ทางลัดสู่พระนิพพาน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมสถิต, 24 กรกฎาคม 2011.

  1. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    [​IMG]

    [​IMG]

    นมัสการองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์
    พระธรรม พระอริยสงฆ์ องค์พรหมเทพเทวา ผู้รักษาพระพุทธศาสนาทุกพระองค์

    ขออาราธนาพระบารมีแห่งทุกพระองค์สถิตย์ในกาย วาจา และใจ ของข้าพระพุทธเจ้่า

    และขออนุญาตเบิกบุญ ทาน ศีล ภาวนาของข้าพระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญแล้วทุกชาติ
    ขอผลบุญนี้จงถึงแก่ทุกท่านที่ได้มาอ่านกระทู้ของข้าพระพุทธเจ้านี้ ผู้มีบุญสัมพันธ์กับข้าพระพุทธเจ้า
    ให้ทุกท่านมีความคล่องตัว มีจิตหลุดพ้น และได้ดวงตาเห็นธรรมในชาติปัจจุบันทุกท่านเทอญ

    [​IMG] [​IMG]

    ผมต้องขอโทษทุกท่าน ที่ผมซึ่งเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ทำบาปกรรมมาทุกรูปแบบ
    ผิดศีลทุกข้อในชีวิตที่ผ่านมา แต่บังอาจมาตั้งกระทุ็เรื่องทางลัดสู่พระนิพพานครั้งนี้

    แต่เนื่องจากปัจจุบันได้พบหนทางที่สามารถไปใกล้พระนิพพานได้มากที่สุดในชาตินี้

    ได้มีโอกาสพ้นจากการ "เกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องพรัดพรากจากของรักของชอบใจ"

    จึงขออนุญาตนำมาบอกเล่าแก่ท่านที่มีบุญสัมพันธ์ ได้บังเอิญมาพบกระทู้นี้ดังนี้ครับ

    [​IMG]

    ที่ผ่านมา ผมทำบุญ วิหารทาน สังฆทาน ปล่อยสัตว์เช่นกัน
    โดยหลงผิดคิดไปว่า เป็นบุญใหญ่ที่จะทำให้ไปสวรรค์นิพพานได้
    โดยไม่คำนึงถึงการรักษาศีล

    ไม่ค่อยด่าว่าใคร แต่อดคิดในใจไม่ได้เสมอมา โดยไม่ทราบว่า
    การที่คิดในใจเสมอ แต่ไม่พูดนี้ นั่นคือ การผิดขั้น "มหาศีล"
    ร้ายแรงมาก เป็นความผิดทางความคิด "มโนกรรม" นำไปสู่นรกอเวจี
    ที่เห็นผลในชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า นั่นคือ ไม่มีความสุขใจ

    โกรธใครก็ใช้สายตาแข็ง ๆ ส่งสายตาให้รู้
    เคยดูภาพไม่ชวนดู ภาพโป๊ต่าง ๆ ทำให้สายตาเสียเร็วมาก

    ชอบพูดเล่น พูดเลี่ยง ไม่ตอบคำถามตรง ๆ พูดส่อเสียดกับเพื่อนร่วมงาน
    แม้ตอนแรกจะเพียงเล่น ๆ แต่หลายครั้งก็เลยเถิด เราล้อเล่นเขา เขาล้อเล่นเรา
    ในที่สุดก็น้อยใจ โกรธกัน เพราะกรรมที่เราพูดในทางที่ทำให้เค้าเหล่านั้นไม่มีความสุข
    มีปัญหาเรื่องเหงือกและฟันมาตลอด รูปปากไม่สวย เพราะกรรมที่ผิดศีลข้อ 4 นี่เอง
    และีอีกประการหนึ่งเกิดจากสมัยเด็กที่ชอบตกปลาเป็นเรื่องเล่น ๆ ทั้งที่ผู้ใหญ่ตักเตือนแล้ว

    ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า
    การทำบุญทำทานที่ผ่านมา ไม่ใช่ไม่มีผล
    แต่ "กรรมใดหนักกว่า" "กรรมดี" หรือ "กรรมชั่ว"
    ที่จะให้ผลแก่เราก่อน-หลัง หรือผสมผสานกัน เท่านั้นเอง

    กรรม แปลว่า การกระทำ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดี กรรมชั่ว ก็เรียกว่า "กรรม" ทั้งสิ้น

    ทางลัดสู่พระนิพพาน ต้องเริ่มต้นจากการรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์

    สีเลนะ สุคะติง ยันติ = ศีลเป็นเหตุให้ถึงสุคติ

    สีเลนะ โภคะสัมปะทา = ศีลเป็นเหตุให้ถึงพร้อมด้วยโภคะทรัพย์

    สิเลนะ นิพพุติง ยันติ = ศีลเป็นเหตุให้ถึงพระนิพพาน

    ตัสมา สีลัง วิโสทะเย = เพราะเหตุนั้นพึงชำระศีลให้หมดจด

    พื้นฐานที่สำคัญของการตั้งใจรักษาศีลนั้น

    ได้แก่

    การเคารพนับถือพระพุทธเจ้า
    เคารพด้วยใจที่ตั้งมั่น มีจิตศรัทธา
    ไม่สงสัยในพระธรรมคำสอนของพระองค์ อันเป็นตัวแทนของพระศาสดา
    เปรียบประดุจพระองค์ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ แม้้เสด็จปรินิพพานไปนานแล้ว

    หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก วัดป่าขันติธรรม ท่านสอนลูกหลาน คณะธรรมไว้ว่า

    [​IMG]

    การปฎิบัติ ต้องเริ่มต้นที่ "ศรัทธา"

    ในพระคุณของพระพุทธองค์ที่ทรงชี้แนะทางพ้นทุกข์ให้แก่เหล่าสัตว์โลก

    ตั้ง "นะโม" ขึ้นมาคราวใดขอให้มีจิตศรัทธา นอบน้อม ต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยใจโดยแท้จริง

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
    ท่านสอนลูกหลานไว้ว่า

    [​IMG]

    นิพพาน

    ถ้าฉลาดพอ

    ไปได้ทุกคน ไปได้ในชาตินี้

    การไปนิพพาน

    เป็นเรื่อง ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย

    ไปด้วย "กำลังใจ" อย่างเดียว

    [​IMG]

    ท่านอาจารย์อุบล ศุภเดชาภรณ์ บ้านสวนพีระมิด กล่าวไว้ว่า
    (ท่านเป็นลูกศิษย์ของพลวงพ่อเสงียม โอภาสี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ)

    แค่เราทำจิตเช่นนี้ไว้เสมอ

    คิดถึงแต่พระพุทธเจ้าเสมอ

    อย่าให้จิตห่างพระพุทธเจ้า คิดถึงแล้ว

    เราจะไม่อยากทำชั่ว ท่านจะคอยช่วยจริงๆ

    ท่านจะคอยช่วยบังคับกระแสจิตเรา

    ให้ห่างจากความชั่วทุกชนิด

    ให้อยากทำแต่ความดี

    ให้มีใจเบิกบาน

    จริงๆ


    [​IMG]

    เราสามารถบอกตัวเองได้ ณ บัดนี้เลย

    ว่าเมื่อเราตายแล้ว เราจะไปไหน

    ด้วยความรู้สึกของเราเอง

    ขณะนี้ เราจะรู้ดีกว่าใคร

    ไม่ต้องไปหา อาจารย์ที่ไหน

    บอกเราว่าเราจะไปนิพพานได้หรือไม่

    เราตอบตัวเราเองได้เลยนะ

    ว่าเราเป็นคนอย่างไร

    ถ้า

    1.ใครด่า ว่า นินทา ตำหนิ ไม่รู้สึกโกรธ

    ไม่เดือดร้อน ไม่แค้น เฉยๆ คิดว่า

    คนก็เป็นอย่างนี้แหละ ถ้าไม่อยากเจอ

    สภาพนี้ เราก็ต้องหนีไปนิพพาน



    2.ไม่ว่าจะเจอมรสุมใด ก็ไม่ทุกข์

    มีหนี้ ลูกดื้อ ผัวบ้า เมียบอ ก็ไม่ทุกข์

    คิดว่าเขากับเรา ต่างคนต่างมา

    ต่างคนต่างไป ช่วยได้แค่ไหนก็แค่นั้น


    เราเห็นคนตายจากกัน

    ก็ไม่เห็นกลับมาช่วยอะไรกันได้อีก

    ดังนั้นเมื่อเราอยู่ หรือ ตาย ก็ไม่กังวล

    ไม่ทุกข์กับการที่ใครจะนิสัยอย่างไร

    ไม่ใช่นิสัยเราก็แล้วกัน

    แต่นิสัยเรา เราต้องแก้ ไม่ต้องแก้คนอื่น


    3.จิตทรงอุเบกขา เป็นอารมณ์

    จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง ไม่ตื่นเต้น

    ไม่ตกใจ ไม่ฟูมฟาย นิ่ง เข้าไว้ก่อน


    เห็นคนใกล้ชิดตาย หรือ มีเคราะห์กรรม

    ก็ให้คิดว่า คนในโลกนี้เขาก็มีให้เราเห็น

    อยู่ทุกวัน ไอ้เคราะห์กรรมแบบนี้

    แล้วทำไมมันจะเกิดกับเราไม่ได้

    กรรมแต่ละคน ต้องทำมากันทั้งนั้น

    อารมณ์นี้

    หลวงพระราชพรหมยาน (พ่อฤาษีลิงดำ) ท่านบอกว่า

    [​IMG]

    " เป็นอารมณ์พระนิพพาน"

    ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลามาอ่านกระทู้นี้

    หากท่านอ่านแล้ว เห็นว่าไร้สาระ ก็อย่าได้สนใจ อย่าให้ความสำคัญ
    แต่ถ้าเห็นว่า พอมีประโยชน์อยู่บ้าง ก็ขอให้ช่วยนำไปเผยแพร่ บอกต่อ เป็นธรรมทานด้วยเทอญ สาธุ

    [​IMG]

    "หากจิตของผู้ใดนึกถึงตถาคต จิตของตถาคตก็อยู่กับผู้นั้น"

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านทุกประการครับ สาํุธุ

    [​IMG]

    ตั้งมั่นในพรหมวิหาร 4 ตั้งใจรักษาศีล 5
    ทำบุญเข้าพรรษา ถวายบุญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน มีพระพลานามัยแข็งแรง
    ขอทรงเป็นมิ่งขวัญชาวไทยตราบนานเท่านาน สาธุ สาธุ สาธุ
    ------------------------------------------------------------
    เว็ปบ้านสวนพีระมิด:
    http://www.baansuanpyramid.com/index.php?lay=show&ac=article&Ntype=3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2011
  2. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    สาธุ อนุโมทนา คล้ายๆกันมากกับตัวผมเลยครับข้างต้น แต่ผมชอบพิจารณาหาเหตุผลนะในหลายๆอย่าง แต่ก็แย้งไม่ได้ซักที ทำให้จิตใจผมเชื่อมั่นในองค์พระสัมมาสัมพุทธเข้ามากครับ
     
  3. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    [​IMG]

    "ไม่มีใครที่จะมาทำร้ายเราได้มาก เท่ากับใจของเราเอง
    ใจของเราเองนั้นแหละ คือ ตัวการที่คอยทำร้ายตนเองตลอดมา"

    [​IMG]


    นมัสการองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์
    พระธรรม พระอริยสงฆ์ องค์พรหมเทพเทวา ผู้รักษาพระพุทธศาสนาทุกพระองค์

    ข้าพระพุทธเจ้าขออาราธนาพระบารมีแห่งทุกพระองค์สถิตย์ในกาย วาจา และใจ ของข้าพระพุทธเจ้่า

    และข้าพระพุทธเจ้าขออนุญาตเบิกบุญ ทาน ศีล ภาวนาของข้าพระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญแล้วทุกชาติ

    ขอผลบุญนี้จงถึงแก่ทุกท่านที่ได้มาอ่านกระทู้ของข้าพระพุทธเจ้านี้ ผู้มีบุญสัมพันธ์กับข้าพระพุทธเจ้า

    ให้ทุกท่านมีความคล่องตัว มีจิตหลุดพ้น และได้ดวงตาเห็นธรรมในชาติปัจจุบันทุกท่านเทอญ
    --------------------------------------------------
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านผู้มีบุญสัมพันธ์

    และทุกท่านผู้มีความสนใจใน "ทางลัดสู่พระนิพพาน"
    ของผมที่เป็นเพียงคนบาปทำผิดศีลมาแล้วทุกข้อครับ

    สำหรับตัวผมเอง ที่แล้วมามีเหตุการณ์บางอย่าง
    เหตุการณ์ที่ทำให้ผมสามารถตัดกาม กิเลส ความต้องการต่าง ๆ
    ได้ภายในเวลาเพียง 1 เดือน

    นั่นคือ คิดว่า ตนเองจะต้องถึงแก่ความตาย "จริง"
    เนื่องจากมีผู้มาเตือนว่า จะต้องประสบกับ "ภัย" บางอย่าง

    ประกอบกับท่านอาจารย์ของผม (อ.อุบล) ได้ชี้ให้ผมเห็นถึงความผิดบาป
    บาปกรรมที่ทำผิดศีลทุกข้อ ชี้ให้ห็นว่า การทำสังฆทาน ที่ผมทำมาตั้งแต่
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ท่านยังไม่ละสังขาร
    ซึ่งยังทำมาจนถึงปัจจุบันนั้น ทำให้มีทรัพย์ แต่ไม่สามารถตัดเวรกรรมได้
    และชี้ให้ผมเห็นความผิดบาปต่าง ๆ ที่ลืมไปแล้ว แต่มีผลกับชีวิตในปัจจุบัน
    โดยเฉพาะความผิดใน "มโนกรรม" ที่ทำให้ผมมีความอาฆาตสะสมในจิตใจโดยไม่รู้ตัว
    ถึงขนาดที่ฝันอยู่ ยังสามารถเค้นเสียงกล่าวคำอาฆาตได้ แม้จะตะกุกตะกักก็ตาม
    ซึ่งทำให้ผมแปลกใจมาก เพราะในขีวิตจริงไม่เคยมีความคิดเช่นนั้น เหมือนไม่ใช่ตัวเรา
    โดยท่านให้ผมไปศึกษาพระไตรปิฎก เรื่องความผิดขั้น "มหาศีล" ซึ่งเป็นศีลขั้นละเอียด
    เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องนี้ และสอนให้รู้จักอภัยทานด้วย

    และด้วยความที่กลัวตกนรก มากกว่ากลัวตาย
    จึงพยายามศึกษาหาความรู้โดยเริ่มต้นจาก หนังสือ "หนีนรก"
    ของหลวงพ่อมาศึกษาใหม่ เพื่อหนีนรกให้ได้ในชาตินี้

    โดยการนึกถึงความตายตลอดเวลา ก่อนนอนก็พยายามเตรียมตัวตาย
    นึกถึงหลวงพ่อสอนว่า พรุ่งนี้จะมีชีวิตอยู่หรือไม่ พยายามอาราธนาศีล 5
    ครั้ง 3-4 ชม. และนึกถึงพระพุทธเจ้าตลอดเวลา

    ซึ่งได้ผลนะครับ คือ ผมตัดทุกอย่างได้เกือบทั้งหมด
    โดยเฉพาะ กามกิเลส ไม่สนใจ ไม่ข้องแวะ ไม่ดูภาพอันไม่ชวนมอง
    ภาพโป๊ต่าง ๆ ความรู้สึกทางเพศไม่ค่อยมีมากดังแต่ก่อน

    เพราะคิดว่า "ไม่มีสิ่งใดเป็นของเรา แม้แต่ตัวเราเอง"
    ตัวเราเอง จะตายอยู่แล้ว ทรัพย์สินต่าง ๆ ยังเอาไปไม่ได้
    และหากติดในเรื่องนี้ ก็จะจิตไม่ดี จิตเศร้าหมอง ก่อนจะตาย
    จะเป็นทางไปสู่อบายภูมิทั้งสี่ จึงพยายามนึกถึง พระพุทธองค์ไว้อยู่เสมอ

    ทุกวันนี้ผ่านพ้นเกณฑ์ความตายมาได้ด้วยเหตุบางอย่าง
    จิตคลายตัวลงไม่ระวังเหมือนดังแต่ก่อน นึกถึงความตายน้อยลง
    มีความประมาทมากขึ้น (ตอนที่เขียนนี้ ก็ตำหนิและเตือนตัวเอง)

    แต่ก็ไม่ทิ้งพระพุทธองค์ยังพยายามนึกถึง พระองค์ท่าน อยู่เสมอ

    แต่การดูภาพไม่ชวนมองต่าง ๆ ยังไม่เกิดขึ้น
    เพราะผมกลัวทำผิดศีลข้อ 3 กลัวตกนรกมาก จาก "มโนกรรม"

    ความต้องการมีความสุขจากพระธรรมที่จะพ้นทุกข์ ไปให้ใกล้นิพพานที่สุด
    มันมากกว่า ความสุขชั่วครู่ชั่วยาม จากการดูในสิ่งเหล่านั้น
    ก็บอกตัวเองเสมอว่า ในที่สุดมันก็กลับมาทุกข์เหมือนเดิมครับ

    [​IMG]

    ท่านอาจารย์อุบล ศุภเดชาภรณ์ บ้านสวนพีระมิด กล่าวไว้ว่า
    (ท่านเป็นลูกศิษย์ของพลวงพ่อเสงียม โอภาสี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ)

    แค่เราทำจิตเช่นนี้ไว้เสมอ

    คิดถึงแต่พระพุทธเจ้าเสมอ

    อย่าให้จิตห่างพระพุทธเจ้า คิดถึงแล้ว

    เราจะไม่อยากทำชั่ว ท่านจะคอยช่วยจริงๆ

    ท่านจะคอยช่วยบังคับกระแสจิตเรา

    ให้ห่างจากความชั่วทุกชนิด

    ให้อยากทำแต่ความดี

    ให้มีใจเบิกบาน

    จริงๆ

    ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลามาอ่านกระทู้นี้

    หากท่านอ่านแล้ว เห็นว่าไร้สาระ ก็อย่าได้สนใจ อย่าให้ความสำคัญ
    แต่ถ้าเห็นว่า พอมีประโยชน์อยู่บ้าง ก็ขอให้ช่วยนำไปเผยแพร่ บอกต่อ เป็นธรรมทานด้วยเทอญ สาธุ

    [​IMG]

    ตั้งมั่นในพรหมวิหาร 4 ตั้งใจรักษาศีล 5
    ทำบุญเข้าพรรษา ถวายบุญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน มีพระพลานามัยแข็งแรง
    ขอทรงเป็นมิ่งขวัญชาวไทยตราบนานเท่านาน สาธุ สาธุ สาธุ
    ------------------------------------------------------------
    เว็ปบ้านสวนพีระมิด:
    http://www.baansuanpyramid.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2011
  4. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    สาธุ อนุโมทนาครับ ไม่มีใครช่วยใครได้นอกจากเรา พุทธศาสนิกชนผุ้เกิดมาในศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เปรียบเป็นดั่งพ่อแห่งความดี นำทางลูกทุกคนไปสู่ทางแห่งความดี เพราะฉะนั้นอะไรที่จะช่วยเหลือกันได้ นำพากันไปได้ประคับประคองแนะทาง นำทาง โอบไหล กอดคอกันไปตามที่พ่อทิ้งไว้ให้ได้ก็ให้ช่วยกันเถิด อาจจะต้องเหนื่อยบ้างล้มลุกคลุกคลานบ้างก็อย่าท้อ พ่อจะอยู่ในใจลูกทุกคนจะคอยดึงลูกทุกคนไปในทางที่ถูกต้องพระเราทุกคนอยู่ในศาสนาของท่าน ท่านย่อมไม่ทิ่งแน่นอน สำหรับลูกที่ไม่ทิ้งท่าน ขอให้นึกถึงท่านระลึกถึงท่าน ท่านต้องไม่ทิ้งพวกเราอย่างแน่นอน ผมเชื่ออย่างนั้น แต่ละคนมีทางเดินเดียวกัน แต่อุปสรรคต่างกัน ก็ขออย่าท้อ ขอแค่พวกเรายึดมั่นและหนักแน่น ในพระพุทธองค์พระศาสดา ในพระรัตนตรัย เราก็จะถึงที่หมายในซักวัน เพราะเราได้เดินกันถูกทางแล้ว ขอเพียงเปิดใจนึกถึงพ่อแห่งความดีแห่งความเมตตาไว้ท่านจะเป็นเหมือนแผนที่ที่จะนำทางเราไปถึงที่หมายในซักวัน ไม่ช้าก็เร็ว แล้วแต่วาสนาบารมีของทุกคน แต่เราเดินถูกทางแล้ว อะไรที่ช่วยเหลือนำพา นำทางชาวพุทธด้วยกันได้ ก็ขอให้ช่วยกันไว้เกิด สุดท้ายนี้ขอให้เจ้าของกระทู้ ได้หมดเคราะห์ หมดโศรก และถึงนิพานโดยเร็วพลัยด้วยเถิด
     
  5. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    ---------------------------------------------------------------------------

    ขออนุโมทนาบุญครับ

    [​IMG]

    ด้วยพระบารมีอันไม่มีประมาณแห่งสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดา
    บารมีแห่งพระธรรมจักร ดอกมะลิแก้ว และพระอริยสงฆ์ทั้งปวง
    โปรดสถิตย์ในกาย วาจา ใจ ของทุกท่าน ให้คิด พูด ทำ ในสิ่งที่ดี
    มีดวงตามองเห็นแต่สิ่งที่ดี และความดีของผู้อื่น มีความคล่องตัว


    [​IMG]

    ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
    ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันทุกท่านเทอญ สาธุ
    __________________

    [​IMG]

    ตั้งมั่นในพรหมวิหาร 4 ตั้งใจรักษาศีล 5
    ทำบุญเข้าพรรษา ถวายบุญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน มีพระพลานามัยแข็งแรง
    ขอพระองค์ปกปักรักษาประเทศไทยให้พ้นภัยทั้งปวง<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    พรรษานี้ตกแต่งแล้ว!!บุญที่เทียบเท่ากับได้ตกแต่งพระพุทธรูปองค์ปฐมใหญ่28องค์กับมือ
     
  6. ทิพย์ปทุโม

    ทิพย์ปทุโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +2,471
    ท่านอาจารย์อุบล ศุภเดชาภรณ์ บ้านสวนพีระมิด กล่าวไว้ว่า
    (ท่านเป็นลูกศิษย์ของพลวงพ่อเสงียม โอภาสี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ)

    แค่เราทำจิตเช่นนี้ไว้เสมอ คิดถึงแต่พระพุทธเจ้าเสมอ
    อย่าให้จิตห่างพระพุทธเจ้า คิดถึงแล้ว เราจะไม่อยากทำชั่ว ท่านจะคอยช่วยจริงๆ
    ท่านจะคอยช่วยบังคับกระแสจิตเราให้ห่างจากความชั่วทุกชนิด
    ให้อยากทำแต่ความดี ให้มีใจเบิกบานจริงๆ

    "ขอยืนยันคำพูดนี้ ว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ มีพระองค์ท่านนำทาง ระลึกถึงพระองค์ท่านทุกลมหายใจ แม้จะมีบางเวลาที่ลืมพระองค์ท่านไปบ้าง แต่ไม่เคยเกินครึ่งวัน"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. noawarat

    noawarat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    ขออนุโมทนาบุญ สำหรับเจ้าของกระทู้นี้ ขอให้ท่านได้เข้าสู่นิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด นับเป็นการบอกหนทางเดินที่ดีและหลายๆคนต่างก็ค้นหา หนทางดับทุกข์ หนีจากนรก ไม่ไปสู่อบายภูมิ มนุษย์ ทุกคนมีความกลัวตายเป็นที่ตั้ง บางคนแค่นึกถึงเรื่องความตายก็จิตตก กลัวความเจ็บปวด กลัวว่าตายแล้วจะไปไหน กลัวการพลัดพรากจากของรัก สารพัดที่จะกลัว บางคนถึงขนาดจะพยายามไม่คิดถึงมันเลยก็มี ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ ไม่มีใครหนีพ้น ทุกคนก็ต้องเจอ ดิฉันได้อ่านกระทู้นี้แล้วอยากให้ใครหลายคนได้มาอ่านอย่างที่ดิฉันอ่านบ้างจัง อาจจะทำให้ รู้จักเตรียมตัวก่อนตาย ประกอบกุศลกรรมดี มีหิริโอตปะอยู่ในใจ และมีองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่กับใจตลอดเวลา ไม่ประมาทกับชีวิต สาธุ
     
  8. thanan

    thanan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,216
    ขอให้ทุกท่านที่ปรารถนาในนิพพาน ได้ถึงซึ่งพระนิพพานในชาตินี้กันทุกคนนะครับ
     
  9. จิตสีฟ้า

    จิตสีฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +192
    อนุโมทนา สาธุครับ ไร้คำบรรยายใดๆ เพราะที่กล่าวมาล้วนถูกต้องตามนั้น:cool:
     
  10. Freehugs

    Freehugs สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +14
    ขออนุโมทนา สาธุ ด้วยครับ การที่เราระลึกถึงพระพุทธเจ้าบ่อยๆ เรียกว่า พุทธานุสสติ
    พุทธานุสสติ ได้แก่การน้อมจิตรำลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า คือ ระลึกถึงความดีอันมีอยู่ในพระองค์ ซึ่งมีอยู่ ๙ ประการ ตามนัยพระบาลี พุทธานุสสติปาฐะ คือ บทสวด อิติปิโส ภควาฯ
    อิติปิโส ภควา อรหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจรณสัมปันโน สุคโต
    โลกวิทู อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ สัตถาเทว มนุสสานัง พุทโธ ภควา-ติ
    อิติปิโส ภควา พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
    ๑. อรหัง ทรงเป็นพระอรหันต์ ห่างไกลจากกิเลส
    ๒. สัมมาสัมพุทโธ ทรงตรัสรู้เองโดยชอบ
    ๓. วิชชาจรณสัมปันโน ทรงถึงพร้อมด้วยวิชาและจรณะ
    ๔. สุคโต ทรงเป็นผู้เสด็จไปดี
    ๕. โลกวิทู ทรงเป็นผู้รู้แจ้งซึ่งโลก
    ๖. อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ ทรงเป็นผู้ฝึกคนอย่างยอดเยี่ยม
    ๗. สัตถา เทวมนุสสานัง ทรงเป็นศาสดาของเทพและมนุษย์ทั้งหลาย
    ๘. พุทโธ ทรงเป็นผู้ตื่นแล้ว (ทรงเป็นผู้ตื่นแล้ว จากกิเลสนิทรา)
    ๙. ภควา ทรงเป็นผู้จำแนกธรรม
    เมื่อกล่าวโดยย่อ พระองค์ทรงมีพระคุณ ๓ ประการ คือ พระปัญญาคุณ พระกรุณาคุณและพระวิสุทธิคุณ
    การระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า จะระลึกตามบทสวดอิติปิโสทั้งหมดนั้นก็ได้ หรือจะระลึกข้อใดข้อหนึ่งก็ได้
     
  11. Pearlpearl

    Pearlpearl สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +21
    ดีมากๆค่ะ อนุโมธนาสาธุด้วยคน ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่นำมาเผยแผ่นะคะ
     
  12. paya_po@yahoo.com

    paya_po@yahoo.com เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +227
    ขออนุโมทนา

    [​IMG]

    [​IMG]

    นมัสการองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์
    พระธรรม พระอริยสงฆ์ องค์พรหมเทพเทวา ผู้รักษาพระพุทธศาสนาทุกพระองค์

    ขออาราธนาพระบารมีแห่งทุกพระองค์สถิตย์ในกาย วาจา และใจ ของข้าพระพุทธเจ้่า

    และขออนุญาตเบิกบุญ ทาน ศีล ภาวนาของข้าพระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญแล้วทุกชาติ
    ขอผลบุญนี้จงถึงแก่ทุกท่านที่ได้มาอ่านกระทู้ของข้าพระพุทธเจ้านี้ ผู้มีบุญสัมพันธ์กับข้าพระพุทธเจ้า
    ให้ทุกท่านมีความคล่องตัว มีจิตหลุดพ้น และได้ดวงตาเห็นธรรมในชาติปัจจุบันทุกท่านเทอญ

    [​IMG] [​IMG]

    ผมต้องขอโทษทุกท่าน ที่ผมซึ่งเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ทำบาปกรรมมาทุกรูปแบบ
    ผิดศีลทุกข้อในชีวิตที่ผ่านมา แต่บังอาจมาตั้งกระทุ็เรื่องทางลัดสู่พระนิพพานครั้งนี้

    แต่เนื่องจากปัจจุบันได้พบหนทางที่สามารถไปใกล้พระนิพพานได้มากที่สุดในชาตินี้

    ได้มีโอกาสพ้นจากการ "เกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องพรัดพรากจากของรักของชอบใจ"

    จึงขออนุญาตนำมาบอกเล่าแก่ท่านที่มีบุญสัมพันธ์ ได้บังเอิญมาพบกระทู้นี้ดังนี้ครับ

    [​IMG]

    ที่ผ่านมา ผมทำบุญ วิหารทาน สังฆทาน ปล่อยสัตว์เช่นกัน
    โดยหลงผิดคิดไปว่า เป็นบุญใหญ่ที่จะทำให้ไปสวรรค์นิพพานได้
    โดยไม่คำนึงถึงการรักษาศีล

    ไม่ค่อยด่าว่าใคร แต่อดคิดในใจไม่ได้เสมอมา โดยไม่ทราบว่า
    การที่คิดในใจเสมอ แต่ไม่พูดนี้ นั่นคือ การผิดขั้น "มหาศีล"
    ร้ายแรงมาก เป็นความผิดทางความคิด "มโนกรรม" นำไปสู่นรกอเวจี
    ที่เห็นผลในชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า นั่นคือ ไม่มีความสุขใจ

    โกรธใครก็ใช้สายตาแข็ง ๆ ส่งสายตาให้รู้
    เคยดูภาพไม่ชวนดู ภาพโป๊ต่าง ๆ ทำให้สายตาเสียเร็วมาก

    ชอบพูดเล่น พูดเลี่ยง ไม่ตอบคำถามตรง ๆ พูดส่อเสียดกับเพื่อนร่วมงาน
    แม้ตอนแรกจะเพียงเล่น ๆ แต่หลายครั้งก็เลยเถิด เราล้อเล่นเขา เขาล้อเล่นเรา
    ในที่สุดก็น้อยใจ โกรธกัน เพราะกรรมที่เราพูดในทางที่ทำให้เค้าเหล่านั้นไม่มีความสุข
    มีปัญหาเรื่องเหงือกและฟันมาตลอด รูปปากไม่สวย เพราะกรรมที่ผิดศีลข้อ 4 นี่เอง
    และีอีกประการหนึ่งเกิดจากสมัยเด็กที่ชอบตกปลาเป็นเรื่องเล่น ๆ ทั้งที่ผู้ใหญ่ตักเตือนแล้ว

    ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า
    การทำบุญทำทานที่ผ่านมา ไม่ใช่ไม่มีผล
    แต่ "กรรมใดหนักกว่า" "กรรมดี" หรือ "กรรมชั่ว"
    ที่จะให้ผลแก่เราก่อน-หลัง หรือผสมผสานกัน เท่านั้นเอง

    กรรม แปลว่า การกระทำ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดี กรรมชั่ว ก็เรียกว่า "กรรม" ทั้งสิ้น

    ทางลัดสู่พระนิพพาน ต้องเริ่มต้นจากการรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์

    สีเลนะ สุคะติง ยันติ = ศีลเป็นเหตุให้ถึงสุคติ

    สีเลนะ โภคะสัมปะทา = ศีลเป็นเหตุให้ถึงพร้อมด้วยโภคะทรัพย์

    สิเลนะ นิพพุติง ยันติ = ศีลเป็นเหตุให้ถึงพระนิพพาน

    ตัสมา สีลัง วิโสทะเย = เพราะเหตุนั้นพึงชำระศีลให้หมดจด

    พื้นฐานที่สำคัญของการตั้งใจรักษาศีลนั้น

    ได้แก่

    การเคารพนับถือพระพุทธเจ้า
    เคารพด้วยใจที่ตั้งมั่น มีจิตศรัทธา
    ไม่สงสัยในพระธรรมคำสอนของพระองค์ อันเป็นตัวแทนของพระศาสดา
    เปรียบประดุจพระองค์ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ แม้้เสด็จปรินิพพานไปนานแล้ว

    หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก วัดป่าขันติธรรม ท่านสอนลูกหลาน คณะธรรมไว้ว่า

    [​IMG]

    การปฎิบัติ ต้องเริ่มต้นที่ "ศรัทธา"

    ในพระคุณของพระพุทธองค์ที่ทรงชี้แนะทางพ้นทุกข์ให้แก่เหล่าสัตว์โลก

    ตั้ง "นะโม" ขึ้นมาคราวใดขอให้มีจิตศรัทธา นอบน้อม ต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยใจโดยแท้จริง

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
    ท่านสอนลูกหลานไว้ว่า

    [​IMG]

    นิพพาน

    ถ้าฉลาดพอ

    ไปได้ทุกคน ไปได้ในชาตินี้

    การไปนิพพาน

    เป็นเรื่อง ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย

    ไปด้วย "กำลังใจ" อย่างเดียว

    [​IMG]

    ท่านอาจารย์อุบล ศุภเดชาภรณ์ บ้านสวนพีระมิด กล่าวไว้ว่า
    (ท่านเป็นลูกศิษย์ของพลวงพ่อเสงียม โอภาสี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ)

    แค่เราทำจิตเช่นนี้ไว้เสมอ

    คิดถึงแต่พระพุทธเจ้าเสมอ

    อย่าให้จิตห่างพระพุทธเจ้า คิดถึงแล้ว

    เราจะไม่อยากทำชั่ว ท่านจะคอยช่วยจริงๆ

    ท่านจะคอยช่วยบังคับกระแสจิตเรา

    ให้ห่างจากความชั่วทุกชนิด

    ให้อยากทำแต่ความดี

    ให้มีใจเบิกบาน

    จริงๆ


    [​IMG]

    เราสามารถบอกตัวเองได้ ณ บัดนี้เลย

    ว่าเมื่อเราตายแล้ว เราจะไปไหน

    ด้วยความรู้สึกของเราเอง

    ขณะนี้ เราจะรู้ดีกว่าใคร

    ไม่ต้องไปหา อาจารย์ที่ไหน

    บอกเราว่าเราจะไปนิพพานได้หรือไม่

    เราตอบตัวเราเองได้เลยนะ

    ว่าเราเป็นคนอย่างไร

    ถ้า

    1.ใครด่า ว่า นินทา ตำหนิ ไม่รู้สึกโกรธ

    ไม่เดือดร้อน ไม่แค้น เฉยๆ คิดว่า

    คนก็เป็นอย่างนี้แหละ ถ้าไม่อยากเจอ

    สภาพนี้ เราก็ต้องหนีไปนิพพาน



    2.ไม่ว่าจะเจอมรสุมใด ก็ไม่ทุกข์

    มีหนี้ ลูกดื้อ ผัวบ้า เมียบอ ก็ไม่ทุกข์

    คิดว่าเขากับเรา ต่างคนต่างมา

    ต่างคนต่างไป ช่วยได้แค่ไหนก็แค่นั้น


    เราเห็นคนตายจากกัน

    ก็ไม่เห็นกลับมาช่วยอะไรกันได้อีก

    ดังนั้นเมื่อเราอยู่ หรือ ตาย ก็ไม่กังวล

    ไม่ทุกข์กับการที่ใครจะนิสัยอย่างไร

    ไม่ใช่นิสัยเราก็แล้วกัน

    แต่นิสัยเรา เราต้องแก้ ไม่ต้องแก้คนอื่น


    3.จิตทรงอุเบกขา เป็นอารมณ์

    จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง ไม่ตื่นเต้น

    ไม่ตกใจ ไม่ฟูมฟาย นิ่ง เข้าไว้ก่อน


    เห็นคนใกล้ชิดตาย หรือ มีเคราะห์กรรม

    ก็ให้คิดว่า คนในโลกนี้เขาก็มีให้เราเห็น

    อยู่ทุกวัน ไอ้เคราะห์กรรมแบบนี้

    แล้วทำไมมันจะเกิดกับเราไม่ได้

    กรรมแต่ละคน ต้องทำมากันทั้งนั้น

    อารมณ์นี้

    หลวงพระราชพรหมยาน (พ่อฤาษีลิงดำ) ท่านบอกว่า

    [​IMG]

    " เป็นอารมณ์พระนิพพาน"

    ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลามาอ่านกระทู้นี้

    หากท่านอ่านแล้ว เห็นว่าไร้สาระ ก็อย่าได้สนใจ อย่าให้ความสำคัญ
    แต่ถ้าเห็นว่า พอมีประโยชน์อยู่บ้าง ก็ขอให้ช่วยนำไปเผยแพร่ บอกต่อ เป็นธรรมทานด้วยเทอญ สาธุ

    [​IMG]

    "หากจิตของผู้ใดนึกถึงตถาคต จิตของตถาคตก็อยู่กับผู้นั้น"

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านทุกประการครับ สาํุธุ

    [​IMG]

    ตั้งมั่นในพรหมวิหาร 4 ตั้งใจรักษาศีล 5
    ทำบุญเข้าพรรษา ถวายบุญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน มีพระพลานามัยแข็งแรง
    ขอทรงเป็นมิ่งขวัญชาวไทยตราบนานเท่านาน สาธุ สาธุ สาธุ
    ------------------------------------------------------------
    เว็ปบ้านสวนพีระมิด:
     
  13. crossis

    crossis Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +84
    โพธิปักขิยธรรม คือ ธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้ ประกอบด้วยธรรมะ 7 หมวด คือ สติปัฏฐาน 4, สัมมัปปธาน 4, อิทธิบาท 4, อินทรีย์ 5, พละ 5, โพชฌงค์ 7, มรรคมีองค์ 8 รวมเป็น 37 จึงเรียกว่า โพธิปักขิยธรรม 37


    1.) สติปัฏฐาน 4 คือ การเจริญสติระลึกรู้
    1. กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การหมั่นคิดใคร่ครวญโดยเน้นที่เรื่องรูปธรรม
    2. เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การหมั่นคิดใคร่ครวญโดยเน้นที่เรื่องนามธรรมในส่วนความรู้สึกจากสัมผัส
    3. จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การหมั่นคิดใคร่ครวญโดยเน้นที่เรื่องนามธรรมในส่วนของการรับรู้
    4. ธรรมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การหมั่นคิดใคร่ครวญโดยเน้นทุกเรื่องทั้งรูปธรรมและนามธรรม

    2.) สัมมัปปธาน 4 คือ ความเพียรพยายาม
    1. สังวรปธาน คือ เพียรระวังยับยั้งบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น
    2. ปหานปธาน คือ เพียรละบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว
    3. ภาวนาปธาน คือ เพียรทำกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดมีขึ้น
    4. อนุรักขนาปธาน คือ เพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่น

    3.) อิทธิบาท 4 คือ ทางแห่งความสำเร็จในกิจอันเป็นกุศล
    1. ฉันทะ คือ ความพอใจและเต็มใจ
    2. วิริยะ คือ ความเพียรพยายาม
    3. จิตตะ คือ ความเอาใจใส่ จิตใจจดจ่อ ไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งซ่าน
    4. วิมังสา คือ ปัญญาที่พิจารณาใคร่ครวญ หาเหตุผล เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

    4.) อินทรีย์ 5 คือ ธรรมที่ทำหน้าที่เป็นใหญ่ในอารมณ์
    1. สันธินทรีย์ คือ ความศรัทธาเป็นใหญ่
    2. วิริยินทรีย์ คือ ความเพียรเป็นใหญ่
    3. สตินทรีย์ คือ สติที่ระลึกรู้ในอารมณ์ปัจจุบันเป็นใหญ่
    4. สมาธินทรีย์ คือ การทำจิตให้เป็นสมาธิตั้งมั่นจดจ่ออยู่ในอารมณ์กรรมฐาน
    5. ปัญญินทรีย์ คือ ปัญญาทำหน้าที่เป็นใหญ่ด้วยการรู้แจ้ง

    5.) พละ 5 คือ ธรรมอันเป็นกำลังที่เกื้อหนุนแก่อริยมรรค
    1. สัทธาพละ คือ ความเชื่อ เลื่อมใส ศรัทธาที่เป็นกำลังให้อดทน และเอาชนะธรรมอันเป็นข้าศึก เช่น ตันหา
    2. วิริยะพละ คือ ความเพียรพยายาม เป็นกำลังให้ต่อสู้กับความขี้เกียจ
    3. สติพละ คือ ความระลึกได้ในอารมณ์สติปัฏฐาน อันจะเป็นกำลังให้ต้านทานความประมาทพลั้งเผลอ
    4. สมาธิพละ คือ ความตั้งมั่นจดจ่ออยู่ในอารมณ์กรรมฐาน ทำให้เกิดกำลังต่อสู้เอาชนะความฟุ้งซ่าน
    5. ปัญญาพละ คือ เป็นกำลังปัญญาที่เข้มแข็ง ซึ่งทำให้เอาชนะโมหะ คือความโง่ ความหลง

    6.) โพชฌงค์ 7 คือ ธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้
    1. สติสัมโพชฌงค์ คือ ความระลึกได้ สำนึกพร้อมอยู่ ใจอยู่กับกิจ จิตอยู่กับเรื่อง
    2. ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ คือ ความเฟ้นธรรม ความสอดส่องสืบค้นธรรม
    3. วิริยสัมโพชฌงค์ คือ ความเพียร
    4. ปีติสัมโพชฌงค์ คือ ความอิ่มใจ
    5. ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ คือ ความสงบกายใจ
    6. สมาธิสัมโพชฌงค์ คือ ความมีใจตั้งมั่น จิตแน่วในอารมณ์
    7. อุเบกขาสัมโพชฌงค์ คือ ความมีใจเป็นกลาง เพราะเห็นตามเป็นจริง

    7.) มรรคมีองค์ 8 คือ หนทางปฏิบัติที่นำไปสู่การบรรลุมรรคผลนิพพาน
    1. สัมมาทิฏฐิ คือ ปัญญาเห็นชอบ หมายถึงเห็นถูกตามความเป็นจริงด้วยปัญญา
    2. สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริชอบ หมายถึง การใช้สมองความคิดพิจารณาแต่ในทางกุศลหรือความดีงาม
    3. สัมมาวาจา คือ เจรจาชอบ หมายถึงการพูดสนทนา แต่ในสิ่งที่สร้างสรรค์ดีงาม
    4. สัมมากัมมันตะ คือ การประพฤติดีงาม ทางกายหรือกิจกรรมทางกายทั้งปวง
    5. สัมมาอาชีวะ คือ การทำมาหากินอย่างสุจริตชน
    6. สัมมาวายามะ คือ ความอุตสาหะพยายาม ประกอบความเพียรในการกุศลกรรม
    7. สัมมาสติ คือ การไม่ปล่อยให้เกิดความพลั้งเผลอ จิตเลื่อนลอย ดำรงอยู่ด้วยความรู้ตัวอยู่เป็นปกติ
    8. สัมมาสมาธิ คือ การฝึกจิตให้ตั้งมั่น สงบ สงัด จากกิเลศ นิวรณ์อยู่เป็นปกติ
     
  14. ไอ้ลูกหมา

    ไอ้ลูกหมา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2011
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +26
    ขออนุโมทนาครับคุณไม่จำเป็นต้องมาเบิกให้ผมหรือคนอื่นก็ได้นะครับผมอยากให้คุณเก็บไปนิพพานน่าจะดีกว่าครับ
     
  15. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    อนุโมทนา สาธุ และขออนุโมทนา จขกท.ด้วยค่ะ
     
  16. bangsaennitting

    bangsaennitting สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +24
    อนุโมทนาด้วยครับ มนุษย์ปุถุชนทั่วไปถ้าสามารถรักษาศีล ๕ ได้ก็นับว่าดีแล้วครับ เพราะศีล ๕ เกี่ยวข้องกับพวกเราโดยตรง ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
    ขอบคุณครับ
    http://palungjit.org/threads/ขอเชิญ...-วัดราษฎร์เรืองสุข-วัดมาบลำบิด-ชลบุรี.301589/
     
  17. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    อนุโมทนา สาธุ
    ในบุญกุศลด้วยครับ
    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    พาเข้าสู่สภาวะพระนิพพาน
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
    นิพพานัง ปรมัง สุขขัง
     
  18. toon0901

    toon0901 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +17
    ขออนุโมทนาบุญ กับ เจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ การที่เราสำนึกในบาป ที่เราเคยกระทำไว้ และเกรงกลัวต่อบาป ก็แปลว่า คุณมีหิริโอตะปะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและวิเศษมาก ๆๆ เลยค่ะ น้อยคนนักที่จะทำได้ คุณเยี่ยมมาก ๆๆๆ
     
  19. หมี พลเสน

    หมี พลเสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +358
    ผม โมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลที่ท่านเจ้าของกระทู้แล ะทุกๆท่านที่มีส่วนร่วมในเวปพลังจิตนี้ ได้ทำมาตั้งแต่ต้นชาติจนถึงปัจจุบันด้วยคนครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  20. poomdunn

    poomdunn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    270
    ค่าพลัง:
    +380
    ขออนุโมทนาบุญ สำหรับเจ้าของกระทู้นี้ ขอให้ท่านได้เข้าสู่นิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด นับเป็นการบอกหนทางเดินที่ดีและหลายๆคนต่างก็ค้นหา หนทางดับทุกข์ หนีจากนรก ไม่ไปสู่อบายภูมิ มนุษย์ ทุกคนมีความกลัวตายเป็นที่ตั้ง บางคนแค่นึกถึงเรื่องความตายก็จิตตก กลัวความเจ็บปวด กลัวว่าตายแล้วจะไปไหน กลัวการพลัดพรากจากของรัก สารพัดที่จะกลัว บางคนถึงขนาดจะพยายามไม่คิดถึงมันเลยก็มี ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ ไม่มีใครหนีพ้น ทุกคนก็ต้องเจอ ดิฉันได้อ่านกระทู้นี้แล้วอยากให้ใครหลายคนได้มาอ่านอย่างที่ดิฉันอ่านบ้างจัง อาจจะทำให้ รู้จักเตรียมตัวก่อนตาย ประกอบกุศลกรรมดี มีหิริโอตปะอยู่ในใจ และมีองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่กับใจตลอดเวลา ไม่ประมาทกับชีวิต สาธุ<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...