มหานาคีมหานาคาครุฑารักษากลุ่มภูเก็ตพังงาบูชานัมทานทีรอยพระพุทธบาท

อ้างอิง;
แววพระเนตรพระพุทธไสยาสน์ วัดเกาะสิเหร่

เมื่อวานนี้ 29 กันยา แวะกราบ พระพุทธไสยาสน์ ที่หลวงปู่สุภา สร้าง และขอพระราชทาน แวว พระเนตร สมัยปี 2506 วัดแรก ในภูเก็ต ที่หลวงปู่สุภา สร้าง หลังจาก ถูกนิมนต์ จาก เทวดา ให้ ออกจากถ้ำ เพื่อมาโปรด ชน ที่ไม่มีศาสนา จน กระทั่ง หลวงปู่มาเจอ ชาวเล ที่เกาะสิเหร่
หลวงปู่ จึงเมตตา เทศนา และ นำของขวัญ ให้ชาวเ้ล หันมานับถือ ศาสนาพุทธ ด้วย การ สร้างพระเสด็จกลับ พระเสด็จกลับ สร้างที่ ...จากนั้น ทำพิธี ปล่อยลง แม่น้ำเจ้าพระยา และ ทำพิธี เรียก กลับ มาใด้ เกือบหมด (นัยยะ พญานาค แม่น้ำเจ้าพระยา อัญเชิญใว้ 2 ) ​

จากนั้น หลวงปู่สุภา กลับมาภูเก็ต อัญเชิญ เหรียญพระเสด็จกลับ ปล่อยลงทะเล ด้านเกาะสิเหร่ และทำพิธี เรียกกลับ เหลือประมาณ 2 เหรียญ ที่ พญานาค อัญเชิญใว้ ใต้ทะเล ชาวเล จึง เคราพนับถือ พระพุทธศานา ,หลวงปู่สุภา นับแต่นั้นมา..​

ศิษยานุศิษย์หลวงปู่สุภา อัญเชิญสมเด็จหลวงปู่อุปคุตมหาเถระประดิษฐานใว้ 4 มุมเมืองภูเก็ต โดย (หลังจากเกิดเหตุการณ์ คลื่น เมื่อ 26 ธค 2547 )

โดยทิศเหนือที่...............วัดท่าฉัตรไชย
ทิศใต้ที่.......................วัดในหาร
ทิศตะวันออก ที่...............ศูนย์สถาบันชีววิทยาทางทะเล
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ .... หน้าหาดเกาะสิเหร่
ทิศตะวันตกคือที่..............สำนักสงฆ์แหลมเพชร ซึ่งอยู่ หน้าหาดป่าตอง

** วัดเกาะสิเหร่ ........สมเด็จหลวงปู่ อุปคุต พระบัวเข็ม
** สำนักสงฆ์เทพขจรกิจ วัดที่ ๒ ที่ หลวงปู่สร้าง ในภูเก็ต (วัดสามัคคีธรรมเขารัง..ปัจจุบัน )......สมเด็จหลวงปู่ อุปคุต พระบัวเข็ม
** วัดสิริสีลสุภาราม วัดที่ ๓ ในภูเก็ต หลวงปู่สุภา จำพรรษา ในขณะนี้ ศิริวัฒนะ ๑๑๖ ( ๑๗ กันยา ๒๕๕๔ )

******
เช้าวันอาทิตย์ 25 ธค 2554 ทางกลุ่มปฏิบัติ ภูเก็ต ใด้ร่วมจัดงาน ไถ่ ชิวิตโค ๑๙ ตัว พร้อมทั้งสัพสัตว์ ...ณ. บริเวณปลายแหลมสะพานหิน (ทะเล ในตัวเมืองภูเก็ต )
โดยมีพระสงฆ์ หลายรูป เจริญ พุทธมนต์ ท่ามกลาง คลื่นลมในทะเล ที่รุนแรง สังเกตุจากคลื่นหน้าหาด ใกล้พิธี

******
ยามค่ำ ในคืน วันที่ 25 ธค 2554 นาคา พร้อม hs0syy , hs8gfo, hs8stf ใด้เข้าร่วมพิธี พุทธาภิเษก พระพุทธรูป ในอุโบสถ วัดเกาะสิเหร่ (อุโบสถ หลังใหม่ ที่ ตีนเขา )ซึ่งอุโบสถ หลังเก่า ที่หลวงปู่สุภา เมตตา สร้างใว้บนยอดเขา )
ด้วย สภาพอากาสที่ ลมแรง มีพิธี แบบโบราณ และ ไม่มีมหรสพ ในวัด ซึ่ง ทางวัดเกาะสิเหร่ จะ ตัดลูกนิมิต ใน คืนวันที่ ๓๑ ธค ๒๕๕๔

- พจชนะ ,น้อมจิต ,กิ่งแก้ว,ธนภรณ์ ทองทวีวิวัฒน์..................๑๐๐
- บุญญสิกขา ..........................................................๑๐๐
- วรรณญาดา พร้อมครอบครัว,ญาติธรรม ฟินแลนด์ ,สยามประเทษ...๕๐
- จิตต์ปภัสสร ,น้องข้าวหอม,คณะญาติธรรม ..........................๕๐

ร่วมบุญ ไถ่ชิวิตโค ในวันที่ ๒๕ ธค . ๒๕๕๔ ณ.บริเวณปลายแหลมสะพานหินภูเก็ต...

ภาพ 1-7 พิธี ไถ่โค ๑๙ ตัว ,สัพสัตว์ บริเวณปลายแหลมสะพานหิน ตัวเมืองภูเก็ต
ภาพ 8-20 วัดเกาะสิเหร่ ,อุโบสถหลังใหม่ บริเวณตีนเขา (วัตถุมงคล ที่อัญเชิญเข้าร่วม ในพิธี เพื่อ เทวตานุสติ )
โปรดใช้วิจารณญาณ...

***จงยังพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด นี่เป็นพระวาจา สุดท้าย ของตถาคต ในปัจฉิมโอวาท์ ***เจริญด้วย ศีล ๕ ,ศีล ๘ ตามสภาวะ เจริญด้วย สมาธิ ปัญญาฌาณ ตามวาระ

ด้วย สภาวะ เอกา อาหาร ๑ มื้อ มา ขณะนี้ ๓๓๙ วัน ( ๒๕ ธค ๒๕๕๔ )
๑ ในข้อธุดงสควัตร์ ที่ ฆราวาส จะพึง ปฏิบัติใด้ บ้าง

<TABLE style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR title="Post 5487252" vAlign=top><TD class=alt2 width=125 align=middle>Sirius Galaxy</TD><TD class=alt1>ขอแนะนำถ้ำ ที่เป็นสถานที่อันเป็นมงคลให้ท่านนาคาไปเยี่ยมเยือน

สถานที่อันนั้นคือ ถ้ำเขาเตาหม้อ ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี

ขอบคุณมากครับ ใว้มีโอกาส จะใด้แวะ เยือน ครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

กราบมหาอนุโมทนา สาธุการค่ะ

กราบมหาอนุโมทนา สาธุการบุญทุกๆ ท่าน ทุกๆ ประการค่ะ

 

สังคหวัตถุ ๔ ความดีที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจกันและกัน

​

กราบโมทนาสาธุการ ขอน้อมรับเจริญคำพรเหล่าสหธรรมิก
และความเจริญในพระสัทธรรม คุณพี่ร่มบุญนะคะ

พร้อมส่งสุขสวัสดีปีมะโรงทองมายังทุก ๆท่านค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุการ

 

ชัยปริตร ทำให้ประสบชัยชนะ และมีความสุขสวัสดี

​

ตำนานชัยปริตร

ชัยปริตร คือ ปริตรที่กล่าวถึงชัยชนะของพระพุทธเจ้า ทรงกำจัดมารและเสนามารด้วยพระขันติบารมี พระเมตตาบารมี และพระอธิษฐานบารมี ทรงบำเพ็ญพุทธกิจเพื่อประโยชน์แก่เวไนยสัตว์โลกทั้งหลาย แล้วอ้างสัจวาจานั้นมาพิทักษ์คุ้มครองให้มีความสวัสดี
<o></o>
คาถา ๑-๓ แสดงชัยชนะของพระพุทธเจ้าเป็นคาถาที่โบราณาจารย์ประพันธ์ขึ้นภายหลัง
<o></o>
คาถา ๔-๕-๖ เป็นพระพุทธพจน์ที่นำมาจากอังคุตตรนิกาย ปุพพัณหสูตร (องฺ. ติก. ๒๐/๑๕๖/๒๘๗) <o></o>
บทสวดมนต์ บางฉบับมีคาถาเพิ่มว่า โส อัตถะลัทโธ… สา อัตถะลัทธา… พระคันธสาราภิวงศ์ ผู้แปลท่านเห็นว่า ไม่มีในพระสูตรนั้น จึงแปลเฉพาะคาถาที่มีในพระสูตร

​

พุทธมนต์บท ชัยปริตร<o></o>
บทขัด ชยปริตร
<o></o>
ชะยัง เทวะมนุสฺสานัง ชะโย โหตุ ปะราชิโต<o></o>
ขอชัยชนะ จงมีแก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย ผู้ที่แพ้แล้วกลับเป็นผู้มีชัยชนะ<o></o>

มาระเสนา อะภิกกันตา สะมันตา ทวาทะสะโยชะนา
ขันฺติเมตตาอะธิฎฺฐานา วิทธังฺเสตวานะ จักฺขุมา
ภะวาภะเว สะงฺสะรันฺโต ทิพฺพะจักฺขุง วิโสธะยิ
<o></o>
พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้มีจักขุ เมื่อท่องเที่ยวไปยังภพน้อยใหญ่ ทรงกำจัดมารและเสนามารให้ล่วงพ้นไป ๑๒ โยชน์โดยรอบด้วยขันติบารมี และอธิษฐานบารมี แล้วทรงชำระทิพยจักษุ<o></o>

ปะริยาปันฺนาทิโสตฺถานัง หิตายะ จะ สุขายะ จะ
พุทธะกิจฺจํ วิโสเธตวา ปะริตัง ตะมะ ภะณามะ เหฯ
<o></o>
ทรงบำเพ็ญพุทธกิจเพื่อประโยชน์และความสุขแก่สัตว์ทั้งหลาย ผู้สมควรท่ะถึงความสวัสดีเป็นต้น เราทั้งหลายจงสวดพระปริตรนั้นเทอญ.

<o></o>
​

บทมนต์ชยปริตร

๑. มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง
ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา.

<o></o>
พระโลกนาถผู้ทรงพระมหากรุณาธิคุณ ทรงบำเพ็ญบารมีครบถ้วนเพื่อประโยชน์แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทรงบรรลุพระสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยม ด้วยสัจวาจานี้ ขอข้าพเจ้าจงมีความสวัสดีทุกเมื่อเทอญ

๒. ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโน
เอวะเมวะ ชะโย โหตุ ชะยามิ ชะยะมังคะเล.

ขอข้าพเจ้าจงชนะ เหมือนพระพุทธเจ้าผู้เป็นที่เคารพรักของเจ้าศากยะทรงชนะ ณ ควงไม้โพธิ์ ขอข้าพเจ้าจงชนะได้รับชัยมงคลเถิด

๓. อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปุถุวิปุกขะเล๑
อะภิเสเก สัพพะพุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติ.

[ขอให้ข้าพเจ้าบรรลุถึงความเป็นเลิศ เบิกบานใจ] เหมือนพระพุทธเจ้าบรรลุธรรมอันประเสริฐ เบิกบานพระทัย เหนือบัลลังก์แห่งชัยชนะ ณ พ่างพื้นปฐพีอันประเสริฐเลิศแผ่นดิน เป็นที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์

๔. สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปปะภาตัง สุหุฏฐิตัง
สุขะโณ สุหุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะจาริสุ.

วันที่ทำความดีทางกาย วาจา ใจ (เวลาที่ประพฤฒิชอบ] ชื่อว่าเป็นฤกษ์ดี มงคลดี ยามรุ่งดี ยามตื่นดี ขณะดี ครู่ดี ทานที่ถวายแก่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ [ในวันนั้น] เป็นทานดี

๕. ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง
ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธิ เต ปะทักขิณัง
ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ.

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม และความตั้งใจ [ที่ทำในวันนั้น, เวลานั้น] เป็นสิ่งที่ดี เมื่อทำความดีแล้ว ย่อมได้รับผลดี

๖. เต อัตถะลัทธา สุขิตา วิรูฬหา พุทธธสาสะเน
อะโรคา สุขิตา โหถะ สะหะ สัพเพหิ ญาติภิ

ขอให้ท่านทั้งหลายพร้อมทั้งญาติมิตรทั้งปวง ได้รับประโยชน์ มีความสุข รุ่งเรืองในพระศาสนาของพระพุทธเจ้า เป็นผู้ปราศจากโรค มีความสุขเทอญ.

<o></o>
<o></o>
(หมายเหตุ) <o></o>
ชัยปริตร ต่างจาก พุทธชัยมงคลคาถา

ตำนานพุทธชัยมงคลคาถา
พุทธชัยมงคลคาถา คือ คาถาที่กล่าวถึงชัยชนะของพระพุทธเจ้า ๘ ครั้ง แล้วอ้างสัจวาจานั้นมาพิทักษ์คุ้มครองให้มีความสวัสดี ชัยชนะเหล่านั้น คือ ชนะมาร, ชนะอาฬวกยักษ์ ชนะช้างนาฬาคิรี, ชนะโจรองคุลิมาล, ชนะนางกิญจมาณวิกา, ชนะสัจจกนิครนถ์, ชนะนันโทปนันทนาคราช และชนะพกาพรหม

<o></o>
นักวิชาการบางท่านสันนิษฐานว่า ผู้ประพันธ์คาถานี้ คือ พระมหาพุทธสิริเถระซึ่งรจนาคัมภีร์ฎีกาพาหุง ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ และประพันธ์ในราว พ.ศ. ๒๐๐๖ คาถานี้ยังมีชื่อเรียกว่า บทถวายพรพระ เพราะแต่งถวายพรพระเจ้าแผ่นดินเพื่อให้ทรงชนะศึก (วิวัฒนาการวรรณคดีบาลีสายพระสุตตันตปิฎกที่แต่งในประเทศไทย หน้า ๓๐๑-๒)

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1831612/[/MUSIC]<o></o>​

 

โมทนาครับแม่บุญญ์ :

เบญ'ภรณ์ สาธุ สาธู น้องจะไปสวดมนต์ที่บ้านพ่อศ<WBR>ูนย์ (อุบล ฯ )<ABBR title="29 ธันวาคม 2011 เวลา 11:36 น." data-utime="1325133372">29 ธันวาคม 2011เวลา 11:36 น.</ABBR>

<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem"><LABEL class="deleteAction stat_elem UIImageBlock_Ext uiCloseButton" for=utgbay_26></LABEL>นาคา นาคี
<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">29-31 ธค2554 -2 มค 2555 พักกาย พักจิต ภาวนา บนเรือน เนินเขา ที่ สูงประมาณ ๗๐ เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ..


<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">คืน 31 ธค 54 เวลาประมาณ 23.40 ตั้งจิต..สวดมนต์ สาธยายธรรม..


<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">ห้องพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">สวดชุมนุมเทวดา
--สัมพุทเธ
--นะโมการะอัฏฐะกะ
--บทขัดพระธัมมะจักกับปะวัตตะน<WBR>ะสูตรตัง
**-- พระธัมมะจักกับปะวัตตะน<WBR>ะสูตรตัง

<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">---พอถึงกลางบท หมา ที่บ้านญาติ ซึ่งห่างกันประมาณ 200 เมตร อยู่ตีน หรือเชิงเขา ด้านล่าง หอนตลอด...(อาจจะเพราะว่า กลางคืนเงียบ และสวดบนเขา เสียงดัง )
**--มังคะละสุตตัง มงคล38ประการ
--อาฏานาฏิยะปะริตตัง (ในส่วน ของ พุทธเจ้า 28 พระองค์ ..นะโมเม สัพพะพุทธานัง )
--เมตตัญ (ในบท กะระณียะเมตตะสุตตัง )
**--โพชฌังคะปะริตตัง

<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">--อะภะยะปะริตตัง ยันทุน
--สักกัตวา
--นัตถิเม
--ยังกิญจิ
--ขันธะปะริตตะคาถา วิรูปักเข ( แผ่เมตตาให้ สัตว์เลื้อยคลาน ,เหล่า พญานาค ,งู .... )
--อิติปิโส , สวากขาโต ,สุปฏิบันโน (ห้องพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ )
--ชัยมงคลคาถา
--มงคลจักรวาฬใหญ่
--ให้พร (ภะวะตุสัพ )
***เสร็จ ประมาณ 00.35 น. เสียงหมา หอน จึงหายไป

๑ มค ๒๕๕๕ จึง น้อมอัญเชิญ ภาพ พระภูมิพโล พ่อหลวง ใว้ ในห้องพระ เรือนเนินเขา เป็นมิ่งขวัญ ด้วย วันดี ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๒ (วัน อมฤกติโชด )


<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">


<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">กลางวัน ดูแล ติดตั้ง เรื่อง พื้น ห้องพระ , ผนัง กลางคืน เข้าเพียร ตามสภาวะ บางคืน ไม่สบาย เนื่องจาก ตากฝน เมื่อพักผ่อนตามปกติ กายสังขาร จึงมี สดชื่นดังเดิม ด้วยเอกา อาหาร ๑ มื้อ เช่นเดิม ๓๔๗ วัน
<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">
---พร้อมกับ ความฝัน ตอนรุ่งเช้า วันนี้... 3 มค.55

<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">
ว่า โต๊ะ (มุสลิม ) โต๊ะกายทิพย์ ยกลูกสาว กายทิพย์ ให้ แต่ ในความฝัน ยังมีสติ บอกว่า ...ขอบคุณ ในไมตรีจิต แต่ด้วย จิต ที่เรา สร้างสมมา ในความประพฤติ อย่างนี้ เข้าปี ที่ ๗ แล้ว คงรับ ที่โต๊ะ ยกให้ไม่ใด้

<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">รุ่งเช้า สวดมนต์ทำวัตร์ เช้า จึง ตั้งจิต ขอให้ เธอ เป็น พี่ น้อง เพื่อน ลูก หลาน ช่วยงานกัน ตาม วาระ ...โต๊ะ ในที่นี้ น่าจะ หมายถึง โต๊ะ เขาพระหมี หรือ ชาว อิสลาม เรียกว่า เขาปะหมี ( ปะ คือ พ่อ ) เขาพระหมี เป็น เขาสูงใหญ่ มาก ความสูงประมาณ 700-1000 เมตร ขึ้น
ในอดีต เป็น ชุมชนโบราณ นักปฏิบัติธรรม กล่าวว่า คือ ดินแดน ลับแล หรือ ดินแดน หิมพานต์ ซึ่งคลุม ถึง อ.คุระบุรี จ.พังงา - อ.สุขสำราญ จ.ระนอง


<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">มีคนพบ ฤาษีบำเพ็ญจิต อยู่ ต่อมา ฤาษี หายไป..
<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">มีคน ขึ้น อัญเชิญ ธงชาติสยาม บนยอดเขา..
บางคนกล่าวว่า ฮ. ไม่กล้า บินผ่าน

มี ตำนาน คือ..
--หน้าผาดำ ถ้ำมรกต ... คือ ต้องปีนป่าย หน้าผาดำ ความสูงประมาณ ...เมตร จากนั้น จะเจอถ้ำ ในถ้ำ จะมี สิ่ง บังบด หรือ... ไข่ในหิน หรือ อัญมณี สมัยโบราณ ที่ ส่งถวาย เจ้าเมือง ...เป็ย เครื่องบรรณาการ..

ด้วย อ.คุระบุรี , ชุมชนเกาะพระทอง ,ชุมชน เกาะละ , ชุมชนเกาะคอเขา ,ชุมชนเมืองตะโกลา หรือตะกั่วป่า ,ชุมชน เขาทอง กำพวน สุขสำราญ จ.ระนอง เป็นเมืองท่าเก่า หลายสมัย ที่ซ้อน กัน
ซึ่ง ในปัจจุบัน ชาวบ้าน ขุดพบ ลุกปัด , ถ้วยชาม แม้กระทั่ง ชิ้นส่วน ของ สมัย ไอยะคุป ที่เป็นข่าว...

เขา ด้านตรงข้าม ที่ นาคา สร้าง เรือนพักกาย พักจิต นั้น มี สถูปโบราณ อยู่ ซึ่งชาวบ้าน ใด้ขุดค้นหา ลูกปัด มี คนพบ พระพุทธรูปทอง... หน้าตัก ...นิ้วขนาดใหญ่ ( ปัจจุบัน น่าจะมี กายทิพย์ รักษา อยู่ในถ้ำ ในส่วนลับแล )

ชุมชนเกาะคอเขา ต่อมา ใช้ชื่อ เป็น กิ่งอ.เกาะคอเขา ต่อมาเปลี่ยนเป็น อ.คุระบุรี ...

ภาพดวงธรรม พื้นปาเก้ ด้าน มุมซ้าย ข้าง ถัง เช้า วันที่ ๓ มค


เขา ที่มี สถูปเก่า บนยอดเขา อยู่ห่างกัน ประมาณ ๓๐๐ เมตร ( ซึ่ง คุณพ่อเคยมาจับจอง ที่ดินใว้ แต่ ด้วยสภาพ ต้องข้าม ป่าโกงกาง ..


<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">
ภาพเก่า เมื่อ 13 เมษา 2551 ( สถูปเก่า ใด้ร่วมกับ น้องชาย รวบรวม ก้อนอิฐมาเรียงเพิ่ม พร้อมภาพถ่ายติด...) ในกระทู้ มหานาคี มหานาคี ครุฑา รักษา.. หน้า2


<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">

ภาพ ประมาณ 28 มค 2554 เพื่อนวิทยุสมัครเล่น มี hs0syy, hs8stf ,hs8hnb ,hs8osw
รวบรวม ก้อนอิฐ มาก่อเพิ่ม พร้อมอัญเชิญ เหรียญทำน้ำมนต์ ใว้

<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">จากนั้น ปักกลดกลั่นบริเวณ ใน บริเวณ สร้าง เรือนพักกาย พักจิต 2 คืน



<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">


<LI class="uiUfiComment comment_293225690730185 ufiItem ufiItem">ภาพ เดินทางขึ้น เขาพระหมี 1/4 ของเขา (เขาปะหมี ,เขาโต๊ะหมี เมื่อประมาณ 18/11/2009 )
http://palungjit.org/threads/อัญเชิ...บรรเทาภัยพิบัติ-ในพื้นที่ภาคใต้.193983/page-3

 

พูดได้คำเดียวว่า "สุดยอด" ไปเลยค่ะ ^.^

 

ช่วงปีใหม่ นี้ ยังไม่มีข้อมูล ร่วมบุญ ณ. สถานที่ใด ใด เพิ่มเติมครับ..

<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 5570935" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>คุณ ทารา คุณ</TD><TD class=alt1>mukmik ยินดี เยือนกระทู้ ครับ..
โมทนา ด้วยกันครับ..




</TD></TR></TBODY></TABLE>
ช่วง วันที่ ๖ มค. แวะบ้าน คุณจ๋อย Pattara Akanit จากนั้น ๑๙.๒๐ เดินขึ้นเนินเขา สามกอง (หลังห้างโลตัส ภูเก็ต ) หลังบ้าน แว็ป พักผ่อน จิต เล็กน้อย หลังเลิกงาน มองดู ดวงจันทร์ ใหญ่มากๆ กับ วันข้างขึ้น ๑๓ ค่ำ..

๑๕- ๑๗ มค. ๓ วัน กับการ พักกาย พักจิต บนเรือน เนินเขา ที่ อ.คุระบุรี พังงา ตามสภาวะ...

(ด้วยการ ต้อนรับ สภาวะจิต ของ เพื่อน ๆ ใน เว็ปพลังจิต มาเยือน ในค่ำคืน ๑๕ มค ตามสภาวะ ... )

** ปรับปรุง ระบบสัญญาณ สื่อสาร ข่าย วิทยุสมัครเล่น จน รับ คลื่นสัญญาณ ใด้ ทั้ง..

- ระบบทวนสัญญาณ จาก ภูเก็ต คู่ที่ ๑ ความถี่ ๑๔๕.๗๐๐ -
- ระบบทวนสัญญาณ จาก ระนอง....... ความถี่ ๑๔๕.๖๒๕ -
- ระบบทวนสัญญาณ จาก สุราษฎร์..... ความถี่ ๑๔๕.๖๕๐ -

-- กลุ่มอันดามัน ตะกั่วป่า ...............ความถี่ ๑๔๔.๘๐๐ (ทดสอบสัญญาณ ทุกคืน เวลา ๑๙.๓๐- ๒๐.๐๐ ) ซึ่ง สามารถ รับสัญญาณ ในกลุ่ม
---บ้านทุ่งละออง อ.คุระบุรี
---เกาะยาว (บางสถานี )

-- คลื่นสัญญาณ กลุ่ม นาสาร สุราษฎร์ฯ ....ความถี่ ๑๔๕.๗๑๒๕ - ระบบทวนสัญญาณ

**ปรับปรุงระบบ สัญญาณ วิทยุสื่อสาร เรื่อยๆ ด้วย สายอากาศ
--- โพลเด็ดไดโพล 4 ห่วง
--- เจโพล 2 ห่วง

 

<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 5596141" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>ถาวโร(ถา-วะ-โร)</TD><TD class=alt1>อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Falkman
พึ่งจะทราบข่าวว่า หลวงปู่มีชัย ท่านเข้านิโรธ 7 วัน (ต้นเดือนธันวาคม) ในป่า ที่ตรงทะเลสาปโตบา สุมาตราเหนือ อินโดนีเซีย สาธุ


</TD></TR></TBODY></TABLE>
สาธุ สาธุ สาธุ

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 5596600" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>ทารา</TD><TD class=alt1>สาธุ สาธุ สาธุ </TD></TR></TBODY></TABLE>น้อมกราบ สาธุ สาธุ สาธุ การ ขอรับ พระคุณเจ้า ที่หลวงปู่ มีชัย ท่านเมตตา ..

<TABLE borderColor=#d9d9d9 cellSpacing=0 borderColorDark=#ffffff cellPadding=3 width="100%" borderColorLight=#d9d9d9 border=1><TBODY><TR class=RH><TD>วันที่ </TD><TD>เวลา</TD><TD>จุดศูนย์กลาง</TD><TD> ละติจูด</TD><TD>ลองจิจูด</TD><TD> ขนาด</TD><TD>ลึกจากพื้นดิน</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#d9d9d9 cellSpacing=0 borderColorDark=#ffffff cellPadding=3 width="100%" borderColorLight=#d9d9d9 border=1><TBODY><TR class=RADS align=middle><TD>11 ม.ค. 55</TD><TD>01:36</TD><TD align=left>OFF W COAST OF NORTHERN SUMATRA</TD><TD>2° 27' 00'' N</TD><TD>93° 12' 36'' E</TD><TD>7.3 </TD><TD>10 </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#d9d9d9 cellSpacing=0 borderColorDark=#ffffff cellPadding=3 width="100%" borderColorLight=#d9d9d9 border=1><TBODY><TR class=RADS align=middle><TD>31 ธ.ค. 54</TD><TD>13:14</TD><TD align=left>KEPULAUAN SULA, INDONESIA</TD><TD>1° 06' 00'' S</TD><TD>126° 53' 24'' E</TD><TD>4.9 </TD><TD>40 </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#d9d9d9 cellSpacing=0 borderColorDark=#ffffff cellPadding=3 width="100%" borderColorLight=#d9d9d9 border=1><TBODY><TR class=RADS align=middle><TD>22 ธ.ค. 54</TD><TD>19:11</TD><TD align=left>SOUTH OF JAVA, INDONESIA</TD><TD>9° 03' 36'' S</TD><TD>107° 46' 12'' E</TD><TD>5.3 </TD><TD>60 </TD></TR></TBODY></TABLE>

A.4 war room..

http://palungjit.org/threads/ประกาศข่าวแผ่นดินไหว-and-การคาดการณ์.51734/page-244#post5599203

 

วัดรัษฎารามที่ภูเก็ตบายพาส
มีพระมาปริวาสกรรม จำนวน100 กว่าองค์
นำโดยพระอาจาร์เดช วัดสุมะโณเริ่มตั้งแต่วันที่ 13-22 มค55
ตอนเย็นพระอาจาร์พาเดินจงกรมนั่งสมาธิและสวดมนต์
ได้ไปใส่บาตรพระที่มาปริวาสกรรม แค่ 2วันเองฮะ
แจ้งให้ทราบ
ขออนุญาตคุณนาคานะฮะ ขอบคุณ

 

ขออนุญาต คุณ Falkman น้อมนำ ภาพ ,ชีวะประวัติ หลวงปู่มีชัย อีกครั้งครับ..

ประวัติหลวงปู่มีชัย

หลวงปู่มีชัย ท่านเป็นคนอารมณ์ดี พูดน้อย ท่านจะไม่มีอิริยาบทนอน คือ ใช้วิธีนั่งหลับ (ก่อนจะเล่าต่อไป ขอออกตัวก่อนว่า ใช้ศัพท์พระไม่ค่อยเป็น อาจผิดบ้างถูกมั่งต้องขออภัย) ฉันอาหารเจ ฉันมื้อเดียว ตื่นนอนแต่เช้า ตีสาม

ท่านบอกว่า ถ้าทำสมาธิลึกๆ หลับจริงๆ วันละครึ่งชั่วโมงก็อิ่มแล้ว อืมมม ท่านเคยนั่งสมาธิ 7วัน 15 วัน โดยไม่นอน ไม่ฉัน ติดต่อกัน (ไม่รู้เขาเรียกอะไร) แต่เวลาท่านสอนลูกศิษย์ ท่านบอกว่า นั่งสมาธิ ไม่ต้องนั่งนานหรอก ถ้าเดินจงกรม 1 ชั่วโมงให้มานั่งพิจารณา 15 นาที แล้วไปเดินใหม่ ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ หรือ ถ้าใช้ชีวิตประจำวันปกติ ก็ให้มีสติตลอด พยายามให้จิตมาอยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด อย่าให้ไปไหนไกล

ท่านเป็นคนจังหวัดสุรินทร์ ท่านบอกว่าเคยเป็นเด็กวัด วัดบูรพาราม แล้วก่อนท่านบวชเคยเป็นโยมอุปัฏฐากหลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่ดูลย์เคยเมตตาไปงานศพของโยมพ่อ ของหลวงปู่ หลวงปู่บอกว่าหลวงปู่ดูลย์กับหลวงปู่สามจะสนิทกันมาก แค่คนไม่ค่อยรู้จักหลวงปู่สามดี เพราะท่านไปอยู่ในป่าเสียมากกว่า ส่วนหลวงปู่ดูลย์ท่านอยู่ในเมือง เคยถามหลวงปู่มีชัยว่า หลวงปู่ดูลย์ท่านสอนเรื่องอะไรบ้าง หลวงปู่บอกว่า ท่านเน้นเรื่องสติอย่างเดียวเลย (ตอบมาสั้นๆ อย่างนี้)
หลวงปู่มีชัยท่านใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำมาประมาณ 17-18 ปี ถ้ำที่ท่านอยู่นานที่สุดคือ ถ้ำกระแชง ในนั้นมีเขาชื่อ เขาหิมะพานต์ (หลวงปู่เอามาตั้งชื่อวัดที่ปีนัง ที่ท่านสร้างไว้) ในถ้ำนั้นมีสิ่งแปลกประหลาดมากมาย
โล๊กเซี่ยเคยเล่าว่าหลวงปู่เคยบอกว่าถ้ำระแวกนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก เป็นที่ๆพระพุทธเจ้าและพระสาวก มาปฏิบัติภาวนากัน ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะกลับไปตรัสรู้ โล๊กเซี่ยเล่าว่า มีอยู่วันหนึ่งเค้าเดินไปสำรวจบริเวณถ้ำ แล้วอยู่ดีๆ ถ้ำที่เคยเห็นทุกวัน กลับกลายเป็นคล้ายๆ เหวลงไป แล้วผนังถ้ำจะเป็นถ้ำเล็กๆ แต่ละถ้ำจะเป็นที่นั่งภาวนาของพระอริยสงฆ์
แต่ละถ้ำจะมีพระธาตุประจำถ้ำ แล้วแต่ละถ้ำจะติดผนังถ้ำ เวลาเดินไปแต่ละถ้ำเหมือนกับมองลงเหว แต่เขาแปลกใจว่าทำไมเขาถึงข้ามไปได้ เขาไปแต่ละถ้ำเก็บพระธาตุที่ประจำแต่ละถ้ำมาด้วย มีพระธาตุพระสิวลี พระโมคลาน์ พระสารีบุตร และอีกหลายๆ พระธาตุ โล๊กเซี่ยบอกว่าหลวงปู่บอกว่าตรงนั้นเขาเรียกป่าหิมะพานต์ มีทั้งพระอรหันต์ คนธรรพ์ เทวดา นางฟ้า และอีกมากมาย (จำไม่ได้หมด) โล๊กเสี่ยบอกว่าเขาตื่นเต้นมากแล้วเค้าพาภรรยาของเค้ามาอยากให้เห็นเหมือนที่เขาเห็น แต่คราวนี้ไป กลับกลายเป็นเถาวัลย์ปกคลุมไปทั่ว ต่างกับวันนั้นที่เขาเห็นมาก เช่นเดียว กับพี่กวย พี่กวยเคยเห็นหินงอกออกมาคล้ายๆ คน หลวงปู่บอกว่าเป็นพระอรหันต์ท่านทิ้งร่างไว้ วันต่อมาพี่กวยพาภรรยามาเพื่อจะไปดูอีก แต่ปรากฏว่าหายไปแล้ว หลวงปู่เลยบอกว่า ของพวกนี้เขาตั้งใจให้ดูเป็นคนๆ ไป ไม่ใช่ให้ทุกคนไปดูทุกคนเลยเข้าใจ

พี่กวยเคยบอกว่า ถ้าอยู่กับหลวงปู่ ลองถามเรื่องธรรมะสิ หลวงปู่จะอ้างอิงไปถึงสมัยพระพุทธเจ้า เล่าได้เป็นฉากๆ เลย พี่กวยบอกว่าหลวงปู่ไม่ได้ใช้วิธีจำจากพระไตรปิฏกแต่น่าจะมีญาณอะไรดู (อิอิ อันนี้ก็ไม่แน่ใจ)

หลวงปู่เคยให้คาถาแก้วสารพัดนึกมา ท่านบอกว่า พระธุดงค์ ไม่ใช่จะปลอดภัยทุกรูปนะ มีตายจากสัตว์ร้าย สิ่งไม่ดีต่างๆ ในป่า มีจำนวนมากที่ต้องเสียชีวิตไป หลวงปู่บอกว่าคาถานี้หลวงปู่ท่องทุกวันตอนอยู่ในถ้ำ ป้องกันสัตว์ร้าย สัตว์มีพิษ หรือสิ่งที่จะมาทำร้ายเรา พี่หมวยก็เคยเล่าว่า (พี่หมวยกับสามีเคยไปปฏิบัติ หลวงปู่อยู่บนถ้ำ) ตอนนี้ถ้ำปิดแล้วเพราะไม่มีหลวงปู่อยู่ มีงูเยอะ งูใหญ่งูมีพิษเยอะ ไม่มีใครกล้าเข้าไป พูดถึงงู

เคยมีงูใหญ่ตามหลวงปู่มาที่วัดที่ปีนัง มานอนอยู่บนเบาะที่หลวงปู่ใช้นั่ง ทุกคนตกใจ กำลังจะไล่ไป พอหลวงปู่มาเห็นหลวงปู่บอกว่า อย่าไปทำร้ายเขา เขามาดี เขาตามหลวงปู่มาจากบนเขา แล้วหลวงปู่หันไปพูดกับงูว่า กลับไปเถอะ อย่ามาที่นี่เลย คนเค้ากลัว เค้าจะทำร้ายเอา อีกแป๊ปงูเลื้อยลงจากเบาะหลวงปู่ หายเข้าไปในป่าเลย หลวงปู่บอกว่า พวกงูพวกนี้เขาปฏิบัติเหมือนคนแหละ เขาจะไปภาวนาในถ้ำ ถ้าเจออีกอย่าทำร้ายเขานะ แต่ไม่นานก็มีงูใหญ่อีกตัวมาที่วัดที่ปีนังอีก ตอนนี้ไปอยู่บนต้นไม้ หลวงปู่ให้กลับไม่ยอมกลับ จะห้อยตัวบนต้นไม้ แต่หลวงปู่สั่งคนแถวนั้นว่าห้ามไปทำร้ายงูตัวนั้น ตอนหลวงปู่จะออกจากวัดเพื่อไปรับกิจนิมนต์ งูจะขู่ฟ่อใหญ่ทุกครั้ง ผลที่สุดงูนี้ก็กลับเข้าป่าไปอีก
งูใหญ่ ที่ถ้ำ


เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้าได้ไปกราบหลวงปู่มา โล๊กเซี่ยก็ไปด้วย (ถ้าไปคนเดียวไม่มีโอกาสได้สนทนากับหลวงปู่ถึงดึก)

ก่อนกลับข้าพเจ้าถามหลวงปู่ว่า หลวงปู่คะ รูปงูหน้าวัดที่มีคนเอามาแขวนคือ งูอะไรเหร๋อคะ หลวงปู่บอกว่า
อ๋อ งูตัวนี้มาช่วยเฝ้าถ้ำให้หลวงปู่ ตอนนั้นหลวงปู่อยู่ในถ้ำ วันที่หลวงปู่จะไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช หลวงปู่
ก็บอกเจ้าที่เจ้าทางให้ช่วยเฝ้าถ้ำให้หลวงปู่หน่อยจะเดินทางเข้ากรุงเทพ ก่อนหลวงปู่จะไปมีงูใหญ่เลื้อยมา
จากไหนไม่รู้ แล้วมานอนขดอยู่ที่ปากถ้ำ แล้วหลวงปู่ก็เดินทางไปกราบพระสังฆราช

หลวงปู่เล่าว่าตอนไม่อยู่ ไม่มีใครเข้าไปในถ้ำได้เลย เจ้างูนอนขวางอยู่ตลอดเวลา พอหลวงปู่กลับมา กำลัง
เดินมาที่ถ้ำ เจ้างูตัวนี้เลื้อยหนีไปเลย หลวงปู่บอกว่า งูตัวนี้แปลกอย่าง เค้าจะไม่ให้เราเห็นหัวเลย ไม่มีใครเห็น
หัวงูตัวนี้ เห็นแต่เลี้อยไปมา ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่พอลาหลวงปู่กลับบ้าน ข้าพเจ้ามาคุยกับโล๊กเซี่ยว่า
คุณเคยเห็นงูตัวนี้หรือเปล่า โล๊กเซี่ยตอบว่า เคย ทุกคนที่ไปที่ถ้ำจะเจองูตัวนี้ งูตัวนี้มีลักษณะแปลกอย่างนึงคือ
ที่หาง จะแบนๆ คล้ายๆ ฝ่ามือคน ไม่ใช่กลมๆ เหมือนงูทั่วไป แล้วไม่มีใครเห็นหัวเจ้างูตัวนี้ได้เลย จะเลื้อยไปมา
ข้าพเจ้าก็ถามว่า หรือว่า เป็นพญานาคหล่ะ โล๊กเซี่ยตอบว่า

ตอนที่อยู่ถ้ำหลวงปู่เคยบอกโล๊กเซี่ยแล้วว่านี่เป็น
พญานาคจริงๆ งูที่เราเห็นอยู่ จริงๆ เค้าตัวใหญ่กว่านี้มากนะ แต่เค้าแปลงมา ลดย่อขนาดมา ไม่ให้ผู้คนตกใจ
อิอิ ข้าพเจ้าเลยบอกว่า อ๋อๆ แล้วข้าพเจ้าถามว่ารูปได้มาอย่างไร ก็ได้คำตอบว่า ตอนหลวงปู่กลับมาจากไป
เข้าเฝ้าพระสังฆราช อังได้ถ่ายรูปนี้ไว้ แล้วเอามาอัด เอามาขยายแล้วเก็บไว้ที่วัด

ถ้ำที่หลวงปู่เคยอยู่ พี่หมวยบอกว่า ตอนนี้ถ้ำปิดแล้ว ไม่มีใครไปอยู่ได้เลย บางทีไปเจองูตัวใหญ่มาก สีขาวทั้งตัว หรือบางทีสีดำทั้งตัว อยู่ในถ้ำ บางคนเข้าไปเคยเจอแล้ววิ่งออกมาไม่ทัน เค้า บอกว่า ตัวใหญ่เรียกว่าแทบจะเต็มถ้ำเลย

แม่ชีลัดดา ที่เคยไปปฏิบัติกับหลวงปู่ก็เล่าว่า ตอนที่แม่ชีนั่งสมาธิในถ้ำ ก็มีงูใหญ่มา แล้วมานอนมองแม่ชีนั่งสมาธิ
แม่ชีกลัวมาก หลวงปู่เลยบอกเจ้างูให้ออกไป เค้าก็เชื่อโดยดีนะ โดยมีคนเอาไฟฉายนำทางออก เจ้างูเค้าก็เลื้อยออก ไปตามแสงไฟฉาย

หลวงปู่เคยตายไปฟื้น 3วัน 2คืน
ไปถึงวัด คนเยอะพอสมควร แต่ก็นั่งข้างๆ หลวงปู่ พอคนขาดช่วง ก็สนธนาธรรมกับท่าน อิอิ เรื่องการปฏิบัติ กับข้อสงสัยใน การปฏิบัติท่านก็อธิบายให้ฟัง ท่านบอกว่า ดีแล้ว สังเกตอย่างนี้ อะไรเกิดขึ้นกับจิต ก็ให้สังเกตไป ถ้าเราปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่ได้ไปสังเกต เฝ้าดู ก็เหมือนมันผ่านไปโดยไร้ค่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็จะไม่ได้อะไรเลย ข้าพเจ้าช่วยหลวงปู่ทำงาน มีโล๊กเสี่ย ข้าพเจ้า พระอังเดร แล้วหลวงปู่ ท่านก็สอนไป เราก็ทำงานของเราไป จนทุ่มนึงพระมาทำวัตร พวกเรา (ข้าพเจ้ากับโล๊กเสี่ย) ก็นั่งข้างหลังพระ พระท่านสวดพวกเราก็นั่งสมาธิ จนกระทั่งพระท่านนั่งสมาธิกันเสร็จ แล้วเราก็มาทำงานกันต่อ แล้วข้าพเจ้าเลยเล่าให้หลวงปู่ฟังว่า ข้าพเจ้าพึ่งได้ฟังเทศน์พระรูปหนึ่งแต่จำชื่อไม่ได้ ท่านตายแล้วฟื้น แล้วไปเห็นสวรรค์นรกมาเล่าให้หลวงปู่กับโล๊กเสี่ยฟัง แล้วเล่าไปเล่ามา เลยเอะใจมาว่า เคยได้ยินว่าหลวงปู่เคยตายแล้วฟื้นหนนึง แต่ไม่เคยได้ยินจากปากท่าน ท่านยิ้มๆ แล้วบอกว่า จริง ที่พระท่านเห็นมาอย่างนั้นหล่ะจริง

ข้าพเจ้าเลยบอกให้หลวงปู่เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ หลวงปู่ท่านก็เมตตาเล่าให้ฟัง (พวกเราก็ทำงานของพวกเรากันไป ท่านก็ทำของท่านแล้วเล่าให้ฟัง) ท่านก็เล่าให้ฟังว่าท่านเป็นมาอย่างไร ข้าพเจ้าขอเรียบเรียงใหม่ ตั้งแต่เหตุการณ์เริ่มต้นนะ

หลวงปู่ท่านบอกว่า ท่านคิดว่าที่ท่านตายเป็นวิบากกรรมที่ท่านได้ทำไว้ด้วย ท่านเล่าว่าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ (ตอนนั้นท่านยังเป็นฆราวาส) เมื่อก่อนท่านมีฟาร์มเป็ดเลี้ยงเป็ดไว้ 300 ตัว เพื่อเก็บไข่ไปขาย แล้วก็มีไร่ มีนา ปลูกข้าว แล้วมีอยู่วันหนึ่ง หมูของเพื่อนบ้านเข้าไปกัดข้าวทำความเสียหายหมดเลย ท่านเลยเกิดโทสะ เอาหมาสามตัว มาดมกลิ่นหมูว่ามันอยู่ไหน พอหาเจอ ท่านตีมันด้วยความโมโห จนมันตาย แล้วเอาเนื้อไปให้คนแร่ พอภรรยาท่านกลับมาบ้าน ภรรยาท่านต่อว่า ว่าทำไปได้อย่างไร วันนี้ก็วันพระ แล้วศีลที่ถือไว้หายไปไหน ท่านโดนภรรยาต่อว่าอย่างแรง

หลังจากนั้นไม่เกินเดือนท่านไม่สบายเป็นอัมพฤต อยู่เกือบสามเดือน หมดเรี่ยวแรง ทำอะไรไม่ได้เลย ลมหายใจก็แผ่วเบาเต็มที มีอยู่วันหนึ่งภรรยาท่านบอกว่า มีพระธุดงค์ มาปักกรดอยู่แถวนี้เลยคิดว่าจะไปหาท่านให้ท่านช่วยรักษา แล้วท่านก็ไปหาพระธุดงค์เพื่อนทำการรักษา พระธุดงค์รูปนั้นคือ หลวงปู่สาม นี่เอง _/\_ ข้าพเจ้าก็ไม่ทันได้ฟังว่าหลวงปู่สามท่านรักษาอย่างไร (เดี๋ยวไปเช็คกับหลวงปู่อีกที) แต่ท่านบอกว่าหลวงปู่สามท่านให้ภาวนาเอาไว้ พุทโธ พุทโธ นี่แหล่ะ หลังจากนั้นไม่นานหลวงปู่ท่านอาการหนักมาก หายใจไม่ได้เลย ก่อนท่านจะสิ้นลมหายใจท่านได้อธิฐานไว้ว่า ถ้าหายจากคราวนี้ท่านจะบวช แล้วท่านนึกถึงคำสอนของหลวงปู่สามว่าให้ท่องพุทโธ พุทโธ อย่างมีสติไว้

หลังจากท่านสิ้นลมหายใจ ท่านบอกว่าเหมือนมีคนมาเรียกชื่อท่าน ท่านก็ขานรับแล้วเค้าก็พาท่านไป ข้าพเจ้าก็ถามท่านว่าคนพาท่านไปแต่งตัวอย่างไรหล่ะ ท่านบอบอกว่าใส่ชุดสีฟ้า คล้ายกับหมอหรือพยาบาลในโรงพยาบาลนั่นแหล่ะ แล้วข้าพเจ้าถามว่าหน้าตาหล่ะเป็นอย่างไร ท่านบอกว่า ขึงขังน่ากลัวมาก หลังจากเค้าพาท่านไป ท่านบอกว่าก็ผ่านโลกมนุษย์ผ่านโลกวิญญาณไปถึงที่แห่งหนึ่ง เหมือนศาลาว่าการ พอไปถึงก็จะไปลงทะเบียน แล้วจะมีความดี ความชั่วที่เราทำปรากฏมาให้เห็นทั้งหมด อาหาร ผ้าไตร หรืออะไรที่เราเคยทำไว้ จำได้หรือไม่ได้มันผ่านมาให้เห็นทั้งหมด แล้วยมบาลถามว่าที่ทำนี่จริงใช่หรือเปล่หลวงปู่ท่านก็บอกว่าใช่

รอสักพัก มีคนเอาตัวท่านไปอีกที่ ท่านบอกว่า เป็นห้องๆ มีทั้งหมด 11 ห้อง แล้วห้องที่ท่านถูกพาไปเป็นห้องสุดท้ายพอดี ห้องที่ 11 พอเข้าไปห้องนั้นภาพที่เคยทำไว้ฉายออกมาหมดเลย แล้วอีกสักครู่มีพยายมเข้ามาพร้อมกับบัญชีในมือ ถามว่า หลวงปู่ชื่ออะไร หลวงปู่ตอบว่า ชื่อ มีชัย แล้วพยายมถามนามสกุลท่านท่านบอกว่า ไม่ใช่ คนนั้นอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งถัดไป
ไม่ใช่ท่าน พยายมบอกว่า อ้าวอย่างนี้ผิดตัวแล้ว เอาไปส่งคืน ข้าพเจ้าถามว่าพยายมหน้าตาเป็นอย่างไร ท่านบอกว่า หน้าตาดุดัน น่ากลัวมากที่สุด (แต่ลืมถามว่าแต่งตัวอย่างไร อิอิ เดี๋ยวไปถามใหม่) หลังจากนั้นมีคนพาท่านออกจากห้อง แล้วก็พามาส่ง

ข้าพเจ้าเลยถามว่า แล้วมาส่งอย่างไร ท่านบอกว่ามีม้าสีขาวมีบังเหียร พร้อมสรรพ มาส่งที่บ้าน พอท่านลงจากหลังม้า ท่านก็พบว่าท่านมาอยู่บริเวณบ้าน แล้วท่านมาเดินๆ อยู่รอบๆ บ้าน แล้วมานั่งพักอยู่โคนต้นมะม่วง แล้วไม่รู้อย่างไรอยู่ดีๆ ไปอยู่ที่โรงศพที่เก็บศพท่าน(ท่านบอกว่า อยู่บ้านนอกไม่ได้ฉีดยากันศพเน่าหรอก ถ้าฉีดไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร) แล้วท่านก็รู้สึกตัวอีกที ท่านบอกว่ามีผ้าห่อตัวอยู่แล้วพยายามดิ้นมาก แล้วได้ยินคนบอกว่า ผีตื่น แล้ววิ่งกันทั้งวัด

ข้าพเจ้าเลยถามว่า หลวงปู่รู้สึกอย่างไรหล่ะคะ ตอนรู้สึกตัวขึ้นมา ท่านบอกว่า รู้สึกว่าทั้งตัวชาไปหมด แล้วหนักๆ ด้วย แต่ตัวเองพยายามดิ้นสุดแรงเกิด จนคนรู้ว่าท่านฟื้นมาแล้ว หลังจากนั้นหลวงปู่ท่านบอกว่า มีนักข่าวจะมาทำข่าวด้วย แต่ท่านบอกว่า ยังไม่ได้ไปเห็นนรกหรือสวรรค์ ไปแค่ศาลาว่าการ ไปลงทะเบียนเฉยๆ พอรู้ว่าผิดตัวก็ได้กลับมา คงไม่มี

ข่าวอะไรหรอก แล้วท่านก็ย้ำกับข้าพเจ้าเรื่องพวกนี้มีจริง ท่านย้ำหลายหนมาก ท่านบอกว่า ที่ท่านกลับมาได้อาจเพราะว่าท่านมีสติ ตอนจะสิ้นลมหายใจก็เป็นได้ ไม่รู้ว่าคนตายแล้วไร้สติจะเป็นอย่างไร อีกอย่างต้องได้ผลจากที่หลวงปู่สามได้สอนท่านไว้ก่อนหน้านี้ ท่านบอกว่าตอนตายสิ่งที่นึกได้ดีที่สุดคือ ศีลที่ท่านรักษามาอย่างดี หลังจากนี้ท่านให้หนังสือเที่ยวเมืองนรกข้าพเจ้ามาอ่านด้วยเล่มนึง อิอิ

หลังจากที่ท่านฟื้นมาแล้ว ท่านบอกว่า ตอนนี้หมดตัว เพราะขายทุกอย่างเพื่อมารักษาตัว จนหายแล้วท่านก็เริ่มชีวิตใหม่ด้วยการเช่าที่เปิดร้านก๊วยเตี๋ยว แต่ว่าขายได้ดีพอควร แล้วขายปอ ไปด้วย ตอนนั่นปอราคาดีจนท่านมีเงินก้อนมาอีกหน เลยซื้อที่ที่เช่าไว้ จนมาวันหนึ่งท่านจำได้ว่าท่านเคยสัญญาว่า ถ้าหายจะบวช ช่วงนั้นโยมพ่อของท่านเสียชีวิต ท่านเลยบวชหน้าไฟ ให้พ่อ ท่านบอกว่าในงานศพโยมพ่อของหลวงปู่

หลวงปู่ดูลย์ได้โปรดมางานศพของโยมพ่อท่านด้วย หลังจากงานศพผ่านไปแล้ว หลวงตา(น้องชายท่านตอนนั้นยังไม่ได้บวช) ถามท่านว่าเมื่อไหร่จะสึก ท่านตอบว่า ยัง รอออกพรรษาก่อนแต่พอออกพรรษา น้องชายก็มาถามอีก วาเมื่อไหร่จะสึก ท่านเลยไม่อยากตอบ แล้วเห็นคนเดินทางไปเชียงใหม่กัน ท่านเลยติดไปด้วย แล้วไปภาวนาที่เชียงใหม่นานเจ็ดปี
ท่านบอกว่า ที่เชียงใหม่เวลามันหนาวมันทรมานมาก หนาวจับใจจริงๆ หลังจากนั้นท่านก็เดินทางธุดงค์ลงมาทางใต้ มาอยู่ที่เขาหลัก ท่านบอกว่าตอนซึนามิลง ทุกอย่างหายไปหมดยกเว้นพระประธาน ท่านได้ธุดงค์จากเขาหลักมาแล้วผลสุดท้ายท่านได้มาอยู่ที่ถ้ำที่ภาคใต้ อยู่หลายถ้ำ แต่ถ้ำหลักๆ คือ ถ้ำนางแก้ว และอีกหลายที่ (ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าให้ฟัง)

 

ขอน้อม โมทนา ในพลังบุญกุศล ของ คุณ ทารา และ ครอบครัว ด้วยครับ วัดรัษฎารามที่ภูเก็ตบายพาส เข้า ปริวาสกรรม ประจำทุกปี ครับ
และ ปีนี้ นับว่า บุญดี ที่ พระอาจารย์เดช วัดถ้ำสุมะโน พัทลุง ท่าน เมตตา..

ยินดี เสมอ ครับ ใน พี่ ๆ น้องๆ เพื่อน ร่วมบุญ และ โพสส์ ในกระทู้ ด้วยกันครับ ช่วยกัน พลังบุญ เพื่อ บรรเทาภัยพิบัติ ..

คืน อาทิตย์ ๒๒ มค นี้ พิธีพุทธาภิเษก วัดฉลอง ภูเก็ต และ เริ่ม เทศกาลประเพณี ตรุษจีน ...

(ปีนี้ มี เดือน ๘ สองหน )

***ประมาณ ปี ๒๕๓๐ ผมบวช ครั้งแรก..เป็นพุทธบุตร มาจำที่ สำนักสงฆ์ สวน พุทธภูมิ (ซึ่งปัจจุบัน คือ วัดรัษฎารามที่ภูเก็ตบายพาส ) เดิน บิณฑบาตร จากสำนักสงฆ์ มาถึง หน้า โบ๊ทลากูน ในปัจจุบันนี้ ระยะทางประมาณ 2.5 กม ไปกลับ ประมาณ 5 กม.
ในสมัยนั้น ป่ารก และ ขึ้นชื่อในการทดสอบพระ ที่มาจำวัด จาก จิตวิญญาณ เนื่องจากด้านหน้า สำนักสงฆ์ จะมีเหตุการณ์ รถเกิดอุบัติเหตุบ่อย และ เส้นทางเปลี่ยว..

บวช เป็นพุทธบุตร ในครั้งนั้น จำวัดที่ อ.คุระบุรี จ.พังงา เพื่อนชาย ขับขี่รถกระบะ เกิด เสียหลัก เขา ตั้งจิต เรียก ชื่อ ผม ในขณะบวช ...( ซึ่ง รับ รู้ใน มิติ และ เพื่อนคนนี้ บอก จากนั้น เพื่อน นิมนต์ มา พักจำวัด ที่ สำนักสงฆ์ พุทธภูมิ ) รถเขา เสียหลัก พลิก ประมาณ 2-3 ตลบ แต่ ..ไม่เป็น อะไร..

ต่อมา เมื่อ ลาสิกขา ทราบ ว่า พระอาจารย์ รูปหนึ่ง ท่าน เดิน ขึ้น เขาหลัง สวนพุทธภูมิ เจอ ถ้ำ จึง ปักกลด ปฏิบัติ ธรรม ภาวนา ๑ คืน รุ่งเช้า ท่าน เดินลงมา เพื่อ นำพา โยมฆราวาส จะใด้ ปักกวาด ทำความสะอาด ในการพักภาวนา แต่...
เมื่อ พระอาจารย์ และ ญาติโยม เดินขึ้นเขา อีกครั้ง กลับไม่เจอ ถ้ำ...อีกเลย...

หลวงปู่สุภา กันตสีโล ท่านเคยเมตตา บอกว่า ...เขา ลูกนี้ ชื่อ เขานางพันธุรัตน์ (ลับแล )

ภาพ บุญ ล้างห้องน้ำ ,สุขา ชำระ จิตใจ สวนพุทธภูมิ เมื่อ 2552 ,...

 

สาธุ อนุโมทนาบุญครับ

 

หลวงพ่อ อารยะวังโส ท่านมา ปฏิบัติธรรมและสร้าง เป็น สำนักปฏิบัติธรรมภูหว้า ต่อมา จึงขออนุญาต ตั้งเป็น วัดป่าเทส รังสี

และ หลวงพ่ออารยะวังโส ท่านติดกิจนิมนต์บ่อย ใน แดนพุทธภูมิ อินเดีย
และ ในแต่ละเดือน หลวงพ่อท่าน จะ เข้า ใน พระราชวัง...

ใจตรงกัน ในวาระ วันศุกร์ ๒๐ มค .ตั้งใจ จะ ภาวนา ที่วัดป่าเทส รังสี ต้นน้ำตก กระทู้ ภูเก็ต (วาระ ตั้งจิต ทาน เอกา อาหาร ๑ มื้อ ครบ ๓๖๕ วัน หรือ ๑ ปี ,ธุดงส์ควัตร ในบางช่วง )

เพื่อน โทรฯติดต่อมา จึงพร้อมกัน ด้วย hs0syy , hs8stf ( คุณ สฤกษดิ์ ทองด้วง , คุณจ้อย ) เดินทางขึ้น วัดป่าเทส รังสี ณ.เวลา ๒๑.๑๐ โดยประมาณ
***การเดินทางขึ้น วัดป่าเทส รังสี (ภูเก็ต )ต้องใช้ความชำนาญ เพราะจะมี ช่วง ที่ โค้งหัก และ ขึ้นเนิน ทันที ซึ่งอันตรายพอสมควร ในกรณี ที่ใช้ รถเกียร auto จะ สะดวก แต่ ให้ชำนาญทาง , รถ 4WD จะผ่านสะดวก

มีพระอาจารย์ ๒ รูป ท่าน มาภาวนา ที่ศาลาการเปรียญ ( โบสถ์ )
จากนั้น จึง น้อม จุดธูปเทียน ถวาย สักการะ พระธาตุเจดีย์ ภูหว้ารัตนะคีรี
และ สวดมนต์ ทำวัตรเย็น ด้วย กัน ที่ศาลา ปฏิบัติธรรม จากนั้น สนทนาธรรมเล็กๆน้อยๆ ประมาณ ๐๑.๓๐ จึงพักผ่อน

รุ่งเช้า น้อมถวาย นมกล่อง ๒ กล่อง (ที่นำมาดื่มในยามค่ำคืน ) แด่ พระอาจารย์ทั้ง ๒ รูป ใน ฝาบาตร
นิมนต์พระอาจารย์ ท่าน ขึ้นรถ ลงมา ที่เชิงเขา เพื่อ โปรด ญาติโยม ในการ ใส่ บาตร ยามเช้า ระยะ ทางประมาณ ๕-๗ กม.

ทราบข่าว ว่า..หลวงพ่อ อารยะวังโส ท่าน เมตตา มาโปรดทางภูเก็ต และเดินทางกลับ โปรดเมตตาทางอินเดีย ต่อ ก่อนหน้า นี้ ประมาณ ๒ วัน
หลวงพ่อ อารยะวังโส ท่าน เมตตา ให้พระอาจารย์ ท้ง ๒ รูปมาโปรด เมตตาโยมที่ภูเก็ต และ ฝึกปฏิบัติ.. ที่ ภูหว้า ...อันเนื่องจาก..ภพ เทพภูมิ..
ที่เหมาะต่อการปลีกวิเวก...
อย่างไร ... (ท่านต้อง ลองมา คืนภาวนา เอง แล้วจะเกิด ปัตจัตตัง รู้เห็น ภพ เทพภูมิเอง )

( ในช่วงนั้น ผมเดินทาง ไปบำเพ็ญ ภาวนา ที่ เรือน..นาคา..// .. เนินเขา ที่ อ.คุระบุรี พังงา , และ คุณจ้อย ไม่สบาย เล็กน้อย )

***ทราบข่าว งานบุญ --
วันเสาร์ ๒๘ มค เสาร์ ๕ นี้มีพิธีททองหล่อ องค์พระประธานวัดรัษฎาราม บายพาส ...

<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 5606845" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>ถาวโ
ร(ถา-วะ-โร)

</TD><TD class=alt1>อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ทารา
วัดรัษฎารามที่ภูเก็ตบายพาส
มีพระมาปริวาสกรรม จำนวน100 กว่าองค์
นำโดยพระอาจาร์เดช วัดสุมะโณเริ่มตั้งแต่วันที่ 13-22 มค55
ตอนเย็นพระอาจาร์พาเดินจงกรมนั่งสมาธิและสวดมนต์
ได้ไปใส่บาตรพระที่มาปริวาสกรรม แค่ 2วันเองฮะ
แจ้งให้ทราบ
ขออนุญาตคุณนาคานะฮะ ขอบคุณ


</TD></TR></TBODY></TABLE>
สาธุ อนุโมทนาบุญครับ


</TD></TR></TBODY></TABLE>
**ภาพ ไม่ขึ้น ไม่แน่ใจ เว็ป..หรือปรับปรุงข้อมูล แล้ว ค่อยมา แก้ไข ภาพ อีกครั้งครับ พยายามอัพ ภาพ ไม่ขึ้น )
เรียนสมาชิก ...ขอปิดบริการให้ upload รูปและfiles ต่างๆ เนื่องจาก ย้ายข้อมูล ไป harddisk อีกตัว เมื่อเสร็จแล้วจะใช้งานได้ปกติ คาดว่าคืนนี้.24/2/2555 จะใช้งานได้...จาก WebSnow <!--/VBSEO_VIRTUAL_HTML-->

วันเสาร์ ๒๑ เดินทาง เข้าวัดหลวงปู่สุภา ทราบว่า.. หลวงปู่ ท่านเมตตาโปรด ,ลูกหลาน เหลน ทางวัดคอนสวรรค์ สกลนคร(มาตุภูมิ ) จะกลับมาภูเก็ต ในวัน เสาร์ ๒๑ มค.

อาทิตย์ ๒๒ มค. มีพิธีพุทธาภิเษก วัดฉลอง ภูเก็ต จึงขอนุญาต น้อมนำ ของมงคล ,พร้อมภาพ องค์พระพุทธสัมมา ,หลวงปู่มุนียะบรมครูเทพโลกอุดร ,หลวงปู่ทวด , พ่อแม่ครูอาจารย์ เข้าพิธี ในครั้งนี้ ในวิหาร มณฑป หลวงปู่แช่ม หลวงป่ช่วง ,หลวงปู่เกลื้อม (ตามภาพ )

เพราะ ตั้งจิต จะอัญเชิญ ใว้ บนเรือน พักกายพักจิต เรือน นาคา...(มนสาเทวี )...//..เนินเขา
ที่อ.คุระบุรี จ.พังงา ในเพลา ที่เหมาะสม ต่อไป..

 

น้อมกราบ หลวงพ่อแดง วัดไม้ขาว ภูเก็ต ละสังขาร..

อาจารย์ แดง วัดไม้ขาว จ.ภูเก็ต พระสายธรรมยุต วัดป่า ละสังขารด้วยโรคชรา ศิริอายุ80ปี ณ ร.พ.สงขลาฯหาดใหญ่ เมื่อ 19 มกราคม 2555 เวลา 19.20 น. ศิษยานุศิษย์นำสังขารท่านมาภูเก็ตแล้ว จะทำพิธีรดน้ำ ใน 20 มค.55เวลา 14.00น. ณ วัดไม้ขาว หลังจากนั้นบรรจุและเก็บไว้ที่โบสถ์ รอกรรมการพิจารณาว่า จะสร้างเมรุภายใน 1 เดือนแล้วพระราชทานเพลิงในราวๆปลายกุมภาพันธ์2555 หรือ ตามที่ท่านได้สั่งลูกศิษย์คนหนึ่งไว้ว่า หากญาติโยมประสงค์จะเก็บร่างท่านไว้เพื่อพิจารณาธรรม เกิด แก่ เจ็บตาย ก็ทำได้ จึงต้องรอการสอบถามญาติโยมก่อน.....

หลวงพ่อแดง ท่าน เป็นพระสายธรรมยุต ตามปฏิปทา หลวงปู่ เทส เทสรังสี ท่านดำรงตำแหน่งท่านเจ้าอาวาสวัดไม้ขาว เมื่อปี 2521

เมื่อประมาณ 3 ปี ที่ผ่านมา นาคา ใด้ เข้ากราบหลวงพ่อแดง ตอนท่าน ฉันท์ เช้า หลวงพ่อแดง ท่าน เมตตา มองมาด้วยความเมตตา จากนั้น ท่าน เมตตาโยน กล้วย มาให้
จากนั้น กราบเรียน หลวงพ่อ เรื่อง คุณธนพล โรงหล่อ พระจะอัญเชิญ พระพุทธรูป มาถวาย แต่ ยังไม่แน่ใจ และยังไม่กำหนดที่แน่นอน ฯ ( แต่ ต่อมา คุณธนพล ไม่ใด้ ติดต่อมา )

 

บุญ พระอรหันต์ในบ้าน

วาระครบ ๘๘ ปี ด้วย

๑๑.การบำรุงบิดามารดา

พะหู เทวา มะนุสสา จะ มังคะลานิ อะจินตะยุง
อากังขะมานา โสตถานัง พ๎รูหิ มังคะละมุตตะมัง ฯ
อะเสวะนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา
ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
ปะฏิรูปะเทสะวาโส จะ ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา
อัตตะสัมมาปะณิธิ จะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
พาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต
สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
มาตาปิตุอุปัฏฐานัง ปุตตะทารัสสะ สังคะโห
อะนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ


นิมนต์ ท่านเจ้าคณะ อ.คุระบุรี ท่านเมตตา ในพิธี..
จากนั้น พิธี ตักบาตร ข้าวสวย ,น้อมถวาย ภัตตาหาร ,ปัจจัย

ท่านเจ้าคณะ อ. คุระบุรี ท่านเมตตา มอบ พระของขวัญ หลวงปู่ทวด รุ่นปี
๒๕๐๕ ( เมื่อ ปี ๒๕๕๔ ปีที่แล้ว ท่านเมตตา มอบ พระสมเด็จ งา ช้าง )
ใด้ กราบเรียน กับ พระ (เพื่อนรุ่นน้อง สมัย เรียน วิทยาลัยเทคนิคภูเก็ต ปี ๒๕๒๘ ที่ท่านใด้บวช มา ๘ พรรษา )

ทานอาหาร ร่วมกัน พร้อม ทั้ง คุณแม่ ในอดีต...,คุณครู ชินวุฒิ (คุณครู ที่สอนภาษาอังกฤษ สมัยเรียน โรงเรียน ดีบุกพังงาวิทยายน ) , พร้อมเพื่อนน้องสาว ทาง รพ.คุระบุรีชัยพัฒน์..

มอบพระบรมสารีริกธาตุ .พระธาตุข้าวบิณฑ์ แด่..
- คุณแม่ในอดีต..
- คุณครู ชินวุฒ
- เพื่อน น้องสาว
และ พระธาตุข้าวบิณฑ์ แด่ น้องๆ รพ.คุระบุรีชัยพัฒน์..ที่มาร่วมงาน..

ขออนุญาต จัดสรรค์ ปัจจัย ร่วมบุญ..
- คุณ บุญญสิกขา ....๑๐๐ บาท

​

 

มหาโมทนา มหามงคล บุญปรนนิบัติเลี้ยงดูมารดาบิดา

​

​

น้อมกราบมหาโมทนาบุญบำเพ็ญ ปัจจุบัน ณ ธรรมกิจ
เป็นแบบอย่างประเสริฐคุณ แก่เหล่าพี่น้องเครือญาติ
เจริญรอย ปฏิบติตาม เจริญบุญ ส่งผล ปิติใจ
สาธุ สาธุ สาธุ ​

​

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]๑๑. การบำรุงมารดา ๑๒. การบำรุงบิดา[/FONT]​

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]ขยายความมงคลข้อที่ ๑๑[/FONT][FONT=4711_AtNoon_Traditional] การบำรุงมารดาเป็นอุดมมงคล และ ๑๒ การบำรุงบิดา เป็นอุดมมงคล ในอรรถกถาท่านแยกการบำรุงมารดาออกจากการบำรุงบิดา เพื่อให้ครบมงคล ๓๘ แต่ตามความเป็นจริงแล้ว บุตรพึงบำรุงมารดาบิดาให้เป็นสุขเท่าเทียมกัน เพราะมารดาบิดาเป็นผู้ให้ชีวิตแก่บุตร ให้บุตรได้มีโอกาสเกิดมาดูโลกนี้ ถ้าปราศจากมารดาบิดาแล้ว บุตรจะมีโอกาสเกิดขึ้นมาดูโลกนี้ได้อย่างไร เพียงเท่านี้ก็นับว่าท่านทั้งสองมีบุญคุณแก่ลูกอย่างล้นเหลือแล้ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงการให้การอุ้มชู อุปการะ เลี้ยงดู ป้อนนม ป้อนข้าว ป้อนน้ำ มาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ อบรมสั่งสอนให้เป็นคนดี ให้มีการศึกษา มีการงานเป็นหลักฐาน ช่วยตนเองได้ บางครั้งก็ยังหาสามีและภรรยาที่เหมาะสมให้ด้วย เพียงเท่านี้ก็นับเป็นพระคุณล้นฟ้า ยากที่ลูกจะตอบแทนคุณได้หมด ยิ่งกว่านั้นบางท่านยังต้องเลี้ยงดูหลานๆ อันเป็นลูกของลูกชายลูกหญิงของท่านอีกด้วย<O></O>[/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]<O></O>[/FONT]

[FONT=4711_AtNoon_Traditional][/FONT]​

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]<O>[/FONT]​

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]</O>[/FONT]​

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]พระพุทธองค์ตรัสว่า การที่บุตรจะตอบแทนบุญคุณของมารดาบิดา นั้นไม่ใช่ง่าย คือ ยากที่จะตอบแทนให้หมดสิ้นได้ [/FONT][FONT=4711_AtNoon_Traditional]หากว่าจะประคองมารดาไว้บนบ่าข้างหนึ่ง[/FONT][FONT=4711_AtNoon_Traditional] ประคองบิดาไว้บนบ่าอีกข้างหนึ่ง ตลอดเวลา ๑๐๐ ปีที่ลูกมีชีวิตอยู่ ปรนนิบัติท่านด้วยความรัก ความเอาใจใส่ ยอมให้มารดาบิดาถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ ถึงกระนั้นก็ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย[/FONT][FONT=4711_AtNoon_Traditional] ........ หรือแม้บุตรจะสถาปนาแต่งตั้งมารดาบิดาไว้ในตำแหน่งพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นใหญ่ในแผ่นดิน บุตรก็ยังไม่ได้ชื่อว่าทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย เพราะมารดาบิดามีอุปการะมากแก่บุตร [/FONT][FONT=4711_AtNoon_Traditional]แต่ถ้าบุตรคนใดได้กระทำมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา[/FONT][FONT=4711_AtNoon_Traditional] ให้มีศรัทธา ไม่มีศีล ให้มีศีล ไม่มีจาคะ ให้มีจาคะ ไม่มีปัญญา ให้มีปัญญา การกระทำอย่างนี้เท่านั้นจึงจะได้ชื่อว่า บุตรได้ทำตอบแทนมารดาบิดาแล้วอย่างแท้จริง[/FONT]


[FONT=4711_AtNoon_Traditional]<O></O>[/FONT]

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]>[/FONT]​

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]พระพุทธเจ้าตรัสว่า มารดาบิดาเป็นพรหมของบุตร เพราะประกอบไปด้วยคุณธรรมของพรหม คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา[/FONT]

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]มารดาบิดาเป็นบุรพเทพ คือเป็นเทวดาก่อนกว่าเทวดาทั้งปวง ก็เทวดาหรือเทพนั้นมี ๓ พวกคือ <O></O>[/FONT]

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]สมมติเทพ[/FONT][FONT=4711_AtNoon_Traditional] เทวดาโดยสมมติ ได้แก่พระราชา พระราชินี พระราชโอรส และพระราชธิดา ๑ <O></O>[/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]อุปปัตติเทพ[/FONT][FONT=4711_AtNoon_Traditional] เทวดาโดยอุบัติ คือเกิดป็นเทวดาโดยกำเนิดในเทวโลก ๖ ชั้นมีจาตุมหาราชิกา เป็นต้น กับพรหมโลกอีก ๒๐ ชั้นรวมเป็น ๒๖ ชั้นที่จัดเป็นเทวดาโดยกำเนิด ๑ <O></O>[/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]วิสุทธิเทพ[/FONT][FONT=4711_AtNoon_Traditional] เทวดาผู้บริสุทธิ์หมดจดจากอาสวะกิเลสทั้งปวงซึ่งได้แก่พระอรหันตขีณาสพพวกเดียวอีก ๑[/FONT]
​

<O>
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]วิสุทธิเทพ คือพระอรหันต์นั้นประเสริฐกว่าเทวดาทั้งปวง เพราะปฏิบัติตนเพื่อประโยชน์สุขแก่ชนทั้งปวง เป็นผู้ประกอบด้วยพรหมวิหาร ๔ ควรแก่การเคารพสักการะบูชา มารดาบิดาก็เช่นกัน เป็นเทวดาประจำบ้าน ที่บุตรควรให้ความเคารพสักการะก่อนผู้อื่น ด้วยเหตุนั้นมารดาบิดาจึงชื่อว่าบุรพเทพหรือบุรพเทวดา คือเป็นเทวดาก่อนกว่าเทวดาทั้งปวง บุตรรู้จักเทพอย่างอื่นได้ ก็เพราะรู้จักบุรพเทพ คือมารดาบิดาก่อนนั่นเอง เทวดาประเภทอื่นจึงชื่อว่า มาทีหลังมารดาบิดา<O></O>[/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]<O></O>[/FONT]

[FONT=4711_AtNoon_Traditional][/FONT]​

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]มารดาบิดาชื่อว่าบุรพาจารย์ เพราะเป็นครู เป็นอาจารย์ก่อนกว่าครูอาจารย์ทั้งปวง เริ่มแต่ลูกยังเล็กก็สอนให้รู้จัก พ่อแม่ พี่ ป้า น้า อา สิ่งโน้นสิ่งนี้ ชื่อโน้นชื่อนี้ คนโน้นคนนี้ ตลอดจนแนะนำสั่งสอนในสิ่งที่ควรรู้ ควรทำและไม่ควรทำ นานาประการ เพราะฉะนั้นมารดาบิดา จึงชื่อว่าบุรพาจารย์ อาจารย์คนแรกของลูก[/FONT]

<O>
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]มารดาบิดาชื่อว่าอาหุเนยยบุคคล คือบุคคลผู้ควรรับของที่บุตรนำมาให้ แม้จากที่ไกล มีข้าว น้ำ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น ทั้งนี้เพราะมารดาบิดาเป็นผู้มีอุปการคุณแก่บุตร มีการให้อาหาร เป็นต้น เป็นผู้มุ่งประโยชน์แก่บุตรเทียบเท่ากับพระอรหันต์ทั้งหลาย กล่าวคือพระอรหันต์ท่านเป็นผู้ควรแก่ของที่เขานำมาบูชา เคารพสักการะ ฉันใด มารดาบิดาก็เป็นผู้ควรแก่ของที่บุตรนำมาบูชา มาเคารพสักการะ ฉันนั้น มารดาบิดาจึงเป็นพระอรหันต์ประจำบ้านที่บุตรควรให้การอุปการะเลี้ยงดูด้วยข้าวน้ำ เป็นต้น ด้วยเหตุนั้นมารดาบิดาจึงชื่อว่าอาหุเนยยบุคคล บุคคลผู้ควรแก่ของที่เขาคือบุตรนำมาบูชา[/FONT]

<O>
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]นอกจากนั้นพระพุทธเจ้ายังตรัสว่า มารดาเป็นมิตรในเรือนตน ซึ่งรวมทั้งบิดาด้วย เพราะมารดาบิดาเป็นคู่คิดของบุตร เป็นที่ปรึกษาของบุตร เป็นที่บำบัดทุกข์ของบุตร ขอเพียงให้บุตรได้ไว้ใจท่านปรึกษาหารือท่านเท่านั้น[/FONT]

<O>
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]มารดาบิดาพร้อมอยู่เสมอที่จะช่วยลูกทั้งในด้านความคิดและโภคทรัพย์ หากเกินกำลังของท่าน ท่านก็เสาะหาผู้ที่มีกำลังกว่าให้ช่วยแทน ท่านไม่เคยทอดทิ้งลูกแม้ในยามยาก ท่านจึงเป็นมิตรแท้ของลูกยิ่งกว่ามิตรคนใด มารดาบิดาจึงเป็นผู้มีอุปการะมาก หาผู้เสมอเหมือนมิได้ เป็นผู้สมควรที่ลูกๆ จะได้อุปการะตอบแทนคุณท่านจนถึงที่สุด โดยเฉพาะในเวลาแก่เฒ่า ดูแลเอาใจใส่รักษาพยาบาลท่านในยามเจ็บไข้ แม้ท่านล่วงลับไปแล้ว ก็ยังเพิ่มบุญให้ด้วยการทำบุญอุทิศให้ท่านได้ชื่นชมอนุโมทนา<O></O>[/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]<O></O>[/FONT]

[FONT=4711_AtNoon_Traditional][/FONT]
<O>
</O>​

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]การเลี้ยงดูมารดาบิดา ตลอดจนตอบแทนคุณท่านโดยประการอื่น มีการช่วยทำกิจการงานแทนท่าน ช่วยรักษาวงศ์ตระกูลไว้ให้ดี ประพฤติตนให้สมควรที่จะรับทรัพย์มรดกต่อจากท่าน ตลอดจนทำบุญอุทิศไปให้ท่านเมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว เหล่านี้ล้วนเป็นหน้าที่ของบุตรที่ดีจะพึงกระทำต่อมารดาบิดา บุตรคนใดทำได้อย่างนี้ บุตรคนนั้นชื่อว่าได้ตอบแทนคุณมารดาบิดาที่ท่านให้ชีวิตมา จัดเป็นกตัญญูกตเวทีบุคคล ผู้หาได้ยากในโลก และเป็นผู้ที่บัณฑิตทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้นสรรเสริญ แม้ละโลกนี้ไปแล้ว ก็ย่อมบันเทิงในสวรรค์[/FONT]

<O>
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]ลูกที่ดูแลเลี้ยงดูมารดาบิดาด้วยความรักความเมตตา กตัญญูกตเวที ย่อมได้รับผลที่น่าพอใจทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ฉันใด ลูกที่ประพฤติผิดในมารดาบิดา ก็ย่อมได้รับผลที่ตรงกันข้าม ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ฉันนั้น คือเป็นผู้ถูกนินทาในโลกนี้ เป็นผู้เกิดในอบายในโลกหน้า ยิ่งทำผิดร้ายแรงถึงกับฆ่ามารดาบิดา ยิ่งโทษหนักมาก เทียบเท่ากับฆ่าพระอรหันต์ทีเดียว เพราะการฆ่าพระอรหันต์เป็นอนันตริยกรรม ให้ผลนำเกิดในอเวจีนรกทันทีที่ตายลง ฉันใด การฆ่ามารดาบิดาก็จัดเป็นอนันตริยกรรม ที่ให้ผลนำเกิดในอเวจีนรกทันทีที่ตายลง ฉันนั้น ไม่มีกรรมอื่นจะสามารถแซงให้ผลก่อนได้ แม้จะสำนึกผิดและทำกุศลมหาศาลเพื่อทดแทนความผิดนั้น ก็ไม่อาจปิดกั้นอนันตริยกรรมที่จะให้ผลก่อนได้[/FONT]

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]<O></O>[/FONT]

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]<O></O>[/FONT]​

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]การเลี้ยงดูมารดาบิดา เป็นคุณธรรมข้อหนึ่งใน ๗ ข้อที่ทำให้เกิดเป็นพระอินทร์เป็นใหญ่กว่าเทวดาทั้งปวงในภพดาวดึงส์ เป็นพระราชาของเทวดาในภพนั้น เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า การบำรุงเลี้ยงดูมารดาบิดาเป็นอุดมมงคล เป็นเหตุให้เกิดความเจริญ ลองสังเกตดูเถิดลูกคนใดที่กตัญญู รู้คุณมารดาบิดา ลูกคนนั้นย่อมมีความสุขความเจริญไม่ตกต่ำจนตลอดชีวิต[/FONT]

<O>
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมะ ๔ ประการคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่ผู้มีปกติกราบไหว้ อ่อนน้อมต่อผู้เจริญ คือ ผู้ใหญ่เป็นนิตย์ ผู้ที่กระทำการกราบไหว้ อ่อนน้อมต่อมารดาบิดาเป็นนิตย์ก็ย่อมได้รับพร ๔ ประการนี้เช่นกัน[/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]<O></O>[/FONT]

[FONT=4711_AtNoon_Traditional][/FONT]​

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]คนที่ทำความดีมีการเลี้ยงดูมารดาบิดาเป็นต้นนั้น อย่าว่าแต่คนด้วยกันจะยกย่องสรรเสริญ ชื่นชมอนุโมทนาเลย แม้เทวดาทั้งหลาย เมื่อทราบก็ยกย่องสรรเสริญ และชื่นชมอนุโมทนาเช่นกัน[/FONT]


[FONT=4711_AtNoon_Traditional]<O></O>[/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]<O></O>[/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]อนุโมทนาที่มาข้อมูล (มงคล ๓๘) : http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html[/FONT]
อนุโมทนาส่งบุญเสียงอ่าน"มงคลชีวิต" โดย คุณนวพร สุปิงคลัด สถานีวิทยุสังฆทานธรรม FM ๙๘.๒๕ MHz

 

โมทนา สาธุ.. แม่บุญญ ที่นำบทความดีดี มาเสนอ

</o></o></o></o></o></o>

 

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอโมทนาบุญกับทุกท่านทุกประการค่ะ วันนี้จะมาแจ้งข่าวบอกบุญพี่น้องญาติธรรมชาวใต้และเกาะภูเก็ตค่ะ เอวิณวิญต้องขออนุญาตท่านพี่นาคาเจ้าของกระทู้นี้ด้วยนะคะ


ขอเชิญร่วมทำบุญจัดสร้างถวาย "สมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ์" ประดับเพชรชวารอฟสกี้ด้านหน้า องค์พระไฟเบอร์หน้าตัก ๒๖นิ้ว ค่าจัดสร้างองค์ละ ๔๐,๐๐๐บาท ทั้ง ๒องค์ เพื่อนำถวายแด่หลวงปู่สุภา กันตสีโล วัดสีลสุภาราม (พระอริยสงฆ์ ๕แผ่นดินมิ่งขวัญลูกหลานชาวภูเก็ต ปีนี้หลวงปู่ศิริอายุ ๑๑๗ปี ผู้สืบทอดวิชาแมงมุมจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) และหลวงปู่เสือ วัดเกาะแก้ว (ณ. ที่ประทับรอยพระพุทธบาทนัมทานที อยู่เกาะกลางทะเลหาดราไวย์) จังหวัดภูเก็ต

เพื่อยังประโยชน์ความสุขสงบแห่งพี่น้องชาวภาคใต้และเกาะภูเก็ต และเพื่อรักษาสืบทอดพระพุทธศาสนาคงไว้ซึ่ง๕,๐๐๐ปี ไว้ในรัชสมัยแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่๙ แห่งราชจักรีวงศ์


กำหนดการถวายองค์พระ
วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๕ - อัญเชิญองค์พระทั้ง ๒องค์ จากสระบุรี ไปเกาะภูเก็ต
วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๕ - นำถวายแด่หลวงปู่เสือ วัดเกาะแก้ว ราไวย์ จ. ภูเก็ต
วันจันทร์ที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๕ - นำถวายแด่หลวงปู่สุภา กันตสีโล วัดสีลสุภาราม จ. ภูเก็ต
ข้าพเจ้าขอบุญในการจัดสร้างถวาย “สมเด็จพระพุทธรัตนศรีอริยมิ่งมงคลทศพลอุดมเมตตาบารมี” จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบัน และให้ได้ให้มีผลเช่นเดียวกันทุกประการเทอญ


ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพในการจัดสร้างถวาย: (เปิดรับบุญไปจนถึงวันที่ ๙ เมษายน ๕๕)
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ภูเก็ต
เลขที่บัญชี 612-1-03527-1 บัญชีออมทรัพย์
ชื่อบัญชี นางสุทธิวรรณ วิญญชมภูนาท
มือถือ 089-291-3684

Swift Code: AYUDTHBK
Suttiwan Winyachompunath

 

<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 5606845" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>ถาวโ
ร(ถา-วะ-โร)


</TD><TD class=alt1>อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ทารา
ขออนุญาตคุณนาคานะฮะ ขอบคุณ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
สาธุ อนุโมทนาบุญครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
โมทนาบุญ กับ คณะ ญาติธรรม ของ คุณ จ่า ถาวโร ,คณะฐพ.ทับละมุ, และ คณะบุญสายธรรม คุณ ทารา ...ครับ ในการ ออก โรงทาน ถวายแด่ ..

หลวงพ่อ แดง ว้ดไม้ขาว ใน วันอาทิตย์ ที่ผ่านมา..(ทราบว่า..เกือบทุก อาทิตย์ ..)

<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 5683893" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>huten</TD><TD class=alt1>อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ บุญญสิกขา
อนุโมทนาที่มาข้อมูล (มงคล ๓๘) :
อนุโมทนาส่งบุญเสียงอ่าน"มงคลชีวิต" โดย คุณนวพร สุปิงคลัด สถานีวิทยุสังฆทานธรรม FM ๙๘.๒๕ MHz

</TD></TR></TBODY></TABLE>
โมทนา แม่บุญญ์ใน ผลบุญ นำข้อมูล , คลื่นธรรมะ ในกระทู้.


</TD></TR></TBODY></TABLE>
และ ขอขอบคุณ คุณ huten มาเยี่ยมเยือน กระทู้ ..ครับ ..ยินดี..ครับ



<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 5685143" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>วิณวิญ</TD><TD class=alt1>

ขอเชิญร่วมทำบุญจัดสร้างถวาย "สมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ์" ประดับเพชรชวารอฟสกี้ด้านหน้า องค์พระไฟเบอร์หน้าตัก ๒๖นิ้ว ค่าจัดสร้างองค์ละ ๔๐,๐๐๐บาท ทั้ง ๒องค์ เพื่อนำถวาย
แด่หลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม (พระอริยสงฆ์ ๕แผ่นดินมิ่งขวัญลูกหลานชาวภูเก็ต ปีนี้หลวงปู่ศิริอายุ ๑๑๗ปี ผู้สืบทอดวิชาแมงมุมจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) และ
หลวงปู่เสือ วัดเกาะแก้ว (ณ. ที่ประทับรอยพระพุทธบาทนัมทานที อยู่เกาะกลางทะเลหาดราไวย์) จังหวัดภูเก็ต

เพื่อยังประโยชน์ความสุขสงบแห่งพี่น้องชาวภาคใต้และเกาะภูเก็ต และเพื่อรักษาสืบทอดพระพุทธศาสนาคงไว้ซึ่ง๕,๐๐๐ปี ไว้ในรัชสมัยแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่๙ แห่งราชจักรีวงศ์

กำหนดการถวายองค์พระ
วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๕ - อัญเชิญองค์พระทั้ง ๒องค์ จากสระบุรี ไปเกาะภูเก็ต
วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๕ - นำถวายแด่หลวงปู่เสือ วัดเกาะแก้ว ราไวย์ จ. ภูเก็ต
วันจันทร์ที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๕ - นำถวายแด่หลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม จ. ภูเก็ต

ข้าพเจ้าขอบุญในการจัดสร้างถวาย
“สมเด็จพระพุทธรัตนศรีอริยมิ่งมงคลทศพลอุดมเมตตาบารมี”
จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบัน และให้ได้ให้มีผลเช่นเดียวกันทุกประการเทอญ

ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพในการจัดสร้างถวาย: (เปิดรับบุญไปจนถึงวันที่ ๙ เมษายน ๕๕)
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ภูเก็ต
เลขที่บัญชี 612-1-03527-1 บัญชีออมทรัพย์
ชื่อบัญชี นางสุทธิวรรณ วิญญชมภูนาท
มือถือ 089-291-3684


</TD></TR></TBODY></TABLE>
โมทนาบุญ กับ น้อง เอ วิณวิญ ครับ..

“สมเด็จพระพุทธรัตนศรีอริยมิ่งมงคลทศพลอุดมเมตตาบารมี”

สมเด็จพระพุทธรัตนะ
ด้วย แก้ว ๓ ประการ อัปมาโณพุทโธ อัปมาโณ ธัมโม อัปมาโณ สังโฆ
ศรีอริยมิ่งมงคล

มงมล อันประเสริฐ ยิ่ง ด้วย มงคล ๓๘ ประการ แห่ง องค์สมเด็จพระควันต์ พระชินสีห์ ,จวบจน สมเด็จพระศรีอริยะเมตตรัย..

ทศพล
อุดม ด้วย ทศพล ต้น พุทธวงศ์ พุทธสิกขี ,ทศพิศ ๑๐ ประการ พละ ๕
ทศพล ด้วย บารมี พระภูมิพโล ... (องค์พระโพธิสัตว์ )


อุดมเมตตาบารมี

อุดม ด้วย พุทธบารมี ๑๐ ประการ ด้วย บารมี ที่ ๙ เมตตาบารมี

“สมเด็จพระพุทธรัตนศรีอริยมิ่งมงคลทศพลอุดมเมตตาบารมี”

ลูก หลาน ขออนุญาต น้อมนำ องค์แทน ท่าน...ประดิษฐาน ใว้ ณ.

เมืองเกาะแก้ว...
นัมทานที พระพุทธบาท รอยที่ ๕ ...เกาะแก้วพิสดาร ..

ด้วย เหล่า นาคราช ,มังกร ช่วย ประคอง พุทธศาสนิกชน..

 

ขออนุโมทนาสาธุกับพี่ชายและพี่สาวด้วยครับ ในความกตัญญูต่อบิดามารดา ผมก็ยังคิดถึงพ่อแม่นี้อยู่ใจรักท่านตลอดมาครับผม หน้าผากงามๆของผมก็อาจได้มาเพราะการนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ในความรักต่อพ่อแม่