หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ผมว่า...น่าจะหนักไปทางมหาเมตตามากกว่ามหาอำนาจนะครับ​

ผมกราบขออนุญาตเบื้องบน มอบพระคาถาหนึ่งในทิพยมนต์
ให้กับทุกท่านเป็นของขวัญปีใหม่ไทย
โปรดท่องไว้ให้ขึ้นใจนะครับ

 

สุขสันต์วันสงกรานต์

สุขสันต์วันสงกรานต์ทุกๆท่านครับ
สวัสดีปีใหม่ไทย
สุขขีวันปี๋ใหม่เมือง(เหนือ)
มีความสุขทุกๆท่านและขอให้ญาณบารมีสูงยิ่งๆขึ้นไปด้วยครับ

 

เป็นพระแก้วทรงเครื่องใหญ่ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นมณีโชติหรือไม่ แต่นับเป็นของสูงมากเช่นกัน เพราะกายของท่านเป็นแก้ว (วิสุทธิ์) จึงนับว่ามีค่ายิ่ง หากเป็นพระแก้วมณีโชติที่ฝากกรุหรือเสด็จมาทางอากาศ จะเหมือนกันทุกประการคือ มีคราบกรุค่อนข้างออกขาว(ยางปี) พอนานเข้าจะแข็งเหมือนหินปูน ปิดทองคำเปลว(แท้) ผิวบางส่วนค่อนข้างขรุขระเป็นขุ๋ยคล้ายรอยเครื่องมือ มีรอยแกะพระชัดเจน (ไม่ใช่หล่อพระ) หากเป็นแก้วหลอมหรือเรซินจะเป็นการหลอมและมีน้ำหนักเบา ส่วนพระแก้วมณีโชติจะมีน้ำหนักมากกว่า และผิวสีวรรณะของพระแก้วมณีโชติจะหนักเบาไม่เท่ากันเปลี่ยนไปตามแสงด้วย
ถ้าได้เห็นองค์จริงคงตอบได้ชัดกว่านี้ แต่ผมเชื่อตามบุญบารมีของคุณอ๊อดว่า เป็นของมีค่าสูงยิ่งแล้วครับ

 

บุญกุศลใดๆที่ผมเคยสร้างสั่งสมไว้ ไม่ว่าจะปรารถนาพระโพธิญาณและพระนิพพานมาตั้งแต่ต้นธาตุ อดีตชาติ และปัจจุบัน จงส่งผลไปให้ญาติธรรมและผู้เข้ามาอ่านเจอข้อความนี้ ให้สว่างไสวไปด้วยโลกธาตุและธรรมธาตุ ปรารถนาสิ่งใดก็ขอให้สมความมุ่งมาดทุกประการถ้วนทั่วกัน สุขสันต์ในวันปีใหม่ไทยและตลอดไปครับ

อนึ่ง... ผมได้รับพระหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรจากสายบุญเมื่อคืนนี้ พร้อมกับพระสมเด็จเนื้อผงใบลาน(สีดำ) ที่ญาติธรรม กำลังเดินทางมารับในวันนี้ตามคำอธิษฐานของเขาที่ขอไว้

 

พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ เนื้อผงใบลานสีดำ อธิษฐานจิตโดยสมเด็จโต หลวงปู่ปวเรศฯ หลวงตาแสง(อาจารย์หลวงปู่โต) คณะพระเบื้องบนเสด็จมาร่วม เป็นที่หนึ่งของบรรดาพระสมเด็จทั้งหมด พลังพุทธานุภาพครอบจักรวาลแรงสุดๆ เป็นพระประจำตัวผมเบอร์หนึ่งครับ

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>IT Man, nontayan+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

กราบสวัสดีปีใหม่ครับท่านนนต์ที่นับถือ

 

โมทนาสาธุครับผม

กระผมรับรู้มาเช่นกันว่า...สีดำ...ท่านจะครบเครื่องและแรงกว่าสีขาว

สีดำ...แคล้วคลาดนำ...
สีขาว...มหานิยมนำ...

โดยเฉพาะพระพิมพ์พิเศษสุด...ปางประทานพรก็เฉกเช่นเดียวกัน
เหมาะกับท่านชายมากกว่าท่านหญิง (คงเพราะแรง!) นั่นเอง

ทั้งนี้...แรงระดับพระอริยะ,พระอรหันต์กับแรงระดับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น...ช่างแตกต่างกันอย่างมหาศาลครับผม

 

ผมเองก็รอฟังผลเช่นกันครับ ขอบพระคุณท่านทั้งสองที่ช่วยถามและช่วยไข

พระแก้วมณีโชติ มีจริง ไม่ใช่มีแต่เพียงผ่านทางตำราหรือยกเมฆ

สำหรับผมตรวจได้เพียงรูปภายนอก จึงสรุปได้ราว 50% อีก 50% ต้องขอความเมตตาจากครูบาอาจารย์ท่านช่วยสงเคราะห์ พระแก้วมณีโชติพลังท่านจะสูงกว่าพระกรุ...แก้ว...หิน...ดังๆทั่วไปหลายเท่าตัว

ผมขออนุญาติเสริม...พระแก้วมณีโชติน้ำหนักอยู่ระดับปานกลาง-ไม่เบาเหมือนพลาสติกอัด-ไม่หนักเหมือนแก้ว-พลอย-หิน...(ทั้งสังเคราะห์และไม่สังเคราะห์)

พลังครอบจักรวาลของจริง เป็นผู้ป้องกันรังสีร้ายต่างๆโดยตรง...เหมือนสร้างมาเพื่อกันสิ่งเหล่านี้

ครูอาจารย์บอกว่า...การอธิษฐานจิต(อัดพลัง)เข้าแก้ว-หินต่างๆนั้นยากยิ่งกว่าวัตถุธาตุอื่นๆมากมาย ฉนั้นจึงไม่น่าสงสัยว่าผู้ใดจักอธิษฐานจิตเข้าไปยังแก้วมณีโชติได้...และพลังสูงมากๆได้...

 

สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันครับ ผมกำลังอยู่กับผู้หมวด ร.ต.ท.ศุภชัย เจ้าของพระสมเด็จผงใบลานหนึ่งองค์ข้างบน(ไปอัญเชิญมาจากสายบุญเมื่อคืน) ในอนาคตคงจะได้พบกันหมดนะครับ

 

ยินดีกับผู้หมวดด้วย
คิดว่าในอนาคตอันใกล้นี้คงได้พบกันครับ

 

พระพุทธสิหิงค์ วัดพระสิงค์...เชียงใหม่​

กราบ กราบ กราบ
กราบ กราบ​

 

การดึงพลังจากวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทำได้หลายวิธี เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมใช้วิธีนำเอาลูกแก้ววางรอบตัวทั้งสี่ทิศ แต่ละทิศยังมีพระสมเด็จ พระร่วงรางปืนชุดเบญจเนื้อชิน พระกรุบรบือ พระกริ่งปวเรศ เหล็กไหล และอื่นๆ วางตามทิศรอบตัว ขณะนั่งสมาธิใช้หลักมโนมยิทธิผสมผสานพลังจักระ เปิดจุดต่างๆและโน้มมาสู่การเปิดและรับพลังให้เข้าออกทั้งร่างกาย ใช้มโนมยิทธิตามแต่ปรารถนา มองกายตัวเองให้ใสสว่างมองเห็นแสงแห่งพลังของวัตถุศักดิ์สิทธิ์ไหลเข้าสู่ร่างกายแบบสบายไม่เกร็ง หากปรารถนาจะให้กระแสพลังวิ่งไปตรงไหน ก็จะรู้สึกถึงพลังวิ่งไปตามจุดนั้นๆ พอผมทิ้งมโนมยิทธิเข้าสู่สมถะสมาธิ จะปรากฏร่างกายร้อนเหมือนวิชากสิณทั้งที่เปิดแอร์เย็นมากก็ตาม นี่คือผลของการดึงพลังจากวัตุเหล่านี้ ซึ่งจะได้พลังด้านฤทธิ์ ผมก็ลองไปตามเรื่อง คงเป็นจริตเดิมกระมัง หรือถือเป็นการทดลองปฏิบัติไปพลางก่อน ก่อนที่ครูอาจารย์ท่านจะเสด็จลงมาสอนในไม่กี่เดือนข้างหน้า(ตามในนิมิต)

หมายเหตุ การใช้มโนมยิทธิของผม ที่จริงผมมองไม่เห็นอะไร แต่ใช้จินตนาการคือมโนเอา บางคนบอกผมว่า ผมใช้อรูปฌาน(ยืมฌานในอดีตกระมัง) ซึ่งผมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับระดับของฌาน ไม่เคยมีภาพนิมิตใดๆในสมาธิ แต่ใช้จิตบริสุทธิ์และระลึกรู้อยู่เสมอว่า สิ่งที่เราจินตนาการนั้นล้วนเป็นสิ่งสมมุติ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็เป็นสิ่งสมมุติ หรือไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นก็ล้วนเป็นสิ่งสมมุติ แต่มีสิ่งผุดรู้บางอย่างเกิดขึ้นเราก็มองมันว่า อ๋อมันก็เป็นสิ่งสมมุติเช่นกัน ผมคงต้องฝึกปฏิบัติไปตามแนวทดลองก่อน เมื่อถึงเวลาครูบาอาจารย์ท่านคงจะเสด็จลงมาโปรดค่อยว่ากันอีกที ท่านใดลองนำไปทดลองดูบ้างก็ได้นะครับ รับรองว่ามีผลแน่ แต่จะเป็นปัตจัตตังแตกต่างกันไปบ้าง

ปล. ถ้าปรารถนาจะเข้าสู่พระนิพพานต้องทิ้งฤทธิ์ และละวางวัตถุหรือสิ่งอื่นใดแม้แต่ร่างกายของตัวเองครับ

 

สวัสดีปีใหม่ไทยครับสมาชิกทุกๆท่าน

ขออาราธนาบารมีพระรัตนตรัย หลวงปู่เทพโลกอุดร หลวงปู่โต ได้คุ้มครองสมาชิกทุกท่าน ให้มีความสุขความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรมยิ่ง ๆขึ้นไปครับ

 

อยากให้โลกนี้กลมไปนานเท่านานครับ แต่ผมรู้สึกว่าชักจะเอียงๆแกว่งๆแล้วน่ะ
เพลากลางเริ่มมีปัญหาซะแล้วครับ

 

งามหลาย ดีหลาย...
กราบ กราบ กราบ
กราบ กราบ​

 

ขอบคุณและโมทนาสาธุครับ

 

เรียนท่านสมบัติ พระพุทธรูปไม้แกะองค์นี้ ลูกชายผม(ม.6)เขาไปดูงานที่ประเทศเกาหลีใต้เมื่อปีที่แล้ว เขาได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้มาด้วย(หน้าตักสองนิ้ว) ผมไม่แน่ใจว่า คือ พระพุทธเจ้าไภสัชยคุรุหรือไม่ครับ

 

เมื่อสักสี่วันที่ผ่านมา ผมนิมิต(แยกจากความฝัน)เห็นสัตว์นรกขุมหนึ่ง(น่าจะเป็นนรกขุมที่ห้าหรืออนันตนรกไม่แน่ใจ) เป็นผู้หญิงเปลือยรูปร่างหน้าตาน่าสังเวช กำลังคุ้ยหาอาหารในอาจมที่เน่าเหม็น และกำลังกัดกินสัตว์นรกตัวเล็กกว่า สัตว์นรกตัวเล็กบางครั้งก็เป็นอวัยเพศหญิง บางครั้งก็เป็นอวัยเพศชาย กำลังถูกกัดกิน ดูแล้วช่างน่าสมเพชเวทนาเป็นยิ่งนัก ต่อมาอีกสามวันคือเมื่อวานนี้ มีสิ่งหนึ่งดึงให้ผมไปอ่านกระทู้หนึ่งบนเว็บบอร์ดพลังจิต เกี่ยวกับมีผู้วิจารณ์แม่ชีรูปหนึ่ง อ่านไปประมาณสักหน้าสี่(จำไม่ได้)ก็เจอภาพเปลือยผู้หญิง จึงทำให้ผมเกิดความสังเวชขึ้นมาซ้ำสอง ผมจึงละจากการอ่านนั้นเสีย นิมิตของผมบางเรื่องจะเป็นการบอกเหตุให้รู้ล่วงหน้าประมาณ 3 วัน จากนิมิตดังกล่าว ทำให้ผมย้อนไประลึกถึงคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า มนุษย์และสรรพสัตว์ล้วนเกิดขึ้นมาตามผลของกรรมในอดีต ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภทได้แก่ (เท่าที่ผมจำได้)
1. เกิดมามืดแล้วไปมืด คือเกิดมาอัปลักษณ์พิกลพิการ และลำบากยากจน แต่ก็ยังมีจิตใจชั่ว ชอบทำแต่อกุศลกรรม เมื่อตายไปย่อมไปเกิดในทุกขภูมิ(นรกภูมิ) เพื่อชดใช้กรรม
2. เกิดมามืดแล้วไปสว่าง คือ ถึงแม้จะเกิดมาอัปลักษณ์พิกลพิการ และลำบากยากจน แต่มีจิตใจงาม ชอบสร้างแต่บุญกุศล เมื่อตายไปแล้วย่อมไปเกิดในสุขภูมิ (สวรรค์และพรหม) เพื่อเสวยบุญ
3. เกิดมาสว่างแล้วไปมืด คือ แม้จะเกิดมาหน้าตารูปร่างดี ร่ำรวย และสุขสบาย แต่มีจิตใจชั่ว ชอบสร้างแต่กรรมเลว เมื่อตายไปแล้วย่อมไปเกิดในทุกขภูมิ(นรกภูมิ) เพื่อชดใช้กรรม
4. เกิดมาสว่างแล้วไปสว่าง คือ เกิดมามีรูปร่างสมบูรณ์หน้าตาดี ร่ำรวย (บ้างก็พอเพียง) และสุขสบาย แถมมีแต่จิตใจงาม ชอบสร้างแต่บุญกุศล เมื่อตายไปแล้วย่อมไปเกิดในสุขภูมิ(สวรรค์และพรหม) บางคนเร่งความเพียรก็สามารถหลุดพ้นไปสู่แดนพระนิพพานได้

ผู้ใดห่างไกลคำสอนของพระพุทธองค์ ก็ย่อมมีโอกาสไหลไปสู่ที่ต่ำได้ บางคนเกิดมาเพื่ออัพเกรดตัวเองขึ้น แต่บางคนเกิดมาดีด้วยผลของบุญเก่า แต่กลับชอบสร้างแต่อกุศลกรรมเพราะหลงผิดและห่างไกลคำสอนของพระพุทธองค์ จึงได้แต่ดำดิ่งคือลดเกรดของตัวเองลงอย่างน่าเสียดาย นี่แหละคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอให้ทุกท่านจงพิจารณา และมหาพิจารณาด้วยครับ

 

โมทนาสาธุ สาธุ สาธุครับ

วันนี้,พรุ่งนี้...คนส่วนใหญ่หยุด...แต่ office ผมเป็นองค์การระหว่างประเทศ ไม่หยุด ซึ่งใครอยากหยุดก็ลาพักผ่อนกันได้(30-45 วัน/ปี)

มีความสุขกับวัดหยุดพักผ่อนอันชื่นมื่นนะครับ

 

น่าจะแกะเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันของพวกเรา



องค์นี้...พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า-หยกแกะแห่งวังหน้า
และที่เป็นพระกริ่งปวเรศครับผม