ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    [​IMG]

    *รู้เมื่อ เราอ่านสิ่งที่เขาพูดแล้วใจเราไม่กระเพื่อม ไม่ว่าเขาจะว่าหรือจะทำอะไรก็ตาม
    *คือไม่ไปโกรธหรือเกลียดเขา
    *ส่วนเขายังไม่เลิก นั่นคือ เหตุที่เขาก่อ เขารับผลเองไม่เกี่ยวกับเรา


    แสดงกระทู้ - อ ย่ า ลื ม ตั ว : หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปัณโณ • ลานธรรมจักร
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    [​IMG]

    ก า ร เ ห็ น ธ ร ร ม *
    ท่ า น พุ ท ธ ท า ส ภิ ก ขุ
    สวนโมกขพลาราม (วัดธารน้ำไหล) จ. สุราษฎร์ธานี


    การเห็นที่ทำให้หลุดพ้น หรือนิพพานนั้น
    เปนการเห็นด้วยความรู้สึก


    จงพิจารณาถึงข้อที่ว่า

    เช่น การเห็นไตรลักษณ์ จนปล่อยวางนั้น
    ต้องเห็น ไตรลักษณ์ (ด้วยความรู้สึกหน่ายจริง)
    มิใช่ด้วยการแจกไตรลักษณ์ตามนัยแห่งอภิธรรม หรืออื่นๆ
    ซึ่งเป็นไปตามแบบของปรัชญา ตรรกวิทยา จิตวิทยา อืนๆ


    ฉะนั้นอย่าเข้าใจผิดในคำๆนี้ (“เห็น”)

    จงพิจารณาในข้อที่ว่า

    ทำไมพระอรหันต์บางองค์ไม่รู้หนังสือ
    และแจกไตรลักษณ์ไม่เป็น
    ตลอดถึงไม่เคยฟังคำๆ นี้
    ก็ลุธรรมเปนพระอรหันต์ได้


    คนทั่วไปฟังเข้าใจ หรือฟังออก
    แต่โดยพยัญชนะ หรือภาษา
    แต่ฟังไม่ออกโดยอัตถะ
    และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ปรมัตถะ


    ถ้าฟังออกโดยปรมัตถะแล้ว
    พุทธภาสิตทุกข้อเปนไปเพื่อความคลายกำหนัดและนิพพานได้จริงๆ ทั้งนั้น
    ดังที่พุทธกาลเขาเปนได้โดยง่ายๆ
    ด้วยพุทธภาสิตที่เดียวนี้เห็นเปนผิวเผิน หรือต่ำๆ


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    (ที่มา : ธรรมบรรยายที่บันทึกไว้ในอนุทินประจำวัน วันอาทิตย์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๔๙๕ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๖ ใน “พุทธทาสลิขิตข้อธรรม : บันทึกนึกได้เอง ว่าด้วยชีวิต สังคม การเมือง สันติภาพ และหลักคิดสำคัญฯ”, พิมพ์ครั้งที่ ๒ ๒๕๔๗ โดย สวนโมกขพลาราม และคณะธรรมทาน สุราษฎร์ธานี สุธีรัตนามูลนิธิ นครศรีธรรมราช และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.))

    * หมายเหตุ : ธรรมบรรยายบทนี้ ใช้อักขรวิธีตามต้นฉบับ

    แสดงกระทู้ - ก า ร เ ห็ น ธ ร ร ม : ท่านพุทธทาสภิกขุ • ลานธรรมจักร
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ธรรมะทั้งหลายทั้งปวงที่นำมาลงนี้ เป็นบทความเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ ขอให้ผลบุญอันเกิดจากความเห็นชอบในบทความข้างต้นทั้งหมดนี้ ทั้งเห็นโดยปัญญาและทำความเข้าใจได้โดยความระลึกรู้ ขอมอบให้แด่ท่านผู้ที่ได้บริจาคปัจจัยอันเป็นทานมัยให้แก่พระสงฆ์อาพาธข้างต้นทุกๆ ท่านด้วยเทอญ...


    [​IMG]

    ภาพนำมาจาก3
    http://www.buddhamuseum.com/white-tara-2-ad.html
     
  4. เทวานิน

    เทวานิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    2,485
    ค่าพลัง:
    +13,333
    วันที่ 2/3/2553
    โอนเงินร่วมบุญด้วย
    300 บาทครับ
     
  5. คุณบุญยัง

    คุณบุญยัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2009
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +892
    เมื่อสัปดาห์ก่อนได้โอนเงินร่วมทำบุญด้วย 300 บาท ครับ
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ฉลาดปรับแต่งลม

    <ABBR class=published title=2008-06-23T14:33:07+07:00>
    พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์
    ( ท่านพ่อลี ธมฺมธโร )

    ในการกำหนดลมหายใจนี้ เราจะต้องใช้ความสังเกตพิจารณา เป็นข้อใหญ่ และรู้จักการตบแต่ง ขยับขยายลมหายใจให้เป็นไปโดยความพอเหมาะพอดีจึงจะได้ผลเป็นที่สบายกาย สบายจิต คือ สังเกตการเดินลมหายใจตั้งแต่ปลายจมูก จนถึงที่สุดของลมหายใจ นับแต่จากคอหอยผ่านไปทางหลอดลม หัวใจ ปอด ลงไปจนถึงช่องท้อง มีกระเพาะอาหาร และลำไส้ เบื้องบน ตั้งแต่ศรีษะเลื่อนลงมาถึงบ่า ทั้งสอง ช่องซี่โครง กระดูกสันหลัง จนถึงก้นกบ ลมที่ออกตามปลายมือ ปลายเท้า ตลอดทั่วสรีระร่างกายทุกขุมขน
    ให้สมมุติตัวเรานี้เหมือนกับเทียนหรือตะเกียงเจ้าพายุ ลมเหมือนกับไส้ตะเกียง สติเป็นตัวเชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดแสง ร่างกายของเราตั้งแต่โครงกระดูกจดผิวหนัง เหมือนกับเนื้อของเทียนที่หุ้มไส้เทียนอยู่ เราจะต้องพยายามทำให้ดวงจิตของเราเกิดแสงสว่าง เหมือนกับดวงเทียนจึงจะนับว่าเป็นผลดี.......



    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกจะต้องมีของที่เป็นคู่กันเสมอ เช่น มีมืดก็ต้องมีสว่าง มีพระอาทิตย์ ก็มีพระจันทร์ มีเกิดก็มีดับ มีเหตุก็มีผล ฉะนั้น ในการทำลมนี้ ก็มีจิตเป็นตัวเหตุ มีสติเป็นตัวผล คือจิตเป็นผู้ทำ มีสติเป็นผู้รู้ สติจึงเป็นผลของจิต ส่วนธาตุ ดิน น้ำลม ไฟ ก็เป็นของกาย เหตุของกายคือ ธาตุลม เมื่อจิตเป็นผู้ทำเหตุดี ผลทางกายก็เกิดรัศมีจากธาตุทั้ง ๔ ร่างกายก็สบายแข็งแรงปราศจากโรค ผลที่จะเกิดขึ้นจากทางกาย และจิตนี้ก็เนื่องด้วยการกระทำเป็นเหตุการณ์สังเกตเป็นผล ขณะที่นั่งสมาธินี้ เราจะต้องสังเกตดูลมที่หายใจเข้าและหายใจออกนั้นว่า ลักษณะของลมที่เดินเข้าไปมีอาการอย่างไร เกิดความไหวสะเทือนแก่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างไรและเกิดความสบายอย่างไรบ้าง เช่น หายใจเข้ายาว หรือหายเข้าสั้น ออกยาวสะดวกสบาย ? หายใจเข้าเร็ว ออกเร็วสบาย หรือหายใจเข้าช้าออกช้าสบาย? หายใจหนักสบาย หรือหายใจเบาสบาย ? ฯ ล ฯ

    เหล่านี้เราจะต้องใช้ความสังเกตพิจารณาด้วยตนเอง และรู้จักปรับปรุงแก้ไข ลดหย่อน ผ่อนผันให้ลมคงที่เสมอกันพอเหมาะพอดี เป็นต้นว่าช้าไปไม่สะดวกสบาย ก็แก้ไขเปลี่ยนให้เร็วขึ้น, ถ้ายาวไปไม่สบายก็เปลี่ยนให้เป็นสั้น ถ้าลมอ่อนไป เบาไป ไม่ดี ทำให้ง่วงให้เผลอ ก็เปลี่ยนให้เป็นลมหนักและแรงขึ้น เหมือนกับเราสูบลมเข้าไปเลี้ยงน้ำมันให้พอดีกับนมหนูในไส้ตะเกียง ถ้าได้ส่วนกับลมแสงไฟก็จะมีกำลังเต็มที่เป็นสีนวลสว่างจ้า สามารถส่องรัศมีไปได้ไกล ฉันใดก็ดี ถ้าเรามีสติกำกับแน่นกับลมหายใจเข้าออกอยู่เสมอ และรู้จักบริหารให้ถูกต้องกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จิตของเราก็จะมีอาการเที่ยงตรงเป็นหนึ่งไม่วอกแวกไปในสัญญาอารมณ์ใดๆ และมีอำนาจชนิดหนึ่งเกิดขึ้นเป็นแสงสว่าง คือ ตัวปัญญา หรือจะเรียกว่าเป็นผล คือวิชชา ก็ได้ วิชชาอันนี้เป็นความรู้พิเศษอย่างหนึ่งไม่ใช่เกิดจากครูบาอาจารย์สั่งสอน หรือมีใครแนะนำแต่เป็นความรู้ความเห็นพิเศษที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญเรียกว่า "สัมมาทิฏฐิ" ความเห็นอันนี้ ประกอบไปด้วยสติสัมปชัญญะ เป็นสัมมาสติ เป็นสัมมาสมาธิด้วย จิตที่เป็นสัมมาสมาธินี้เมื่อมีกำลังกล้าแข็งยิ่งขึ้น ก็เกิดผลเป็น "วิปัสสนาญาณ" เป็น "ญาณทัสนะ" ถึงวิมุติธรรมเป็นที่สุดปราศจากความสงสัยใด ๆ

    http://www.yajai.com/cat-7/cat-66/06-1/


    </ABBR>
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    <TABLE cellSpacing=0 width="100%" align=center bgColor=#cccc66 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=800 align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD>
    ความเกี่ยวข้องของวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
    กับพระคุณเจ้า หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
    ณ วัดสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
    "ศูนย์รวมวัตถุมงคลหลวงปู่แหวนรุ่นเ่ก่าๆ ที่หลายคนอาจไม่ทราบ"



    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>
    สรุปโดยสังเขป
    เกี่ยวกับวัตถุมงคลอันมีค่ายิง ของ
    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
    ณ วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร​


    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>วัดสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ถือว่า เป็นวัดที่มีความเกี่ยวเนื่องอย่างมากกับวัดดอยแม่ปั๋งวัดหนึ่ง หลายท่านมีความแปลกใจ ที่ทางวัดสัมพันธวงศ์มีวัตถุมงคลของหลวงปู่แหวนหลายรุ่น โดยเฉพาะในช่วงนี้ ทางวัดสัมพันธวงศ์ได้นำวัตถุมงคลในอดีตของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ออกให้ประชาชนบูชา ภายหลังการมรณภาพของพระครูวิมลญาณอุดม (ชินเทพ ชินเทโว) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ผู้ดูแลวัตถุมงคลทั้งหมด (แถลงข่าว ๑๙ เมษายน ๒๕๔๗) จึงจะได้นำเรื่องราวความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างวัดสัมพันธวงศ์ กับวัดดอยแม่ปั๋ง รวมทั้งที่มาของวัตถุมงคลที่ได้นำออกมาบูชาในครั้งนี้มากล่าวให้ทราบทั่วกันโดยสังเขป ดังนี้

    พ.ศ. ๒๕๑๒ ได้มีพระภิกษุจากวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ จำนวน ๓ รูป คือ พระครูวิมลญาณอุดม (ชินเทพ) พระครูสรภัญญประกาศ (ชม) และพระครูธรรมคุณาลังการ (นาค อตฺถวโร) ได้ทราบข่าวเกี่ยวกับปฏิปทาด้านการปฏิบัติของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ จากท่านพระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (พระอาจารย์หนู สุจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้มาที่วัดสัมพันธวงศ์ ท่านทั้งสามเกิดศรัทธามา จึงเดินทางขึ้นไปกราบหลวงปู่​

    เหตุที่ท่านท่านอาจารย์หนู สุจิตโต ได้ลงมาที่วัดสัมพันธวงศ์ในช่วงนั้น ก็เพราะว่ามาปฏิบัติอาจารย์ของท่าน คือ ท่านเจ้าคุณ พระเทพปัญญามุนี (เฉย ยโส) อดีตเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ รูปที่ ๑๐ ซึ่งอาพาธอยู่ในขณะนั้น โดยช่วงนั้นมาพักอยู่กับพระครูวิมลญาณอุดม (ชินเทพ) ทำให้ท่านอาจารย์หนูกับพระครูวิมลญาณอุดม (ชินเทพ) มีความสนิทสนมกันมาก ​

    ในสมัยหลัง เมื่อคราวเดินทางมาทำศาสนกิจที่กรุงเทพมหานคร ก็จะเดินทางมาพักที่วัดสัมพันธวงศ์ตลอด โดยท่านอาจารย์หนู จะเดินทางมาพักกับท่านพระครูวิมลญาณอุดม (ชินเทพ ชินเทโว)​

    พ.ศ. ๒๕๑๖ พระครูวิมลญาณอุดม (ชินเทพ) ได้ขึ้นไปจำพรรษาอยู่กับหลวงปู่แหวน หลังจากนั้น ได้กลับมารายงานให้ “พระธรรมบัณฑิต (มานิต ถาวรมหาเถร)” (ปัจจุบันคือ เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ทราบ ต่อจากนั้น ก็ได้เริ่มมีพระภิกษุจากวัดสัมพันธวงศ์ได้มีโอกาสไปกราบหลวงปู่และจำพรรษาที่วัดดอยแม่ปั๋ง​

    ในสมัยนั้น พระเถระจากวัดสัมพันธวงศ์หลายรูปนอกจากที่กล่าวมาในเบื้องต้น ได้ขึ้นไปกราบหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ที่วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ เช่น​

    - พระธรรมบัณฑิต (เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ถาวรมหาเถระ์) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์​

    - พระวิบูลธรรมาภรณ์ (พระธรรมกิตติเมธี จำนง ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์​

    - พระครูวิมลญาณอุดม (ชินเทพ ชินเทโว) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (มรณภาพแล้ว)​

    - พระครูธรรมคุณาลังการ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (มรณภาพแล้ว​

    ฯ ล ฯ ​

    พระเถระดังที่กล่าวมา มีหลายรูปได้มีโอกาสปฏิบัติดูแลจนถึงกาลมรณภาพหลวงปู่ เป็นองค์สำคัญที่ช่วยดำเนินงานพระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ให้เป็นไปอย่างสมเกียรติของท่าน รวมทั้งมีส่วนช่วยเหลืองานต่าง ๆ อันสำคัญหลายอย่าง

    [​IMG]
    พระธรรมกิตติเมธี (จำนง ธมฺมจารี) และ พระครูวิมลญาณอุดม (ชินเทพ ชินเทโว)
    ขณะถ่ายรูปกับหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่



    นอกจากนั้น ยังได้ชักชวนญาติโยมอื่น ๆ ซึ่งเป็นศิษย์ของวัดสัมพันธวงศ์และมีชื่อเสียงในสังคม ได้ขึ้นไปกราบหลวงปู่ด้วย ในการทำกิจกรรมใด ๆ ก็ตามอันเกี่ยวข้องกับวัดดอยแม่ปั๋งในสมัยต่อ ๆ มา จึงจะพบว่ามีชื่อของญาติโยมจากวัดสัมพันธวงศ์เข้าไปมีส่วนช่วยเหลืองานนั้น ๆ อยู่ตลอด​

    จากการติดต่อกันดังกล่าวโดยย่อนี้ ทำให้ทางวัดสัมพันธวงศ์ได้มีโอกาสจัดสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่แหวนหลายรุ่น เพื่อนำทุนมาสมทบทุนสร้างพระอุโบสถ เพราะในขณะนั้น ทางวัดอยู่ในช่วงการสร้างพระอุโบสถที่ก่อสร้างค้างอยู่ โดยได้รับเมตตาจากหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ได้เมตตาอธิษฐานจิตให้ และมีวัตถุมงคลอื่น ๆ ของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ที่ขออนุญาตสร้างโดยพระครูวิมลญาณอุดม (ชินเทพ) หลายรุ่นด้วยกัน นอกจากนั้น หากว่าจะพึงมีวัตถุมงคลที่ผู้อื่นได้ขออนุญาตจัดสร้างสร้าง ทางวัดก็ได้รับเป็นบางส่วน เพื่อนำมาเก็บไว้ จึง ถือว่าในอดีตนั้น วัดสัมพันธวงศ์ได้เก็บวัตถุมงคลของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ไว้หลายรุ่น แต่ละรุ่นล้วนได้รับเมตตาอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ทั้งสิ้น
    [​IMG]
    พระธรรมกิตติเมธี (จำนง ธมฺมจารี) ถ่ายร่วมกับพระสงฆ์และญาติโยมจากวัดสัมพันธวงศ์ ณ วัดดอยแม่ปั๋ง



    ในสมัยต่อ ๆ มา หากว่าจะมีกิจกรรมใด ๆ ก็ตาม อันจะอำนวยประโยชน์ต่อสังคมหรือจัดสร้างสิ่งใดก็ตามภายในวัดดอยแม่ปั๋ง ทางวัดสัมพันธวงศ์ก็รับที่จะจัดหาวัตถุมงคลให้หลวงปู่ได้อธิษฐานจิตเพื่อหาทุน เรื่องทั่ว ๆไปที่คนรู้จักอันมีวัดสัมพันธวงศ์เข้าเกี่ยวข้อง เช่น​

    - วัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดที่ทางวัดจัดสร้างถวายให้หลวงปู่เมตตาอธิษฐานจิตให้ คือ “รุ่นเราสู้” ซึ่งวัตถุมงคลรุ่นนี้ได้นำไปแจกแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่ปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์อย่างหนักในขณะนั้น​

    - การก่อสร้าง “ตึกสุจิณโณอนุสรณ์” ของโรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ พระเถระในวัดก็มีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือในการหาทุนและประสานงานเรื่องต่าง ๆ ให้​

    - จัดตั้ง มูลนิธิสุจินโณอนุสรณ์ (ปัจจุบันนี้ มูลนิธิสุจินโณอนุสรณ์ ตั้งอยู่ที่วัดสัมพันธวงศ์)​

    ฯ ล ฯ​

    ภายหลังการถึงแก่มรณภาพของท่านพระครูวิมลญาณอุดม (ชินเทพ ชินเทโว) ผู้ดูแลวัตถุมงคลทั้งหมด เมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ทางวัดพบว่า “มีวัตถุมงคลของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ” ทั้งส่วนของวัดได้จัดสร้างและของผู้อื่นจัดสร้างซึ่งทางวัดได้เก็บไว้เหลืออยู่หลายรุ่นด้วยกัน (รวมทั้งวัตถุมงคลอื่น ๆ ในอดีตอีกมากมาย)​

    วัตถุมงคลอันทรงค่่าในอดีตของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ที่ยังเหลือจำนวนมากเช่นนี้ เพราะท่านพระครูวิมลญาณอุดม (ชินเทพ ชินเทโว) ท่านเป็นผู้รักษาไว้เป็นอย่างดี เป็นที่ทราบกันดีสำหรับผู้อยู่ในวัดและผู้ใกล้ชิดว่า ท่านจะให้บูชาต่อผู้มาติดต่อขอบูชาท่านละ ๑ เหรียญเท่านั้น และจะจดรายชื่อของผู้นั้นไว้ หากมาบูชาอีกในคราวหลัง ท่านจะจำได้แม่นยำว่าใ้ห้บูชาไปแล้ว จะไม่ให้บูชาอีก จึงทำให้วัตถุมงคลหลวงปู่แต่อดีตเหลือไว้ให้อนุชนรุ่นหลังผู้ศรัทธาในหลวงปู่ ได้มีโอกาสพบวัตถุมงคลอันมีค่ายิ่งนี้​

    การพบวัตถุมงคลในครั้งนี้จึงถือว่า เป็นนิมิตหมายอันดีที่จะได้เปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปที่เคารพในหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ได้บูชาอีกครั้ง​

    ทางวัดจึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อนำวัตถุมงคลออกมาให้บูชา โดยจะได้นำทุนไปบูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถและเสนาสนะอื่น ๆ ของทางวัด ตามวัตถุประสงค์เดิมของการจัดสร้างต่อไป​

    จึงถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ของท่านที่เคารพในหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ จะได้มีโอกาสได้รับวัตถุมงคลอันมีค่ายิ่งอีกครั้งหนึ่ง โดยร่วมบูชาวัตถุมงคลเพื่อทำบุญ อันจะเป็นทุนนำบูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถและเสนาสนะอื่น ๆ ของวัดสัมพันธวงศ์ต่อไป​

    “วัตถุมงคลของหลวงปู่แหวน และวัตถุมงคลอื่น ๆ ทางวัดไม่มีนโยบายการจัดทำเพิ่ม รุ่นใดหมดก็ปิดรายการ วัตถุมงคลของหลวงปู่ที่นำออกให้บูชาในครั้งนี้ เป็นวัตถุมงคลที่ได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ทั้งหมด” ​

    ดังกล่าวมาทั้งหมด คือ ข้อมูลโดยสรุปถึงความเกี่ยวเนื่องของวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร กับ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ เพื่อเป็นการบันทึกให้อนุชนรุ่นหลังได้ทราบ และเตือนความจำของท่านผู้ที่รับทราบอยู่แล้ว นี้จึงเป็นที่มาของเรื่องราววัตถุมงคลหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ที่วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ หากถามผู้ที่ร่วมเหตุการณ์ทันที่หลวงปู่มีชีวิตอยู่แล้ว จะทราบทันทีว่า เมื่อพูดถึงเรื่องวัตถุมงคลของหลวงปู่แล้ว จะต้องมาที่วัดสัมพันธวงศ์.​


    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>
    บันทึกจากคำปรารภ
    ทบทวนความจำเกี่ยวกับพระคุณเจ้า หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง
    ของ พระธรรมบัณฑิต (ถาวรมหาเถร)
    (ปัจจุบันได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์)
    เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร​



    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>ทบทวนความจำ - แนะนำพระคุณหลวงปู่</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>นับแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ เป็นต้นมา จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๙ นี้นับได้เป็นเวลา ๑๐ กว่าปี ที่คณะวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ ได้มีความสัมพันธ์ติดต่อเกี่ยวเนื่องกันกับวัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ โดยลำดับมาทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะพระคุณเจ้าหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เป็นพระเถระฝ่ายวิปัสสนาสมถกรรมฐาน สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถร เป็นครุฐานิยปูชารหวุฒิบุคคลที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชน ทุกเพศทุกวัยทั่วไปทั้งชาวไร่ชาวนา ชาวป่า ชาวเขา จนถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ทั่วทุกถิ่นฐานในประเทศบ้านเมืองไทย ขยายออกไปถึงต่างประเทศ มีเหตุมหัศจรรย์หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับพระคุณเจ้าหลวงปู่แหวน ที่ข้าพเจ้าไประสบพบเห็นมาด้วยตนเองก็มี ที่คนอื่น ๆ ที่ได้ประสบพบเห็นมาด้วยตนเองแล้วเล่าให้ฟังก็มี เพื่อเป็นการเชิดชูประกาศเกียรติคุณอันสูงส่งของพระคุณเจ้าหลวงปู่แหวน ในปัจฉิมวารกาลสุดท้ายนี้ จะขอเล่าประสบการณ์เท่าที่เวลาและหน้ากระดาษจะอำนวยให้ดังต่อไปน
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ พระครูวิมลญาณอุดม (ขณะนั้นเป็นพระครูวินัยธร ชินเทพ ชินเทโว ฐานานุกรมของข้าพเจ้า) ขึ้นไปจำพรรษาอยู่วัดดอยแม่ปั๋งกับหลวงปู่ มีความเลื่อมใสศรัทธาในหลวงปู่มาก กลับลงมาแล้ว ปรารภจะอาศัยบารมีหลวงปู่สร้างพระประธานประจำพระอุโบสถวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งกำลังก่อสร้าง พร้อมกันนั้นก็จะสร้างพระพุทธรูปบูชาและวัตถุมงคล คือ เหรียญรูปเหมือนหลวงปู่ ชาวคณะวัดสัมพันธวงศ์ มีพระวิบูลธรรมาภรณ์ (ขณะนั้นเป็นพระครูปลัดจำนงค์ ธมมจารี) ได้ร่วมเดินทางไปกับพระครูวิมลญาณอุดม มีภิกษุ ๓ รูป ฆราวาส ๑๒ คน เดินทางไปกราบนมัสการหลวงปู่แหวนเป็นคณะแรกของวัดสัมพันธวงศ์ เมื่อคณะธรรมจาริก ได้เดินทางไปกราบนมัสการหลวงปู่แล้ว ได้นำเรื่องราวของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ และปฏิปทามารายงานให้ข้าพเจ้าทราบ
    </TD></TR><TR><TD>ต่อมา ข้าพเจ้าและคณะจึงได้เดินทางขึ้นไปราบนมัสการหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ในฐานะเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์เป็นครั้งแรก และปฎิบัติติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน นี้เป็นกรณีเริ่มต้นส่งเสริมให้เกียรติคุณชื่อเสียงของหลวงปู่ฟุ้งเฟื่องขจรไปทั่วทุกสารทิศ
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>ในครั้งที่ข้าพเจ้าเข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่ใกล้ ๆ มีผู้กราบเรียนท่านให้ทราบว่า “นี่ เจ้าคุณพระธรรมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ” หลวงปู่ก้มลงมากระซิบที่หูของข้าพเจ้าว่า “อยู่ที่กุฎิที่อยู่เดี่ยวนี้นั้นดีแล้ว อย่าย้ายไปอยู่กุฏิอดีตเจ้าอาวาส อย่าไปโยกย้ายแตะต้องสิ่งของอะไรของท่านในที่นั้น เขายังหวงแหนอยู่” นี้เป็นโอวาทครั้งแรกที่หลวงปู่แนะนำข้าพเจ้า ๆ ได้ถือปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้ เรื่องเกี่ยวกับอดีตเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ไม่มีใครเล่าให้หลวงปู่ฟัง แต่หลวงปู่หยั่งทราบเหตุการณ์ด้วยญาณวิถี หยั่งรู่ความเป็นไปของวัดสัมพันธวงศ์ว่า ในยุคที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่วัดสัมพันวงศ์นั้นจะได้เป็นเจ้าอาวาส มีอดีตเจ้าอาวาสสมภารเจ้าวัดล่วงลับไปแล้ว ๒ รูป ข้าพเจ้าเป็นรูปปัจจุบัน ตามธรรมเนียม เมื่อเจ้าอาวาสรูปก่อนล่วงลับไปแล้ว ผู้ที่ได้รับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสสือบต่อมาจะต้องโยกย้ายขยับขยายไปอยู่กุฎิอดีตเจ้าอาวาสโดยมาก และมักจะมีปัญหาถ้าบุญวาสนาบารมีไม่คู่ควร ไม่ตาย ก็สึกหาลาเพศ หรือมีเหตุอื่น ๆ คำแนะนำหลวงปู่ศักดิ์สิทธิ์เป็นศุภนิมิตอันดีทำให้ข้าพเจ้าไม่ปัญหา มีความสุขสวัสดีตลอดมาจนถึงทุกวันนี้
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>บางครั้งบางคราวเวลาข้าพเจ้าไปค้างคืนที่วัดดอยแม่ปั๋ง เวลากลางคืนไปกราบนมัสการหลวงปู่ ท่านเล่าเรื่องอดีตเกี่ยวกับสถานที่บ้าง เกี่ยวกับตัวท่านคนอื่นบ้างให้ฟัง เช่นเรื่องที่ท่านเคยเดินไปเรียนมุลเดิมอยู่ที่วัดบ้านสร้างถ่อนอก-บ้านสร้างถ่อใน อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี และเล่าถึงประวัติหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จังหวัดอุดรธานี ขณะที่ยังครองฆราวาสเย้าเรือนเกิดมีปัญหาในการครองเรือนจนออกบวช ตลอดถึงหมู่บ้านในแถบนั้นท่านจำชื่อและหนทางไปมาติดต่อกันได้ เป็นต้น
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>ข้าพเจ้าเองเป็นคนที่เกิดในภูมิลำเนาที่นั้นยังจำไมได้ถูกต้องเหมือนท่าน และยังไม่เคยไปยังหมู่บ้านแถบนั้นบางหมู่บ้านเลย ข้าพเจ้าสงสัยว่า ทำไมจึงทำให้หลวงปู่รู้ภูมิประเทศ เหตุการณ์และอะไร ๆ แถวนั้นได้ดี เพราะไม่ใช่ถิ่นกำเนิดของท่าน เมื่อข้าเจ้ามีโอกาสไปกราบนมัสการหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล ซึ่งหลวงปู่ของข้าพเจ้าจริง ๆ ท่านจึงเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่แหวน ตั้งแต่ยังเป็นสามเณรน้อย ได้ไปกับพระอาจารย์อ้วนจากจังหวัดเลย ซึ่งเป็นชาติภูมิของท่าน ได้ศึกษาเล่าเรียนมูลเดิมอยู่ที่วัดบ้านสร้างถ่อนอก-สร้างถ่อใน และได้บวชเป็นพระอยู่ที่นั้น มีโยมอุปัฎฐากอุปถัมภ์อยู่ที่นั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ก็มี อันนี้เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าริเริ่มสืบสาวราวเรื่อง เขียนประวัติหลวงปู่ขึ้นเป็นครั้งแรก และต่อมาพระนาค อตถวโร วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครขึ้นไปจำพรรษาอยู่วัดดอยแม่ปั๋ง ได้ค้นคว้าสืบสาวราวเรื่องจากศิษยานุศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงปู่ และจากปากคำของผู้ที่เคยเดินธุดงค์ร่วมกับหลวงปู่ แล้วบันทึกเรียบเรียงขึ้น เป็นเอกสารที่สมบูรณ์ ซึ่งทางวัดสัมพันธวงศ์ได้จัดพิมพ์ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๕
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>เมตตาบารมีหลวงปู่
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>บางคราว หลวงปู่ก็เล่าถึงการเดินธุดงค์กรรมฐานไปบำเพ็ญเพียรในสถานที่ต่าง ๆ ได้ประสบพบเห็นเหตุการณ์ที่ดีและไม่ดีจากพวกมนุษย์และอมนุษย์ เล่าถึงปฏิปทาข้อวัตรปฏิบัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่าน แม้หลวงปูจะเป็นพระโบราณความรู้น้อย อธิบายธรรมะเฉพาะปฏิปทาที่ท่านได้ปฏิบัติดำเนินเป็นผลสำเร็จมา ข้อว่า ธัมโม ธัมเมา เป็นส่วนมากก็จริง แต่ถ้ามีผู้ฟังสนใจในการปฏิบัติจริง ๆ เรื่องจิตใจ หลวงปู่จะอธิบายให้ผู้ฟังผู้ถามได้ตลอดทั้งคืน และแนะนำเรื่องวัตถุมงคลว่าเป็นของภายนอก ไม่ใช่แก่นแท้ของพระศาสนาเป็นเพียงนาวาอาศัยข้ามฟาก ได้เน้นหนักในการประพฤติปฏิบัติเป็นหลักสำคัญ
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>หลวงปู่มีคุณธรรมสู่งส่งโดยเฉพาะพรหมวิหารธรรม มีเมตตากรุณาแก่ผู้ประสบทุกข์ได้รับความเดือนร้อนจากเหตุการณ์ต่างๆ
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>คณะสงฆ์วัดสัมพันธวงศ์ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่เป็นกรณีพิเศษ โดยสงเคราะห์อนุเคราะห์ใ้ห้วัดสัมพันธวงศ์ และสมาคมสัมพันธวงศ์ เป็นประธานดำเนินการสร้างเหรียญรูปเหมือนหลวงปู่หลายแบบ เพื่อหาทุนสร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนาตามวัดวาอารามต่างๆ
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>สำหรับวัดสัมพันธวงศ์ เพื่อหาทุนสร้างพระอุโบสถกับปรับปรุงเสนาสนะในวัดและบริเวณวัด
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>โดยเฉพาะตัวข้าพเจ้าเอง คราวหนึ่งถึงวันกำหนดบำเพ็ญกุศลถวายในวันคล้ายวันเกิดหลวงปู่ ข้าพเจ้าอาพาธเป็นทั้งไข้ ท้องเสีย ทั้งถ่ายทั้งปวด นึกว่่า คงไปไม่ได้คราวนี้ เมื่อตั้งใจอธิษฐาน แล้วออกเดินทางไป ทุกอย่างหายเป็นปกติ และทุกครั้งที่ข้าพเจ้าขึ้นไปกราบนมัสการหลวงปู่ที่วัดดอยแม่ปั๋ง พอรถเข้าถึงบริเวณวัด แม้จะเป็นเวลาที่หลวงปู่เข้าพักผ่่อนอยู่ภายในกุฎีเพียงรูปเดียว ท่านก็ออกมานั่งเก้าอี้พิงหน้ากุฎี ซึ่งมีคณะศรัทธาพุทธศาสนิกชนคอยรอเข้าเฝ้ากราบไหว้อยู่หน้ากุฎีและที่อื่นๆ เมื่อเห็นหลวงปู่ออกมาก็บอกกันต่อๆ ไป ให้รีบออกมากราบนมัสการหลวงปู่ และข้าพเจ้าก็ต้องรีบไปกราบนมัสการหลวงปู่ ก่อนจะไปพบพระอาจารย์หนู เจ้าอาวาส และไปที่พักต่อไป
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>แม้หลวงปู่จะเป็นพระ่ป่าพระดอย ไม่เคยเข้าวังหรือพระที่นั่งในเมืองหลวง และที่ไหนๆ แต่มีจิตใจประกอบด้วยเมตตาอย่างสูงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ถวายมงคลนามแบบโบราณชาวบ้านแด่พระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ว่า "เจ้าพ่อหลวง-เจ้าแม่หลวง" ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระประชวร ถ้าตรงกับเวลาที่พวกเราไปจากกรุงเทพฯ เข้ากราบนมัสการ หลวงปู่จะพูดปรารภขึ้นว่า "ไ้ด้ทราบว่า เจ้าพ่อหลวง-เจ้าแม่หลวง ทรงพระประชวรไม่สบาย เป็นเพราะทรงงานมาก ทรงเป็นห่วงพสกนิกรจะทุกข์ยาก ผู้เฒ่าก็ช่วยแ่ผ่เมตตาอธิษฐานจิตให้เจ้าพ่อหลวง-เจ้าแม่หลวงหายโดยเร็ว หากได้ทรงพักผ่อนแล้วจะสุขสบายเป็นปกติ" ซึ่่งเป็นคำพูดที่ซาบซึ้งจิตใจอย่างยิ่ง
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>วัตถุมงคลที่ดังที่สุด
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>วัตถุมงคลรูปเหมือนหลวงปู่ มีผู้ขออนุญาตสร้างหลายราย หลายรุ่น หลายขนาด มีทั้งของหลวงและของราษฎร์ เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ กัน ทั้งในศาสนจักรและราชอาณาจักร
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>โดยมากวัดสัมพันธวงศ์และสมาคมสัมพันธวงศ์ เป็นผู้ดำเนินการ มีเจ้าคุณวิบูลธรรมาภรณ์ (ขณะดำรงสมณศักดิ์เป็นพระครูวิบูลสีลวงศ์ ปัจจุบันได้รับโปรดเกล้าฯ เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมกิตติเมธี) และพระครูวิมลญาณอุดม (ขณะดำรงสมณศักดิ์เป็น พระครูปลัดเมธาวัฒน์ ปัจจุับัน มรณภาพแล้ว) เป็นผู้ออกแบบดำเนินการรับผิดชอบ จนเสร็จกระบวนพิธีการทุกอย่าง
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>วัตถุมงคลเหรียญรูปเหมือนหลวงปู่ที่ดังที่สุด คือ เหรียญ "เราสู้" เนื่องจากมีเหตุการณ์ไม่สงบกระทบกระทั่งกัน เกิดขึ้นทางด้านชายแดนประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา (เขมร) ในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ มีทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน เป็นจำนวนมาก ไปขอพึ่งพาอาศัยบารมีหลวงปู่ อยากได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จากหลวงปู่ไว้คุ้มครองป้องกันตัว และเป็นสิริมงคล ทางวัดดอยแม่ปั๋งขาดปัจจัย ทั้งพ้นวิสัยที่จะจัดให้ทั่วถึงได้ พระอาจารย์หนู สุจิตฺโต เจ้าอาวาสวัดดอยแม่ปั๋ง และนายกสมาคมสัมพันธวงศ์ในสมัยนั้น ร่วมกับวัดสัมพันธวงศ์ ตกลงขออนุญาตหลวงปู่สร้างเหรียญรูปเหมือนหลวงปู่ขึ้นจำนวนหนึ่ง เพื่อแจกจ่ายแก่ทหาร ตำรวจ และพ่อค้าประชาชน ตลอดถึงผู้ร่วมออกทุนสร้าง โดยอ้างเหตุผลและความอยู่รอดปลอดภัยของประเทศชาติบ้านเมือง หลวงปู่ไม่ขัดข้องยินดีอนุญาตให้ดำเนินการได้
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>คณะกรรมการจึงได้มอบให้เป็นภาระของพระครูวิบูลสีลวงศ์ (พระธรรมกิตติเมธี จำนง ธมฺมจารี) เป็นผู้ออกแบบจัดสร้างเหรียญ และให้พระครูปลัดเมธาวัฒน์ (ชินเทพ) ควบคุมการจัดพิมพ์ มอบให้อาจารย์ปลั่ง ชื่นกลิ่นธูป เป็นเจ้าพิธีการ เชิญ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ผู้ศรัทธาในหลวงปู่แหวน เป็นประธานฝ่ายฆราวาสประกอบพิธีแผ่เมตตาเหรียญแบบเราสู้
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>กระทำพิธีแผ่เมตตาอธิษฐานจิตที่ วิหารวัดดอยแม่ปั๋ง วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๓๐ นิมนต์พระคุณเจ้า หลวงปู่แหวน ลงมานั่งแผ่เมตตาตั้งแต่เริ่มพิธีพระเจริญพระพุทธมนต์จนจบ หลวงออกจากสมาธินั่งปรกแล้ว ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้โดยทั่วตลอดทั้งประชาชนผู้เข้าเริ่มพิธี เสร็จแล้วก็มีการแจกให้คณะต่างๆ ที่ไปร่วมพิธี มีนักข่าวหนังสือพิมพ์ที่เชิญไปร่วมพิธี ได้รับแจกไปทั้งเหรียญและรูปเหมือนหลวงปู่
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>ขณะนั้น กำลังมีการปะทะต่อสู้กันทางชายแดนไทยด้านอรัญประเทศ จังหวัดปราจีนบุรี นักข่าวและทหารที่ได้รับเหรียญเราสู้ไปเวลานั้น ได้ต่อสู้ผจญภัยในสนามรบอย่างโชกโชนตลอดคืน และปลอดภัยรอดตายมาไดุ้ทุกคน เพราะมีเหรียญเราสู้ประจำตัวอยู่ทุกคน จึงทำให้เหรียญเราสู้โด่งดังไปทั่วทุกหนทุกแห่ง มีประชาชนทุกเพศทุกวัยอยากได้ พากันหลั่งไหลมาขอที่่วัดสัมพันธวงศ์บ้าง ที่วัดดอยแม่ปั๋งบ้าง จนเหรียญไม่พอแจกให้แก่ผู้ต้องการอยากได้
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>
    [​IMG][​IMG]

    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>จำนวนเหรียญ "เราสู้" ที่สร้าง
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>- เหรียญโลหะรมดำ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ เหรียญ
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>- เหรียญทองคำ จำนวน ๑๐๑ เหรียญ
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>- เหรียญเงิน จำนวน ๑๙๐ เหรียญ
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>ได้แจกแบ่งเหรียญ "เราสู้" ไป ดังนี้
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>๑. ทูลถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน ๒๒,๕๒๐ เหรียญ และเหรียญทองคำอีกจำนวน ๙ เหรียญ
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>๒. มอบให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ จำนวน ๓๐,๐๐๐ เหรียญ
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>๓. มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมัคร สุนทรเวช จำนวน ๒๐,๐๐๐ เหรียญ
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>๔. มอบให้อธิบดีกรมตำรวจ จำนวน ๑๐,๐๐๐ เหรียญ
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>๕. มอบให้ผู้บัญชาการตำรวจตระเวณชายแดน จำนวน ๑๑,๐๐๐ เหรียญ
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>๖. นอกจากนี้ ก็แบ่งถวายวัดต่างๆ และผู้มีอุปการคุณในการช่วยออกทุนสร้าง ตามที่แสดงความจำนงไว้อีกจำนวนหนึ่ง
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>มีเหตุการณ์ที่ควรบันทึกไว้ในที่นี้เกี่ยวกับเรื่องเหรียญ "เราสู้" คือ จำนวนที่มอบให้นายสมัคร สุนทรเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ท่านสั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บรักษาไว้ที่ห้องพระนาค กระทรวงมหาดไทย มีนักเลงดีัหัวแหลม เอาเหรียญปลอมมาแทรกเข้าไว้ในถุงเหรียญเราสู้ ซึ่งบรรจุถุงละ ๑๐๐ เหรียญ ยักเอาเหรียญแท้ออกไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีอยู่หลายถุงด้วยกัน ท่านรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช สมัยนั้นเอาไปแจก เกิดมีคนที่ได้รับแจกไปทักว่า เหรียญปลอม ท่านรัฐมนตรีสมัครสงสัยไม่แน่ใจ จึงมาขอดูแม่พิมพ์เหรียญเราสู้ที่แท้จริง ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่วัดสัมพันธวงศ์ เมื่อท่านดูแล้วจึงรู้ว่าอะไรแท้อะไรปลอม ได้ร้องออกมาว่า เออ ไม่น่าเชื่อ มาเฟียกระทรวงมหาดไทยก็มีเหมือนกัน
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>อัจฉริยาภาพหลวงปู่
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>หลวงปู่มีบุญญาธิการอภินิหาร ดลบันดาลอิฏฐผลแก่พุทธศาสนิกชนผู้เคารพนับถือในลักษณะการต่างๆ กัน ผู้ประสบภัยพิบัติหรือได้รับความเดือดร้อนในกรณีต่างๆ กัน เมื่อตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีหลวงปู่เป็นที่พึ่ง คุ้มครองป้องกันหรือสงเคราะห์ช่วยเหลือ ก็เป็นเหตุให้ผู้นั้นได้รับผลสำเร็จดังที่ตนมุ่งมาดปรารถนา ถ้าเป็นผู้มีศรัทธาเชื่อมั่นจริงๆ
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>ดังผู้หญิงวัยกลางคนหนึ่ง ได้ประสบมาด้วยตนเอง คราววันงานวิสาขะรำลึก ปี พ.ศ. ๒๕๒๖
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>คณะดำเนินงานได้อัญเชิญรูปหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่ มาประดิษฐานที่กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้บูชา และมีประชาชนทุกเพศทุกวัย ทั้งในกรุงและหัวเมืองได้มากราบไหว้บูชาคารวะหุุ่นขี้ผึ้ง เป็นจำนวนมากเป็นที่น่าอัศจรรย์
    </TD></TR><TR><TD>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD></TD></TR><TR><TD width="50%">
    [​IMG]
    รูปหุ่นขี้ผึ้งของ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
    นายแพทย์เฉลิม จันทรางสุข เป็นเจ้าภาพจัดสร้าง
    จ้างสถาบันมาดามทรูโซ ประเทศอังกฤษ เป็นผู้ปั้น
    นำมาประดิษฐานครั้งแรกที่วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
    ในเดือนสิงหาคม ๒๕๒๒



    </TD><TD width="50%">
    [​IMG]
    ฯพณฯ สัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี
    เป็นประธานเปิดนิทรรศการหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ "วันวิสาขบูชารำลึก"
    ขณะเดินชมหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ณ กรมประชาสัมพันธ์
    เป็นหุ่นขี้ผึ้งหุ่นแรกของพระสงฆ์ไทยในพระพุทธศาสนา
    เป็นหุ่นขี้ผึ้งหุ่นแรกของประเทศไทย


    </TD></TR><TR><TD colSpan=2></TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD colSpan=2></TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD>สุภาพสตรีที่กล่าวถึง เป็นคนหนึ่งในจำนวนคนเหล่านั้น ได้ขอพึ่งบารมีหลวงปู่ให้ช่วยเหลือเรื่องหนี้สิน ซึ่งมีอยู่ประมาณหมื่นบาท เธอได้ประสบผลสำเร็จตามความตั้งใจ และได้ไปกราบสมัสการรูปหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่ ขณะที่ประดิษฐานอยู่ที่ตึกมงคลวิทยา (หอไตร) วัดสัมพันธวงศ์ ก่อนที่จะอัญเชิญกลับวัดดอยแ่ม่ปั๋ง เป็นทำนองแก้บน ข้าพเจ้าได้สอบถาม เธอได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟังพร้อมกับแสดงเหรียญรูปเหมือนหลวงปู่ ที่ได้รับแจกไปให้ดู และตั้งใจจะปิดทองถวายท่านด้วย...
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>อาคารสุจิณฺโณ
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>เนื่องจากหลวงปู่มีอายุพรรษาย่างเข้าชราภาพแล้ว คณะศิษยานุศิษย์ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ มีอาตมาภาพเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ตลอดคณะศรัทธาพุทธศาสนิกชนผู้มีความเคารพนับถือในหลวงปู่ ได้ปรารภกันว่าน่าจะได้จัดหาทุนสร้างอนุสรณ์สถานถวายหลวงปู่ เป็นสาธารณประโยชน์ สำหรับประชาชนทั่วไป ในฐานะที่หลวงปู่เป็นปูชนียบุคคล ของมวลชนทุกหมู่เหล่าทุกเผ่าพันธุ์ ได้ตกลงกันว่า จะสร้างตึกพยาบาลให้โรงพยาบาลเชียงใหม่ โดยขอสร้างเหรียญรูปเหมือนหลวงปู่ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเป็นพระปรมาภิไธยย่อของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน คิดกันว่าจะหาทุนให้ได้สัก ๓๐ ล้านบาท เป็็นค่าสร้างอาคารเสียประมาณ ๒๐ ล้านบาท เหลือจากนั้น ตั้งเป็นมูลนิธิในนามของหลวงปู่ สำหรับตึกพยาบาลนั้น
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>
    [​IMG]
    อาคารสุจิณฺโณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่


    </TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD></TR><TR><TD width="50%">
    [​IMG]
    สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ วาสนมหาเถระ วัดราชบพิธฯ
    สมเด็จพระสังฆราช ประพรมน้ำพระพุทธมนต์
    ในพิธีเริ่มก่อสร้างอาคารสุจิณฺโณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่


    </TD><TD width="50%">
    [​IMG]
    พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ผู้เป็นศิษย์
    ขณะเข็นรถนำหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ชมอาคารสุจิณฺโณ
    ที่จัดสร้างในคราวฉลองอายุวัฒนมงคล ๙๖ ปี ของหลวงปู่


    </TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD></TR><TR><TD>
    </TD><TD>
    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    [​IMG]
    พระธรรมบัณฑิต (เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ถาวรมหาเถร) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงสื องค์กลาง
    พระครูปลัดเมธาวัฒน์ (ครูวิมลญาณอุดม ชินเทพ ชินเทโว) ซ้าย และ พระครูวิบูลสีลวงศ์ (พระธรรมกิตติเมธี จำนง ธมฺมจารี) ขวา
    ประชุมร่วมกับคณะกรรมการจัดสร้างอาคารสุจิณฺโณ ณ ห้องประชุมตึกมงคลวิทยา วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>โดยคณะกรรมการดำเนินงานเสนอเรื่องนี้ ไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัดเชียงใหม่ เขาตอบมาว่าไม่มีสถานที่จะจัดสร้าง แต่ทางคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีโครงการที่จะสร้างตึกพยาบาลหลังหนึ่ง ตั้งงบประมาณไว้ ๘๐ ล้านบาท ถ้าทางคณะศิษยานุศิษย์หลวงปู่ จะร่วมทุนแล้วสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกันก็ยินดีต้อนรับ จึงตกลงร่วมกัน โดย พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ปวารณาต่อหลวงปู่รับจัดสรรงบประมาณภาครัฐบาลร่วมจัดสร้าง ทางเราเพียงแต่ขอชื่อตึกเป็นฉายาหลวงปู่แหวน จึงได้ร่วมมือกันจัดดำเนินการจัดหาทุน ทั้งทางกรุงเทพฯ-ทางเชียงใหม่-ทางรัฐบาล และประชาชนโดยทั่วไป
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>ประมาณกันว่า สักร้อยกว่าล้านบาทก็จะสำเร็จ แต่เวลาประมูลก่อสร้างตามแบบแปลนแผนผังของโรงพยาบาล ราคากเข้าไปสองร้อยสิบกว่าล้าน ข้าพเจ้าซึ่งเป็นประธานฝ่ายบรรพชิตไม่มีปัญหาที่จะหาเงินเป็นล้านๆ ได้ แล้วแต่บารมีหลวงปู่ พอดีขณะนั้น ท่านพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นนายกรัฐมนตรี รับแบ่งเบาภาระ โดยจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินส่วนที่เกินจากจำนวนที่ตั้งงบไว้เดิมเพิ่มเิติม ช่วยเหลือจนสำเร็จเป็นตึกอาคารสุจิณฺโณ ๑๕ ชั้น ดังปรากฏแก่ทุกท่านที่โรงพยาบาลสวนดอก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อหลวงปู่อาพาธ ก็ได้ไปพักอาศัยให้แพทย์รักษาพยาบาลจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของหลวงปู่ และเป็นสถานที่อำนวยประโยชน์มหาศาลถาวรตลอดกาล...
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>อ้างอิงเนื้อหานี้ บันทึกคำปรารภของ พระธรรมบัณฑิต (มานิต ถาวโร) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ เจ้าคณะภาค ๑๑ (ธรรมยุ) กรรมการมหาเถรสมาคม วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๓๐ (ปัจจุบัน ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ "สมเด็จพระมหาวีรวง")์ จากหนังสืออนุสรณ์ ในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนิน พระราชทานเพลิงศพ พระคุณเจ้า หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วันเสาร์ที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๓๐ จัดพิมพ์โดย มูลนิธิสุจิณฺโณอนุสรณ์
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>
    บันทึกจาก
    ประวัติ พระครูธรรมคุณาลังการ (นาค อตฺถวโร)
    อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
    จากหนังสือ
    อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พระครูธรรมคุณาลังการ (นาค อตฺถวโร)
    ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๔๙



    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    พระครูธรรมคุณาลังการ (นาค อตฺถวโร) แถวยืนองค์แรกจากซ้าย
    ภาพนี้ บันทึกขณะดูแลหลวงปู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

    [​IMG]
    บันทึกลายมือของท่านพระครูธรรมคุณาลังการ หลังภาพด้านบน


    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>พ.ศ. ๒๕๑๒ พระครูธรรมคุณาลังการ (นาค อตฺถวโร) ได้ทราบปฏิปทาสัมมาปฏิบัติของ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ จากท่านพระอาจารย์หนู สุจิตฺโต วัดดอยแม่ปั๋ง ซึ่งได้เดินทางมาอุปัฏฐาก ท่านเจ้าคุณ พระเทพปัญญามุนี (เฉย ยโส) อดีตเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ รูปที่ ๑๐ ซึ่งอาพาธอยู่ในขณะนั้น

    ต่อมาท่านพร้อมกับพระเถระสหธรรมิก ๒ รูป คือ พระครูวิมลญาณอุดม (ชินเทพ) วัดสัมพันธวงศ์ พระครูวินัยธร ชม ปญฺญาธิมุตฺโต วัดพุทธวิมุตติวนาราม จังหวัดกาญจนบุรี เดินทางไปกราบหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ที่วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ ถวายตัวเป็นศิษย์ปฏิบัติธรรมในสำนักของหลวงปู่ เป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดและปฏิบัติตามโอวาทของหลวงปู่ด้วยความเคารพเลื่อมใสตลอดมา

    เกือบทุกปีเมื่อออกพรรษารับกฐินที่วัดสัมพันธวงศ์แล้ว ท่านจะเดินทางไปปฏิบัติกรรมฐานและอุปัฏฐากหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ รับโอวาทคำสอนและจดบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ภายหลังได้มอบต้นฉบับชีวประวัติและการปฏิบัติธรรม ของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ให้วัดสัมพันธวงศ์จัดพิมพ์เผยแพร่เป็นครั้งแรก การจัดพิมพ์ของสำนักอื่นนอกนั้น ส่วนมากได้ใช้ข้อมูลจากหนังสือเล่มนี้เป็นหลักฐานอ้างอิง

    พ.ศ. ๒๕๒๗ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ อาพาธหนัก เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ท่านได้เฝ้าอุปัฏฐากจนถึงวันหลวงปู่มรณภาพ ร่วมกับคณะสงฆ์และทางราชการจัดงานบำเพ็ญกุศลศพ และงานพระราชทานเพลิงศพ
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>
    [​IMG]
    พระครูธรรมคุณาลังการ (พระอาจารย์นาค)(ซ้ายสุด) ขณะดูแลหลวงปู่ที่วัดดอยแม่ปั๋ง
    ส่วนผู้ที่กำลังประคองหลวงปู่อยู่นั้น ปัจจุบัน คือ พระครูโอภาสสมาจาร (อบ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์


    </TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]

    </TD><TD>
    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]

    </TD><TD>
    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    พระครูธรรมคุณาลังการ (พระอาจารย์นาค) ขณะดูแลหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
    พร้อมกับพระคิลานุปัฏฐาก ณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่


    </TD></TR></TBODY></TABLE>ภายหลังหลวงปู่มรณภาพแล้ว ท่านช่วยดูแลพิพิธภัณฑ์อัฐบริขารของหลวงปู่ ได้รวบรวมชีวประวัติและคำสอนของหลวงปู่ รวมถึงพระธรรมเทศนาของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ลงวีดีโอซีดี เผยแพร่แก่สาธุชนที่เดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์ที่วัดดอยแม่ปั๋ง

    (ผู้จัดทำข้อมูลได้มีโอกาสฟังเสียงพระธรรมเทศนาของหลวงปู่ จาการที่ท่านพระอาจารย์นาค ท่านได้ให้ช่วยแปลงเสียงจากเทปบันทึกเสียงลงซีดี และเห็นภาพเก่าๆ ที่ไม่เคยเห็นในสื่อไหนจากการเก็บไว้ของท่าน ปัจจุบัน สื่อที่ตัดต่อดังกล่าว ท่านพระอาจารย์นาคได้นำไปถวายไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของหลวงปู่ที่วัดดอยแม่ัปั๋ง เสียงบันทึกระบบดิจิตอลและภาพวีดีโอ ที่ท่านได้ัฟังและชมที่พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ที่วัดดอยแม่ปั๋ง ได้มาจากการเก็บรักษาและถวายของพระอาจารย์นาคนี้เอง)

    ครั้งล่าสุด ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้จัดหาทุนเปลี่ยนสายไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ในอาคารพิพิธภัณฑ์ทั้งหมด และในวัดบางส่วนใช้ทุนประมาณสองแสนบาทเศษ

    พ.ศ. ๒๕๔๘ เมื่อท่าน พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (หนู สุจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ ถึงแก่มรณภาพ ท่านเป็นกำลังสำคัญในการจัดงานบำเพ็ญกุศลศพ ตั้งแต่มรณภาพจนถึงวันออกเมรุพระราชทานเพลิงศพ...


    </TD></TR><TR><TD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ข้อมูลดีๆ นี้ นำมาจาก

     
  8. ไชยชุมพล

    ไชยชุมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +1,873
    วันนี้คุณแม่ได้โอนเงินร่วมทำบุญกับทุนนิธิ ฯ ประจำเดือนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จำนวน ๕๐๐ บาทครับ

    อนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ
     
  9. ลูกปลาใหญ่

    ลูกปลาใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +577
    วันนี้ 05/03/53 เมื่อเวลาประมาณ 19.48 น. ได้โอนเงินจำนวน 500 บาท เข้าบัญชีทุนนิธิฯ เพื่อร่วมทำบุญประจำเดือนมีนาคมครับ
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    วันนี้แนะนำพระพุทธรูปมากราบกัน หากใครได้ไปเห็นท่านจริงๆ แล้ว สวยงามมาก หากได้มีโอกาสผ่านไปทางหนองคาย อย่าลืมแวะไปกราบท่านเป็นมงคลแก่ชีวิตครับ


    หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย



    ประวัติพระใส หรือ หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย
    หลวง พ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย "หลวงพ่อเกวียนหัก" จ.หนองคาย เป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย ซึ่งมีฐานะเป็นวัดอารามหลวง

    ตั้งอยู่ที่ถนนโพธิ์ชัย ในเขตเทศบาลเมือง ห่างจากตัวเมืองหนองคายไปประมาณ 2 กิโลเมตร ตามทาง หลวงหมายเลข 212 ทางไป อ.โพนพิสัย วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก หน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว ส่วนสูงจากพระชงฆ์เบื้อล่างถึงยอดพระเกศ ๔ คืบ ๑ นิ้วของช่างไม้

    ประวัติการสร้าง พระใส หลวงพ่อพระใส หรือ หลวงพ่อเกวียนหัก
    สมเด็จ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานไว้ในหนังสือประวัติพระพุทธรูปสำคัญ พระใส ซึ่งพิมพ์แจกในงานทอดกฐินพระราชทาน พ.ศ. 2468 ว่า หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปหล่อในสมัยล้านช้าง และตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า พระธิดา 3 องค์ แห่งกษัตริย์ล้านช้างเป็นผู้สร้าง บางท่านก็ว่าเป็นพระราชธิดาของพระไชยเชษฐาธิราช ได้หล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ และขนานนาม พระพุทธรูปตามนามของตนเองไว้ด้วยว่า พระเสริมประจำพี่ใหญ่ พระสุกประจำคนกลาง พระใสประจำน้องสุดท้อง มีขนาดลดหลั่นกันตามลำดับ

    การประดิษฐานพระใส
    เดิมที นั้นหลวงพ่อพระใสได้ประดิษฐาน ณ เมืองเวียงจันทน์ พ.ศ. ๒๓๒๑ สมัยกรุงธนบุรีได้อัญเชิญไปไว้ที่เมืองเวียงคำ และ"พระใส"ถูกเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทน์อีก ต่อมาในรัชกาลที่ ๓ เจ้าอนุวงศ์ เมืองเวียงจันทน์เป็นกบฎ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ เป็นจอมทัพยกพลมาปราบ จึงได้อัญเชิญพระสุก พระเสริม และพระใส ลงมาด้วย โดยอัญเชิญมาจากภูเขาควายขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ ซึ่งผูกติดกันอย่างมั่นคงล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องมาถึงตรงบ้านเวินแท่นในขณะนั้น เกิดอัศจรรย์แท่นของพระสุกได้เกิดแหกแพจมลงไปในน้ำ โดยเหตุที่มีพายุพัดแรงจัด และบริเวณนั้นได้นามว่า "เวินแท่น"

    การ ล่องแพก็ยังล่องมาตามลำดับจนถึงน้ำโขง (ปากน้ำงึม) เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ได้เกิดพายุใหญ่ เสียงฟ้าคำรามคะนองร้องลั่น ในที่สุดพระสุกได้แหกแพจมลงไปในน้ำ ซึ่งอาการวิปริตต่างๆ ก็ได้หายไปเป็นอัศจรรย์ยิ่ง บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า "เวินสุก" และพระสุกก็จมอยู่ในน้ำตรงนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้

    ก็ยังเหลือแต่พระ เสริม พระใส ที่ได้นำขึ้นมาถึงเมืองหนองคาย พระเสริมนั้นได้ถูกอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใส ได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดหอก่อง (ปัจจุบันคือวัดประดิษฐ์ธรรมคุณ)

    ต่อ มาในสมัยรัชกาลที่ ๔ สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็น (ข้าหลวง) อัญเชิญพระเสริม จากวัดโพธิ์ชัย หนองคายไปกรุงเทพฯ และอัญเชิญพระใสจากวัดหอก่องขึ้นประดิษฐานบนเกวียนจะอัญเชิญลงไปกรุงเทพฯ ด้วย แต่พอมาถึงวัดโพธื์ชัย หลวงพ่อพระใสได้แสดงปาฏิหาริย์จนเกวียนหักจึงอัญเชิญลงไปไม่ได้ ได้แต่พระเสริมลงกรุงเทพฯ ประดิษฐาน ณ วัดปทุมวนาราม ส่วน"หลวงพ่อพระใส"ได้อัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย จนถึงปัจจุบัน ความอัศจรรย์ของ"หลวงพ่อพระใส"จนได้สมญาว่า "หลวงพ่อเกวียนหัก


    <table class="tablebg" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr> <td class="row3">
    </td> </tr> <tr> <td class="row2">
    [​IMG]
    <!-- _paragraph_20_340 (Small).jpg [ 69.85 KiB | เปิดดู 258 ครั้ง ] -->
    </td> </tr> <tr> <td class="row1">
    [​IMG]
    <!-- _paragraph_21_248 (Small).jpg [ 68.55 KiB | เปิดดู 258 ครั้ง ] -->
    </td> </tr> <tr> <td class="row2">
    [​IMG]
    <!-- _paragraph_22_632 (Small).jpg [ 59.52 KiB | เปิดดู 258 ครั้ง ] -->
    </td> </tr> <tr> <td class="row1">
    [​IMG]
    <!-- _paragraph_24_191 (Small).jpg [ 80.23 KiB | เปิดดู 258 ครั้ง ] -->
    </td> </tr> <tr> <td class="row2">
    [​IMG]
    <!-- 3 (Small).jpg [ 38.91 KiB | เปิดดู 258 ครั้ง ] -->
    </td> </tr> <tr align="center"> <td class="row1">

    [​IMG]
    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2010
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    เอามาเล่าสู๋กันฟัง จากนวรัตน์ดอทคอม

    ตั้งใจไว้ว่าจะนำเสนอเรื่องราวของเกจิอาจารย์ใน ปัจจุบันสมัยยังดำรงสังขารขันธ์อยู่สามารถที่จะเดินทางไปกราบนมัสการได้ ปลุกเสกวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง มีคุณภาพ สามารถคุ้มครองผู้ที่นับถือบูชาวัตถุมงคลของท่านมีพยานหลักฐานยืนยันได้ ชัดเจนและสามารถหาวัตถุมงคลเหล่านั้นมาบูชาได้ด้วยราคาที่ไม่สูงเกินไปนัก ข้อเขียนนี้จะกล่าวอย่างตรงไปตรงมา อัตโนประวัติในอดีตจะขออนุญาตไม่กล่าวถึงเรื่องที่จะบอกเล่าในครั้งนี้และ แนะนำให้ไปกราบนมัสการท่านหากมีโอกาสคือ หลวงพ่อท้วง สำนักสงฆ์คลองแคว ต.พระพรหม อ.พรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช วัตถุมงคลของท่านแม้จะเป็นของสร้างใหม่เมื่อไม่เกิน 5 ปีมานี้แม้แต่เหรียญรุ่นแรกก็ตามมีประสบการณ์มากในพื้นที่และในกลุ่มที่ เคารพนับถือท่านทำให้เหรียญรุ่นแรกจากการแจกให้ฟรีจนทุกวันนี้มีราคาค่างวด แล้วก็ตาม ท่านไม่เคยลงหนังสือพระเครื่อง ไม่เคยรับนิมนต์ปลุกเสกวัตถุมงคลนอกวัด ไม่เคยคิดสร้างเหรียญสร้างพระเครื่อง ทุกรุ่นทุกแบบบรรดาศิษย์ที่เคารพนับถือขออนุญาตสร้างถวายแล้วท่านก็แจกให้ กับผู้ไปกราบนมัสการท่านทำบุญหรือไม่ก็ไม่สนใจ ยกเว้นของที่สร้างโดยการขออนุญาตและสร้างโดยคณะกรรมการวัดเช่นรูปหล่อบูชา เหรียญบางรุ่น ผ้ายันต์รอยมือเท้า ที่มีต้นทุนในการจัดสร้างจะขอจำหน่ายเพื่อนำรายได้มาทำนุบำรุงสำนักสงฆ์และ จ่ายค่าน้ำไฟ สาเหตุที่ท่านมีชื่อเสียงและพนักงานการไฟฟ้าอำเภอขนอมนับถือท่านเนื่องจาก
    1.วัตถุมงคลมีประสบการณ์ มีคุณภาพเชื่อถือได้ เช่น ผ้ายันต์รอยมือเท้า เหรียญ ล็อคเก็ต
    2.ท่านมีวาจาสิทธิ์กล่าวอย่างไรเป็นอย่างนั้น
    3.คุณไสย ยาสั่ง ผีเข้า ท่านแก้ไขได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    4.เครื่องรางของขลังท่านทำได้ขลังจริง เช่น ปลัดขิก สาริกา สีผึ้ง สายมือ
    ซึ่ง วัตถุมงคลเหล่านี้บางชนิดท่านได้เลิกทำไปบ้างแล้วบางส่วนเนื่องมาจากความ ชราภาพไม่สามารถลงอักขระได้เช่นแต่ก่อน ของทุกอย่างที่ท่านปลุกเสกสามารถให้ความคุ้มครองได้จริงแม้จะเป็นวัตถุมงคล ใหม่ แต่มีพยานและหลักฐานเช่น น้องชายที่ให้ความอนุเคราะห์มอบภาพถ่ายวัตถุมงคลให้ถ่ายรูปถูกยิงที่กลาง หลังนัดแรกไม่เข้า นัดสองเผลออ้าปากไปด่าบุพการีฝ่ายตรงข้ามกระสุนจึงยิงเข้า ขณะถูกยิง พ่อท่านท้วงอยู่ที่วัดห่างตั้งเยอะนั่งคุยกับญาติโยมยังพูดว่ามันถูกยิง เรื่องนี้เกิดเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ลงประจำวันไว้ที่ สภ.พรหมคีรี และตำรวจที่อำเภอดังกล่าวห้อยวัตถุมงคลท่านเกือบจะทุกคนและยังสามารถจับมือ ปืนที่ยิงได้


    <table class="tablebg" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr> <td class="row3">
    </td> </tr> <tr> <td class="row2"> <!--คำอธิบาย: รูปเหมือนบูชา 5 นิ้ว เนื้อปูนพลาสเตอร์ลงสีมาจากวัด สร้างเมื่อเดือน สิงหาคม 2551 สร้างเท่าอายุท่านคือ 84 องค์ ด้านในบรรจุเส้นเกษาและผงวิเศษของท่านครับอุดด้วยเทียน
    --> รูป เหมือนบูชา 5 นิ้ว เนื้อปูนพลาสเตอร์ลงสีมาจากวัด สร้างเมื่อเดือน สิงหาคม 2551 สร้างเท่าอายุท่านคือ 84 องค์ ด้านในบรรจุเส้นเกษาและผงวิเศษของท่านครับอุดด้วยเทียน
    [​IMG]
    <!-- IMG_1413.JPG [ 114.47 KiB | เปิดดู 541 ครั้ง ] -->
    </td> </tr> <tr> <td class="row1"> <!--คำอธิบาย: เหรียญรุ่นแรกออกปี 2547 รอยขีดด้านหน้าคือรอยจารลายมือท่านครับ
    --> เหรียญรุ่นแรกออกปี 2547 รอยขีดด้านหน้าคือรอยจารลายมือท่านครับ
    [​IMG]
    <!-- IMG_1414.JPG [ 117.93 KiB | เปิดดู 422 ครั้ง ] -->
    </td> </tr> <tr> <td class="row2"> <!--คำอธิบาย: ด้านหลังครับ เหรียญนี้เจ้าของห้อยมาโดยไม่ได้เลี่ยมครับ
    --> ด้านหลังครับ เหรียญนี้เจ้าของห้อยมาโดยไม่ได้เลี่ยมครับ
    [​IMG]
    <!-- IMG_1415.JPG [ 115.68 KiB | เปิดดู 420 ครั้ง ] -->
    </td> </tr> <tr> <td class="row1"> <!--คำอธิบาย: ภาพถ่ายหลวงพ่อท้วง
    --> ภาพถ่ายหลวงพ่อท้วง
    [​IMG]
    <!-- IMG_1483.JPG [ 79.6 KiB | เปิดดู 279 ครั้ง ] -->
    </td> </tr> <tr> <td class="row2"> [​IMG]
    <!-- IMG_1484.JPG [ 117.1 KiB | เปิดดู 275 ครั้ง ] -->
    </td> </tr> <tr> <td class="row1"> <!--คำอธิบาย: ผ้ายันต์มือเท้าปั๊มบนผ้าจีวรของท่านปี 2546 มีรายละเอียดบอกและปั๊มตราวัดครับ
    --> ผ้ายันต์มือเท้าปั๊มบนผ้าจีวรของท่านปี 2546 มีรายละเอียดบอกและปั๊มตราวัดครับ
    [​IMG]
    <!-- IMG_1485.JPG [ 121.59 KiB | เปิดดู 273 ครั้ง ] -->
    </td> </tr> <tr> <td class="row2"> <!--คำอธิบาย: ตราวัดปั๊มบนผ้ายันต์และถุงใส่เส้นเกษาครับ
    --> ตราวัดปั๊มบนผ้ายันต์และถุงใส่เส้นเกษาครับ
    [​IMG]</td></tr></tbody></table>
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105

    <table class="tablebg" width="100%" cellspacing="1"> <tbody><tr> </tr> <tr> <td align="center"> [​IMG]


    </td> </tr> </tbody></table> ปลาขอฝน

    ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ที่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ทรงปรารภการบันดาลให้ฝนตกทั่วเมือง เรื่องมีอยู่ว่า ...

    ใน สมัยนั้น ทั่วทั้งแคว้นโกศลเกิดภัยแล้งฝนไม่ตกหลายเดือน ข้าวกล้าเหี่ยวแห้ง สระน้ำแห้งขอดเหลือแต่โคลนตม ปลาตายเกลื่อนกลาด ฝูงนก ฝูงกาบินว่อน ชาวเมืองสาวัตถีและฝูงสัตว์เกิดเดือดร้อนกันไปทั่ว แม้น้ำในสระวัดเชตวันก็เหือดแห้งเช่นกัน ปลากระเสือกระสนหนีตายเข้าไปในเปลือกตม

    รุ่งเช้า พระพุทธองค์ ได้ทรงตรวจดูสรรพสัตว์ ทรงเห็นความเดือดร้อนนั้นแล้ว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อสรรพสัตว์ หลังจากเสด็จกลับมาจากบิณฑบาตแล้ว ได้ประทับยืนอยู่ที่บันไดสระในวัดเชตวัน ตรัสเรียกพระอานนท์ให้นำผ้าอาบน้ำมาถวายพระองค์ ด้วยมีพระประสงค์จะสรงน้ำในสระ แม้พระอานนท์จะทูลว่าน้ำในสระมีแต่ตม ไม่มีน้ำมิใช้หรือ ก็ทรงตรัสว่า " อานนท์ ธรรมดากำลังของพระพุทธเจ้าใหญ่หลวงนัก เธอจงนำเอาผ้าอาบน้ำมาเถิด " พระเถระได้นำผ้ามาถวายแล้ว พระพุทธองค์ทรงนุ่งผ้าด้วยชายข้างหนึ่ง ทรงคลุมพระสรีระด้วยชายข้างหนึ่ง ประทับยืนที่บันไดตั้งพระทัยว่า เราจักสรงน้ำในสระ

    ทันใดนั้นเอง แท่นศิลาอาสน์ของท้าวสักกะก็แสดงอาการร้อน ท้าวเธอทราบเรื่องนั้นแล้วจึงบัญชาให้วลาหกเทวราชเจ้าแห่งฝน บันดาลฝนให้ตกทั่วแคว้นโกศลโดยไม่ขาดสายครู่เดียวเท่านั้น น้ำก็เต็มสระ ท้วมถึงบันไดสระ พระพุทธองค์ทรงลงสรงน้ำในสระแล้ว ทรงครองผ้าสองชั้นสีแดง คาดรัดประคต ทรงครองสุคตจีวร เฉวียงพระอังสะ เสด็จประทับในพระคันธกุฎี

    ใน เวลาเย็น พวกภิกษุประชุมกันในธรรมสภายกเรื่องพระพุทธองค์ทรงบันดาลให้ฝนตก ด้วยพระกรุณาในชาวเมืองและสรรพสัตว์ขึ้นมาสนทนากัน พระพุทธองค์จึงได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกดังนี้ว่า...

    กาลครั้งหนึ่งนาน มาแล้ว ที่ห้วยแห่งหนึ่ง มีเถาวัลย์รกรุงรัง พระโพธิสัตว์เกิดเป็นปลาช่อนตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในห้วยนั้น สมัยนั้น เกิดภัยแล้งฝนไม่ตกเช่นเดียวกัน ฝูงปลาต่างดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยเปลือกตม ฝูงนกการุมจิกกินหมู่ปลา ปลาช่อนนั้นเห็นความพินาศของหมู่ญาติ จึงทำสัจกิริยาให้ฝนตกด้วยการแหวกออกจากเปลือกตม มองดูอากาศแล้วบันลือเสียงแก่เทวราชปัชชุนนะว่า
    " หมู่ปลาเดือดร้อนมาก ข้าพเจ้ารักษาศีลไม่เคยกินปลาด้วยกันตลอดชีวิต ด้วยความสัตย์นี้ขอท่านจงให้ฝนตกลงมาเถิด "

    แล้วกล่าวคาถาว่า
    " ปัชชุนนเทพ ท่านจงคำรณคำรามให้ฝนตกมา
    ทำลายขุมทรัพย์ของฝูงกา ทำฝูงกาให้ได้รับความเศร้าโศก
    และช่วยปลดเปลื้องข้าพเจ้าและหมู่ญาติ ให้พ้นจากความเศร้าโศกเถิด "

    ฝนห่าใหญ่จึงตกลงมาช่วยชีวิตสัตว์ให้รอดพ้นจากความตายได้

    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :
    คุณของศีลสามารถช่วยเหลือชีวิตของผู้อื่นให้รอดพ้นจากความตายได้

    ที่มา:
    <!-- m -->Welcome to iceicy.freeforums.org • View topic - ปลาขอฝน



    สงสัยในสัปดาห์หน้าคงมีผู้มีศีลมีธรรมทั้งหลาย ขอให้ฝนตกมากๆ ในกรุงเทพฯ เป็นแน่แท้
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105


    [​IMG] เหตุนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน บนถนนแห่งหนึ่งในกทม. มีรถยี่ห้อโตโยต้าสีดำคันหนึ่งได้ขับไปบนถนนเส้นนั้นโดยในรถคันดังกล่าวมี เพียงชายผู้หนึ่งที่กำลังขับรถอยู่เพียงคนเดียวและในระหว่างทางที่ขับไปนั้น ชายดังกล่าวได้จอดรถแวะข้างทางเพื่อซื้อกาแฟ 1ถุง และได้ออกรถไปจนกระทั่งขับมาถึงสี่แยกไฟแดงแห่งหนึ่งชายดังกล่าวก็ได้จอดติด ไฟแดงอยู่ จนมีรถตำรวจคันหนึ่งซึ่งขับนำรถเบนซ์มาได้บีบแตรไล่รถที่ชายผู้นั้นจอดติดไฟ แดงอยู่นั้นให้ถอยไปและรถตำรวจยังได้พูดผ่านไซเรนว่า "เป็นรถนำขบวนรัฐมนตรีให้รถของชายดังกล่าวหลบไป" แต่รถของชายผู้นั้นก็ไม่หลบให้จนกระทั่งตำรวจได้ลงจากรถมาที่รถของชายดัง กล่าว และเรียกให้ชายผู้นั้นลงจากรถ พอชายผู้นั้นได้ลงมาจากรถ ตำรวจได้เห็นชายคนนั้นถึงกลับเป็นลมล้มทั้งยืน สร้างความตกใจให้แก่ตำรวจอีกคนที่นั่งอยู่ในรถจนต้องวิ่งลงมาดูพร้อมกับ รัฐมนตรี พอตำรวจและรัฐมนตรีมาถึง ทั้งคู่ได้เห็นชายดังกล่าว ทั้งตำรวจและรัฐมนตรี ได้นั่งลงไปกับพื้นทันทีเสมือนกับว่าขาทั้ง 2 ข้างได้อ่อนแรงลงไปทันใดและได้เงยหน้ามองดูชายซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าตนด้วย อาการตัวสั่น ชายคนนั้นที่ทั้งคู่ได้เห็นเป็นชายที่มีรูปอยู่บนธนบัตร ซึ่งก็คือ " ในหลวงองค์ปัจจุบัน " [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] ในหลวงได้ทรงตรัสถามรัฐมนตรีและตำรวจติดตามว่า พวกท่านจะรีบไปไหนหรือถึงกลับจะต้องฝ่าไฟแดง ข้าพเจ้ายังรอติดไฟแดงได้เลย รัฐมนตรีไม่ตอบได้แต่นั่งตัวสั่นและกราบลงบนพระบาท และในหลวงก็ได้ทรงขึ้นรถ ตำรวจที่นำขบวนรัฐมนตรีมานั้นก็ได้กราบทูลว่าให้ข้าพระพุทธเจ้าขับรถนำรถพระ ที่นั่งของพระองค์ไปเถิดพุทธเจ้าข้า ในหลวงทรงตรัสว่าเราไม่ต้องให้ท่านมานำขบวนรถเราหรอก เราขับไปเองคนเดียวได้ ท่านไปนำรถของท่านรัฐมนตรีเถอะ และในหลวงก็ได้ทรงขับรถออกไปจากสี่แยกนั้นโดยไม่ได้มีรถตำรวจนำไปแต่อย่างใด เลย [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    .....................................................

    ใครคิดอะไร ใครทำอะไร อย่าลืมว่าชาติบ้านเมืองเป็นของศักดิ์สิทธิ สถาบันกษัตริย์อยู่คู่กับประเทศชาติมานานแสนนาน เคียงคู่มากับศาสนาพุทธ ใคร่ครวญดูสักนิด เผื่อความยั้งคิดที่ดีจะกลับคืนมาสู่ในจิตใจตนเอง...
    แสดงกระทู้ - ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง • ลานธรรมจักร
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    <table class="tablebg" width="100%" cellspacing="1"><tbody><tr class="row2"><td valign="top"><table width="100%" cellspacing="5"><tbody><tr><td>
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]


    http://www.dhammajak.net
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr class="row2"><td class="profile" align="center">
    </td><td height="22">

    </td> </tr> <tr> <td class="spacer" colspan="2" height="1">[​IMG]</td> </tr> <tr class="row2"><td style="text-align: center;">
    </td> <td style="padding-left: 4px;" valign="top">
    </td></tr></tbody></table>
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    นิทานกาพย์กลอน
    เรื่อง บาตรดินกับบาตรเหล็ก


    มีบาตรดิน หนึ่งใบ จิตใฝ่สูง
    ความอยากจูง ลืมกายา น่าสงสาร
    คบบาตรเหล็ก เป็นมิตรมาไม่ช้านาน
    สองสมาน สามัคคี สุดปรีดา

    ณ วันวาร กาลหนึ่ง จึงบาตรเหล็ก
    ชวนเพื่อนเล็ก ด้วยมุ่งมาด ปรารถนา
    จะท่องเที่ยว ทุกแคว้น แดนพารา
    เพื่อเปิดตา เปิดหู ดูธรรมเนียม

    ในต่างด้าว แดนดิน ถิ่นประเทศ
    ได้ยินเจตน์ บาตรดินฟัง ยังอายเหนียม
    จึงตอบความ ตามภาษา อุราเกรียม
    ข้าจำเจียม กายา ไม่กล้าไป

    ด้วยตัวเรา เป็นดิน ใช่หินเพชร
    ไม่แข็งเด็ด ยามมีกรรม ทำไฉน
    คงจะม้วย ชีพพลัน หวั่นฤทัย
    ฉันกันภัย เองไม่ได้ ใช่อวดดี

    บาตรเหล็กยิน ผินตอบ ปลอบดวงจิต
    อย่างควรคิด นอกทาง ห่างวิถี
    ข้ารักเจ้า เท่าเทียบ เปรียบชีวี
    ตัวเรานี้ จะมิให้ใครมาพาน

    จะป้องกัน อันตราย ทั้งหลายแหล่
    จิตเผื่อแผ่ ร่วมรัก ใครสมาน
    มวลอมิตร จะทำลาย ให้วายปราณ
    ขอเชิญท่าน มาสนุก สุขฤทัย

    ทั้งสองเกลอ กอดคอ พนอรัก
    ทั้งสอง ภักดีจิต พิสมัย
    ทั้งสองกาย กระแทกกัน มิทันไกล
    ดินประลัย ด้วยเหล็กฟาด จนบาตรแบน

    บาตรดินแหลก ย่อยยับ อัปยศ
    ชีพก็ปลด ลงดิ้น สิ้นขาแขน
    ใครเดินผ่าน มาพอรู้ ก็ดูแคลน
    ช่างเสียแผน จิตใฝ่สูง จูงลงตาย

    เราเกิดมา ต่ำศักดิ์ อย่ามักใหญ่
    จะเป็นภัย แก่ตัว เพราะมัวหมาย
    ว่าคบเพื่อน สูงได้ ต้องไว้ลาย
    กลัวความอาย ต้องควักทรัพย์ นับกว่าพัน

    กระเป๋าเบา จะให้เท่า กระเป๋าหนัก
    เกรงเสื่อมศักดิ์ รักสง่า จนน่าขัน
    เห็นเขาขึ้น คานหาม ตามประชัน
    เอามือดัน ก้นให้สูง จรุงเอย..


    .....................................................

    แสดงกระทู้ - บาตรดินกับบาตรเหล็ก • ลานธรรมจักร
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105

    คุณ หรือ ใคร กำลัง 'กำ' อะไรอยู่

    [​IMG]

    ครอบครัวที่น่ารักอยู่ครอบครัวหนึ่ง
    ในครอบครัวนี้มี พ่อ แม่ และบุตรชายวัย 5 ขวบ กำลังน่ารักเลยทีเดียว
    เจ้าหนูเป็นเด็กที่ซนอย่างร้ายกาจและขี้สงสัยอย่างมาก
    อยู่มาวันหนึ่งเจ้าหนูก็นึกครึ้มอกครึ้มใจอย่างไรบอกไม่ถูก
    ไปคว้าเอาแจกันหยกแกะสลักต้นราชวงศ์หมิง
    ซึ่งนั่นก้อหมายความว่ามันราคาแพงมาก
    นำมาเล่นพลิกคว่ำพลิกหงาย สักพักก้อล้วงมือเข้าไปในแจกัน
    ทันใดนั้นเจ้าหนูก็ทำตาโตเท่าไข่ห่านดูเหมือนจะดีใจที่ล้วงเข้าไปเจออะไรสักอย่าง
    แต่ปัญหาหาอยู่ที่ว่าเจ้าหนูจะดึงมือออกมาได้อย่างไร
    เจ้าหนูเริ่มกระสับกระส่ายพยายามดึงมือออกมาแต่ก้อไม่สำเร็จ
    จนต้องใช้ไม้ตายคือ
    'ทำไม่ได้ร้องไห้ไว้ก่อน'
    เสียงเอ็ดอึงเป็นผลให้พ่อและแม่ต้องวิ่งมาดู
    เมื่อมาพบเข้าต่างก้อพยายามช่วยกันดึงมือของเจ้าหนูออกจากแจกันด้วยวิธีต่างๆ
    น้ำมันก็แล้ว น้ำสบู่ก็แล้วทำอีท่าไหนก็ไม่ออก
    จนสุดท้ายผู้เป็นพ่อต้องตัดใจทุบแจกันหยกราชวงศ์หมิงทิ้งเพื่อรักษามือของลูกชายเอาไว้
    เมื่อมือของเจ้าหนูหลุดจากแจกันแล้วพ่อและแม่
    ก็พบว่ามือเจ้าหนูกำอะไรบางอย่างจนแน่น
    ผู้เป็นแม่จึงถามลูกชายว่า 'หนูกำอะไรอยู่จ้ะลูก ?'
    เจ้าหนูตอบพร้อมทำสีหน้าขึงขัง 'ผมปล่อยมันไม่ได้หรอกครับ'
    'แล้วมันคืออะไรจ้ะลูก ?' ผู้เป็นพ่อเริ่มสงสัย
    ' มันเป็นสตางค์ครับ' เจ้าหนูตอบพร้อมกับค่อยๆแบมือออกอย่างทนุถนอม จึงปรากฏว่า
    ในมือของเจ้าหนูมีเพียงเหรียญสลึงอยู่สองเหรียญ
    เจ้าหนูหารู้ไม่ว่าการที่เขาพยายามกำเหรียญเอาไว้
    ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียของมีค่ากว่าเป็นพันๆเท่า

    แล้วเพื่อนๆ ล่ะ ขณะที่คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ คุณกำลัง 'กำ' อะไรไว้ในชีวิตบ้าง

    เงิน ?
    บ้าน ?
    งาน ?
    รถ ?
    หัวโขน ?
    ทิฐิ ? ...

    แล้วสิ่งที่คุณกำอยู่ทำให้คุณสูญเสียอะไรที่มีค่ามหาศาลไปบ้าง

    เวลา....
    ครอบครัว....
    พ่อแม่.....
    คนที่รักเรา.....
    ความสุข
    สวรรค์

    คุณ หรือ ใคร กำลัง ' กำ'อะไรอยู่ ??

     
  17. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    <TABLE class=MainTb cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR class=SubIntroR><TD class=BorderA colSpan=3>รายการเสร็จสมบูรณ์</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>โอนจากบัญชี</TD><!--<td width="100">SAVING-01 </td> <td width="150" class="BorderR">THB 85,003.25</td>--><TD class=RightCL colSpan=2>419-2-*****-5</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>ชื่อบัญชีผู้โอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>นาย </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>เลขที่บัญชีผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>348-1-23245-9</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>ธนาคารผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>ธ.กรุงศรีอยุธยา - BAY</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ชื่อบัญชีผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>pratom</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>จำนวนเงิน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>500.00</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ค่าธรรมเนียม </TD><TD class=RightCL colSpan=2>0.00</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>กำหนดวันโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>08/03/2010</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>วันที่ตัดยอดเงินจากบัญชี</TD><TD class=RightCL colSpan=2>06/03/2010</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>หมายเลขอ้างอิงรายการ</TD><TD class=RightCL colSpan=2>tmbi1753430</TD></TR></TBODY></TABLE>


    ***************************************************

    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้าและครอบครัวได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าและครอบครัวขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าและครอบครัว ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

    และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพและพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าและครอบครัวในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าและครอบครัวได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่า ไม่รู้ ไม่มี ไม่สำเร็จ จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าและครอบครัวเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าและครอบครัว ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
     
  18. banjerdw

    banjerdw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2008
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +1,110
    แจ้งโอนเงินเข้ากองทุนประจำเดือน มีนาคม 2553 จำนวน 500.00 บาทครับ
    ไม่ทราบว่าเดือนนี้จะมีโอกาสไปร่วมถวายสังฆทานหรือเปล่า ขอโอนไปก่อนนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. พงศ์กฤต

    พงศ์กฤต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    5,699
    ค่าพลัง:
    +33,737
    กราบอนุโมทนา จัดส่งพระไปให้ครับ
     
  20. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    โมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...