรู้อยู่แล้วใช่ไหมครับ ว่าสมควรจะทำอย่างที่ผมว่าหรือไม่ อย่างไร เพราะเหตุใด – ผู้แปล)


    ที่มา http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-5-a.246190/page-39
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28 KB
      เปิดดู:
      748
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2012
  4. John Lee

    John Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +424
    ผมลองตรึกถามท่านฯ ดูนะ
    แบบหนังเรื่อง I am No.4 นี่มีจริงหรือไม่?

    คำตอบ คือ ไม่มีคำตอบเป็นเชิงคำกล่าวที่สื่อความถึง มีเพียงแค่ความรู้สึกว่ามันสว่างในใจและ สบายใจ, แสดงว่า อาจหมายถึง ค่อยๆดูไปถ้ามันมีจริงเดี๋ยวความจริงก็จะปรากฏ

    มนุษย์อยู่อย่างกับกึ่งมนุษย์-กึ่งเทพ แม้เพียงจำนวนหนึ่ง ก็เป็นสภาวะที่หาได้ยาก .. สาธุ
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แสงสว่างแห่งธรรมะ !!!


    ฮั้วโต๋ สมาชิก

    ...สมเด็จตรัสสอน "ให้รักตนเอง-อย่าดูถูกตนเองด้วย..นั่นคือ มีพรหมวิหารให้ตนเอง ก่อนให้ผู้อื่น ทุกคนมีบุญญฤทธิ์-อภิญญา เพียงแต่จะรู้ตัวหรือไม่-นำเอามาใช้-หรือไม่ใช้-หรือใช้เป็น-หรือใช้ไม่เป็น-เท่านั้นเอง...

    ...การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีบุญดียิ่งแล้ว..แล้วใช้ร่างกายมนุษย์ให้เกิดประโยชน์แก่ตนและคนอื่นมากเพียงใด นั่นแหละสำคัญ...แต่ถ้าจะให้ดีและสำคัญสูงสุด-ประเสริฐสุดในการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้น ได้เจริญธรรม-ประพฤติ-ปฏิบัติตน-ปฏิบัติธรรมขัดกิเลสออกจากจิตตน ให้จิตตนสะอาดปราศจากกิเลสได้มากน้อยเพียงใด

    ...สร้างบุญ-สร้างกุศล-สร้างอริยทรัพย์-เพื่อว่าเมื่อกายตายไป ดวงจิตวิญญาณของตนจะได้ไม่ลำบาก-หรือทุกข์ทรมานในปรโลก นั่นแหละประเด็นสำคัญที่ยิ่งใหญ่และสูงสุดของการเกิดเป็นคน เพราะการเกิดเป็นคนได้เปรียบกว่าการเกิดเป็นอย่างอื่น มีร่างกายจับต้องสิ่งของได้-พูดได้-คิดได้-คิดเป็น-ทำได้-ทำเป็น....

    ...ทำดีก็ได้-ทำไม่ดีก็ได้-คิดดีก็ได้-คิดไม่ดีก็ได้-พูดดีมีประโยชน์ก็ได้-พูดไม่ดีไม่มีประโยชน์ไร้สาระก็ได้...แล้วแต่จะเลือกทำ ตาม"บัวสี่เหล่า"นั่นแหละ..ทุกคนจึงมีสิทธิ์-มีค่า-เท่าเทียมกันทุกประการ"

    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-412
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2012
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ในความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่า ร่างกายมนุษย์ที่เลื่อนระดับเข้าไปสู่มิติที่ 4 และ 5 ได้นั้น ก็คงมีสภาพคล้ายร่ายกายของมนุษย์ในยุคต้นกัปป์ ที่อะไรๆก็เป็นกึ่งทิพย์ฺไปหมด เช่นมีอายุขัยยืนยาว ไม่มีความแก่ชรา เวลาตายร่างกายก็จะหายไปเฉยๆ ไม่ต้องเผาหรือฝังให้ยุ่งยากเหมือนสมัยนี้ และไม่ต้องทำมาหากินอะไร ด้วยมีต้นกัลปพฤกษ์ทิพย์ คอยเนรมิตอาหาร เสื้อผ้า และของใช้ให้ได้ตามปรารถนาทุกประการ

    แต่ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ในยุคชาววิไล(ยุคพระเจ้าจักรพรรดิราช) ที่กำลังใกล้จะมาถึงนี้ คงต้องรอดูว่าในวันที่ 21-12-2012 จะเป็นวันแห่งการเริ่มต้นเปลี่ยนโลกเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ และมีแสงสว่างวาบไปทั่วจักรวาล ตามข้อมูลที่เพื่อนต่างดาวบอกมาจริงๆ หรือไม่เท่านั้นเองครับ
     
  7. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    16 ต.ค.55

    ครื่นครื่น เลื่อนลั่น สนั่นฟ้า
    เทวา กำลัง เทน้ำ
    ได้ข่าว ฝนหมด เขาย้ำ
    แล้วน้ำ ที่เท จากไหน?

    สองครั้ง สองครา ที่มา
    แจ้งมา ว่าจะ ไม่มี
    ที่ตก ดอนเมือง เห็นนี่
    คุณพี่ จะว่า อย่างไร?


    มหาประชาบดี ๙๗<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,634
    ตอนนี้ที่แถวถนนพระราม 6 ฝนตกกระหน่ำมาเกือบชั่วโมงแล้ว หลีกเลี่ยงสงสัยรถติดแน่นอน
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สภาพของร่างกายมนุษย์ในมิติที่ 4 และมิติที่ 5 !!!

    [​IMG]

    Chayutt สมาชิก (แปลและเรียบเรียง)
    <O></O>
    <O style="WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"></O>
    ถาม
    ลำดับชั้นของมิติในจักรวาลคืออะไร มันมีอยู่กี่มิติ และในจำนวนนั้น มีมิติไหนบ้างที่มีผู้มายังดาวเคราะห์โลกแล้วในปัจจุบันนี้ ?

    ตอบ:<O></O>
    สำหรับคำถามของท่าน เราขอบอกว่าใน
    จักรวาลนี้มีมิติอยู่หลายมิติ ดังนั้นมันจึงถูกใช้เป็นพื้นฐานในการจัดระบบตาม ลำดับขั้นของการพัฒนาของสิ่งมีชีวิต ภายใต้กฎอันทรงประสิทธิผลของจักรวาล มิติต่างๆเหล่านี้ประกอบด้วย;
    <O></O>
    1. มิติที่ 1 ซึ่งเป็นมิติที่ต่ำที่สุด จะพบอยู่ใน
    ส่วนที่มืดมิดของจักรวาล และที่นั่นสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย จะเป็นพวกที่มีพัฒนาการที่ต่ำมาก นั่นคือเป็นสิ่งมีชีวิตแห่งความมืด ซึ่งท่านรู้จักมันในนามของ“หลุมดำ” หลุมดำเหล่านี้เป็นทางผ่านเข้าออกของพวกสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย (Negative Being) เพื่อไปก่อความเดือดร้อนให้แก่มิติอื่นๆในบางครั้งคราว<O></O>
    <O style="WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"></O>
    2. มิติที่ 2 ก็เป็นมิติมืดเช่นเดียวกัน ที่นั่นสิ่งมีชีวิตจะมีพัฒนาการสูงขึ้นมาอีกหน่อย<O></O>
    <O style="WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"></O>
    3. มิติที่ 3 เป็นมิติของสิ่งมีชีวิตที่มีพัฒนา
    การสูงขึ้นมาอีก ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่พบในมิตินี้ก็ได้แก่พวกท่านเอง มนุษย์บนดาวเคราะห์โลกทั้งหลาย<O></O>
    <O style="WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"></O>
    4. มิติที่ 4 เป็นมิติของสิ่งมีชีวิตชั้นสูง พวกเขามีร่
    างกายเนื้อ แต่พวกเขาก็เป็น “ประชาชนของจักรวาล” (Cosmic People) พวกคุณจะรู้จักพวกเขาในรูปแบบของ UFO ผู้คนบนโลกนี้ส่วนใหญ่จะสังเกตเห็นพวกเขาได้ เมื่อพวกเขาเดินทางลงมายังมิติที่ต่ำกว่า เพื่อมาช่วยยกระดับของสิ่งมีชีวิตในมิตินั้นๆให้สูงขึ้นจากระดับที่เป็นอยู่เดิม พวกเขามาช่วยเหลือด้วยความรัก และความเสียสละ<O></O>
    <O style="WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"></O>
    5. มิติที่ 5 จะเป็นพวกที่มีร่างกายกึ่งกายเนื้อ
    กึ่งกายละเอียด ร่างกายของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้บางส่วนจะเปล่งแสงสว่างออกมาได้ พวกเขาก็เป็นอีกพวกหนึ่งที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือด้านจิตวิญญาณ แก่สิ่งมีชีวิตที่มีระดับพัฒนาการที่ต่ำกว่าด้วย ดังเช่นที่ท่านเห็นที่นี่<O></O>
    <O style="WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"></O>
    6. มิติที่ 6 เป็นที่ที่อาศัยอยู่ของรูปธรรมชีวิต
    ที่เป็นจิตวิญญาณล้วนๆ ปราศจากร่างกายเนื้อ แต่มีกายทิพย์แทน ระดับความสั่นสะเทือนของกายทิพย์ของพวกเขาสูงจนกระทั่งแม้แต่อะตอมยังไม่สามารถจะอยู่ได้ ดังนั้นพลังงานแสงสว่างจึงต้องเข้ามาทำหน้าที่แทนอะตอม<O></O>

    รูปธรรมชีวิตเหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบจ
    ากแรงโน้มถ่วง เพราะธรรมชาติของพวกเขาปราศจากวัตถุธาตุ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเนรมิตกายเนื้อขึ้นมาเองในรูปแบบใดก็ ได้ตามใจปรารถนา เพื่อลงมาให้ความช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยูในมิติที่ต่ำกว่า และเพื่อให้สิ่งมีชีวิตเหล่านั้น สามารถสัมผัสกับพวกเขาได้<O></O>
    <O style="WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"></O>
    7. มิติที่ 7 เป็นมิติที่รูปธรรมชีวิตแห่งแ
    สงสว่าง (Being of Light) อาศัยอยู่ พวกเขามีลักษณะ คล้ายลูกบอลที่เปล่งแสงสว่าง พวกเขาดูดซับความรู้และข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในจักรวาลข้างเคียง และพวกเขาก็ให้ความช่วยเหลือกับสิ่งมีชีวิตที่มีระดับพัฒนาการต่ำกว่าด้วย เช่นกัน<O></O>
    <O style="WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"></O>
    เราจะขอไม่กล่าวถึงมิติอื่นๆที่เหลืออีก
    ในตอนนี้ เพราะแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับ วัตถุประสงค์ของการฝึกฝนทั้งหมด พวกเราจะสามารถสัมผัสรูปธรรมชีวิตได้แค่ใน 7 มิติแรกนี้เท่านั้น

    สรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของรูปธรรมชีวิตในมิติต่างๆ

    มิติที่ 4 (FOURTH DENSITY)

    ก่อนอื่นขอทบทวนอะไรสักเล็กน้อยก่อนนะ
    ครับว่า ร่างกายเนื้อของมนุษย์เรา คือแบบมาตรฐานของร่างกาย ของสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งกาแล็กซี่นี้ เพราะว่ามันถูกออกแบบมาและถูกสร้างมาโดยกาแล็กซี่เอง เพื่อสะท้อนถึงความเป็นตัวของมันเอง ในมิติที่ 4 และ 5 ตัวคุณเอง ก็ยังคงมีร่างกายที่เหมือนกับร่างกายเนื้อของมนุษย์ในมิตินี้ด้วย แต่ว่าในมิติที่ 6 คุณจะไม่มีร่างกายแล้ว เพราะจะเหลือเป็นเพียงลูกทรงกลมของแสงสว่างเท่านั้น

    กลุ่มของรูปธรรมชีวิตอย่างท่าน “รา” (มนุษย์ต่าง
    ดาวที่คนอียิปในสมัยโบราณนับถือ) ก็ได้เริ่มต้นวิวัฒน์ไปจากดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ในมิติที่ 3 เหมือนกับเรานี่แหละ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นดาว วีนัส” ตั้งแต่เมื่อประมาณ 1.5 พันล้านปีที่แล้ว จากนั้น พวกเขาก็ค่อยๆเลื่อนระดับขึ้นไปสู่มิติที่ 4 เช่นเดียวกับที่ดาวเคราะห์โลกของพวกเรา ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นไปสู่มิติที่ 4 อยู่นี่แหละ จากนั้นพวกเขาก็มีความสามารถมากขึ้น เช่น การล่องหนหายตัว, การเคลื่อนย้ายวัตถุโดยใช้พลังจิตได้, ทำให้วัตถุลอยได้, ท่องไปในกาลเวลาได้, ปลดปล่อยพลังงานได้, เนรมิตสิ่งต่างๆได้, เยียวยารักษาโรคภัยไข้เจ็บให้หายขาดในทันทีได้ และอื่นๆ

    (ในบางกรณี อารยธรรมที่อยู่ในมิติที่ 3 บางอารยธร
    รม ก็สามารถมีเทคโนโลยี และความสามารถดังกล่าวบางอย่างนั้นได้เช่นเดียวกัน อย่างที่พวกเราก็ประจักษ์ดีอยู่แล้ว) พวกเขามีร่างกายเนื้อที่เหมือนกันกับของพวกเรา แต่ว่าร่างกายเนื้อของพวกเขา จะมีความเป็นวัตถุธาตุน้อยกว่าของเรา และมีความเป็นกายทิพย์มากกว่าของเรา พวกเขาสามารถเนรมิตอาหารของพวกเขาเองได้ จากกระแสความคิดของพวกเขาเอง แต่บ่อยครั้งพวกเขาก็จะเก็บเอาไว้ใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ที่ลืมบำรุงรักษาร่างกายของตนเองอย่างเหมาะสมเพียงพอ

    เมื่อพวกเขาวิวัฒน์ขึ้นมาได้แล้ว รูปธรรมชี
    วิตในมิติที่ 4 ก็มักจะคอยให้ความช่วยเหลือ ผู้คนที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์ที่ยังอยู่ในมิติที่ 3 ทั้งหลาย เช่นดาวเคราะห์โลกของพวกเราเป็นต้น เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านวิวัฒนาการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นการแอบให้ความช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง โดยไม่ให้รู้ตัว บางชนเผ่าก็อาจจะได้รับการติดต่ออย่างเป็นรูปธรรมในระดับท้องถิ่น ถ้าพวกเขามีความก้าวหน้าเพียงพอ และกลายเป็นชนเผ่าที่คู่ควรแก่การไปเยี่ยมเยียนได้แล้ว


    รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 4 จะคอยดลใจให้คนที่มีความเหมาะสมกันได้เจอกัน, ทำให้เกิดการซินโครนิซิตี้ขึ้น (Synchronicities), ช่วยเหลือพวกเรา “สร้างโลกแห่งความเป็นจริงของเรา”, และช่วยพวกเราทำในสิ่งที่เรียกว่าปาฏิหาริย์ทุกชนิดขึ้น เช่น ช่วยทำสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอยู่เบื้องหลังฉากของ “กฎแห่งกรรม” เป็นต้น พวกเขายังจำเป็นต้องใช้ยานพาหนะที่เหมือนจานบิน เพื่อใช้เดินทางไปไหนต่อไหนอยู่ แต่ยานบินเหล่านี้ สามารถทำให้ผู้ที่อยู่ในมิติที่ 3 มองไม่เห็นก็ได้ อย่างง่ายดาย

    รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 4 นี้อาจจะค่อนข้างใสซื่อและบริสุทธิ์ โดยเฉพาะพวกที่อยู่ฝ่ายธรรมะ เพราะพวกเขาจะไม่สามารถเข้าใจ หรือ เตรียมตัวป้องกันสิ่งที่เป็นด้านลบของมนุษย์ได้เลย พวกเราอาจจะสามารถมองเห็นรูปธรรมชีวิตในมิติที่ 4 นี้ได้ด้วยตาเปล่า ถ้าพวกเขาอยากให้เรามองเห็น แต่ถ้าเมื่อใดที่พวกเขาเพิ่มระดับความถี่ของพวกเขาเองให้สูงขึ้น เพื่อขึ้นไปสู่ที่ๆน่ารื่นรมย์กว่า พวกเราก็จะไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้ แต่ว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว หากดาวเคราะห์โลกของพวกเราเลื่อนระดับขึ้นมาถึงมิติที่ 4 ได้แล้ว ซึ่งในขณะนี้ มันก็กำลังอยู่ในระหว่างทางดำเนินไปของมันอยู่แล้ว....

    หากคุณอยากเห็นวิถีชีวิตของมนุษย์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับ วิถีชีวิตของมิติที่ 4 ก็ให้คุณไปร่วมงาน “Burning Man” หรืองานชุมนุมในลักษณะเดียวกัน ที่มีแต่การร้องรำทำเพลง, สรวญเสเหฮากันข้างกองไฟ, ดำรงชีวิตอยู่อย่างมีสติสัมปชัญญะ และเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ คุณก็จะพบอย่างรวดเร็วว่า มันมีทั้งฝ่ายธรรมะ และ ฝ่ายอธรรมอยู่มากพอๆกัน มีข้อความที่สื่อสารมาจากรูปธรรมชีวิตฝ่ายธรรมะที่อยู่ในมิติที่ 4 มากมายก่ายกอง ที่คุณสามารถหาอ่านได้ ซึ่งวิธีการที่จะรู้ได้ว่าอันไหนมาจากฝ่ายธรรมะ ก็ดูได้จาก มันจะต้องออกมาจากทัศนคติ ที่เปี่ยมไปด้วยความรักแบบไม่มีเงื่อนไข และการยอมรับผู้อื่นเสมอ


    มิติที่ 5 (FIFTH DENSITY)

    หลังจากนั้น เมื่อใดจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมไป
    ด้วยความรักแบบไม่มีเงื่อนไขของมิติที่ 4 ถูกรับรู้ได้ด้วย “ภูมิปัญญา” ของมิติที่ 5 แล้ว ซึ่งจิตวิญญาณส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลานานแสนนาน เพื่อที่จะค่อยๆวิวัฒน์ขึ้นไปสู่มิติที่ 5 นี้ แต่ก็มีบ้างเหมือนกัน ที่ใช้เวลาไม่นานนัก เช่นกรณีของท่าน “รา” เป็นต้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมในสนามพลังงานของร่างกายมนุษย์ มิติที่ 5 จึงมีความเกี่ยวข้องกับ “สีฟ้า” แห่งจักระที่ 5

    ในมิติที่ 5 นี้ คุณจะได้ทำการทดลอง,ได้เรียนรู้เรื่อ
    งราวอันน่าพิศวงต่างๆ เกี่ยวกับกลไกการทำงานจริงๆของจักรวาล, ได้เรียนรู้ที่จะค้นพบและใช้งานพลังแห่งความตั้งใจหรือพลังเนรมิต (willpower) ของตนเอง, ได้เรียนรู้ที่จะค้นพบและใช้งานพลังแห่งการติดต่อสื่อสาร และ เสียงที่แท้จริง,ได้ดำรงมั่นอยู่ในกฎแห่งความซื่อสัตย์, และได้อยู่ในสภาวะที่มีการกระตุ้น และการพัฒนาด้านภูมิปัญญาอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่า บนดาวเคราะห์โลกใบนี้ เราก็สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่อย่างมีสติสัมปชัญญะ ดุจเดียวกับสภาวะของมิติที่ 5 ได้ด้วย ถึงแม้ว่าจะปราศจากเทคโนโลยี และความสามารถอันน่าอัศจรรย์ทั้งหลายเหล่านั้นก็ตาม

    รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 5 นี้ อาจจะทำหน้าที่คอยดูแล
    และช่วยเหลือรูปธรรมชีวิตในมิติที่ 4 อยู่ หรืออาจจะกำลังทำงานกับดาวเคราะห์บางดวงที่อยู่ในมิติที่ 3 อย่างของเราในตอนนี้ก็ได้ ตามความสามารถของพวกเขาแต่ละรูปธรรม (เช่น โดยการติดต่อสื่อสาร และให้ความช่วยเหลือ กับผู้ปฏิบัติธรรม และผู้ที่กำลังค้นหาสัจธรรมของชีวิตทั้งหลายอยู่ หรือโดยการให้ความช่วยเหลือในการกำหนดหลักเกณฑ์ ของภาษาพูดต่างๆ และช่วยเผยแพร่มันออกไป,

    นอกจากนี้ยังมีโดยการให้ความช่วยเหลือด้านวิชาคณิตศาสตร์ และอื่นๆ เป็นต้น) ควบคู่ไปกับ การเพิ่มพูนระดับภูมิปัญญาและความรู้แห่งจักรวาลของพวกเขาด้วย เหล่าผู้ที่กำลังเพิ่มพูนระดับภูมิปัญญาของตนเองเหล่านี้ ปกติแล้วจะดำเนินชีวิตอยู่บนวิถีของใครของมันเพียงลำพัง และดูเหมือนพวกเขาจะทรงภูมิปัญญา และ แยกกันอยู่มากกว่าเหล่ารูปธรรมชีวิตที่เปิดหัวใจแล้ว และมีความรักให้แก่ทุกคนทั้งหลายที่อยู่ในมิติที่ 4 เสียอีก

    การสำเร็จการศึกษา จะยังไม่เกิดขึ้น ตราบใดที่คุณ
    ยังไม่ได้นำสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มาทั้งหมด มาใช้เพื่ออุทิศชีวิตของคุณเอง แด่การให้ความช่วยเหลือผู้อื่น รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 5 บางรูปธรรม ก็ได้ฝึกฝนตนเอง ให้สามารถท่องไปในจักรวาล โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องยนต์กลไกใดๆทั้งสิ้นได้แล้ว แต่ว่ามันก็ยังเป็นเรื่องที่ยากอยู่ พวกเขาส่วนใหญ่ สามารถที่จะสื่อสารทางโทรจิตไปถึงกลุ่มของผู้คนจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้ รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 4 บางรูปธรรม ก็สามารถทำเช่นนี้ได้เช่นเดียวกัน แต่ว่าในมิติที่ 5 นี้ มันจะละเอียดประณีตมากกว่า

    ในมิติที่ 5 คุณจะยังมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับของมนุ
    ษย์บนโลกนี้อยู่ และตามที่มีกล่าวไว้ในหนังสือชุด “Law of One” คุณจะเนรมิต “น้ำซุปแห่งแสงสว่างของแสงสีทอง” (Liquid light broth of a golden hue) ขึ้นมารับประทานเอง ซึ่งมันจะเป็นการรับประทานที่สุขสรร และ เปี่ยมไปด้วยโภชนาการมากๆเมื่อรับประทานกันเป็นกลุ่ม ข้อความสื่อสารมาจากรูปธรรมในมิติที่ 5 ที่สะอาดบริสุทธ์ที่สุด เท่าที่ผมเคยพบมา ก็คือในหนังสือชุด “The Seth” โดยเฉพาะเรื่อง “The Seth Material” ซึ่งเป็นบทนำของหนังสือชุดนี้, “Seth Speaks” ซึ่งเป็นหนังสือหลักของชุดนี้,

    “The Nature of Personal Reality” ซึ่งเป็น
    หนังสือที่ขยายความประเด็นที่สำคัญต่างๆเกี่ยวกับ “การสร้างสรรค์โลกแห่งความเป็นจริงของคุณเอง” แต่หนังสือเหล่านี้ จำเป็นต้องซื้อเอง ยังไม่มีขายออนไลน์ในตอนนี้ แต่ว่าคุณสามารถหาซื้อได้จาก เวปไซท์ Amazon.com หรือในที่อื่นๆ ในราคาที่ไม่แพงเลย หนังสือชื่อ “Seth Speaks” คือหัวใจสำคัญหลัก ที่ช่วยให้ผมสามารถเปิดใช้งานความสามารถในการสื่อสารทางโทรจิต และรับรู้ข้อมูลจากสัญชาตญาณของตัวเองได้ รองจากหนังสือชุด “the Law of One” เพราะว่ามันมีข้อมูลที่จำเป็น ที่ช่วยเติมเต็มศิลปะที่ขาดหายไปในหนังสือชุด “the Law of One” ให้สมบูรณ์แบบขึ้นมาได้

    บทความโดย: นาย David Wilcock

    ที่มา http://palungjit.org/threads/การเตร...และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก.193101/page-41

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr900.jpg
      obr900.jpg
      ขนาดไฟล์:
      149.9 KB
      เปิดดู:
      1,363
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2012
  10. anusaya

    anusaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +212
    งงจัง กับคำทำนายที่ว่าประเทศไทยจะเป็นมหาอำนาจ ร่ำรวย จะเป็นศูนย์กลางโลก เพราะจริงๆแล้ว ประเทศไทยมีกรรมที่ทำไว้อันเป็นกรรมหนักซึ่งเป็นกรรมต่อส่วนรวมไว้มาก ทำไมจะได้ดีกว่าเขาอ่ะ ง๊ง งงอ่ะ
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เมื่อคนที่ทำกรรมหนักต่อส่วนรวม ได้รับผลกรรมที่ได้กระทำเอาไว้แล้ว ก็จะเป็นวาระที่คนดีมีศีลธรรม จะได้มาปกครองประเทศชาติต่อไปครับ เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ประเทศต่างๆ ก็จะต้องมาพึ่งบุญบารมีของพระโพธิ์สัตว์ ที่ได้มาถือกำเนิดในประเทศไทย มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ครับ

    เป็นกรรมของสัตว์โลกน่ะ ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่าระบบจะเริ่มล้างมนุษย์ ปลายปี 47 (ทีแรกคิดว่าไม่มีอะไรเกิดแล้ว จิตเกือบจะเผลอ ปรามาสครูบาอาจารย์เข้าแล้วเชียว) แล้วจะมีเหตุอื่นมาล้างเรื่อยๆ ด้วยระบบภัยพิบัติทาง ดิน น้ำ ลม ไฟ โรคระบาดและ อุบัติภัยสงคราม และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนพระจักรพรรดิ์ลงมา ภัยพิบัติจึงจะสงบ

    ต่อไปที่จะวิบัติหนักๆ ก็คือ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อเมริกา ฯลฯ เราเคยถามครูบาอาจารย์ว่าไม่มีใครเปลี่ยนได้เลยหรือ ท่านบอกว่า "ไม่ได้" ท่านว่า "ปู่ยี เว้า ก็ปานพระเจ้า เว้า นั่นแหละ ในโลกนี้ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้" เพราะกรรมของมนุษย์เป็นแบบนั้น

    สำหรับเมืองไทย ต่อไปกรุงเทพฯก็มิใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะฝ่ายรักษาภายในของ กทม. เขาเริ่มถอนระบบออกไปมากแล้ว และต่อไปภาคใต้แทบจะไม่เหลือ จะเป็นเกาะเป็นแก่งทั้งหมด ครูบาอาจารย์ท่านว่า ท่านจะเอาแค่เพชรบุรีขึ้นมา

    เราเข้าใจว่าภัยพิบัติในภาคใต้เป็นสัญญาณของยุคจักรพรรดิ์ที่กำลังจะเริ่มต้น ที่จริงมีสัญญาณอย่างอื่นด้วย แต่เป็นเรื่องของเฉพาะบุคคล เช่นเรื่อง ธาตุแก้วเจ็ดประการ ที่เริ่มมาปรากฎเข้ามาสู่ระบบแล้ว และมีสิ่งของอื่นๆอีกหลายอย่าง ที่กระจัดกระจายกันอยู่ในหลายประเทศ เป็นต้น

    ผู้ที่ไม่มีหน้าที่และเข้าไม่ถึงระบบธาตุเหล่านี้ก็จะไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้าใครมีจิตที่เอ็กเรย์ธาตุได้ ก็จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร อย่างแก้วมังกร และแก้ววิเศษของเทวดา ก็อาจจะเป็นของไร้ค่าในโลกมนุษย์ เพราะความไม่รู้

    ครูบาอาจารย์เคยเล่าว่า แค่นาคโก่งหลังขึ้นมา มนุษย์ก็ตายเป็นเบือแล้ว ต่อไปบางที่ก็จะหายไปทั้งเกาะ นี่ยังไม่นับภัยพิบัติจากท้าวกกนาก แถวลพบุรี ที่ในไม่ช้า(ช่วงท้ายๆของภัยพิบัติ)จะลุกขึ้นมา(ภายใน)เพื่อไปรอรับพระจักรพรรดิ์ ขณะที่ทหารลิง 18 กองพลที่เคยเฝ้ายักษ์ตนนี้อยู่ เขาก็ถอนกำลังไปอยู่ที่อื่นแล้วเมื่อตอนออกพรรษาที่ผ่านมา ครูบาอาจารย์ท่านว่ายักษ์กกนากตนนี้มีพิษมาก แค่พลิกตัวได้ พิษของยักษ์จะทำให้เกิดโรคระบาด้ายแรง มนุษย์จะตายไปครึ่งโลก แต่คนที่มีศีลธรรมก็ไม่เป็นไร

    เราค่อนข้างมั่นใจว่า ภายในปี 2560 ประเทศไทยจะได้เป็นมหาอำนาจ และไทยกับลาวจะรวมกันเป็นหนึ่ง(ประเทศเดียวกัน) ท่านไหนที่ขยันหมั่นเพียร รักษาศีล ภาวนา ก็จะได้มีโอกาสอยู่ในยุคใหม่ต่อไป ส่วนท่านที่ยังไม่มีศีลธรรมพอ ก็คงจะต้องไปตามวิถีกรรมของตนเอง

    ขออย่ามากังวลกับสิ่งที่เราเล่า หากท่านเดินตามทางบุญ ทางกุศล ที่ครูบาอาจารย์ของตนเองสอนได้แล้ว ก็คงจะเอาตัวรอดได้ ครับ และไม่มีใครเตือนใครได้ดีเท่ากับ การเตือนตนด้วยตนเอง ครับ

    ศาสนาอื่นนั้นไม่เหลือหรอครับ เมื่อถึงเวลาแล้วจะหนีตายกันมาพึ่งศาสนาพุทธกันหมดครับ เท่าที่ทราบต่อไปมหาอำนาจ อย่างเช่น อเมริกา อังกฤษ ฯลฯ จะต้องมาพึ่งพาไทย ศูนย์กลางโลกศูนย์กลางศาสนาอยู่ในเขตประเทศไทยนี่แหละ ซึ่งต่อไปที่แห่งหนึ่งในประเทศไทย จะเป็นใจกลางโลก ใจกลางศาสนาในยุคจักรพรรดิ์ ทั้งโลกจะถูกปกครองโดยสามร่มโพธิ์ศรี อัญญาสิทธิ์และอัญญาธรรม พระจักรพรรดิ์จะเป็นพระมหากษัตริย์ของโลก อย่างที่พวกยิวเขาคิดจะครองโลกกันนั้น ไปไม่ถึงดวงดาวหรอกครับเพราะวิทยาศาสตร์ถึงทางตันแล้ว

    เหตุที่เกิดในภาคใต้ซึ่งเป็นเขตพุทธศาสนายังรุนแรงขนาดนี้ ต่อไปเหตุที่เกิดในเขตศาสนาอื่นๆนั้น จะรุนแรงกว่านี้มากครับและความหายนะที่จะเกิดขึ้นนั้นก็จะมากด้วย

    ถ้าหากศึกษาถึงเชื้อของจิตวิญญาณเดิมของการมาเกิดก็จะเข้าใจว่าอย่างอิสลามและคริสต์นั้น เชื้อจิตวิญญาณเดิมหรือต้นธาตุของจิตวิญญาณ ของพวกนี้เป็นพวกยักษ์ ตระกูลต่างๆ ดังนั้นที่ครูบาอาจารย์ท่านว่าพวกยักษ์นอกศาสนาเขาตีกันนั้น ก็พวกยักษ์เหล่านี้แหละที่มีปัญหา และพวกยักษ์เหล่านี้เขาก็มาเกิดกันมากในยุคนี้ ส่วนใหญ่ในเขตไทยและใกล้เคียงจะเป็นเชื้อนาค เชื้อเทวดา เชื้อครุฑ คนในเขตประเทศไทย ส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับการเกิดเป็นเชื้อต่างๆเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับชาติที่ทำบารมีมาเด่นๆ ว่าเคยทำบารมีมาในภพภูมิไหนมามาก ก็จะมีความเกี่ยวพันกันกับภพภูมิเหล่านั้นและเมื่อถึงเวลาก็จะเป็นการทำบารมีร่วมกันระหว่างภพภูมิ

    และบางครั้งการทำงานจากภายใน ก็จะส่งผลออกมาสู่ภายนอก แต่คนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน ที่เห็นก็คือผลที่แสดงออกมาภายนอก และพยายามอธิบายกันด้วยเหตุและผลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการรู้นอกแต่ไม่รู้ใน คล้ายๆกับวิทยาศาสตร์พยายามอธิบายเหตุผลภายนอก แต่ไม่เข้าใจถึงเรื่องกฏแห่งกรรมซึ่งเป็นเหตุภายใน เป็นต้น นี่คือรู้ไม่แจ้งในเรื่องนั้นๆ ก็เลยเกิดความ "ประมาท" กันต่อไป ครับ

    ต่อไปจะมีพระจักรพรรดิ์เป็นผู้ปกครองโลก พระยาธรรมมิกราชจะเป็นคล้ายพระสังฆราช และจะมีพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่ง จะทำหน้าที่คล้ายนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามร่มโพธิ์ศรีก็คือ สามโพธิสัตว์ที่ลงมาทำหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนา นั่นเอง เอาเป็นว่า มีผู้ที่เขาลงมาทำหน้าที่นี้กันครับ และก็มีเหล่าอัญญาสิทธิ์ อัญญาธรรม ที่ตามลงมาทำหน้าที่อีกจำนวนหนึ่ง บางคนก็รู้ตัวเองแล้ว บางคนก็อาจจะยังไม่รู้ตัวเองครับ ถึงเวลาแล้วก็คงจะได้เห็นว่าของจริงนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งบางท่านบางคน บางท่าน จะมีชื่อเสียงในหมู่ของเทพ เทวดา นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ ฤษี มุนี ดาบส ฯลฯ และพวกเขาเหล่านั้นก็รอยุคพระยาธรรมมิกราชนี่แหละ แต่พวกมนุษย์ไม่รู้จักเพราะท่านเหล่านี้จะอยู่อย่างเงียบๆและลี้ลับ เป็นต้น ครูบาอาจารย์ท่านเคยเปรยๆให้ฟังว่า สำหรับผู้ทำบารมีเข้มข้นแล้วนั้น "ดังบ่ดี ดีบ่ดัง" ครับ

    จากที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าสู่กันฟัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันไกล้นี้ ไม่มีใครที่จะสามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรมเป็นตัวกำหนดและยุคพระยาธรรมฯ ก็เป็นพุทธประเพณี เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในกึ่งกลางพระพุทธศาสนา ในยุคของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อย่างในยุคพระเวสสันดร(ซึ่งเป็นช่วงประมาณกึ่งกลางศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง) หลังจากพระเวสสันดรได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้ว หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดยุคพระยาธรรมฯหรือยุคพระจักรพรรดิ์ขึ้น ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าลูกชายพระเวสสันดรจะเป็นพระจักรพรรดิ์ในสมัยนั้น

    และในยุคร่วมสมัยในปัจจุบันนี้ มีบุคคลผู้หนึ่ง ทำทานบารมีจนได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้วเช่นกัน ดังนั้นผมก็พอจะอนุมานได้ว่า ยุคพระยาธรรมฯ นั้นเข้ามาใกล้ถึงปลายจมูกแล้วครับ ใครที่คิดจะทำบุญกุศลอะไร ก็ให้รีบเร่งทำกันได้เลยครับ หากเมื่อใดผู้ที่ได้พรพระอินทร์เขาทำอธิษฐานบารมีเพื่อดูแลพระศาสนา(ซึ่งเป็นประเพณีส่วนหนึ่งของการปรารถนาพุทธภูมิ) ระบบที่ทำหน้าที่ภายในเขาก็จะทำงาน ตามลำดับ เมื่อถึงตอนนั้นจะเห็นคุณค่าของศีลธรรม ของศีลห้า ศีลแปด ของบุญบารมีที่แต่ละท่าน บำเพ็ญเพียร สั่งสมมา ครับ

    ให้ลองนึกถึงเหตุการณ์คลื่นยักษ์ในภาคใต้ดูว่า คลื่นยักษ์ขนาดไหนที่จะทำให้ด้ามขวานไทยเหลือเป็นเกาะเป็นแก่ง และคลื่นยักษ์ขนาดไหนที่จะสามารถทำให้เกาะขนาดประเทศไต้หวัน หายวับไปได้ในพริบตา เมื่อไหร่ก็ตามที่นาคใหญ่เขาทำงาน จะสั่นสะเทือนไปทั้งโลก หากจะเทียบเหตุการณ์ในภาคใต้ที่ผ่านมา เป็นได้แค่ระดับนาคใหญ่เขาโก่งหลัง หรือสะดุ้งเพียงเล็กน้อย ลองจินตนาการดูว่าหากพวกนาคบางพวกเขามีหน้าที่ทำฤทธิ์เพื่อล้างผู้ที่มีศีลธรรมไม่เพียงพอสำหรับการอยู่ในยุคพระยาธรรม บนโลกนี้ก็จะเหลือคนไม่มาก อย่างที่พระสูตรบอกไว้ครับ

    จากคุณ คนไกล(อัญญาสิทธิ์) เมื่อวันที่ 30/12/2547 8:42:27

    ที่มา http://www.konmeungbua.com/webboard/
     
  12. John Lee

    John Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +424
    เห็นข่าวจีนซ้อมรบ วันที่ 16 ต.ค.2555 เพื่อการบุกยึดเข้าเกาะเตียวหยูเบ็ดเสร็จ ซึ่งแปลกมาก การเจรจาตามแบบฉบับมันจะเป็นตัวประสพผลมากกว่าหรือไม่ ?
    เพราะถ้าทำสงครามกัน ปัญหาก็มีสิทธิ์ลุกลามขึ้น, ซึ่งก่อนหน้าผมไม่เห็นแบบนี้
    แสดงว่าจีนต้องได้วิเคราะห์และได้ข้อมูลบางอย่างไม่ได้เกี่ยวข้อง "โดยตรง" กับญี่ปุ่น
    เกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ชาติและพลังอำนาจ อะไรก็ย่อมเป็นไปได้ -- ก็เป็นธรรมดาของทุกชาติกัน
    ญี่ปุน จีน และ อเมริกา ต่างก็เคยเป็นมิตรประเทศและคู่กรณีพิพาทซึ่งกันและกัน
     
  13. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,634
    บางครั้งการควบคุมจุดยุทธศาสตร์ จะมีความสำคัญต่อการทำสงครามในอนาคต เพราะจะได้เปรียบในการสกัดกองกำลังข้าศึก การส่งกำลังบำรุงให้ฝ่ายตนเอง แหล่งพลังงาน เสบียงอาหาร และ US เขาให้นายทหารของเขา ศึกษาตำราพิชัยสงครามของ สามก๊ก เมื่อก่อนบุกอิรัค
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    3 วันอันตราย !!!
    (21 ธ.ค.55,1 ม.ค.56,14 ก.พ.56)

    [​IMG]

    k_97 สมาชิก

    17 ต.ค. 55

    ภัยคงจะบีบตัวเข้ามา ไม่มีใครเดาถูกว่า ภัยคนหรือภัยธรรมชาติอะไรจะมาก่อน จากการที่ลูกสาวไปสัมนาที่ ม.เกษตร ที่พระอาจารย์รัตน์ได้กรุณามาให้ความรู้สองวัน จากการคุยกันก็ไม่สามารถระบุชัดเจนว่าเมื่อไร? เพียงแต่ให้ระวังเป็นช่วงๆ คือ 21 ธ.ค.55,1 ม.ค.56 และ14 ก.พ.56


    ส่วนใหญ่จะรอให้ภัยเกิดแล้วค่อยหนี(วัดดวง) การหนีพร้อมกัน คนกรุงเทพฯมีกี่ล้านคน? ถ้าหนีพร้อมกันอะไรจะเกิดขึ้น? ท่านต้องตรองให้ดี การขึ้นไปคอยก่อนจะปลอดภัยที่สุด แต่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพันธะ คนส่วนใหญ่ยังมีภาระผูกพันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นงานประจำ คนกินเงินเดือน ข้าราชการ นี่คือโซ่ที่ล่ามเอาไว้

    เคอิสรา

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P7M2238.jpg
      P7M2238.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.9 KB
      เปิดดู:
      398
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2012
  15. ungo

    ungo สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +15
    ข้อความต่อไปนี้ สุดแล้วแต่วิจารณญาณและความเชื่อของทุกท่าน
    ผมไม่ได้มีเจตนาจะอวดอุตริ หรืออวดคุณวิเศษอะไรทั้งสิ้น เพราะผมเองยังไม่สำเร็จญาณ 4 เลยด้วยซ้ำ

    1) เมื่อวันไหว้พระจันทร์ที่ผ่านมา แม่ และน้าผมได้ตั้งโต๊ะไหว้พระจันทร์ และสวดมนต์พระแม่โพธิสัตว์ตามประเพณี ตามปกติของทุกปี น้าผมเล่าให้ฟัง พระแม่โพธิสัตว์กวนอิม มาประทานพรให้ และบอกเป็นภาษาจีน (ซึ่งน้าผมแปลเป็นไทย ได้ความว่า)

    "เหล่าทวยเทพร่ำไห้ จนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด เพราะสงสารมนุษย์ ที่จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติ ไม่มีเทพองค์ไหนช่วยได้ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มนุษย์จะล้มตายเป็นอันมาก สุดแล้วแต่เวรกรรมที่ได้ทำมา ให้พวกเจ้าถือตั้งใจถือศีล 5 สวดพุทธคุณทุกวันห้ามขาด เมื่อถึงเวลานั้นเทพยดา จะคุ้มครองคนดี มีศึลธรรมเอง"

    น้าผมถามพระโพธิสัตว์ว่า จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ท่านตอบว่า "ไม่ช้า ไม่เร็ว"

    2. เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเข้าเฝ้าและสนทนากับท้าวมหาพรหมสหบดีพรหม ท่านก็เตือนในทำนองเดียวกันนี้ว่า

    "อีกไม่นาน มนุษย์จะล้มตายกันเยอะมาก ให้ถือศีล 5 ให้มั่น และสวดมนต์ทุกวันอย่าขาด สิ่งนี้จะช่วยให้รอดปลอดภัยได้ และเตือนผม และพ่อแม่ว่าไม่ให้เดินทางไปไหนไกลจากบ้านมาก"

    3. พี่กุมาร ที่ดูแลครอบครัวผม ก็เอ่ยเตือนบ่อย ๆ ว่า

    "ใต้แผ่นดินร้อนระอุ ใต้ทะเลร้อนระอุ ไม่รู้จะปะทุเมื่อไหร่ อีกหน่อยมีบ้าน ก็เหมือนไม่มี จะอยากได้ อยากมีเยอะแยะไปทำไม"

    ทั้งหมดนี้สุดแล้วแต่ จะเชื่อเถิดครับ
     
  16. John Lee

    John Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +424
    แบบนี้ครับ(สำหรับผม):

    พี่แซม กับ ลุงหมีกินไผ่ขอบตาดำ เจรจากันอย่างเป็นความลับว่า ต้องการที่จะลองเชิงทดสอบ ดวงอาทิตย์ ว่าจะมีปฏิกริยาโต้ตอบอย่างไร ใน first stage album

    พอปฏิกริยาตอบสนองเป็นไปในเชิงพลังงานลบ และ การกระจายตัวได้กระจายปกคลุมไปทั่วบริเวณมากพอแล้ว พี่แซมแกก็จะถอนตัวออกมาเป็นการดูเชิง

    สถาณการณ์ออกจะดูดุดัน แต่จะไม่มีการทุบตีกันจนถึงแตกหัก แต่เมื่อพี่แซมเดินออกมาแล้ว ความเลวร้ายก็จะไม่เกิดขึ้น การตบตีทะเลากันก็จะหยุดกันไปโดยปริยาย เพราะว่า พลังงานฝ่ายบวก ถูกถอนจากหน่วยเหนือ คือ พระเจ้า สำเร็จเรียบร้อยแล้ว

    พระเอก ก็คือ พี่แซม
    คนที่โดนหลอกแต่ว่ายังไม่รู้ตัวว่าโดนหลอกคือ คุณลุงหมีแพนด้าขอบตาดำ
    และผู้ที่ เป็นคนดีมากๆ(ขณะนี้) แต่ว่าก็ต้องมานั่งเจ็บช้ำระกำใจ ก็คือ คุณดวงอาทิตย์

    ต่อไปพี่แซมอยากจะร้องเพลงอะไร ต้องการอะไร ก็จะได้รับอนุมัติจากกลุ่มผู้เป็นเจ้าของยานนกไฟฟีนิกส์ เป็นการสบายอารมณ์ โดยปราศจากภัยอันตราย

    เรื่องมันเชื่อมต่อตั้งแต่ระดับ ใต้โลก(และนอกโลก) มายัง ใต้ดิน และ บนพื้นโลก และ เผ่าพันธุ์มนุษย์โดยมีเหล่าผู้นำโลกาต่างๆเป็นผู้(ถูก)กำหนดให้เดินเส้นทางอย่างไม่เข้าใจมากนัก

    (มีข้อกำหนดว่า สิ่งใดที่มีผู้รู้แล้ว เส้นทางต้องเปลี่ยนออกไป -- คนเล่นเกมส์นี้ คือ คนเก่งระดับลูกหลานพระเจ้า เลยนะครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2012
  17. สิบหก

    สิบหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    680
    ค่าพลัง:
    +603
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=S3SwEW851KE]ธรณีกรรแสง - แบบมาตราฐาน - YouTube[/ame]


    ช่วยๆ สร้างบรรยากาศให้ :boo:
     
  18. สิบหก

    สิบหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    680
    ค่าพลัง:
    +603
    ธรณีกรรแสง สร้างอารมณ์

    อย่าไปกลัวเลย หรือว่าหนี พ้น ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2012
  19. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949

    ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร
    ในหมู่ผู้ต้องการอำนาจและผลประโยชน์
    มีให้เห็นกันทุกวงการในเวลานี้ครับ
     
  20. John Lee

    John Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +424

แชร์หน้านี้

Loading...