ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ขออโหสิกรรมให้คุณพระราชมนู และข้าพเจ้าเองหากได้ล่วงเกินสิ่งใดต่อคุณพระราชมนูไม่ว่าจะด้วยทางใดๆก็ตาม ขอให้คุณพระราชมนูอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย

และข้าพเจ้าขออนุโมทนาในการบวชของท่านเป็นอย่างยิ่ง อยากร่วมถวายปัจจัยบวชกับท่านแม้ข้าพเจ้าจะมีกำลังเพียงเล็กน้อยแต่ข้าพเจ้าได้เกิดจิตอนุโมทนากับท่านเป็นอย่างยิ่ง เห็นสมควรร่วมบุญกับท่านในการบวชครั้งนี้ ไม่ทราบว่าจะขอรบกวนบอกเบอร์บัญชีของท่านให้ทราบด้วยได้หรือไม่ค่ะ ทาง PM ก็ได้เจ้าค่ะ

 

เมื่อวานไปร่วมงานอนุโมทนาบุญสร้างช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์

งานลงรัก ปิดทอง ให้นายช่างรักส่วนงานช่างในพระองค์สมเด็จพระเทพฯมาทำให้ ตรงตามโบราณราชประเพณี เพราะว่าวัดนี้กษัตริย์สร้างจึงต้องถือลักษณะตามราชประเพณีโบราณ

ช่วงเช้าตรู่ของวานนี้ ทางสำนักพราหมณ์หลวงราชสำนักมาประกอบพิธีบวงสรวงช่อฟ้า ตามพิธีหลวงด้วยค่ะ

ซุ้มประตูหน้าต่าง ได้ปัจจัยครบแล้ว สร้างให้เหมือนครั้งเก่า มีพระปรางวัดไชยวัฒนารามพร้อมยอดตรีศูลเป็นปูนปั้นเหนือซุ้มประตูหน้าต่างทุกบาน

หลวงเตี่ยบอกบุญเรื่องซุ้มประตูหน้าต่าง ทั้งหมดมีซุ้มหน้าต่าง 10 ซุ้ม ซุ้มประตู 4 ซุ้ม มีญาติโยมร่วมปัจจัยจนได้งบมาเกิน 40 ซุ้ม ส่วนเงินปัจจัยที่ได้เกินมา จะบูรณะจิตรกรรมฝาผนังวัดชุมพลนิกายารามราชวรวิหารต่อไป

ปลื้มใจกับบุญในครั้งนี้มากค่ะ ขอให้ท่านที่อ่านได้อนุโมทนาบุญด้วยเทอญ

การซ่อมแซมพระอุโบสถครั้งนี้ จะอยู่ยั่งยืนไปไม่ต่ำกว่า 100 ปีเป็นแน่แท้ เพราะหลังคาทั้งหมดรวมทั้งช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ สร้างแบบโบราณ ใช้ไม้สักเป็นหลัก ซึ่งไม้สักจะคงทนไปอีกนาน ได้สืบสานพระพุทธศาสนาไปได้อีกเป็นชั่วอายุคนเลยค่ะ ปลื้มใจมาก.....

 

ทางวิทยาลัยนาฎศิลป์อ่างทอง ส่งชุดนางรำเข้ามาร่วมงานอีก 5 ชุด สวยงามมาก

คุณอาชินกร ไกรลาศมาเป็นเจ้าพิธีด้วย ขออนุโมทนากับคุณอาชินกร ไกรลาศค่ะ

ได้ฟังยอยศพระลอร้องสดอีกครั้ง ไพเราะจริงๆ คุณอาชินกรมีกำลังเสียงดีไม่มีตกเลยไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีแล้วก็ตาม ขออนุโมทนากับคุณอาชินกร ไกรลาศค่ะ

เอาเพลงยอยศพระลอมาจาก ยูทูป ให้ชมกันค่ะ

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=XASDURLHWSc&feature=related"]YouTube - ????????? ?????????????????? ??????[/ame]​

แม่สร้อยฟ้ามาลา ถ่ายรูปได้สวยมากค่ะ เทียบกับมืออาชีพได้เลย (ชมจากใจจริงๆค่ะ)

 

อนุโมทนาค่ะ

ขอร่วมแสดงความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตรย์ ของไทยเราค่ะ

 

สวัสดีค่ะคุณเฟื่องฟ้า (อ่านแบบนี้ถูกต้องไหมคะ?)

สำหรับพระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง พระอาจารย์มหาฤทธิชัยท่านให้สังเกตุว่านอกจากไกปืนจะเป็นครุฑดำแล้ว ที่จับชนวนยังเป็นพญานาคด้วยนะ สังเกตุอีกทีจากภาพใหญ่ก็จริงดังนั้น

 

อนุโมทนา สาธุครับ

กระทู้ "ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวร

มหาราช" ยินดีต้อนรับคุณเฟื่องฟ้า ครับ

 

ความรู้เรื่องปืนคาบชุด ปืนนกสับ และปืนคาบศิลา จากเวปเด็กดี ของผู้เขียนที่ใช้นามแฝงว่า อัศวินอโยธยา

ขอบคุณความรู้จากเวปไซด์นี้ค่ะ

 

....พม่า "รู้ทันโลก" ไม่ใช่ "รู้ทันประชาธิปไตย" แล้ว!
ดังนั้น ก้าวที่กำลังเริ่มของพม่าในเวทีภูมิภาคเวลานี้ เป็นการก้าวในลีลาใช้ประชาธิปไตยเป็นรองเท้า พม่าสวมรองเท้าเป็น ซึ่งเท่ากับใช้ประชาธิปไตยสู่เป้าหมายเป็นนั่นเอง
การร้องขอ "เป็นประธานอาเซียน" ของพม่า จากวงประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่อินโดฯ วานนี้ (๖ พ.ค.) เราควรมองให้ดี มองให้เห็นว่าพม่าสวมรองเท้า ไม่ได้เอารองเท้ามาสวมหัว
เหมือน (เรา) ขณะนี้!?
พม่านั้น ถ้าตั้งลำได้วันไหน ทิ้งไทยแน่ เพราะจุดแข็งเหนือไทยเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะภาษาการสื่อสารกับโลกภายนอกที่พม่าใช้ภาษาอังกฤษเหมือนมาเลเซียที่เหนือไทยตรงนี้อยู่เวลานี้ ยังไม่ต้องพูดถึงด้านทรัพยากร ด้านการท่องเที่ยว พูดกันตรงๆ อาณาจักรพุกามมีมาก่อนไทย ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ ปี
พม่าติดเครื่องเมื่อไหร่ แค่ส่งสัญญาณ..ทุงยาหมาบี้ ขี้หมาบ้า พม่าบุกไทย ให้บรรดาแรงงานทั้งหลายลุกฮือ ไม่ต้องเผาบ้าน-เผาเมืองหรอก
แค่ "ทิ้งงาน" วันเดียว ไทยก็เดี้ยงแล้ว!


ก็น่าคิดนะครับ คัดลอกบางตอนมาจาก คุณเปลว สีเงิน แห่งไทยโพสต์ ฉบับ 7 พ.ค.54 ขอขอบพระคุณแหล่งที่มาไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
ส่วนท่านใดสนใจในรายละเอียด ขอเชิญได้ที่นี่ครับ : http://www.thaipost.net/news/070511/38224

 

​

[FONT=Dotum, Sans-serif]Ming Dynasty (AD 1368-1644) Chinese matchlock firearms. [/FONT]​

[FONT=Dotum, Sans-serif]

[/FONT]

[FONT=Dotum, Sans-serif]<!-- skip links for text browsers -->skip to main | skip to sidebar GUN AND SWORD [/FONT]​

[FONT=Dotum, Sans-serif]


[FONT=Dotum, Sans-serif]

[/FONT]​

[FONT=Dotum, Sans-serif]Matchlock[/FONT]

​

[FONT=Dotum, Sans-serif]

[/FONT]​

[FONT=Dotum, Sans-serif]Matchlock [/FONT]

​

[FONT=Dotum, Sans-serif]

[/FONT]​

[FONT=Dotum, Sans-serif]Matchlock[/FONT]​

[FONT=Dotum, Sans-serif]

[/FONT]​

[FONT=Dotum, Sans-serif]

[/FONT]​

​

Matchlock​

[/FONT]
​

[FONT=Dotum, Sans-serif]
[/FONT]

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%"><TBODY><TR vAlign=top><TD>[FONT=Trebuchet MS, verdana, arial, helvetica]<!--begin text_1--><!--end text_1-->[/FONT]</TD><TD><!--begin image_1--><!--end image_1--></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%"><TBODY><TR vAlign=top><TD align=middle>

[FONT=tahoma, arial, helvetica]<!--begin heading_2-->Above: Picture of a Portuguese-style matchlock gun adopted by the Chinese military as rendered in General Qi Jiguang's military manual[/FONT]​

[FONT=tahoma, arial, helvetica]"Ji Xiao Xin Shu", edition of 1588. This weapon was copied from Japanese pirates who in turn had earlier copied the design from the Portuguese. The Chinese Imperial Forces had embraced this weapon enthusiastically. In 1558, a total of 10,000 of such weapons were manufactured for the Chinese Imperial Army by Chinese gunsmiths.[/FONT]









ปี ค.ศ. 1588 คือปี พ.ศ. 2131 นายพล ฉี จี้ ก่วง ขุนพลราชวงศ์หมิงเคยใช้ปืนชนิดนี้ในสนามรบด้วยค่ะ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา หลังเหตุการณ์ข้ามแม่น้ำสะโตง 4 ปี


</TD><TD align=middle>[FONT=tahoma, arial, helvetica]<!--begin heading_3--><!--end heading_3-->[/FONT]
<!--begin image_3--><!--end image_3-->




</TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=3>




</TD></TR><TR vAlign=top><TD align=middle>


</TD><TD align=middle>[FONT=tahoma, arial, helvetica]<!--begin heading_5--><!--end heading_5-->[/FONT]
<!--begin image_6--><!--end image_6-->




</TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=3>




</TD></TR><TR vAlign=top><TD align=middle>[FONT=tahoma, arial, helvetica]<!--begin heading_6-->[/FONT]<!--begin image_7--><!--end image_7-->




</TD><TD align=middle>[FONT=tahoma, arial, helvetica]<!--begin heading_7--><!--end heading_7-->[/FONT]
<!--begin image_9--><!--end image_9-->




</TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=3>





</TD></TR><TR vAlign=top><TD align=middle>



</TD><TD align=middle>[FONT=tahoma, arial, helvetica]<!--begin heading_10--><!--end heading_10-->[/FONT]
<!--begin image_11--><!--end image_11-->




</TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=3>




</TD></TR><TR vAlign=top><TD align=middle>[FONT=tahoma, arial, helvetica]<!--begin heading_11-->[/FONT]
<!--end heading_11-->
<!--begin image_13--><!--end image_13-->




</TD><TD align=middle>[FONT=tahoma, arial, helvetica]<!--begin heading_12--><!--end heading_12-->[/FONT]
<!--begin image_14--><!--end image_14-->




</TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=3>





</TD></TR><TR vAlign=top><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
Generic Template

 

หลายท่านคงเคยขับรถ และคงมีสักครั้งที่ขับรถไปแล้วเจอ "หมอกลงจัด" หรือเจอควันดำเป็นหมอกมืดครึ้มจากคนจุดไฟเผาป่า-เผาฟางแห้งข้างทาง จะหยุดรถก็อันตราย ครั้นจะขับฝ่าหมอกไปโดยไม่เห็นทางข้างหน้าเลยก็อันตราย ทั้งที่รู้ว่าอันตราย "ไม่อยากไป-ก็ต้องไป" แล้วท่านเคยสังเกตตัวเองมั้ยครับว่า ยามตกอยู่ในภาวะนั้น มีความรู้สึกตอบสนองอย่างไร?
อึดอัด กลัว ว้าวุ่น ตัดสินใจอะไรไม่ถูก ทุกอย่างทำไปโดยอัตโนมัติ คือทำตามสัญชาตญาณโดยไม่มีสติควบคุม ผมโชคดีอยู่อย่างที่ขับรถไม่เป็น แต่ก็โชคร้ายที่เคยนั่งไปกับคนขับรถเป็นและเจอภาวะหมอกลงจัด แถมเป็นตอนกลางคืนบนไฮเวย์เสียด้วย
ยอมรับว่ากลัวมาก แต่พอจับหัวใจที่กระดอนออกปากยัดกลับเข้าที่ ก็ทำหน้าที่กัปตันร่วมเพราะนั่งคู่คนขับ คนขับก็คือ "คุณแสงชัย สุนทรวัฒน์" เพื่อนผม
ผมตั้งสติ จมูกชนกระจก ตาถลึงตามไฟหน้ารถที่ดิ้นกระแด่วเพราะถูกหมอกหนาทึบห่อหุ้มไว้เหมือนลูกหมา-ลูกแมวอยู่ในรกแม่ หวังอย่างเดียว แค่เห็นประกายแสงจากตูดรถคันหน้าก็พอแล้ว เพื่อไม่ต้องไปเสยตูดเขา ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำให้เหยียบกันเป็นทอดๆ นับสิบ-นับร้อยคัน รถเก๋งก็พอว่า ถ้าเป็นรถทรัคละคุณเอ๋ย
ได้เป็น "ผีฝรั่ง" แน่ๆ!
แต่ท่านเชื่อมั้ย พอเอาสติมาตั้งให้หายตื่น จากที่ไม่เห็นอะไรเลย สติทำให้สายตาเหมือนมีพลังความร้อน ละลายหมอกที่ห่อหุ้มอยู่หนาทึบให้บางลงพอเห็นประกายแวบๆ จากรถคันหน้าในระยะสอง-สามศอก ก็ช่วยตะโกนบอกกัน คุณแสงชัยขับประคองไม่ให้ไปเหยียบคันหน้า ส่วนจะถูกคันหลังเหยียบ เป็นเรื่องความเฮง-ความซวยที่ต้องยอมรับ
จากนั้นคุณแสงชัยตัดสินใจขับทับไหล่ทาง อาศัยหมุดทองเหลืองที่ตอกเป็นแนวสัญญาณเตือน...เฮ้...ยู จะตกถนนแล้วนะ...ไปเรื่อยๆ เป็น "หมุดนำร่อง (แร่ง) ชีวิต"
คือขับเกาะหมุดทองเหลืองให้ล้อรถมันตึงๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ พอมั่นใจว่าไม่ตกถนน แค่นั้นพอใจแล้ว จากนั้นก็ช่วยกันเพ่งประกายตูดรถคันหน้า อะไรอื่นนอกจากนี้ ยกให้เป็นหน้าที่ "เทวดาฟ้าดิน" จะชูหัวนิ้วโป้งขึ้น หรือคว่ำลง!......


เรื่องที่นำมาโพสดังกล่าวนี้ ใครที่เคยขับรถ อ่านแล้วคงสามารถเข้าใจได้ แต่หลายๆท่านคงเดาไม่ถูกว่าแล้วจะเกี่ยวกับกระทู้นี้อย่างไร ผมต้องขออนุญาต
ที่จะไม่อธิบายนะครับ แต่จะขอร้องให้ท่านได้ติดตามอ่านได้ที่
http://www.thaipost.net/news/090511/38308

ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน แห่งไทยโพสต์ ครับ

 

บทเสภา ตอนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จยกทัพไปตีกรุงกัมพูชา ด้วยอภินันทนาการจาก ท่านพลตรี พิจิตร ขจรกล่ำ ครับ

ตอนพระนเรศมีพระราชดำริจะยกทัพไปตีกรุงกัมพูชาธิบดี​

( ศักราช ๙๔๓ ปีมะเส็ง ตรีศก )​

<O</O​

ในพระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท กราบพระบาทบดีกรุงศรีศร
พระเมตตากรุณาเอื้ออาทร ประชากรไร้ทุกข์แสนสุขใจ
พระดำรัสประเวศเรื่องเขตแดน อันเมืองแมนถึงเวียงแดนเชียงใหม่
ทั้งทะวายตะนาวแสนยาวไกล มะริดใช่ของเราแต่เก่ามา
อันการศึกหงสาอาจลาลับ เรื่องยกทัพมาใกล้คงไม่กล้า
อาจห่างหายฤกษ์งามไร้น้ำยา ถึงเวลาตะวันออกซ้ำชอกใจ
อันฤดูกาลตอนนี้นั่นมีฝน จงเตรียมพลพร้อมสรรพเป็นทัพใหญ่
เมื่อน้ำแล้งเท้าช้างม้าจะคลาไคล จะยกไปตีละแวกให้แหลกลาญ

<O</O

ตอนกองทัพกรุงศรีอโยธายกไปกรุงกัมพูชาธิบดีทางด่านพระจารึก​

( วันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะเส็ง )​

<O</O​

เมื่อนั้นพระนเรศมีเจตนา เรื่องรบราพร้อมพรั่งพลสังหาร
เตรียมการเสร็จพร้อมกันแต่วันวาน อยู่เต็มลานสุขสันต์ทุ่งหันตรา
อันไพร่พลมากมายชายฉกรรจ์ หนึ่งแสนนั่นเชี่ยวชาญและหาญกล้า
ม้าห้าร้อยช้างแปดร้อยไม่น้อยนา พร้อมรบราฆ่ามันให้บรรลัย
ให้พระราชมานูเป็นกองหน้า ถือไพร่พลห้าพันดุดันใช่
พอได้ฤกษ์พร้อมสรรพยกทัพไป ด่านพระจารึกไกลจะไปกัน

<O</O

ตอนกรุงกัมพูชาธิบดีเตรียมการป้องกันพระนคร​

<O</O​

ฝ่ายพระยาละแวกไม่แปลกนัก ฝ่ายไทยจักรบราเข่นฆ่านั่น
พระทราบข่าวทัพหน้ามาห้าพัน เตรียมป้องกันทุกด่านจะผ่านมา
พระยาแสนท้องฟ้าอย่าลาลับ ให้ยกทัพพลไพร่พวกใจกล้า
หนึ่งหมื่นคนอยู่ยาวเตรียมข้าวปลา เครื่องรบราเร่งรัดจงจัดไป
ให้วางกำลังที่เมืองโพธิสัตว์เตรียมป้องปัดพร้อมสรรพสู้ทัพใหญ่
ตามเส้นทางกระจายเรียงรายไป ทั้งปืนไฟจำต้องใช้ป้องกัน
ให้ท่านพระยาบวรนายก ชายป่ารกพระตะบองตั้งกองนั่น
หนึ่งหมื่นห้าพันคนอดทนกัน รีบเร็วพลันพร้อมกันไปทันใด
ให้พระยาราชดึงษาเป็นกองซุ่ม ตั้งเป็นกลุ่มทดลองเป็นกองใหญ่
บ้านระนามนั่นหนาจงพาไป อยู่ไม่ไกลสุดตาจากธานี
พระยามโนไมตรีพ่อศรีเมือง ให้ต่อเนื่องรบพุ่งกับกรุงศรี
เมืองพระตะบองตรึกตรองดี กำลังมีห้าพันช่วยกันไป
วางกำลังซ่อนกลตำบลพาด จะช่วยชาติขะแมนั่นแน่ไซร้
ถ้าพร้อมใจช่วยกันไม่บรรลัย ถ้าแยกใจทัพแตกถึงแหลกลาญ

<O</O

ตอนกองทัพกรุงศรีอโยธยาล่วงมาถึงบ้านป่าระนาม​

<O</O
เมื่อนั้นกองทัพกรุงศรีอโยธยา ล่วงเข้ามาใกล้พื้นที่สังหาร
ข้ามลำตะโหนดกันแต่วันวาน พระสำราญป่าระนามช่างงามตา
ฝ่ายพระยาราชดึงษาพวกกองซุ่ม ยกทัพทุ่มรุมสับพวกทัพหน้า
พระราชมานูเก่งครบเรื่องรบรา อนิจจาทัพแตกน่าแปลกใจ
ฝ่ายทัพหน้าถอนตัวเพราะกลัวตาย จนวุ่นวายชนกับกองทัพใหญ่
พระนเรศสั่งกองทัพตีกลับไป แตกทันใดทัพขะแมไม่แก่ตาย

 

​

​

​

วัดวรเชษฐ์ ถ่ายโดยคุณสร้อยฟ้ามาลา สวยค่ะขอนำมาเผยแพร่เพื่อประกอบเรื่องราวของบทเสภาแต่งโดย พลตรี พิจิตร ขจรกล่ำ โดยที่พี่จงรักภักดีกรุณานำมาเผยแพร่ในกระทู้นี้ค่ะ​

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1488609/[/MUSIC]​

ทั้งภาพและเพลง มาจากกระทู้เมื่อสาว สาว พลังจิต ไปเที่ยวอยุธยา ภาค ๒

เพลงนี้ทำให้คิดถึงละครเรื่อง ทวิภพ จริงๆ ชอบคุณหลวงกับเมนี่ โดยเฉพาะยุคที่สิเรียมเล่นเป็นมณีจันทร์หรือแม่มณีของคุณหลวงเทพ

http://palungjit.org/threads/เมื่อสาว-สาว-พลังจิต-ไปเที่ยวอยุธยา-ภาค-๒.290706/page-2

 

รูปแรกนี้เห็นพระปรางค์เจ้าแม่วัดดุสิตชัดมากค่ะ และรูปถ่ายยามค่ำคืนงดงามมาก เอามาโพสเพื่อพักสายตาค่ะ

 

เก็บรูปศิลาพระจันทร์ลอย วัดนครหลวง จะขอเอามาดูประกอบ เทียบกับพระประธานในโบสถ์วัดไชยวัฒนารามค่ะ



กำลังลองเทียบดูค่ะ พระประธาน 3 องค์ กับเจดีย์ 2 องค์ที่ปรากฏในศิลาพระจันทร์ลอยจะหมายถึงที่วัดไหนได้บ้าง อาจจะเป็นวัดไชยวัฒนารามหรือเปล่า ผู้สร้างวัดนครหลวง และปราสาทนครหลวง ก็คือ พระเจ้าปราสาททอง ซึ่งทรงเป็นผู้สร้างวัดไชยวัฒนารามด้วย ดังนั้นก็อาจเป็นได้ที่รูปพระประธาน 3 องค์ กับ เจดีย์ 2 องค์ที่ปรากฏในศิลาพระจันทร์ลอย อาจหมายถึง วัดไชยวัฒนาราม ก็อาจจะใช่หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ค่ะ ดูจากหลักฐาน รูปแบบ ก็น่าจะพอเป็นไปได้ค่ะ​

 

สวยค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่นำมาเผยแพร่

 

ขออนุญาตแจ้งเรื่องการเปลี่ยนแปลง e-mail address ผ่านทางกระทู้หน่อยนะครับ

เนื่องจากที่ใช้อยู่เดิม "pjkhom@hotmail.com"ประสบปัญหาเรื่อง pass word ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ จึงขอเปลี่ยนแปลงเป็น
pjkhom@gmail.com

ขอขอบคุณครับ

 

เรื่องของพระปรางค์น้อยของเจ้าแม่วัดดุสิต(กรมพระเทพามาตย์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) กับพระปรางค์วัดราชบูรณะ (อยุธยา) ขอเก็บไว้ก่อนเพื่อหารายละเอียดให้ชัดเจนจึงค่อยเขียนอีกทีค่ะ