หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

งดงามคนละแบบครับผม

หากมีโอกาสคงได้ไปกราบนมัสการพระอาจารย์บุญสวน จันทวัณโณ บ้างนะครับ

ขอจารึกหน้าที่ 55 ไว้เพื่อชมพระเก่าๆงามๆแท้ๆนะครับ

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>IT Man, แหน่ง+, nontayan </TD></TR></TBODY></TABLE>

ยังไม่ได้ทักทายกันเลย...สวัสดีครับ
ชื่อบ้านที่ผมตั้งไว้สอดคล้องกับชื่อท่านทั้งสองโดยบังเอิญเลย หุหุ

 

สวยมั๊ยท่านแหน่ง?

 

พระงามๆทั้งนั้นครับ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ

 

ปุจจฉา..

ทำอย่างไรถึงจะพ้นทุกข์ครับ ?
ทำอย่างไรถึงจะพ้นทุกข์ครับ แล้วหลวงปู่มีความเห็นอย่างไรกับภัยพิบัติของโลก มันจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่าครับ ขอกราบนมัสการพระไตรรัตน์

วิสัชนา..

ก้อนำกาย, วาจา, ใจ, เข้าสู่สายกลางซิไอ้หนู......(ดวงจิตของเธอรับเอาธาตุธรรมของสากลโลกมาเป็นเรือนกายและที่พึ่งพิง จึงเกิดมีทุกข์ เพราะธาตุธรรมทั้งหลายนั้น ตั้งอยู่ใน อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา, ตามปกติของมันแล้ว ผู้ใดยึดครอง.....ผู้นั้น..ย่อมมีทุกข์เป็นธรรมดา)
ภัยภิบัตินั้นน่ะ...!....มันเกิดอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกอยู่แล้ว.....ยังไม่ทราบอีหรือ?.....ความวิบัติของธรรมชาตินั้น มันยังไม่รุนแรงเท่า.....ภัยพิบัติทางด้านจิตใจของคนเราดอกนะ......เยียวยารักษาภัยพิบัติทางใจของเราก่อนเถิดนะ เพราะว่าย่างไรๆมันก็ต้องตาย.....แต่ตายแล้วให้มันพ้นจากนรกได้.....หรือไม่ต้องกลับมาเกิดอีก.......ก็ดี.......
โลกของเรานั้น.....มันก็เหมือนต้นไม้ต้นหนึ่ง ที่ฝูงลิงอาศัยมันอยู่......ต้นไม้ต้นนี้จะฉิบหายช้าหรือเร็วนั้น.....มันก็ขึ้นอยู่กับฝูงลิงที่อาศัยมันอยู่นี่แหละ......ว่าจะใช้มันแบบไหน.!..

 

ตายๆตาย วันนี้เกิดอะไรขึ้นมีแต่สุดยอดทั้งนั้นเลย (ชุดใหญ่)

 

ปุจฉา

กราบนมัสการหลวงปู่ครับ
กระผมมีเรื่องสงสัย ในเชิงปรัชญาดังนี้ครับ สิ่งมีชีวิตคือ สิ่งที่มีการเคลื่อนไหวและเคลื่อนที่ได้ เช่น มนุษย์ สัตว์ รวมถึงพืช
ถ้าเช่นนั้น โลกใบนี้มีการเคลื่อนไหวและเคลื่อนที่ได้โดยการหมุนรอบตัวเอง จะสรุปได้ไหมครับว่า โลกใบนี้คือสิ่งมีชีวิต ??
และถ้าโลกใบนี้มีชีวิต คำถามต่อมาคือมีจิตวิญญาณหรือไม่ครับ??
นมัสการลาครับ
พัท


วิสัชนา

สิ่งที่มีชีวิต.......คือธาตุธรรมชาติที่อาศัยเชื้อเป็นตัวพัฒนาให้เจริญเติบโตได้.....
แบ่งออกเป็นสองชนิด......1.สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวิญญาณครอง.....เช่นต้นไม้และพืชพันธุต่างๆ.......เกิด-แก่-ตาย ได้.......แต่โยกย้ายหรือปรุงแต่งอารมณ์ไม่ได้......ต้องฝังฐานไว้กับธาตุที่ดูดซึมมาเป็นอาหาร ไม่มีวิญญาณครอง และไม่มีดวงจิต อาศัยเมล็ดหรือส่วนหนึ่งสว่านใดของมันเองสืบเผ่าพันธุ์......
2.สิ่งมีชีวิตที่บ่งการตัวเองได้.......เรียกสิ่งนี้โดยรวมว่า "สัตว์"......มีวิญญาณครอง มีดวงจิตเป็นเผ่าพันธุ์ พัฒนาค่าของชีวิตไปตามกรรมได้....การเกิดตายแต่ละครั้งจึงมีชาติกำเนิดไม่เหมือนเดิม
ในโลกนี้เป็นไปได้ทุกๆอย่าง......เพราะความเป็นอนิจจังของสรรพธาตุ......แต่ความไม่เข้าใจในความจริงแท้ของมัน จึงสรุปว่ามันวิเศษและไม่วิเศษ.....ดังนี้......

ที่มา www.yokeedam.com
(เวลานี้.....พอว่าความได้แล้ว....รีบๆหน่อยนะ....เพราะหลวงปู่อายุน้อยกว่าหลวงบัวไม่มากนัก.....!....#5 เมื่อ: มีนาคม 05, 2011, 10:20:51 AM )

 

หน้าที่ 54,55 คุณภาพคับแก้วจริงๆ !!

พระร่วงรางปืน..ท่านสวยงามมากกกก...ดูไม่เบื่อเลย
เหมาะอย่างยิ่งแก่การทำ Wallpaper คร๊าบ

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>IT Man, chantasakuldecha, มูริญโญ่+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

สวัสดีครับท่านเจ้าสัว,ท่านพี่...ที่คิดถึงทุกท่านครับ...

 

ผมขออนุญาตนำคำเตือนของผู้มีบารมี(ได้รับพยากรณ์แล้ว)ท่านหนึ่งที่ผมได้รู้จักกับท่านเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา (เป็นสายเดียวกัน) ท่านได้กรุณาส่งเมลมาถึงผมดังข้อความข้างล่างครับ
--------------------------------------------------------------------

บอกต่อ ๆ กันไปด้วยครับ


เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมาผมได้ไปร่วมทำบุญงานประจำปีวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ได้มีโอกาสสนทนาภัยพิบัติในไทยรวมถึงสงครามใหญ่ (นิวเคลียร์)ที่จะเกิดขึ้นอีกกี่ปีนี้กับพระโพธิสัตว์บารเต็ม(ได้รับการพยากรณ์แล้ว)ท่านหนึ่ง ทางรอดของญาติธรรมในกลุ่มต้องปฏิบัติดังนี้
1. รักษาศีล 5 ควบกรรมบท 10(พยายามให้มั่นคง)
2. นึกถึงความตายให้บ่อย ๆ
3. ห้ามลังเลสงสัยในความดีของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
4. ตั้งตรงจุดเดียวว่าไม่ต้องการกลับมาเกิดอีก นิพพานัง สุขขัง ๆ ๆ ๆ

สี่ข้อแรกนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดท่าซุง จะเน้นอยู่บ่อย ๆ ให้ลูก ๆ ปฏิบัติตาม

พิเศษสำหรับผู้ปรารถนาพระโพธิญาณ ควรเพิ่มเติมให้เข้มข้นดังนี้

1. อธิศีล
2. อธิจิต
3. อธิปัญญา

ขออำนาจพระรัตนตรัยจงบันดาลบุญที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญเพียรแห่งพระโพธิญาณมาตั้งแต่ต้นในอดีตชาติ
จนถึงปัจจุบัน ขอจงส่งผลให้ญาติธรรมทุกท่านที่เกี่ยวเนื่องกับข้าพเจ้า จงถึงพร้อมด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา เถิด

 

เมื่อคืนผมนิมิต(แยกจากความฝัน)เห็นน้ำหลากจำนวนมาก ผมพยายามเตือนและพาผู้คนว่ายหนีน้ำ แต่น้ำมันขึ้นเร็วมาก ผมจึงหนีออกมากับครอบครัวขึ้นฝั่งได้ และได้พบกับคนรู้จักเพียงบางส่วนเท่านั้น ผมมักนิมิตเห็นภาพทำนองนี้หลายครั้ง รวมทั้งการเปลี่ยนแกนของโลกผมก็เคยโพสในบอร์ดอื่นมาก่อนแล้ว นิมิตของผมจะเกิดขึ้นจริงในหลายๆเรื่อง บางเรื่องจะผุดขึ้นมาในขณะนั่งภาวนาสมาธิ(เป็นปัจจัตตังโปรดใช้วิจารณญาณ)

สิ่งที่ช่วยยับยั้งความกลัวของเราได้ดีมากที่สุด ได้แก่ การพิจารณาถึงความตายทุกเวลา จิตมุ่งสู่นิพพานอย่างเดียว(เป็นอะกาลิโก) ให้พิจารณาว่า เราเคยเกิด เคยทุกข์ เคยสุข เคยตายมากี่ชาติภพแล้ว จะเจ็บ จะตายอีก ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน การบำเพ็ญภาวนาสมาธิ จะเป็นทางออกและนำไปสู่การพ้นทุกข์เร็วที่สุด อย่าแสวงหาวิธีอื่นใดเลย ลองไปนั่งภาวนาสมาธิอย่างน้อยวันละ 30 นาที ตั้งสัจจะทำให้ได้ (เริ่มเลยวันนี้สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ทำ) อย่างน้อยแม้ไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายนั้นขึ้นจริง เราก็จะมีบุญสะสมไว้เป็นทุนต่อไป เกิดมาแล้วก็ขอให้อัพเกรดตัวเองไปสู่บุญเถิด อย่าถอยหลังลงไปอีกเลย การเกิดเป็นมนุษย์ในยุคต่อไปมันจะยากลำบากนะครับ ขอจงพิจารณา มหาพิจารณา ด้วยครับ

 

โมทนาสาธุๆครับ
ขออนุญาตเสริมธรรมะ..พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เรื่องกรรมบท 10

กรรมบท ๑๐ ​

๑.ทางกาย ไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม และไม่ดื่มสุราเมรัยนี่ร่วมกันทั้ง ๒ อย่างนะ ทั้งศีล ๕ และกรรมบถ๑๐ ศีล ๕ กรรมบถ ๑๐ นี่เหมือนกันแต่ว่าต่างกันอยู่บ้างบางตอน นี่เราเอามาร่วมกันเข้าก็
๑. ไม่ฆ่าสัตว์
๒. ไม่ลักทรัพย์
๓. ไม่ประพฤติผิดในกาม
๔. ไม่ดื่มสุราเมรัยเราจะงดเว้นไม่ปฏิบัติอย่างนี้ต่อไป มันอาจเผลอได้บ้างเป็นของธรรมดาใหม่ ๆ
๒. ทางวาจา กรรมบถ ๑๐ มี ๔ ศีล ๕ มี ๑ วาจาของกรรมบถ ๑๐ ก็คือ
๑.ไม่พูดปด เหมือนกับศีล ๕
๒. ไม่พูดหยาบ
๓. ไม่ส่อเสียดยุยงส่งเสริมให้เขาแตกร้าวกันหรือนินทาชาวบ้าน
๔.ไม่พูดวาจาเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้ประโยชน์เป็น ๔ อย่างท่านบอกว่าเราจะเว้นไม่พูดปด ไม่พูดคำหยาบ ไม่ส่อเสียด ไม่เพ้อเจ้อเหลวไหลวาจาใดที่ไม่เป็นประโยชน์เราไม่พูด นี่วาจา
ศีลไม่ห้ามใจ แต่กรรมบถห้ามใจ ทางด้านจิตใจ มี ๓ คือ
๑.ไม่คิดอยากได้ทรัพย์สมบัติของใครโดยไม่ชอบธรรมขึ้นชื่อว่าทรัพย์สมบัติของชาวบ้านนี่เราไม่ต้องการ ไม่เอา เขาไม่ให้ เราไม่ต้องการไม่คิดอยากได้ด้วยทางใจ
๒. ความโกรธ ยังมี แต่โกรธแล้วก็หายไป ไม่จองล้างจองผลาญจองเวรจองกรรมกับใคร
๓. ยอมรับนับถือคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยความดีหมายความว่ายอมปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่า สัมมาทิฎฐิ
<O
ถ้าทุกคนมีกรรมบถ ๑๐ ประการ ด้วย มีพระไตรสรณคมน์ด้วยนึกถึงความตายไว้ด้วยทั้ง ๓ อย่างนี้ เป็นอารมณ์ของพระโสดาบัน และสกิทาคามีแต่ว่า ถ้าท่านปฏิบัติแล้วจะเป็นพระโสดาบันหรือสกิทาคามีหรือไม่นี่ขอได้โปรดอย่าคิด เราไม่คิด ไม่ต้องคิดว่าเราจะเป็นพระอริยเจ้าหรือเปล่าเอาแต่เพียงว่าพระอริยเจ้าท่านคิดแบบไหนท่านทำแบบไหน เราทำตามท่าน คือ
๑. พระโสดาบัน หรือ พระสกิทาคามี ท่านคิดว่าร่างกายนี้ต้องตายยังมีความรักสวยรักงามแต่ไม่เมาในชีวิตเกินไป คิดว่าสักวันหนึ่งข้างหน้าต้องตาย อย่าลืมนะว่าพระโสดาบันหรือพระสกิทาคามียังแต่งงานได้นะคนไม่แต่งงานก็แต่งงานได้ คนแต่งงานแล้วก็ไม่ต้องเลิกรากัน ยังอยู่ด้วยกันได้เพราะรักษาแค่ศีล ๕ หรือกรรมบถ ๑๐ เขาไม่ได้ห้าม ไม่ใช่ศีล ๘
๒. พระโสดาบัน มีความเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยความจริงใจ เราก็ทำตามท่าน
๓. พระโสดาบัน มีศีล ๕ หรือกรรมบถ ๑๐ บริสุทธิ์เราก็ทำตามท่าน
เมื่อเราทำตามท่านแล้ว จะเป็นพระโสดาบันหรือไม่อย่าสนใจ ถ้าไปสนใจเข้าดีไม่ดี คิดว่าเราเป็นพระโสดาบันแต่เผอิญมันยังไม่ได้ อย่างนี้จะกลายเป็นมานะทิฏฐิ อารมณ์หยาบจะเกิด ดีไม่ดีเผลอตัวลงนรกไปก็รวมคิดว่าท่านทำอย่างไรเราทำอย่างนั้นจะเป็นหรือไม่เป็นไม่สำคัญท่านที่ปฏิบัติในกรรมบถ๑๐ ประการนี้ ท่านเรียกชื่อเป็นกรรมฐานกองหนึ่งเหมือนกันคือ ท่านเรียกว่า สีลานุสสติกรรมฐาน หมายความว่าเป็นผู้ทรงสมาธิในศีล

 

ท่านที่ปฏิบัติในกรรมบถ ๑๐ ประการได้นั้นมีอานิสงส์ดังนี้

๑. อานิสงส์ข้อที่หนึ่งจะเกิดเป็นคนรูปสวย ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมีอายุยืนยาว ไม่อายุสั้นพลันตาย
๒. อานิสงส์ข้อที่สองเกิดเป็นคนมีทรัพย์มาก ทรัพย์ไม่ถูกทำลายเพราะโจร, ไฟไหม้,น้ำท่วม, ลมพัดจะมีทรัพย์สมบัติสมบูรณ์บริบูรณ์ขั้นมหาเศรษฐี
๓. อานิสงส์ข้อที่สามเมื่อเกิดเป็นคนจะมีคนที่อยู่ในบังคับบัญชาเป็นคนดี , ไม่ดื้อด้านอยู่ภายในคำสั่งอย่างเคร่งครัดมีความสุขเพราะบริวารและการไม่ดื่มสุราเมรัยเมื่อเกิดเป็นคนจะไม่มีโรคปวดศีรษะที่ร้ายแรง, ไม่เป็นโรคเส้นประสาท, ไม่เป็นคนบ้าคลั่งจะเป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์, มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด<O</O
เรื่องของวาจา
๔. อานิสงส์ข้อที่สี่, ข้อห้า, ข้อหก และข้อเจ็ดเมื่อเกิดเป็นคนจะเป็นคนปากหอมหรือมีเสียงทิพย์ คนที่ได้ยินเสียงท่านพูดเขาจะไม่อิ่มไม่เบื่อในเสียงของท่าน ถ้าเรียกตามสมัยปัจจุบันจะเรียกว่าคนมีเสียงเป็นเสน่ห์ก็คงไม่ผิด จะมีความเป็นอยู่ที่เป็นสุขและทรัพย์สินมหาศาลเพราะเสียง<O</O
เรื่องของใจ
๕. อานิสงส์ข้อที่แปด , ข้อเก้า และข้อสิบเป็นเรื่องของใจคืออารมณ์คิด ถ้าเว้นจาก
การคิดลักขโมย เป็นต้น ไม่คิดจองล้างจองผลาญใคร, เชื่อพระพุทธเจ้า และปฏิบัติตามคำสอน
ของท่านด้วยความเคารพ, ถ้าเกิดเป็นมนุษย์จะเป็นคนมีอารมณ์สงบ, มีความสุขสบายทางใจ
ความเดือดเนื้อร้อนใจในกรณีใดๆ ทุกประการจะไม่มีเลยมีแต่ความสุขใจอย่างเดียว<O</O

เมื่อกล่าวถึงอานิสงส์รวมแล้วผู้ที่ปฏิบัติกรรมฐานในขั้นนี้ถึงแม้ว่าจะทรงสมาธิไม่ได้นาน ตามที่เรียกว่าขณิกสมาธินั้น ถ้าสามารถทรงกรรมบถ๑๐ ประการได้ครบถ้วน ท่านกล่าวว่าเมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิอีกต่อไปบาปที่ทำไว้ตั้งแต่สมัยใดก็ตาม ไม่มีโอกาส นำไปลงโทษในอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น อีกต่อไป
ถ้าบุญบารมีไม่มากกว่านี้ตายจากคนไปเป็นเทวดาหรือพรหมเมื่อหมดบุญแล้วลงมาเกิดเป็นมนุษย์ จะบรรลุเป็นพระอรหันต์ในชาตินั้นแต่ถ้าเร่งรัดการบำเพ็ญเพียรดี , รู้จักใช้ปัญญาอย่างมีเหตุผลก็สามารถบรรลุมรรคผลเข้าถึงพระนิพพานได้ในชาตินี้<O</O

การที่จะทรงความดีเต็มระดับตามที่กล่าวมาให้ครบถ้วนให้ปฏิบัติดังนี้
๑. คิดถึงความตายไว้ในขณะที่สมควร คือไม่ใช่ทุกลมหายใจเข้าออกเมื่อตื่นขึ้นใหม่ ๆอารมณ์ใจยังเป็นสุข ก่อนที่จะเจริญภาวนาอย่างอื่นให้คิดถึงความตายก่อน คิดว่าความตายอาจจะเข้ามาถึงเราในวันนี้ก็ได้จะตายเมื่อไรก็ตามเราไม่ขอลงอบายภูมิ ที่เราจะไปคืออย่างต่ำไปสวรรค์ , อย่างกลางไปพรหม ถ้าไม่เกินวิสัยแล้วขอไปนิพพานแห่งเดียวคิดว่าไปนิพพานเป็นที่พอใจที่สุดของเรา
๒. คิดต่อไปว่าเมื่อความตายจะเข้ามาถึงเราจะเป็นเวลาใดก็ตามเราขอยึดพระพุทธเจ้าพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต คือไม่สงสัยในความดีของพระพุทธเจ้ายอมเคารพด้วยความศรัทธา คือความเชื่อถือในพระองค์ ขอปฏิบัติตามคำสอนคือกรรมบถ ๑๐ประการโดยเคร่งครัดถ้าความตายเข้ามาถึงเมื่อไรขอไปนิพพานแห่งเดียว
เมื่อนึกถึงความตายแล้วตั้งใจเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์สาวกแล้วตั้งใจนึกถึงกรรมบถ ๑๐ ประการว่ามีอะไรบ้าง ตั้งใจจำและพยายามปฏิบัติตามอย่าให้พลั้งพลาดคิดติดตามข้อปฏิบัติเสมอว่า มีอะไรบ้าง ตั้งใจไว้เลยว่าวันนี้เราจะไม่ยอมละเมิดสิกขาบทใดสิกขาบทหนึ่งเป็นอันขาดเป็นธรรมดาอยู่เองการที่ระมัดระวังใหม่ๆอาจจะมีการพลั้งพลาดพลั้งเผลอในระยะต้นๆ บ้างเป็นของธรรมดาแต่ถ้าตั้งใจระมัดระวังทุกๆ วันไม่นานนักอย่างช้าไม่เกิน ๓ เดือน ก็สามารถรักษาได้ครบมีอาการชินต่อการรักษาทุกสิกขาบทจะไม่มีการผิดพลาดโดยที่เจตนาเลย เมื่อท่านใดทรงอารมณ์กรรมบถ ๑๐ประการได้โดยไม่ต้องระวังก็ชื่อว่าท่านทรงสมาธิขั้นขณิกสมาธิได้ครบถ้วนเมื่อตายท่านไปสวรรค์หรือพรหมโลกได้แน่นอนถ้าบารมียังอ่อนเกิดเป็นมนุษย์อีกชาติเดียว ไปนิพพานแน่ถ้าขยันหมั่นเพียรใช้ปัญญาแบบเบา ๆ ไม่เร่งรัดเกินไปรักษาอารมณ์ใจให้เป็นสุขไม่ติดในความโลภ ไม่วุ่นวายในความโกรธ มีการให้อภัยเป็นปกติ ไม่เมาในร่างกายเราและร่างกายเขาไม่ช้าก็บรรลุพระนิพพานได้แน่นอนเป็นอันว่าการปฏิบัติขั้นขณิกสมาธิจบเพียงเท่านี้

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=GLpmaWEUobI&feature=player_embedded]YouTube - Only Girl (In The World) - Rihanna - Classical Cover By Aston[/ame]

เพราะดีครับ

 

ยากนักที่จะได้เกิดเป็นคน คนนั้นเป็นสัตว์ประเสริฐที่เกิดได้ยากยิ่ง คนเราทุกคนจึงมีค่ามาก เราเกิดมาหลายชาติภพ บางภพไม่ใช่ภพมนุษย์ เช่น ภพนรก ไม่สามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาได้ บางภพเช่นภพสวรรค์ เห็นความสวยงามไม่ค่อยเห็นอนิจจัง จึงยากนักที่จะละคลายกิเลส บางชาติ เกิดเป็นสัตว์บำเพ็ญไม่ได้ บางชาติเป็นตาบอด อ่านหนังสือไม่ได้ บางชาติ ไม่มีศาสนาสอนมนุษย์ จึงไม่เข้าใจธรรม ดังนั้น ได้เกิดเป็นคนปกติ มีพระพุทธศาสนาจึงยากยิ่งแล้ว ดังนั้น ระบบการดูแลสามภพ จึงจัดให้คนนั้นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากเทวดาบนสวรรค์ แตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่นๆ เช่น สัตว์นรก ได้รับการลงโทษแทนการดูแล สัตว์เดรัจฉาน ได้รับการปล่อยไปตามยถากรรม ให้กินกันเอง ชดใช้กรรมกันเอง เพื่อบรรเทากรรมที่มีต่อกันให้เบาบางก่อนมาเกิดเป็นคน

โมทนาสาธุครับ

 

ร่วมด้วยช่วยกัน...

 

อดีตก็เป็นธรรมเมาอันหนึ่ง
อนาคตก็เป็นธรรมเมา
พึงทำให้จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้ปัจจุบัน ละปัจจุบัน
ตัดตัณหา ตัดกิเลส ตัดมานะทิฐิ
ตัดความยึดมั่นของตนให้เสร็จลง
แล้วก็สงบได้

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
โมทนาสาธุ..

 

ทำความรู้จักกับ สารกัมมันตรังสี

สารกัมมันตรังสี คือ สารที่สลายตัวปลดปล่อยรังสีออกมา โดย รังสี คืออนุภาคหรือคลื่นที่ปลดปล่อยออกมาจากอะตอมของกัมมันตรังสี จึงไม่มีสี กลิ่น หรือสิ่งที่ทำให้สังเกตเห็นได้ สามารถจำแนกตามลักษณะการเกิดได้จาก 2 แหล่ง ดังนี้
1. จากธรรมชาติ สารกัมมันตรังสีจากธรรมชาติ เช่น ยูเรเนียม 235 , ยูเรเนียม 238, คาร์บอน 14 ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับการเกิดของโลก
2. จากมนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ในเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู (Nuclear reactor) หรือในเครื่องเร่งอนุภาค ซึ่งสารกัมมันตรังสีที่ได้จากการผลิต เช่น โคบอลต์ 60, ไอโอดีน 131 , ซีเซียม 137, นิวตรอน
สำหรับสารกัมมันตรังสีทั้ง 2 กลุ่มนี้ จะให้รังสีออกมา ได้แก่ รังสีแอลฟ่า , รังสีเบต้า , รังสีแกมมา นิวตรอน นอกจากนี้ รังสีที่เป็นที่รู้จักกันดีและใช้กันอย่างกว้างขวางมีประโยชน์มากมาย ได้แก่ รังสีเอกซ์(X-ray) สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งทางการแพทย์ อุตสาหกรรม การเกษตรและงานวิจัยต่าง ๆ ขณะเดียวกัน รังสี ก็มีอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ได้เช่นเดียวกัน

อันตรายจากรังสีต่อมนุษย์
1. การได้รับรังสีจากแหล่งกำเนิดรังสีจากภายนอก ( External exposure ) ความรุนแรงของการบาดเจ็บ ขึ้นอยู่กับความแรงของแหล่งกำเนิดและระยะเวลาที่ได้รับรังสี แต่ตัวผู้ที่ได้รับอันตรายไม่ได้สารกัมมันตรังสีเข้าไปในร่างกาย จึงไม่มีการแผ่รังสีไปทำอันตรายผู้อื่น
2. การได้รับสารกัมมันตรังสีเข้าสู่ร่างกาย ( Internal exposure ) มักพบในกรณีมีการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี ที่เป็นก๊าซ ของเหลว หรือฝุ่นละอองจากแหล่งเก็บสารกัมมันตรังสี หรือที่เก็บกากสารกัมมันตรังสีจากการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เช่น ที่เชอร์โนบิล ประเทศรัสเซีย การระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์ ที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ การกระจายของสารกัมมันตรังสีจะฟุ้งไปในอากาศ น้ำ มนุษย์อาจได้รับรังสีเข้าสู่ร่างกาย ทางการหายใจฝุ่นละอองของรังสี, กินของที่เปรอะเปื้อน, การฝั่งสารกัมมันตรังสีเพื่อการรักษา สารกัมมันตรังสีที่อยู่ในร่างกายจะแผ่รังสีออกมา ทำอันตรายต่อร่างกายเป็นระยะเวลานาน จนกว่าจะถูกกำจัดออกไปจากร่างกายจนหมด และยังสามารถแผ่รังสีไปทำอันตรายคนที่อยู่ใกล้เคียงได้
ผลกระทบจากสารกัมมันตสังสีต่อร่างกายมนุษย์
องค์การสากลในการป้องกันอันตรายจากรังสี หรือ International Commission on Radiological Protection (ICRP) ได้รวบรวมผลกระทบจากรังสีต่อร่างกายไว้ ดังนี้


มิลลิซีเวิร์ต คือ หน่วยวัดปริมาณรังสีที่ร่างกายได้รับ โดยคำนึงถึงผลของรังสีที่มีต่อเซลล์ของสิ่งมีชีวิต




ที่มา กระปุกดอดคอม

 

คำเตือน เพื่อความไม่ประมาท
ผู้มีอภิญญาสูงสายหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้แจ้งผมมาเกี่ยวกับภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ โดยให้พกพระคำหมาก คำข้าว ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ซึ่งมีสมเด็จองค์ปฐมฯได้เสด็จมาร่วมในพิธีอธิษฐานจิตที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว พร้อมทั้งให้เตรียมเก็บข้าวสารใส่ในถังน้ำพลาสติกใส่พริก ตะไคร้ ใบมะกรูด แล้วปิดฝาอย่างดี จะสามารถเก็บไว้ได้หลายปี พร้อมทั้งเตรียมเกลือ อาหารแห้งและยารักษาโรคที่จำเป็นไว้ ข้าวและอาหารจะแพงมากครับ ส่วนพระคำหมากคำข้าวรวมทั้งยันต์เกาะเพ็ชรจะช่วยป้องกันภัยจากรังสีนิวเคลียร์ได้ครับ

นอกจากพระดีดังกล่าวแล้ว ยังมีวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์อีกหลายอย่างที่จะช่วยคุ้มครองรังสีนิวเคลียร์ได้ ผมขอย้ำอีกครั้งนะครับ
1. พระสมเด็จวัดระฆัง ที่อธิษฐานจิตโดยเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เกือบทุกพิมพ์
2. พระกริ่งปวเรศ รุ่นหนึ่ง ทุกปีทุกวาระ
3. พระวังหน้าเกือบทุกพิมพ์รวมถึงกรุวัดพระแก้ว
4. พระร่วงรางปืนทั้งสุโขทัยและลพบุรี
5. พระหลวงปู่ดู่ วัดสระแก อยุธยา รวมถึงที่หลวงตาม้าสร้างด้วย
6. พระแก้วมณีโชติ (จุ๊ยเจีย) ทั้งจากกรุใต้ดิน จากถ้ำ และเสด็จมาทางอากาศ
7. ลูกแก้วพญานาคและเพ็ชรนาคาที่ได้จากถ้ำ ขุดจากกรุ และเสด็จมาทางอากาศ
9. เหล็กไหลทุกประเภท
10. อื่นๆ ที่ท่านนับถือ

ขอย้ำ ผมมิได้มีเจตนาให้ทุกท่านงมงายหรือตื่นตระหนก ถ้าท่านใดได้ปฏิบัติภาวนาเป็นประจำอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้วัตถุใดมาคุ้มครองก็ได้ เพราะภายในของท่านจะมีพลังออร่า (Aura) แผ่ออกมาคุ้มครองตัวท่านเอง แต่สำหรับผู้ที่จิตยังไม่เข้มแข็ง อาจขอความคุ้มครองจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เสียหาย ถือเป็นการคุ้มครองกายเนื้อหรือกายหยาบครับ

ส่วนกายในคือ จิต ขอให้ทุกท่านใช้ พรหมวิหารสี่ โดยเฉพาะ อุเบกขา ให้มาก จะได้ช่วยผ่อนคลายความตรึงเครียดให้ผ่านพ้นไปได้ครับ

ขอผลบุญกุศลที่ผมได้บำเพ็ญมาทุกชาติภพ ได้ส่งผลไปคุ้มครองเพื่อนธรรมและผู้เข้ามาอ่านเจอข้อความนี้ทุกท่านนะครับ

 

ส่วนกายในคือ จิต ขอให้ทุกท่านใช้ พรหมวิหารสี่ โดยเฉพาะ อุเบกขา ให้มาก จะได้ช่วยผ่อนคลายความตรึงเครียดให้ผ่านพ้นไปได้ครับ

ขอผลบุญกุศลที่ผมได้บำเพ็ญมาทุกชาติภพ ได้ส่งผลไปคุ้มครองเพื่อนธรรมและผู้เข้ามาอ่านเจอข้อความนี้ทุกท่านนะครับ


โมทนาสาธุครับท่านนนต์...