หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. kumlungjai

    kumlungjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +406
    ขออนุโมทนาบุญกับ นักรบธรรมทุกท่านที่นำธรรมะอันวิเศษนี้มาเผยแพร่
    สาูธุ สาธุ สาธุ
     
  2. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    สวัสดียามเช้าวันพระครับญาติธรรมและ นรธ.ที่เคารพ,

    สืบเนื่องมาจากที่ทางวัดภูดานไหกำลังเร่งก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ องค์ประกอบหนึ่งที่เอื้อในการก่อสร้างคือระบบไฟฟ้า เป็นที่ทราบกันดีว่าระบบไฟฟ้าของภูดานไหมีเพียง 2 ระบบกล่าวคือ

    1. ระบบแผงพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 2 แผง : กำลังไฟพอใช้เป็นแสงสว่างและเครื่องเสียงได้ในระดับหนึ่ง ยังถือว่าไม่เพียงพอ หากต้องการเพิ่มอีก 2 แผงจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5-6 หมื่นบาท
    2. เครื่องปั่นไฟ กำลังไฟเกือบ 5,000 วัตต์ : ใช้ในการสูบน้ำมาใช้ภายในวัด ใช้ผสมปูนก่อสร้างและอ๊อกโครงเหล็กระหว่างการก่อสร้าง ฯลฯ ต้องจ่ายค่าน้ำมันดีเซล 1,400 บาท ใช้การได้ 3 วัน

    ด้วยเหตุนี้ เนื่องจากการก่อสร้างต้องดำเนินไปเรื่อยๆจนกว่าศาลาหลวงปู่ศรีสุทโธจักแล้วเสร็จ ทำให้คุณตู้มน อุบาสกที่ดูแลในเรื่องนี้ เสนอความคิดถวายองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ว่า ควรที่จะขอติดตั้งระบบไฟฟ้าจากสายหลัก โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1. ค่าสายไฟอย่างดี (เพราะระยะทางไกล) งบประมาณ 30,000 กว่าบาท
    2. ค่าเสาไฟฟ้า ในที่นี้จักพิจารณาใช้เสาเหล็กปลอดสนิม เพื่อความสะดวกในการอ๊อกติดกับแผ่นหิน รวมทั้งค่าใช้จ่ายจักลดลง งบประมาณ (ยังไม่ทราบ)
    3. ระยะทางประมาณ 1 กม.กว่าๆ

    องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเห็นด้วย จึงให้คุณแม่ชมไปติดต่อสอบถาม เพื่อขออนุญาตเจ้าของที่ดินที่ส่วนใหญ่เป็นชาวไร่ชาวนา ไม่มีกำลังในการลากสายไฟเข้ามาในพื้นที่อยู่แล้ว หากเกิดมีเช่นนี้ พวกเขาต่างมีความยินดีและโมทนาสาธุเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังได้บอกว่า "นอนอยู่ที่ไร่ที่นายามกลางคืน ได้ยินเสียงทำวัตรสวดมนต์ รู้สึกเป็นสุขและปลอดภัยยิ่ง" องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านก็ปราถนาจะยังประโยชน์ให้กับญาติโยมที่อยู่บริเวณโดยรอบอยู่แล้ว ซึ่งองค์ท่านบอกว่า "ณ ภูดานไหนี้ หากมีระบบไฟฟ้าที่สมบูรณ์ก็นับว่ายังประโยชน์ให้กับญาติโยมที่มาประพฤติปฏิบัติธรรม ให้เขามีความสะดวกสบาย เพราะภายหลังจักเป็นผู้มีการศึกษา เป็นครูอาจารย์ระดับด๊อกเตอร์ก็มี ทั้งการก่อสร้างก็ดำเนินไปเรื่อยๆเช่นนี้ 3 วันต้องจ่ายค่าน้ำมันไปครั้งหนึ่ง หากนับเป็นเดือนๆเป็นปีจะมากมายขนาดไหน และยังสามารถเผื่อแผ่ไปยังชาวบ้านที่อยู่อาณาบริเวณรอบๆวัดนี้ด้วย สิ่งนี้อาตมาถือว่าเป็นการยังประโยชน์ท่าน ที่อาตมาให้ความสำคัญมากกว่า"

    เรื่องนี้กระผมก็เห็นด้วยยิ่งนัก ในอดีตไม่เคยคาดคิดว่าจะมีโอกาสดึงระบบไฟฟ้าพื้นฐานเข้ามาภูดานไหได้ เพราะคิดว่าค่าใช้จ่ายอย่างน้อยน่าจะหลายแสน แต่นี่ประมาณ 6-7 หมื่น ซึ่งนับว่าไม่สูงมาก

    องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านจึงปราถนาให้ญาติโยมที่ร่วมทำบุญมาได้โปรดรับทราบและเข้าใจตรงกันว่า ณ ตอนนี้โครงการเร่งด่วนกว่าการก่อสร้างคือการลากสายไฟฟ้าเข้าภูดานไห ท่านจักนำปัจจัยจากกองกลางสำรองใช้ไปก่อน หากมีญาติโยมท่านใดปรารถนาจักร่วมสร้างระบบไฟฟ้ามาได้โดยตรง ก็เป็นการน่าโมทนาสาธุยิ่งนัก ซึ่งข้าพเจ้าก็จักกระทำเช่นกัน เพราะโอกาสนี้มีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น

    จึงกราบเรียนมายังทุกๆท่านและโปรดน้อมโมทนาสาธุด้วยความปีติยิ่งร่วมกัน
    นรธ.สมบัติ เพ็งพล
    15 มี.ค. 2555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2012
  3. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    พระพุทธรูปทองคำของชาวบังบด

    พระพุทธรูปทองคำจากถ้ำ (เมืองบังบด) ถ่ายภาพโดยพระอาจารย์ปรีชาเมื่อเร็วๆนี้ ที่ถ้ำแห่งหนึ่งเขตอำเภอหนองบัวแดง โปรดละวางความจริงแท้ทั้งหลายไว้กลางๆนะครับ จะได้ไม่เกิดความทุกข์ตามมา


    ปล. ไม่ใช่การอวด แต่เป็นวิทยาทาน โปรดละวางที่ตัวเอง อย่าได้ตำหนิหรือยึดติดในสิ่งอื่นหรือผู้อื่น เมื่อดูแล้วก็ละวางลงเสีย เพราะความจริงหรือไม่จริงมันเกินวิสสัยของเรา

    อนึ่ง นักภาวนาหรือพระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านรู้เรื่องเมืองบังบดเป็นอย่างดี ชาวบังบดนี้เป็นผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ศรัทธาพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง สมควรที่พวกเราจักสรรเสริญพวกเขา แม้ต่างมิติแต่ก็ไม่เกินความสามารถที่จะเชื่อมต่อกันได้ หากท่านประพฤติดีปฏิบัติชอบดั่งพระอริยเจ้า กราบ กราบ กราบ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    15 มีนาคม 2555


    [​IMG]

    ขอสงวนลิขสิทธิ์ภาพนี้ ยกเว้นเพื่อเป็นวิทยาทานเท่านั้น (เพราะอาจเกิดการปรามาสกันได้)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2012
  4. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    ผมขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง เพราะเรื่องไฟฟ้านี้พวกเราเคยคุยกันมานานแล้ว ซึ่งจะเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกต่อญาติธรรมที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้น เรื่องถัดไปก็คือถนนทางเข้าก็คงได้รับการพัฒนาในลำดับต่อไป ผมเห็นความตั้งใจมั่นของเหล่านักรบธรรม ในการที่จะช่วยเหลือและสนองงานองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ ในทุกๆเรื่องก็นับเป็นความประเสริฐและน่าสรรเสริญเป็นอย่างยิ่ง ก็เพราะพวกเราเป็นลูกของพระพุทธเจ้า หัวจิตหัวใจมันจึงหลั่งไหลออกมาเอง จึงขออนุโมทนาด้วยทุกประการครับ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    15 มีนาคม 2555
     
  5. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    555 ทำให้จำชื่อท่านวันชัยได้แม่นขึ้น ก็ดีครับท่าน หึหึ

    ปล: องค์ท่านมีเมตตามอบของเป็นที่ระลึกแด่ท่านวันชัย โปรดรอการติดต่อหลังงานแทนคุณฯเน๊อ...
     
  6. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    [​IMG]

    หากจะกล่าวถึงการเล่นแร่แปรธาตุแล้ว หลายท่านคงจะทราบว่ามีอยู่หลายอย่าง และหลายแบบตามแต่ครูบาอาจารย์แต่ละท่าน จะมีวิธีและวิชาอันแก่กล้าที่สามารถเสกหรือทำของต่างๆ ให้มีความขลังด้วยบทพระเวทย์ วิทยาคม อันแก่กล้า หรือด้วย จิต กฤตยา หรือบุญฤทธิ์ อะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้สิ่งของนั้นๆ ศักดิ์สิทธิ์ สามารถคุ้มครอง ให้คุณแก่ผู้ที่ศรัทธานับถือ นำไปติดตัวไว้ใช้แล้วบังเกิดสิ่งอัศจรรย์ เหนือธรรมชาติ ที่วิทยาศาสตร์อันทันสมัยในปัจจุบัน ไม่สามารถอธิบายเป็นเหตุผลออกมาได้ ผู้ที่มีความนับถือ ศรัทธาต่อองค์ครูบาอาจารย์ ผู้เป็นเจ้าของแห่งธาตุวิเศษ สิ่งเหล่านี้ ทางพุทธศาสนาเรียกว่า "ปัจจัตตัง" คือ สิ่งเฉพาะตน

    ปฐวีธาตุ พระเพชรแห่งแม่น้ำโขง ปฐวีธาตุของ เจ้าคุณสุนทรธรรมากร หรือ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ แห่งวัดธาตุมหาชัยนี้ มีความเป็นมา ครั้งตั้งแต่ท่านยังเป็นเพียงพระภิกษุธรรมดาของชาวบ้านตำบลมหาชัย นครพนม
    แต่ด้วยความที่ท่านเป็นพระที่มีดีอยู่ในองค์ท่าน จากการปฏิบัติธรรม ฝึกจิต ตามแนวทางกรรมฐาน พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล บูรพาจารย์ใหญ่ของสำนักกรรมฐานในยุคนั้น และวิชาสายพระเวทย์ของ ปะขาวครุฑ ซึ่งเป็นสายวิชาของ สมเด็จลุน แห่งนครจำปาสัก ผู้โด่งดังสองคาบฝั่งโขง

    ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ ในช่วงแรกนั้น ทหารและตำรวจในพื้นที่ ต่างทราบถึงกิตติคุณท่านดีว่า เป็นพระดี มีวิชา จากปากคำของชาวบ้าน ปากต่อปาก ทำให้ทหารและตำรวจเข้าหาท่าน และจุดมุ่งหมายที่สำคัญคือ ขอของดี แต่ท่านปฏิเสธไป พร้อมกับบอกว่า ท่านเป็นเพียงพระธรรมดารูปหนึ่ง ไม่มีอะไรจะให้ได้ นอกจากพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    เมื่อได้ฟังดังนั้น ทั้งกลุ่มทหารและตำรวจ จึงลาท่านกลับไป แต่ด้วยกิตติคุณและบารมีธรรมของท่าน ทำให้ทั้งตำรวจ ทหาร และข้าราชการหลายกลุ่มยังเดินทางมาพบท่าน และก็เช่นเคย คือ ขอของดีจากท่าน เพื่อเป็นสิริมงคล และคุ้มครอง เพราะในสมัยนั้น (ก่อนปี พ.ศ.๒๕๐๐) บ้านเมืองยังคงเต็มไปด้วย โจร ผู้ร้าย สัตว์ป่านานาชนิด และฝ่ายที่มีอุดมการณ์ที่แตกต่างจากรัฐบาลไทย ซึ่งทำให้การทำงานของข้าราชการฝ่ายต่างๆ มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตสูง เมื่อความศรัทธาที่มีต่อท่านมากขึ้น จึงเป็นที่มาของ ปฐวีธาตุพระเพชร แห่งแม่น้ำโขง

    ศรัทธาของผู้ที่มาพบท่าน และต้องการขอของดีไว้คุ้มครองตัว เมื่อมีมากขึ้น ท่านจึงเอ่ยปากจะทำของดีให้ โดยให้ชาวบ้านและเหล่าทหารที่มาพบ ไปช่วยกันนำ หิน ที่อยู่ในแม่น้ำโขงขึ้นมา ซึ่งมีอยู่หลากหลายวรรณะ สีสันแตกต่างกันออกไป หลายลักษณะ สุดแต่ผู้ใดจะเก็บมาได้แบบไหน เมื่อได้จำนวนมากพอสมควรแล้ว ท่านจึงให้นำออกมากองรวมกันแล้ว เสกตามสายวิชาที่ท่านได้เรียนมา

    หลวงปู่คำพันธ์ ได้แจก หินเสก ให้ลูกศิษย์ ชาวบ้าน ทหาร ตำรวจ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะเห็นว่าเป็นเพียงก้อนหินธรรมดา แต่เมื่อเกิดประสบการณ์ จากเรื่องประสบอุบัติเหตุ ที่ผู้ประสบเหตุการณ์นั้นรอดมาได้ราวปาฏิหาริย์สารพัดเรื่องราว ทำให้ปฐวีธาตุ และชื่อเสียงของหลวงปู่คำพันธ์ ยิ่งขจรขจายกว้างขวางยิ่งขึ้น

    จากการบอกกล่าวของผู้รู้ทางด้านวัตถุมงคลของ หลวงปู่คำพันธ์ ให้ข้อมูลว่า การเสก ทำของ หรือการเล่นแร่แปรธาตุ จากหินแม่น้ำธรรมดาๆ นั้น ให้เป็นของมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว หลวงปู่จะเสกด้วยจิตอันแก่กล้า และพระเวทที่ใช้เสกปฐวีธาตุนั้น คือ มนต์คาถาชินบัญชร เฉกเช่นเดียวกันกับ ปฐวีธาตุ ของ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต แห่งวัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพฯ

    ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ ท่านบอกกล่าวกับศิษย์ว่า หลวงปู่ตั้งให้ไว้เป็นองค์พระ เป็นของวิเศษ ที่จะคุ้มครองคุ้มภัยกับผู้ที่มีไว้บูชา ให้หมั่นอาราธนาและสวดพระคาถาชินบัญชรอยู่เป็นนิตย์ ผู้ที่ปฏิบัติดี จะสามารถสื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์ปฐวีธาตุได้ง่าย ทั้งนี้หลวงปู่คำพันธ์ท่านได้ให้ชื่อปฐวีธาตุของท่านว่า "พระเพชร" เพราะเสกหนุนธาตุต่างๆ ให้เป็นองค์พระ และธาตุปฐวี คือ ธาตุหินนี้แกร่ง ท่านจึงเรียกว่า "พระเพชร" อันเป็นที่มาแห่งปฐวีธาตุเพชรธาตุแห่งแม่น้ำโขง

    ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ และ ปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต มีความเหมือนกันหลายอย่าง คือ หลวงปู่คำพันธ์เสกและตั้งเป็นองค์พระ ท่านเรียก "พระเพชร" ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ท่านก็เสกและตั้งเป็นองค์พระเช่นเดียวกัน ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ เรียกปฐวีธาตุของท่านว่า "พระแม่ธรณี" ความสำคัญที่คล้ายคลึงกันของปฐวีธาตุทั้งสององค์ท่านอีกอย่างหนึ่งนั้นคือ พุทธมนต์ และพระคาถา ที่ใช้ในการอธิษฐานจิตลงสู่ปฐวีธาตุของทั้งสองท่าน ใช้พระคาถาชินบัญชร เป็นตัวบทกำกับในการตั้งเป็นองค์พระลงสู่ปฐวีธาตุของทั้งสองท่าน ส่วนความศักดิ์สิทธิ์และพุทธคุณของปฐวีธาตุ หลวงปู่คำพันธ์แห่งวัดธาตุมหาชัย ท่านกล่าวกับลูกศิษย์ว่า คุ้มครอง คุ้มภัย กันฟ้า กันไฟ ปฐวีธาตุแห่งแม่น้ำโขงนี้เป็นธาตุที่เย็น อานุภาพแห่งองค์พระเพชร สามารถป้องกันภัยที่เกิดจากรังสีของความร้อนที่จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันได้

    ในขณะที่ปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรรัตน์นั้น เมื่อท่านได้อธิษฐานจิตเสร็จ ท่านได้มอบให้ลูกศิษย์ไว้ แล้วท่านได้กล่าวกับศิษย์ว่า พระแม่ธรณีนี้วิเศษนักหนา ท่านได้อธิษฐานให้เป็นของวิเศษ ให้เป็นพระแม่ธรณี เพราะพระแม่ธรณีมีคุณอันอเนกอนันต์ เปรียบดังคุณแห่งมารดา ที่รักลูกจนหาที่สุดมิได้ ท่านกล่าวกับศิษย์ว่า รักษาไว้ให้ดี กันฟ้า กันไฟ ได้นะ กันรังสีของนิวเคลียร์ได้ด้วย ซึ่งปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรรัตน์มีจำนวนน้อยมาก เพราะท่านทำไว้ก่อนท่านจะมรณภาพเพียงไม่นาน คือ ช่วงวาระสุดท้ายของสังขารท่าน

    ฉะนั้น กรณีที่มีหลายคนมีหินแล้วบอกว่าเป็นปฐวีธาตุของเจ้าคุณนรรัตน์ ขอให้ท่านใช้สติ และปัญญาแห่งชาวพุทธ พิจารณาที่มาที่ไปอย่างถ่องแท้ด้วย
    ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์นั้น ยังพอที่จะหาได้จากผู้รู้จริง แต่ควรจะเป็นการมอบให้กัน โดยไม่มีราคาค่างวด เหตุเพราะเป็นหินนั่นเอง ลักษณะและการพิจารณา ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่า เสกหรือไม่เสก แท้หรือไม่แท้ แตกต่างจากพระเครื่องอย่างสิ้นเชิง ให้ท่านคิดดูว่า พระเครื่องที่ดูแล้วสามารถบอกได้ว่าชนิดไหน สำนักใดผู้เชี่ยวชาญหลายท่านยังโดนของเก๊ เลียนแบบ

    ส่วนหินแม่น้ำนั้น สามารถหยิบหาที่ไหนมาก็ได้ แล้วบอกว่า เป็นปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ นำมาตั้งราคาค่างวดซื้อขายกัน โดยมิได้ทำบุญเช่าหามาจากวัด นับว่าเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีศรัทธา แต่ไม่ใช้ปัญญาในการพิจารณาแบบชาวพุทธแท้จริง ท่านอาจจะแขวนกรวดงาน หรือหินตู้ปลาที่ไหนก็ได้ นับว่าเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง

    สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณคณะศิษย์ธาตุมหาชัย ที่เอื้อเฟื้อภาพ และข้อมูล ซึ่งเป็นผู้จัดทำหนังสือ "สัมผัสแห่งอริยะ" ซึ่งถือเป็นหนังสือที่รวบรวมทุกเรื่องราวของ หลวงปู่คำพันธ์ ได้อย่างสมบูรณ์เล่มหนึ่ง โดยรายได้จากการจัดทำหนังสือ จะร่วมสมทบทุนการจัดสร้างเจดีย์ วัดพระยอดโฆษตวราราม อ.เมือง จ.นครพนม ร่วมบุญได้ที่ โทร.๐๘-๗๙๙๑-๙๐๕๑ (ที่มา)<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>
    <O:p></O:p>

    แก้วนาคราช หรือ "ปฐวีธาตุ" จากลำน้ำโขง


    ธาตุกายสิทธิ์อีกชนิดนึ่งที่พบได้ในบ้านเรา กายสิทธิ์ชนิดนี้เป็น "หินแก้ว" ที่เกิดอยู่ภายใต้ลำน้ำโขง กายสิทธิ์ชนิดนี้แหละครับที่เราจัดว่าเป็น "เพชรพญานาค" โดยแท้เพราะมีอิทธิฤทธิ์สูงส่งมาก ครูบาอาจารย์ที่มีญาณสื่อกับพญานาคได้ ท่านจะนำเอาหินชนิดนี้มาทำการเสกอธิฐานให้เป็นของที่มีฤทธิ์เพิ่มขึ้นตามใจ ปราถนา ฝากให้พญานาคท่านช่วยดูแลคุ้มครองผู้ที่ได้รับ

    ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ไป ผู้ที่ได้ฌานได้ญาณหลายท่านเมื่อนั่งตรวจดูด้วยทางใน ก็มักพบว่ามีเทพยดาที่เป็นนาคราช หรือพญานาครักษาดูแลอยู่ แม้ว่าเป็นหินที่อาจหาพอได้ตามแม่น้ำลำธารแต่ก็ประมาทไม่ได้ ในธรรมชาตินั้นมีสิ่งที่เราไม่รู้ไม่เห็นเสมอดั่ง เช่น "หินแก้วใต้น้ำ" หรือที่เรียกกันว่า "ปฐวีธาตุ"

    ลักษณะของ "ปฐวีธาตุ" นั้นมีรูปร่างกลมบ้าง แบนบ้าง บางชิ้นเรียวยาวเป็นรูปลักบี้ และมักมีลัษณะมน เนื่องจากถูกกระแสน้ำพัดกลิ้งไปมาอยู่โดยตลอด อำนาจจากกระแสน้ำได้ทำการเจียหิน กลึงหิน ด้วยอำนาจจากธรรมชาติจึงทำให้หินแก้วเหล่านี้มีลักษณะกลมมน ดูแล้วสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ บางชิ้นอาจมีรูปทรงที่ไม่แน่นอน สีขาวใสคล้ายสาคู โปร่งแสน บางชิ้นก็ขาวขุ่น ใครเห็นแล้วก็จะรู้สึกชอบในรูปร่างของธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ทันที

    บางท่านอาจเรียกว่า "เพชรพญานาค" ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะสิ่งนี้มีญาณพญานาครักษาดูแลอยู่ ในความเป็นจริงเราอาจพบปฐวีธาตุหรือหินแก้วใต้น้ำได้จากหลายๆ สถานที่ แต่สำหรับสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแก้วใต้น้ำที่มีคุณภาพดีที่สุด ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดต้องเป็นหินแก้วใต้น้ำที่มาจากแม่น้ำโขงเท่านั้น ทั้งนี้เพราะแม่น้ำโขงเป็นเวียงวังของเหล่าบรรดา "นาคราช" ทั้งปวง เป็นสายน้ำแห่งความศักดิ์สิทธิ์

    หินปฐวีธาตุนี้ ถือว่าเป็นกายสิทธิ์จากเมืองบาดาล เป็นบริวารของดวงแก้วบรมจักรพรรดิ์ บางชิ้นนี้มีกายทิพย์ชั้นจุลจักรรักษา บางชิ้นมีกายในเป็นพระมหาจักรพรรดิ บางชิ้นมีกายในเป็นพระบรมจักรพรรดิ์ก็มีต้องให้ผู้ที่ได้ตาใน หรือได้ธรรมกายตรวจสอบดูจึงทราบได้แน่ชัด

    นอกจากนี้กายสิทธิ์จากลำน้ำโขง ปฐวีธาตุยังถือว่าเป็นกายสิทธิ์ที่มีพลานุภาพจากธาตุน้ำ หรือเด่นในอาโปธาตุ ผู้ที่บูชาจะพบกับความร่มเย็นเป็นสุข และเกิดความอุดมสมบูรณ์แก่บุคคลผู้นั้น เพราะตามธรรมชาติธาตุน้ำ เป็นธาตุแห่งความอุดมสมบูรณ์ และยังมีอำนาจทางเส่นห์เมตตามหานิยมอย่างยอดเยี่ยมด้วย

    แก้วกายสิทธิ์จากลำน้ำโขง ที่เรียกว่า "ปฐวีธาตุ" นี้นับว่าเป็นแก้วจักรพรรดิชนิดหนึ่ง ที่ให้คุณทางด้านบันดาลลางสังหรณ์ บันดาลความสำเร็จ ความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้ที่มีไว้ในครอบครอง เป็นวัตถุธาตุที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารกับพญานาคได้ ผู้ที่ได้สมาธิจิตมี ศีล สมาธิ ปัญญาอันอบรมดีแล้วเท่านั้นจึงสามารถครอบครองกายสิทธิ์ชนิดนี้ได้ และสามารถนำกายสิทธิ์ชนิดนี้มาอธิฐานจิตเพื่อประกอบการกุศลได้ด้วย

    "แก้วปฐวีธาตุ" หรือ "แก้วนาคราช" นี้ถือว่าเป็นดวงแก้วที่มีตัว คำว่า "มีตัว" ในภาษาชาวบ้านนั้นหมายถึงมีชีวิต มีจิตใจจิตวิญญาณอยู่ภายในนั้นเอง สามารถแสดงฤทธิ์ด้วยตัวเองได้ ดูเป็นของตายแต่ที่จริงเป็นของมีชีวิต หากดวงแก้วนาคราชเห็นว่าผู้ใดไม่ควรอยู่ด้วยท่านก็จะเสด็จหนีหายไป แต่หากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านย่อมบันดาลสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้น รวมทั้งอาจทำให้องค์อื่นๆ เสด็จมาเพิ่มอีกอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง

    จาก "ตำนานแก้วนาคราช" โดย...ป๊อก เชลซี ทิพยจักร
    ที่มา - หนังสือธาตุกายสิทธิ์พิชิตโรค

    [​IMG]


    ย้อนไปเมื่อสมัยท่านเจ้าคุณนรฯ ยังทรงสังขารอยู่ ท่านเคยปรารภว่า พระรูปเหมือนนั่งใบโพธิ์ของท่านประสบความสำเร็จ (คือมีคนนิยมมาก) ต่อไปจะมีผู้ร้างพระใบโพธิ์อีกมากมายแต่ไม่ประสบความสำเร็จดังเช่นของท่าน หากจะมีพระทางภาคอีสานรูปหนึ่ง ประสบความสำเร็จในพระรูปเหมือนใบโพธิ์เช่นของท่าน แต่พระรูปนั้นจะต้องอธิษฐานจิตปฐวีธาตุได้ด้วย จึงได้เกิดการตามหาพระรูปนั้นหลังจากที่สิ้นท่านเจ้าคุณนรฯ ไปแล้ว

    หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย นครพนม คือพระรูปนั้น ท่านได้ทำปฐวีธาตุแจกศิษย์มาแต่ปี พ.ศ. 2495 ก่อนท่านเจ้าคุณนรฯ เสียอีก ท่านได้เล่าให้ฟังว่า ท่านได้รับตำราการอธิษฐานจิต“ ปฐวีธาตุ” มาตั้งแต่ยังเป็นพระหนุ่มโดยได้มีชายผู้หนึ่งได้นำมาถวายให้ท่านตามคำสั่ง เสียของบิดาก่อนตาย โดยบิดาของชายผู้นั้นได้สั่งกำชับบุตรชายไว้ว่า เมื่อพ่อตายแล้วจงเอาคัมภีร์เล่มนี้ไปมอบให้กับหลวงพ่อคำพันธ์แต่เพียงรูป เดียวเท่านั้น ซึ่งตำราเล่มนั้นเขียนด้วย “ตัวธัมใหญ่” ทั้งหมดซึ่งถือว่าเป็นอักขระที่มีความศักดิ์สิทธ์สูงสุด ใช้จารเฉพาะตำราชั้นสูงเท่านั้น เป็นตำราที่ว่าด้วยการ “อธิษฐานปฐวีธาต” สามารถทำธาตุธรรมชาติธรรมดาให้มีอานุภาพ มีพลังงานขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ท่านจึงศึกษาวิธีการจนแตกฉาน จดจำได้ทุกขั้นตอน ในเวลาต่อมาก็มีพระภิกษุรูปหนึ่งมาขอตำรานั้นไป ท่านก็กรุณามอบให้ ทุกวันนี้ยังไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใคร

    หลวง ปู่คำพันธ์ได้เมตตาอธิบายถึงคุณลักษณะของปฐวีธาตุที่ถูกต้องตามตำราทุก ประการว่า ต้องเป็นกรวดที่แช่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติเท่านั้น จะอยู่บนบกไม่ได้ ตัวกรวดเมื่อเก็บขึ้นมาต้องมีลักษณะเดิมตามธรรมชาติของเขา จะบิ่น จะแตกหักหรือร้าวไม่ได้เลย ที่สำคัญสุดยอด คือต้อง “โปร่งแสง” เท่านั้น และด้วยคุณลักษณะเช่นนี้เองที่ทำให้ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันเป็นของหายากที่สุด

    แม้ว่าทางวัดจะพำยายามแก้ไขด้วยการนำกรวดจากแม่น้ำโขงชนิดขุ่นมาถวายท่าน อธิษฐานแทนก็ตาม แต่ก็หาถูกต้องตามตำราบังคับไม่ หากท่านก็อนุโลมให้เป็นปฐวีธาตุได้เช่นกัน ผิดกับครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆเช่น ท่านเจ้าคุณนรฯ “ปฐวีธาตุ” ของท่านจะต้องได้มาจากอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการเท่านั้น จะใสหรือขุ่น ใหญ่หรือเล็กไม่สำคัญ นอกจากนี้ในตำรายังได้ระบุไว้ว่า ผู้จะอธิษฐานปฐวีธาตุได้นั้นต้องเป็นผู้เดินวิปัสสนาล้วน จะเป็นผู้เล่นทางสายวิชาคือ คาถาอาคมไม่ได้เลย

    มูลเหตุของการอธิษฐานจิตปฐวีธาตุ

    สืบเนื่องจากในช่วงก่อนปี 2500 บ้านเมืองยังเต็มไปด้วยผู้ก่อการร้าย ทำให้เหล่าทหาร ตำรวจและข้าราชการต่างๆ มาขอของดีจากท่านเอาไว้คุ้มตัว ท่านจึงได้ให้เหล่าทหารและชาวบ้านไปเก็บหินในแม่น้ำโขงมาให้ท่านอธิษฐานจิต ท่านบอกว่า ท่านเสกด้วยพระคาถาชินบัญชรเช่นเดียวกับปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรฯ แล้วเสกหนุนธาตุต่างๆตั้งให้เป็นองค์พระและธาตุปฐวีคือ ธาตุหินนี้แกร่ง ท่านจึงเรียกปฐวีธาตุของท่านว่า “ พระเพชร “

    ลป.คำพันธ์ ท่านเก่งในการคุมธาตุสี่ น้ำ ดิน ลม ไฟ จนเป็นที่ยอมรับโดยทั่ว ลป.โต๊ะฯ ก็อีกรูปหนึ่ง เมื่อท่านนำ”ปฐวีธาตุ”มาเสกก็จะเรียกธาตุ 4 ทีละธาตุแล้วรวมธาตุเป็นหนึ่ง เสกบรรจุลงในก้อนปฐวีธาตุนั้น เมื่อนำมาใช้ธาตุสี่ในตัวเราก็จะผสานกับปฐวีธาตุนั้น สรรพคุณสุดแท้จะอธิษฐานเอา ในเวลาอธิษฐานปฐวีธาตุหลวงปู่ท่านจะอธิษฐานว่า ให้ป้องกันภัยอันจะเกิดแต่ธรรมชาติก็ดี ภัยอันเกิดแต่มนุษย์ก็ดี กันได้ทั้งสิ้น กันภัยจากอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่จะมีขึ้นในอนาคต ท่านเรียกการอธิษฐานแบบนี้ว่า “เสกครอบลงไป” การเสกแบบนี้ไม่เหมือนกับการเสกพระเครื่องทั่วไปของท่าน ท่านจึงย้ำว่า “ ปฐวีธาตุนี้เป็นของที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ ”

    หลวงปู่คำพันธ์ท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของ ปฐวีธาตุของท่านว่า คุ้มครอง คุ้มภัย กันฟ้า กันไฟ ปฐวีธาตุแห่งแม่น้ำโขงนี้เป็นธาตุเย็น อานุภาพแห่งองค์พระเพชร สามารถป้องกันภัยอันเกิดจากรังสีความร้อนที่จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันได้

    การบูชาปฐวีธาตุ

    หลวงปู่สั่งว่า เมื่อได้มาแล้วถ้าจะบูชาติดตัวก็พยายามเลี่ยมแบบเปิดหน้า เปิดหลังให้ปฐวีธาตุได้สัมผัสกับไอของร่างกาย ธาตุจะดึงดูดซึ่งกันและกันปรารถนาสิ่งใดก็ให้ตั้งจิตเอา ปฐวีธาตุช่วยได้ แต่ถ้าบูชาอยู่กับบ้าน ให้เอาปฐวีธาตุแช่น้ำสะอาดตั้งบูชาไว้บนที่สูง ใส่น้ำอบ น้ำหอมผสมลงในน้ำเป็นการบูชา ลอยด้วยดอกมะลิหรือดอกไม้หอมอื่นก็ได้ จุดธูปบูชา 7 ดอก สวดบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แล้วต่อด้วยพระคาถานี้

    “ หิตะหิรา มันทิโล กะสิรา กะละลาสติ โสจะถิโห คะเนตะเน ” ( 3 จบ ) แล้วตั้งจิตระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณมารดา บิดาคุณครูบาอาจารย์ พระคุณของหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ เหล่าพญานาคผู้รักษาองค์พระธาตุพนมและพระธาตุมหาชัย และทั้งที่สถิตอยู่ในลำน้ำโขงปรารถนาสิ่งใดก็อธิษฐานเอา หลวงปู่บอกว่า ปฐวีธาตุมีคุณวิเศษครอบจักรวาลมีทุกข์ร้อนสิ่งใดก็ให้บอกกล่าว สามารถช่วยเหลือได้จริง

    การลอยดอกไม้ในน้ำให้ทำเฉพาะวันพระ เมื่อหมดวันพระแล้วให้ช้อนดอกไม้ออกอย่าให้เน่าเสียคาภาชนะเด็ดขาด น้ำหล่อปฐวีธาตุถ้าจะเปลี่ยนให้นำไปประพรมบ้านเรือนหรือสาดขึ้นหลังคาบ้าน เป็นสิริมงคลนัก กันภัยนานาชนิด

    หมายเหตุ การที่หลวงปู่ท่านให้แขวนแบบเปิด ไม่ได้หมายความว่ากลัวพุทธคุณจะออกมาไม่ได้ แต่เป็นวิธีการ "ใช้งาน" ในแบบเฉพาะของวัตถุมงคลประเภทนี้ ที่ทำแบบนั้นก็เพราะต้องการให้กระแสธาตุในร่างกายเราได้สัมผัสกระแสธาตุใน องค์ปฐวีธาตุพลังงานในปฐวีธาตุน่ะออกมาหาเราได้ แต่พลังงานในกายเราเข้าไปหาเขาไม่ได้ จึงจำเป็นที่จะต้อง "เลี่ยมเปิด" เพื่อสงเคราะห์ตัวเราเอง ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือท่าน

    ปฐวีธาตุต่างกับพระเครื่องอย่างไร

    <O:p>ปฐวีธาตุ: คือหินที่อยู่ในน้ำที่ผ่านการเจียรไนจากธรรมชาติเป็นร้อยเป็นพันปีจนใสแสงผ่านได้ เมื่อเอามือไปบังที่ก้อนปฐวีธาตุจะแลเห็นและต้องเป็นหินจากใต้แม่น้ำโขง ณ ตำแหน่งบริเวณที่ท่านได้กำหนดบอกให้ไปเก็บเท่านั้น เนื่องจากพญานาคราชได้ถวายให้ท่านดุจเดียวกัน หินที่ได้รับการถวายจากพญานาคราชนี้ถือเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่เกิดจากธาตุลมมีกายสิทธิ์ฝ่ายสัมมาทิฐิเข้าครองซึ่งส่วนใหญ่กายสิทธิ์เหล่านี้จะบรรลุธรรมขั้นสูงอีกทั้งได้รับการอธิษฐานจิตจากพระเถระเจ้าที่ทรงคุณวิเศษจึงกล่าวได้ว่ามีอิทธิปาฎิหาริย์ และพุทธานุภาพ เหนือชั้นกว่าเหล็กไหลและให้คุณแก่ผู้ครอบครอง ล้วนแล้วแต่สร้างอภินิหารและประสบการณ์ให้กับผู้บูชานับจำนวนไม่ถ้วน ทั้งเรื่องแคล้วคลาด คงกระพัน ปลอดภัย โชคลาภ และเมตตามหานิยมนำไปแช่น้ำทำน้ำมนต์แก้คุณไสยได้ ถ้าจะให้ได้ผลดีควรให้ได้สัมผัสไอตัวผู้ใช้ให้มากที่สุด</O:p>
    <O:p>
    </O:p>ปฐวีธาตุต่างจากพระเครื่องตรงที่กรวดจากแม่น้ำโขงซึ่งหลวงปู่นำมาอธิษฐาน เหล่านั้น พวกนาคเขาถือว่าเป็นสมบัติอย่างหนึ่งของเขา กรวดเหล่านั้นจึงมีพลังงานของพวกเขาติดมาด้วย และเมื่อได้รับการอธิษฐานด้วยกระบวนการทางจิตที่ซับซ้อนอย่างยากที่เราจะ เข้าใจ ก็จะทำให้กรวดเหล่านั้นเกิดพลังงานมหาศาลชนิดที่เราก็ไม่เข้าใจอีกอยู่ดีว่า เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร

    พลังงานมหาศาลที่ว่านี้ หลวงปู่คำพันธ์รับรองว่า กันนิวเคลียร์ได้

    เมื่อปฐวีธาตุซึ่งมีพลังงานแฝงอยู่แล้ว ได้รับการอธิษฐานจากจิตที่มีพลังงานมหาศาลเพราะได้รับการฝึกฝนมาดีเยี่ยม พุ่งกระแสลงไปสู่หินเป็นจุดเดียว กระแสจิตที่แรงกล้าเกิดกระทบกับพลังงานที่อยู่ในหินแล้วกระจายตัวออกเป็นวง กว้าง เป็นคลื่นรังสีที่มีพลัง งานแรงสูง พอที่จะให้ความคุ้มครองผู้บูชาตามที่ผู้อธิษฐานได้ "ตั้งโปรแกรม” ไว้

    นอกเหนือไปจากหมู่นาคทั้งหลายที่จะขึ้นมาพิทักษ์รักษาผู้ครอบครองปฐวี ธาตุเมื่อยามเกิดภัยพิบัติตามคำทำนาย ชนิดปฐวีธาตุ 1 องค์ ต่อพญานาค 1 ตน ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวไม่อาจมีในพระเครื่องที่ถูก "สร้าง" ขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ ผิดกับ "ปฐวีธาตุ" ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากผลงานของธรรมชาติ จึงเก็บประจุพลังงานจากธาตุทั้งสี่และรังสีจากจักรวาลมาเนิ่นนานนับได้เป็น ล้าน ๆ ปี

    ครูบาอาจารย์ผู้มีจิตอัศจรรย์เข้าถึงหลักธรรมชาติอย่างถ่องแท้จึงมักทำ ปฐวีธาตุให้ศิษย์ อาทิ ท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม ท่านพ่อเมือง พลวัฑโฒ วัดป่ามัชฌิมวาส ซึ่งก็ตรงตามที่หลวงปู่คำพันเคยบอกว่า "ผู้ที่จะอธิษฐานปฐวีธาตุได้นั้น ต้องเป็นผู้เดินวิปัสสนาล้วน จะเป็นผู้ที่มาทางสายวิชาอาคมไม่ได้เลย" และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไม "ปฐวีธาตุ" จึงมีความแตกต่างจากพระเครื่องมากมายนัก

    ข้อมูล Amulet</O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2012
  7. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    เส้นทางบุญจากโคราช หนองคาย สู่ภูเขาควายประเทศลาว (ต่อ)


    (บันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันที่ 10-11 มีนาคม 2555)
    โปรดใช้วิจารณญาณ และวางใจไว้กลางๆในการอ่าน เพราะความจริงแท้นั้น มันเกินวิสัยของผม
    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล


    ตอนที่ 4 อจินไตยไสยศาสตร์มนต์ดำ

    ในการสนทนากับหลวงปู่เณรและลูกศิษย์ของท่านในค่ำคืนวันที่ 10 มีนาคม 2555 นั้น มีช่วงหนึ่งที่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องไสยศาสตร์มนต์ดำที่หลวงปู่เณรและลูกศิษย์ได้เผชิญมา หลวงปู่และลูกศิษย์ช่วยกันเล่าให้ฟังว่า เมื่อคราวที่ท่านและลูกศิษย์ไปบำเพ็ญภาวนาที่ภูลังกา ได้เผชิญกับพวกเล่นของหรือหมอธรรมฝ่ายมิจฉาทิฏฐิ พวกมารได้ปล่อยของออกมาเล่นงานท่านหลายครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านทราบว่าพวกมารจะรวมหัวกันส่งของมาเล่นงานชุดหนัก ท่านและลูกศิษย์จึงได้ไปปักหลักที่ภูลังกา ตั้งปะรำขอบเขตโดยปักด้ายสายสิณจน์ล้อมรอบ ให้เณรน้อยสององค์นั่งข้าง ให้สิบเอกอารีและลูกศิษย์อีกคนยืนถือหอกอยู่ใกล้ๆ ส่วนลูกศิษย์มีทั้งหญิงและชายที่เหลือให้อยู่ในวงสายสิญจน์ เมื่อถึงเวลา ปรากฏมีลมพัดกระหน่ำเหมือนในหนัง เต๊นท์ปลิวกระจายไปไกลเกือบกิโลเมตร คณะของหลวงปู่เณรยังตั้งมั่นอยู่ในวงสายสิญจน์ สักครู่ปรากฏมีตะปูและวัตถุพุ่งใส่สิบเอกอารีและลูกศิษย์ที่ยืนถือหอกอยู่ จึงต้องหลบกันพัลวัน เณรน้อยที่อยู่ด้านข้างโดนไปหลายดอก หลวงปู่กดหัวเณรน้อยให้หมอบลง มีวัตถุวิ่งแหวกอากาศมากระทบกับต้นไม้ กับเสา กับคน กับหลวงปู่ กับเณร กับลูกศิษย์ หลายชุด มีทั้งตะปูขนาดใหญ่ กระดูก เส้นผม ก้อนอิฐก้อนหิน ฯลฯ ต่างบาดเจ็บไปตามๆกัน เมื่อเล่าไปถึงตอนนี้ ลูกศิษย์ของท่านต่างพูดกับผมว่า ทำไมพวกเขาไม่เจอลูกแก้ว เพ็ชรนาคา และพระพุทธรูปเสด็จเหมือนผมหนอ มีแต่อะไรก็ไม่รู้ พูดไปก็หัวเราะกันไป หลวงปู่เล่าต่อไปว่า บางครั้งท่านได้ยินเสียงสวดเป็นภาษาเขมรและเห็นอักษรธรรมวิ่งเข้ามาเป็นระยะๆ ท่านจึงโต้ตอบกลับไปด้วยบทสวดธรรมจักรฯ สู้กันไป บางครั้งท่านเหนื่อยจนแทบหายใจไม่ทัน เพราะฝ่ายตรงข้ามมีกันหลายคน ท่านจึงขอให้โยมช่วยกันสวดต่อท่านขอหยุดพักหายใจก่อน แต่สุดท้ายด้วยอำนาจธรรมของท่านจึงทำให้พวกมารพ่ายแพ้กลับไป

    ณ ปัจจุบัน ท่านจึงกลายเป็นผู้ทำหน้าที่ปราบมารควบคู่ไปกับการสร้างพระ สร้างวัด และคอยช่วยเหลือผู้คนที่โดนเล่นงานด้วยไสยศาสตร์มนต์ดำ รวมทั้งโดนผีสิง โดนวิญญาณร้ายและอาถรรพ์ต่างๆ และที่แปลกและพึ่งได้ยินก็คือ มีชายคนหนึ่งโดนของของพวกอิสลามอาการหนักมาก ซึ่งกำลังนอนรักษาอยู่บนศาลานี้ด้วย ตอนเช้าผมก็เห็นผู้หญิงโดนวิญญาณร้ายมาให้ท่านช่วยรักษา ผมเห็นการบำเพ็ญของท่านแล้วก็ได้แต่อนุโมทนา เฮ้อ ทำไมมันมีแต่ความทุกข์กันมากมายนักหนา มนุษย์เอ๋ย เทวดาเอ้ย วิญญาณเอย ทำไมถึงวุ่นวายกันนักหนาหนอ แทนที่พระคุณเจ้าท่านจะได้มีเวลาไปบำเพ็ญภาวนาเพื่อความหลุดพ้น กลับต้องมาเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ เพราะความเมตตาของพระคุณเจ้าแท้ๆ หลวงปู่ท่านพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า "เพราะคนบุญ คนภาวนา คนปฏิบัติธรรมมันน้อยลง พวกมารมันจึงมีพละกำลังกันมากขึ้น ขอให้ด็อกเตอร์มาภาวนามาช่วยกันเด้อ" เฮ้อ ผมพูดไม่ออกกับสิ่งเหล่านี้ คงจะมีแต่ความเมตตาในกมลสันดานของผมเท่านั้น ที่จะคอยคุ้มครองตัวผมและผู้อยู่ใกล้ชิด คงไม่มีสิ่งใดเป็นเกาะป้องกันได้ดีเท่ากับคุณธรรมที่มีอยู่ในตัวเราอีกแล้ว ขอให้พวกเราจงช่วยกันเร่งสร้างคุณธรรมให้เกิดขึ้นภายในตัวตนของตัวเองให้ได้ แล้วจักปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายได้เอง แต่หากยังไม่มั่นใจ ก็จงหาวัตถุมงคลทั้งหลายติดกายไว้ ผมเองก็ได้มอบถวายสร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ แด่หลวงปู่เณรหนึ่งเส้น แต่ท่านคงจะเก็บรักษาไว้เพื่อมอบให้เณรน้อยในอีกสองปีข้างหน้า (ต้องรอให้อายุถึง 15 ปีก่อน) เพราะหากใช้ตอนนี้มันจะหนักไป (พลังพุทธานุภาพของสร้อยประคำมากนั่นเอง)

    ท่านทั้งหลาย นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ผมรับฟังมา แล้วอยากจะถ่ายทอดให้ทุกท่านได้พิจารณา ผมเองเคยอยู่กับการร่วงหล่นของลูกแก้ว เพ็ชรนาคา เหล็กไหล พระแก้วมณีโชติ และพระพุทธรูปทั้งทองคำ สัมฤทธิ์ และเนื้อดินเสด็จมาทางอากาศมากมายจนเป็นเรื่องปรกติธรรมดา เพราะผมอยู่กับสิ่งเหล่านี้มาเป็นเวลาร่วม 6 ปีเข้าแล้ว ซึ่งมันต่างกันลิบลับกับเรื่องของหลวงปู่เณร แต่ความมหัศจรรย์หรืออจินไตยนั้นมันคือเรื่องเดียวกัน แต่ต่างกันตรงฝ่ายเทพและฝ่ายมารเท่านั้น เรื่องนี้มันเป็นปัจจัตตัง และนานาจิตตัง จงเป็นผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท ดั่งที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสั่งสอนไว้ดีแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2012
  8. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ครับผม เรื่องถนน
    องค์ท่านบอกว่า หากการก่อสร้างแล้วเสร็จครบทุกประการ ก็จักพิจารณาทำต่อในแต่ละปีที่รวบรวมปัจจัยได้
    อาจทำปีละ 2 หมื่น หรือ 3 หมื่นก็ค่อยว่ากันในอนาคต โดยถนนคอนกรีตจักเริ่มจากภูดานไหไปเรื่อยๆจนถึงปากทางเข้าครับ

    ท่านที่ไปภูดานไหคงพอทราบนะครับว่า ยิ่งหน้าฝน ยิ่งลำบากแท้ครับ บางวันออกมาบิณฑบาตโปรดญาติโยมไม่ได้
    หรือบางวันรถติดหล่มไปไหนไม่ได้ก็มี หึหึ นรธ.ยังเคยช่วยกันเข็นรถญาติโยมที่ติดหล่มกันเนาะ หึหึ ได้ทุกอารมณ์ครับสำหรับภูดานไห
    ใครไม่ศรัทธาแรงกล้า อยากได้ธรรมจริงๆ สงสัยจักถอยหลังตั้งแต่เห็นปากทางเข้าแล้วเป็นแน่แท้

    แต่พวกเรา นรธ.จักดำเนินต่อไป จนถึงที่สุดแห่งสังขารครับ
    ขอเจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2012
  9. sarutha

    sarutha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +180
    งานใหญ่ บุญใหญ่ ไฟฟ้าและน้ำประปา เป็นของคู่กัน ก่อนหน้านี้ท่านทั้งหลายได้ร่วมบุญทั้งวัตถุมงคลและปัจจัย กระผมขอโมทนาบุญทุกประการที่ท่านเหล่านรธได้ทำแล้ว
     
  10. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    ประทับใจหลายแท่พี่ชาย
     
  11. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ด้วยบารมีแห่งองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช

    ราวเที่ยงวันนี้ กระผมได้รับการยืนยันจากทางวัดว่า มีท่านผู้ใจบุญใหญ่ท่านหนึ่ง ได้แจ้งความประสงค์การเป็นเจ้าภาพในการเดินระบบไฟฟ้าและถนนจนแล้วเสร็จ
    โดยเบื้องต้นท่านได้บริจาคปัจจัยจำนวนเงิน 100,000 บาท

    องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ คุณแม่ชม และกระผมรู้สึกยินดีและโล่งใจเป็นอย่างยิ่งที่ท่านช่วยเป็นกำลังขับเคลื่อนให้การนี้สำเร็จลงได้
    องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านได้โปรดผมว่า บารมี แปลว่า เต็ม คือเต็มในหัวจิตหัวใจของผู้ทำบุญสร้างกุศลมา ผู้ทำน้อยหรือผู้ทำมากก็ได้บุญเต็มของใครของมันเช่นกัน
    พร้อมทั้งอำนวยอวยพรให้ทุกท่านที่เป็นเจ้าภาพร่วมทำบุญสร้างระบบไฟฟ้า ระบบถนน จงมีแต่ความเจริญสว่างไสวเหมือนไฟฟ้า มีความคล่องตัวเหมือนถนนหนทางในทุกประการ
    จวบจนเข้าสู่เมืองแก้วพระนิพพาน

    ต่อไปภายหน้าชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆวัด จะได้เข้ามาอาศัยตามหนทางที่มีไฟฟ้า เขาจะเห็นว่าวัดให้ความเจริญแก่เขา จากการที่เขาเคยมองว่า...
    วัดมาเบียดเบียนเขาคือ ทำให้เขาเลี้ยงควายไม่ได้ วัดทำให้เขาจับกบ จับปลาไม่ได้ เป็นต้น

    ตอนนี้ก็ถือว่าได้สร้างครบทั้งธาตุสี่คือ ดิน,น้ำ = การขุดดิน ทำบ่อน้ำประปา สร้างกุฏิ หอฉัน ,ลม = ก็คือความเย็น ลมจากพัดลม,ไฟ = ระบบไฟฟ้า เป็นอาทิ

    องค์ท่านปรารภเพิ่มเติมว่า การสร้างวัดภูดานไหนี้ เปรียบเหมือนเนรมิตก็มิปาน เพราะเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากทั้ง กุฏิ ห้องน้ำ ทางเดินจงกรม ทางเดินในวัด ระบบประปา
    หอฉัน กุฏิกาลิกที่เก็บอัฐบริขารของครูบาอาจารย์ และตอนนี้ขึ้นโครงหลังคาของห้องครัวอยู่ และต่อไปกำลังจะเกิดมีระบบไฟฟ้าที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทุกอย่างหากนับรวมกันก็ถือว่า
    เพียงไม่กี่เดือนทำมาได้ขนาดนี้ ก็นับว่าไม่ธรรมดา เปรียบประหนึ่งว่าเนรมิตเอาก็ว่าได้

    นอกจากนั้นท่านยังเปรียบเป็นธรรมว่า จากเดิมที่เราได้พบเห็นภูดานไห มีหอฉัน กุฏิ ดูเก่าสีเศร้าหมอง แต่มาบัดนี้ด้วยกำลังแรงศรัทธาของญาติโยมมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ
    มาเปลี่ยนแปลง กล้าที่จะรื้อถอนสิ่งเก่าๆออกไป มาสร้างกุฏิ หอฉัน โรงครัวใหม่ ที่ดูแล้ว สะอาด สว่างไสว สดใส เช่นตอนนี้

    ก็เปรียบเหมือนจิตใจของคนเรา เดิมทีอาจจะดูหมองเศร้าเพราะอำนาจกิเลส แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ก็ด้วยพระธรรม อาศัยความเพียร อาศัยปัญญา มาขจัดซึ่งรากเหง้าของกิเลสเหล่านั้น
    มาเป็นคนใหม่ ที่มีธรรม มีความร่าเริงในธรรม เฉกเช่นนี้

    กระผมขอโมทนาสาธุกับทุกแรงบุญกุศลที่ร่วมกันสร้างบุญญาบารมี ณ วัดภูดานไห เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา สืบพระศาสนาให้มั่นคงแข็งแรงสืบไปครับ

    นรธ.สมบัติ 15 มี.ค. 55
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2012
  12. TawanT

    TawanT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +109


    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ ตอนนี้ยังอยู่ที่จีนครับ ฝากรูปพระจากวัดลามะ ที่ปักกิ่งมาฝากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2013
  13. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    โมทนาสาธุครับท่านถวัลย์
    [​IMG]
    [​IMG]
    ท่านถวัลย์ครับ องค์นี้ท่านมีนามว่ากระไรครับ?
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0101[1].jpg
      IMG_0101[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      230.5 KB
      เปิดดู:
      1,112
    • IMG_0103[1].jpg
      IMG_0103[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      251.7 KB
      เปิดดู:
      14,662
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  14. ckj_tong

    ckj_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +869
    ผมขอโมทนาสาธุกับทุกๆท่านที่ร่วมกันสร้างบุญญาบารมี ณ วัดภูดานไห ครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  15. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    [​IMG]
    พระเวทโพธิสัตว์หรือไม่ครับ? (ที่มา)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  16. ซึ้งบน

    ซึ้งบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +377
    ขออนุโมทนาบุญ กับผู้มีจิตศรัทธาบริจาคปัจจัย ช่วยก่อสร้างถาวรวัตถุ อาทิเช่น หอฉัน โรงครัว ระบบไฟฟ้า ระบบถนน ฯลฯ ทุกประการครับ ปกติแล้วพวกเราส่วนใหญ่ ก็เคยได้แต่ทำบุญ ทนุบำรุง รักษาวัด ตลอดมา แต่ไม่เคยมีโอกาสทำบุญเพื่อสร้างวัด เลยสักครั้งในชีวิต ครานี้นับเป็นครั้งแรก จึงมีความรู้สึก ภูมิใจ ปลาบปลื้ม อิ่มบุญ ในบุญกุศลที่ได้สร้างในครั้งนี้จริงๆครับ

    โดยเฉพาะได้ทำบุญกับพ่อแม่ครูอาจารย์ ซึ่งเป็นเนื้อนาบุญอย่างแท้จริง ในพุทธศาสนาด้วยแล้ว ไม่ได้มีโอกาสอย่างนี้บ่อยนัก การต่างๆที่ได้ก่อสร้างนั้นก็เพื่อประโยชน์ของญาติธรรม ไม่ว่าจะเป็น หอฉัน น้ำ ไฟฟ้า ถนน ฯลฯ สำหรับอำนวยความสะดวก ให้แก่ผู้ที่จะมาปฏิบัติธรรม-ฟังธรรม-พักอาศัย โดยจุดประสงค์ก็เพื่อเผยแพร่ธรรม ให้ขยายวงกว้างออกไปให้สาธุชนทั่วไป ได้มีโอกาสรับเอาธรรมนั้นไป แล้วน้อมไปปฏิบัติในชีวิตจริงเพื่อช่วยสงเคราะห์ญาติโยม ให้มีธรรมในจิตใจ

    พวกเราเหล่าลูกศิษย์ทั้งใกล้ทั้งไกล ต่างก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ครูอาจารย์ ในการที่จะสร้างวัดเกศแก้วเกศาธรรม แห่งนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นที่ เผยแพร่ธรรมและปฏิปทาขององค์ท่าน มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังของแต่ละคน แต่สุดท้ายผู้ที่เหน็ดเหนื่อยที่สุด ก็คือ องค์พ่อแม่ครูอาจารย์และแม่ชม ครับ (กราบขอพ่อแม่ครูอาจารย์ โปรดรักษาธาตุขันธ์ ด้วยนะครับ) (แม่ชม ก็ด้วยเด้อ)

    ผู้ข้าขอน้อมกราบแทบบาทพ่อแม่ครูอาจารย์ กราบ กราบ กราบ

     
  17. ckj_tong

    ckj_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +869
    [​IMG]



    โอนแล้วครับวันนี้

    เวลา 16.22 น จากบัญกสิกรไทยจำนวน 400 บาท

    ACCOUNT 271145........

    TO ACCOUNT 6952127789

    บัญชีพระครูกิตติอุดมญาณ จันทร์เหล็ก
    (หลวงปู่ไม อินทสิริ)



    เอาบุญมาฝาก ท่านสมาชิกธรรมทุกๆท่านเพื่อร่วมอนุโมทนา
     
  18. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ขอโมทนาสาธุในบุญนี้ด้วยครับท่าน
     
  19. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    ภาพวาดพระเมตไตรยโพธิสัตว์ พุทธศิลป์แบบญีปุ่น みろくぼさつ (mirokubosatu)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  20. kumlungjai

    kumlungjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +406
    ขออนุโมทนาสาธุ ในการทำบุญครั้งนี้ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...