ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พงศ์กฤต

    พงศ์กฤต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    5,699
    ค่าพลัง:
    +33,737
    ภาพเพิ่มเติมบางส่วนครับ จากการทำบุญ รพ. สงฆ์ เดือนกุมภาพันธ์ 2553

    [​IMG]

    ยอดบริจาคสำหรับที่นี่ครับ

    [​IMG]

    การถ่ายภาพร่วมกันที่หน้าตึกครับ

    [​IMG]

    ช่วงทำพิธีครับ

    [​IMG]

    บรรดาสมาชิกที่ท่านร่วมบุญครับ

    [​IMG]

    และไปถวายตามชั้นครับ

    พบกันในเดือนมีนาคม 2553 ครับ

    สาธุครับ และขออนุโมทนาสาธุครับ<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>


    กราบอนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลครับ..........
     
  2. พงศ์กฤต

    พงศ์กฤต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    5,699
    ค่าพลัง:
    +33,737
    กระผมขออนุญาติ เจ้าของกระทู้เพื่อบอกบุญ เป็นสะพานบุญให้ สำหรับ ผู้ มีบุญใจกุศล ร่วมทำบุญ500 บาท ให้กับสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ โดยโอนเงิน บริจาคทำบุญเข้าบัญชี
    โดยการบริจาคเข้า บัญชี "ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร" (pratom foundation) บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาถนนวิภาวดีรังสิต (ซันทาวเวอร์ส) บัญชีออมทรัพย์ หมายเลข 348-1-23245-9


    รับพระ ยอดธง เนื้อชุบทอง 1องค์ หลวงพี่เล็กวัดท่าขนุน ครับ มอบให้มีจำนวนทั้งหมด 29 องค์ครับ โดยแจ้งโพสต์หลักฐานการโอนเงิน เสร็จแล้ว พีเอ็มมาบอกผมครับ กระผมจะจัดส่ง พระไปให้บูชาครับ




    [​IMG]



    กราบอนุโมทนาทุกๆๆท่านครับ
     
  3. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    วันนี้เวลา 14.58น.ผมได้ฝากเงินจำนวน 400บาทเข้าบัญชีbayเพื่อร่วมทำบุญประจำเดือน มีนา2553ครับ
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105

    ขอขอบคุณ คุณพงศ์กฤตมากครับ ที่มีน้ำใจแก่ผู้ร่วมบริจาค เพื่อร่วมสมทบทุนช่วยสงฆ์อาพาธโดยผ่านกระทู้นี้โดยไม่คิดมูลค่า ขอบุญกุศลในอันเกิดจากความมีน้ำใจในครั้งนี้จงอำนวยประโยชน์แด่คุณพงศ์กฤตและครอบครัวให้สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ด้วยครับ


    [​IMG]
     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาหลังจากเสร็จจากกิจกรรมที่ รพ.สงฆ์แล้ว ผมและคณะได้นำปัจจัยไปมอบให้หลวงปู่เยี่ยม (ศรีโรจน์) ที่วัดประดู่ทรงธรรม จ.อยุธยา ซึ่งเป็นปัจจัยส่วนตัวผม 5,000.- และของพรรคพวกที่ร่วมเดินทางไป และผู้ที่บริจาคที่ รพ.สงฆ์ รวมแล้วเป็นปัจจัยกว่า 9,500.- เพื่อให้เป็นค่ารักษาพยาบาลต่อหลวงปู่ที่เป็นอัมพาตและต้องนอนบนเตียงตลอดเวลา พร้อมทั้งได้ทำความสะอาดกุฏิหลวงปู่ และน้องดาวที่เป็น ผู้กองที่ รพ.ตำรวจที่มีความรู้ด้านการพยาบาลได้ช่วยกันบีบนวดหลวงปู่ฯ จนท่านรู้สึกสบายดี และดีใจที่มีผู้มาดูแลท่าน

    ขากลับ ผมได้แวะทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านพรรคพวกกันที่หลังวัดใหญ่ชัยมงคล ไม่นึกเลยว่า พรรคพวกคนนี้จะมีฝีมือทำก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่งได้อร่อยมาก ดังนั้น จึงขอโฆษณาให้เพื่อคนนี้สักหน่อย ท่านไปถึงวัดใหญ่ฯ ท่านไม่ต้องรอทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านด้านหน้าเพราะคนเยอะมาก ให้เลี้ยวมาด้านหลังเลย จะเห็นร้านที่ผมถ่ายรูปไว้ให้ดู อยู่ที่หัวโค้ง ริมสระน้ำ สั่งอาหารได้ตามสบาย ตอนสั่งให้บอกว่า เป็นเพื่อนพี่หมู (เจ้าของร้านชอบเรียกผมอย่างนี้) ที่แนะนำมา ท่านก็จะได้รับบริการเติมเครื่องให้มากกว่าผู้อื่น หรืออาจมีส่วนลดให้ ที่สำคัญก็คือ อยากทานแบบไหน รสชาดใด สั่งได้เลย น้าแมว (ชื่อเพื่อนผม) ใจดีมาก เลยฝากไว้ด้วย รับรองก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัดใหญ่ฯ ก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกหน้าวัด ชิดซ้ายครับ ที่สำคัญก็คือคนน้อย เพราะอยู่ด้านหลังวัด มาถึงสั่งแล้วทานได้เลย..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2010
  6. พงศ์กฤต

    พงศ์กฤต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    5,699
    ค่าพลัง:
    +33,737
    เรียน คุณ พงศ์กฤต อนุรักษ์วงศ์ศรี
    เรื่อง แจ้งผลการทำรายการโอนเงินต่างธนาคารแบบออนไลน์ (สำเร็จ)
    ตามที่ท่านได้ทำรายการโอนเงินต่างธนาคารแบบออนไลน์ ผ่านบริการ K-Cyber Banking ตามรายละเอียด ดังนี้


    วันที่ทำรายการ : 26/02/2010 01:51:03 PM.
    หมายเลขอ้างอิง : KBKR100226383572
    โอนเงินจากบัญชี : xxx-x-93765-4
    ธนาคารของบัญชีผู้รับโอน : BANK OF AYUDHAYA
    เพื่อเข้าบัญชี : 348-1-23245-9 ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร
    ชื่อเจ้าของบัญชีในฐานข้อมูล : PRATOM F.
    จำนวนเงิน (บาท) : 2000.0
    ค่าธรรมเนียม (บาท) : 25.0
    บันทึกช่วยจำ : ทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ


    ธนาคารขอเรียนให้ทราบว่า ธนาคารได้ดำเนินการโอนเงินต่างธนาคารแบบออนไลน์ ตามที่ท่านได้ทำรายการไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    ทั้งนี้ ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ K-Contact Center (24 ชั่วโมง) โทรศัพท์ 0 2888 8888 กด 03 หรือ
    อีเมล์: K-CyberBanking@kasikornbank.com โดยแจ้งหมายเลขอ้างอิงของท่านในการติดต่อกับธนาคาร


    ร่วมทำบุญสงเคราะห์ภิกษุสงฆ์ อาพาธ 2,000 บาทครับ อนุโมทนาทุกท่านครับ
     
  7. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่สอนศิษย์ :ลป. สงเคราะห์เด็กน้อยคนทรง [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]สงเคราะห์เด็กน้อยคนทรง[/FONT]
    ==========================================================
    [FONT=&quot]มีเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งมีแม่เป็นคนทรง เธอถูกบังคับให้ต้องเป็นทายาทคนทรง[/FONT] [FONT=&quot]แต่ด้วยความไม่เต็มใจ เพราะเธอรู้สึกทรมานเวลาน้ำตาเทียนหยดใส่มือ[/FONT] [FONT=&quot]แต่เธอก็บังคับตัวเองไม่ได้[/FONT] [FONT=&quot]เธอได้หนีมาขอความช่วยเหลือจากคนรู้จักซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ดู่[/FONT]
    [FONT=&quot]ศิษย์คนนั้น ด้วยความที่ไม่มีประสบการณ์ความรู้เรื่องอย่างนั้น[/FONT] [FONT=&quot]จึงระดมพรรคพวกมาช่วยกันพิจารณา ทุกคนสังเกตเห็นว่าพอถึงเวลาประมาณ ๕[/FONT] [FONT=&quot]โมงเย็น เธอจะเริ่มหาวนอนถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นก็มีนัยน์ตาขวาง[/FONT] [FONT=&quot]พูดจาเป็นคนละคน[/FONT]
    [FONT=&quot]บรรดาศิษย์ของหลวงปู่ก็พาเธอไปหาหลวงปู่ในเย็นวัน[/FONT] [FONT=&quot]นั้นเลย ในระหว่างทางเธอพยายามขอร้องให้เปิดหน้าต่าง ประตูรถ[/FONT] [FONT=&quot]แล้วพยายามจะออกจากรถ จนต้องช่วยกันจับตัวไว้ แต่พอเข้าเขตวัดสะแก[/FONT] [FONT=&quot]อาการของเธอก็สงบลง[/FONT]
    [FONT=&quot]พอกราบหลวงปู่[/FONT] [FONT=&quot]หลวงปู่ก็ให้ตั้งจิตขอบุญหลวงปู่ทวดแผ่ให้วิญญาณที่สิงร่างเธอ[/FONT] [FONT=&quot]เธอได้สติขึ้นมา แล้วทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี ทุกคนจึงเดินทางกลับบ้าน[/FONT]
    [FONT=&quot]ผ่าน[/FONT] [FONT=&quot]ไปไม่กี่วัน เด็กน้อยนี้ก็มีอาการขึ้นอีก ก็เข้าสูตรเดิม พอไปถึงหลวงปู่[/FONT] [FONT=&quot]เด็กก็ร้องว่า "เพื่อนหนูไปไหน เพื่อนหนูไปไหน" คล้าย ๆ[/FONT] [FONT=&quot]กับว่าหลวงปู่ส่งวิญญาณ เพื่อนเขาไปแล้ว ตัวเขาจึงหาเพื่อน (ผี) ไม่พบ[/FONT] [FONT=&quot]หลวงปู่ก็ให้ทุกคนขอบุญหลวงปู่ทวดส่งไปให้อีก จากนั้น[/FONT] [FONT=&quot]ทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปรกติ[/FONT]
    [FONT=&quot]บทเรียนที่ได้ก็คือ[/FONT] [FONT=&quot]เกิดเป็นคนควรรักษาจิตใจให้เป็นไทแก่ตัว[/FONT] [FONT=&quot]บุคคลไม่ควรยินดีที่จะให้สิ่งภายนอกมามีอิทธิพลเหนือใจเรา รวมทั้ง[/FONT] [FONT=&quot]ชาวพุทธเองก็ไม่ควรพึ่งพาอำนาจลึกลับภายนอก[/FONT] [FONT=&quot]ยิ่งกว่าการฝึกใจเจ้าของให้เป็นที่พึ่งแก่ตัวเอง มิเช่นนั้น[/FONT] [FONT=&quot]ก็จะถูกหลอกได้โดยง่าย[/FONT] [FONT=&quot]และไม่สมภูมิพุทธบุตรในศาสนาพุทธซึ่งเป็นศาสนาแห่งหลักกรรมและความเพียร[/FONT]
    [FONT=&quot]ข้อมูลโดย[/FONT] ...[FONT=&quot]พี่ สิทธิ์[/FONT]
     
  8. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    [FONT=&quot]เรื่องของ "พระกำนั่ง" <o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]<!--[if gte vml 1]><v:shapetype id="_x0000_t75" coordsize="21600,21600" o:spt="75" o:preferrelative="t" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" filled="f" stroked="f"> <v:stroke joinstyle="miter"/> <v:formulas> <v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"/> <v:f eqn="sum @0 1 0"/> <v:f eqn="sum 0 0 @1"/> <v:f eqn="prod @2 1 2"/> <v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"/> <v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"/> <v:f eqn="sum @0 0 1"/> <v:f eqn="prod @6 1 2"/> <v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"/> <v:f eqn="sum @8 21600 0"/> <v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"/> <v:f eqn="sum @10 21600 0"/> </v:formulas> <v:path o:extrusionok="f" gradientshapeok="t" o:connecttype="rect"/> <o:lock v:ext="edit" aspectratio="t"/> </v:shapetype><v:shape id="Picture_x0020_3" o:spid="_x0000_i1025" type="#_x0000_t75" alt="http://i788.photobucket.com/albums/yy165/surin2507/21596dca.jpg" style='width:449.25pt; height:337.5pt;visibility:visible'> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\PipAt\Local%20Settings\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.jpg" o:title="21596dca"/> </v:shape><![endif]--><!--[if !vml]-->
    [/FONT][FONT=&quot][/FONT]​
    [FONT=&quot]เมื่อพูดถึง[/FONT][FONT=&quot] "พระกำนั่ง" [/FONT][FONT=&quot]
    หากเป็นลูกศิษย์ที่เคยปฏิบัติกรรมฐานกับหลวงปู่ดู่
    ก็จะไม่นึกแปลกใจอะไร เพราะได้ยินได้ฟังจนคุ้นหู
    แต่ถ้าเป็นคนอื่น ก็มักต้องขอให้พูดซ้ำอีกครั้งว่า คืออะไร

    พระกำนั่งนี้ หากพูดเต็ม ๆ ก็อาจพูดว่า "พระสำหรับกำนั่งสมาธิ" หรือ "สมเด็จฯ กำนั่ง" ก็เรียก
    เพราะพระที่หลวงปู่สร้างไว้สำหรับกำนั่งสมาธินั้น โดยมากจะใช้พิมพ์ของสมเด็จโตฯ วัดระฆัง
    ซึ่งจริง ๆ แล้วก็อาจมีพิมพ์อื่น ๆ ปนบ้าง เช่น
    พิมพ์เหรียญยันต์ดวง และ พิมพ์พระพรหมใหญ่ เป็นต้น

    พระกำนั่งนี้ หลวงปู่จะแจกให้ผู้จะปฏิบัติกรรมฐาน
    ใช้กำไว้ในมือข้างขวา โดยหันเศียรพระออกไปนอกตัวเรา กำเพียงเบา ๆ
    แล้วก็บริกรรมภาวนา ไตรสรณคมณ์
    (พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ)

    และพร้อม ๆ กับการบริกรรมภาวนา ท่านก็ให้ ตั้งนิมิตองค์พระ ที่เรารู้สึกศรัทธา และจดจำได้ง่าย เช่น
    พระพุทธชินราช
    พระแก้วมรกต
    หลวงพ่อโสธร ฯลฯ
    หากไม่มี ก็ให้ลืมตามอง สมเด็จฯ กำนั่ง ที่อยู่ในมือนั้นแหละ เป็นองค์นิมิต
    นึกให้ชัด ถ้านึกไม่ออก ก็อาจลืมตามามองดูอีก จนกระทั่งชัดทั้งลืมตา และ หลับตา

    อย่าลืมว่า เริ่มจากการเห็นโดย ความรู้สึก
    มิใช่เห็นอย่าง ลืมตาดูทีวี
    เพราะฉะนั้น จะหวังให้องค์นิมิตชัดแจ่มในตอนต้นนั้นไม่ควร

    พระสมเด็จกำนั่งที่หลวงปู่สร้างขึ้น ก็เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยในการปฏิบัติกรรมฐาน
    โดยพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ที่ท่านอธิษฐานจิตลงไป
    จะเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนให้จิตของเรารวมเป็นสมาธิได้ง่ายขึ้น รวมทั้งป้องกันนิมิตร้ายต่าง ๆ

    ส่วนทางด้านปัญญา ท่านว่าเมื่อจิตสงบแล้ว ก็ให้นึกอธิษฐานขอบารมีจากองค์พระ
    ให้ธรรมที่สมควรแก่จิตของเราขณะนั้น...จงบังเกิดรู้ขึ้นมา
    (อาจเป็นข้อธรรมผุดขึ้นให้เราพิจารณา)


    พระกำนั่งนี้ก็แปลก บางคนพอได้กำในระหว่างการปฏิบัติแล้ว
    ก็มักรู้สึกเหมือนมีไฟฟ้าอ่อน ๆ วิ่งไหลผ่านมือที่กำพระอยู่นั้น
    ทำให้เกิดอาการปีติ...อันเป็นอาหารของใจ ที่ทำให้ใจเจ้าของเกิดกำลังขึ้นมา

    พระกำนั่งเป็นของไม่มีราคา (เพราะท่านแจกให้เปล่า)
    แต่มีคุณค่าเหลือประมาณ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ปฏิบัติ

    อย่างไรก็ดี ท่านก็มิได้สอนให้ลูกศิษย์ยึดติดในพระกำนั่ง
    จนกระทั่งหากไม่มีพระกำนั่ง จะนั่งปฏิบัติกรรมฐานมิได้

    ผู้ปฏิบัติควรวางใจของตน เพื่อสร้างความชำนาญในการเข้าสมาธิให้สม่ำเสมอ
    ทั้งในยามที่มีพระกำนั่ง และ ในยามที่ไม่มีพระกำนั่ง
    เพราะสุดท้ายแล้ว ย่อมมารวมลงที่ใจที่มีศรัทธา เชื่อมั่นในคุณพระที่มีอยู่...อย่างจะนับจะประมาณมิได้ [/FONT][FONT=&quot]


    [/FONT][FONT=&quot]***จากบทความของ คุณสิทธิ์
    ที่มา http://www.luangpordu.com/[/FONT]
     
  9. ศิษย์ปลายแถว

    ศิษย์ปลายแถว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    6,114
    ค่าพลัง:
    +25,994
    โมทนาด้วยครับ คุณพงศ์กฤต
     
  10. focus100

    focus100 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +962
    วันนี้ 26/2/53 เวลาประมาณ 15.30 น. ได้โอนเงินบริจาคเข้าบัญชีให้แล้ว 200 บาทครับ
    ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ร่วมบริจาคด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2010
  11. natta_pea

    natta_pea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +1,515
    วันนี้ เวลา 10.45 น. ผมได้โอนเงินผ่าน ATM ร่วมทำบุญฯ
    จำนวน 300.- บาท ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
     
  12. noppornl

    noppornl เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,602
    ค่าพลัง:
    +8,010
    วันนี้วันพระใหญ่ ผมและภรรยาได้ไปถวายสังฆทานยาและถวายเงินทำบุญกับหลวงปู่เยี่ยมมาครับ ผมก็รู้จักท่านจากกระทู้ของพี่พันวฤทธิ์นี่แหละครับ

    ได้กราบท่านและคุยกับท่าน แม้ท่านจะพูดออกเสียงไม่ค่อยได้ แต่ว่าผมทั้งสองคนรู้สึกได้เหมือนกันถึงความเมตตาและกำลังของจิตอันมหาศาลของหลวงปู่ ดูแววตาท่านเป็นภาพที่ผมประทับใจเหลือเกิน ไม่มีวี่แววที่แสดงออกของอาการป่วยใดๆในนั้นเลย ท่านทั้งเมตตาเจิมหน้าผาก(ด้วยนิ้วที่อ่อนล้า) เป่าหัวให้(ด้วยลมที่ไม่ค่อยมี เพราะท่านเจาะคออยู่) เป็นโชคดีของผมทั้งสองเหลือเกินที่ได้มาพบพระอริยะสงฆ์ที่มีแววตามหาเมตตาขนาดนี้ จิตกับกายท่านแยกกันได้อย่างเด็ดขาดเหลือเกิน ขอกราบหลวงปู่เยี่ยมด้วยกายวาจาใจเลยครับ มีโอกาสเมื่อไหร่ผมต้องไปถวายเงินและทำบุญกับท่านอีกแน่นอน

    ทุกท่านมาร่วมอนุโมทนาบุญกันนะครับ
     
  13. benyapa

    benyapa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,088
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ขออนุญาตพี่เสือนำเรื่องนี้มาแบ่งปันเพื่อเป็นมรณานุสตินะคะ

    เรื่องเล่าดี ๆ ที่เป็นมรณานุสติค่ะ ขออุทิศบุญนี้ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาค่ะ

    สุภาพร พงษ์พฤกษ์
    ...ใบไม้ที่คืนกลับสู่ดิน...

    ไม่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องมาเขียนถึงเรื่องของความตายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความตายของพร แต่จะมีใครหนีพ้นความตายไปได้
    ความตายเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่อยากนึกถึง ไม่อยากเกี่ยวข้องด้วย และไม่คุ้นเคยกับการสัมผัสกับความตาย ประกอบกับความตายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล เมื่อตายก็นำไปวัด ความตายจึงกลายเป็นเรื่องของความสูญเสีย ความเศร้าหมอง ความน่าสะพรึงกลัว และรู้สึกต้องหลีกหนีมากกว่าต้องยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและเป็นความจริงของชีวิต ความตายของพรได้นำมุมมองใหม่ ความคิดใหม่มาให้ผู้ที่ได้สัมผัสกับเธอ และผู้คนอีกมากมายในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่กำลังสัมผัสกับความตาย พรแสดงให้เห็นว่าความตายนอกจากไม่ใช่สิ่งน่ากลัวน่ารังเกียจ ความตายยังเป็นความงาม เป็นการได้มาไม่ใช่การสูญเสีย และเป็นเรื่องใกล้ตัว ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าการตายและการมีชีวิตของเราสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดและเป็นเรื่องเดียวกัน ความตายของพร เปิดโอกาสให้ผู้ที่ยังอยู่ได้เรียนรู้แนวทางการดำรงชีวิต ที่อยู่บนเส้นทางที่จะนำไปสู่ชีวิตที่งดงามและสงบสุข
    เจอกับพรครั้งแรกเมื่อ ๑๙ ปีก่อน ที่ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี พูดคุยกัน ๒ – ๓ ครั้งก็รู้สึกคุ้นเคยกันเนื่องจากเป็นคนใต้ด้วยกัน จบจากสถาบันเดียวกันจึงมีหลายเรื่องที่เห็นไปในทางเดียวกัน พูดกันเข้าใจได้ง่ายโดยไม่ต้องอธิบายทำให้คุ้นเคยกันเร็ว น่าแปลกที่เรื่องที่เราคุยกันบ่อย ๆ ในครั้งแรก ๆ คือ ทัศนะเกี่ยวกับศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปรัชญาศาสนาพุทธ ซึ่งไม่ใช่หัวข้อที่คนในวัยเดียวกับเราในขณะนั้นสนใจ เรามักจะอภิปรายกันมากกว่าเห็นพ้องต้องกัน เรามาสนิทกันจริง ๆ ๑๒ ปีหลังเมื่อพรพบว่าเธอมี “คุณก้อนมะเร็ง” ที่หน้าอกด้านซ้าย เมื่อย้อนวันโน้นมาถึงวันนี้ เห็นได้ชัดว่าทัศนะเกี่ยวกับพุทธศาสนาของพรเป็นธรรมชาติมากขึ้น ผ่อนคลาย และลุ่มลึกขึ้น ด้วยเป็นทัศนะที่กลั่นกรองมาจากการปฏิบัติจริง เป็นความเข้มแข็งเติบโตที่มาจากการเปลี่ยนแปลงภายในอย่างแท้จริง
    พรเป็นคนจริงจังกับชีวิต ใส่ใจปัญหาสังคมและความทุกข์ยากของผู้คน ร่าเริง แจ่มใส และมีน้ำใจ เมื่อถึงคราวสนุกเธอหัวเราะเสียงดัง และมักพูดเสมอว่า “ก็ฉันเป็นคนมีสีสันนี่จ๊ะ” แต่สิ่งที่คนอื่น ๆ ไม่รู้คือ เธอจะแอบเครียดเพราะความเจ้าคิดเจ้าแค้นและความไม่ยอมเป็นสองรองใคร ซึ่งเธอสารภาพว่าเธอเองก็ไม่รู้ตัวว่าเธอเป็นคนเช่นนั้น จนกระทั่งพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งจึงหันมาพิจารณาตัวเอง เริ่มเห็นตัวเองชัดเจนขึ้นเข้าใจตัวเองมากขึ้น และเห็นว่าความชอบชิงดีชิงเด่นและเจ้าคิดเจ้าแค้นนี่เอง ที่เป็นสาเหตุสำคัญของการสะสมทุกข์สะสมโรคจนกลายเป็นมะเร็ง
    ย้อนกลับไป ๑๑–๑๒ ปี ก่อน เมื่อพรรู้ว่าเป็นมะเร็งใหม่ ๆ เธอตื่นตระหนก และตกใจกลัวแต่เธอโชคดีที่ทำงานอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่ส่งเสริมการใช้หลักธรรมของพุทธศาสนา ในการพัฒนาสังคมพัฒนาชีวิต ในแวดวงขององค์กรพุทธศาสนิกสัมพันธ์เพื่อสังคมนานาชาติ อาศรมวงค์สนิท และองค์กรในเครือของมูลนิธิเสฐียรโกเศศ–นาคะประทีป และด้วยความเกื้อกูล ด้วยความเมตตาและกำลังใจที่เธอได้รับจากผู้คนที่รายล้อมเธอในเวลานั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาจารย์สุลักษณ์ (สุลักษณ์ ศิวรักษ์) พี่ประชา (ประชา หุตานุวัตร) และเพื่อน ๆ ในองค์กรพุทธศาสนิกสัมพันธ์เพื่อสังคมช่วยให้เธอได้สงบใจ ได้ตั้งสติ ได้ไตร่ตรองและทำความเข้าใจกับเงื่อนไขของเธออย่างรอบคอบและอย่างมีสติ ในที่สุดเธอเลือกการรักษาแบบวิธีธรรมชาติบำบัดโดยมีธรรมะเป็นที่พึ่ง ซึ่งเธอคิดว่าเหมาะสมกับตัวเธอมากที่สุด อาจารย์สุลักษณ์และพี่ประชาจึงเสนอให้พรหยุดทำงานและพักผ่อนรักษาตัวที่อาศรมวงค์สนิท ด้วยอาศรมวงค์สนิทตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของแมกไม้ บรรยากาศเงียบสงบและเอื้อต่อการปฏิบัติธรรม เธอจึงรักษาตัวอยู่ที่นั่นเกือบ ๒ ปี ก่อนจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ที่หาดใหญ่
    ทุกครั้งที่แวะไปเยี่ยมพรที่อาศรมวงศ์สนิท กิจกรรมประจำที่เราทำร่วมกัน คือเล่นโยคะ นั่งสมาธิ เดินเล่น และพรจะขอให้ช่วยประคบ “คุณก้อนมะเร็ง” ให้เธอ ซึ่งตอนนั้นประคบด้วยการฝนเผือกให้ละเอียดและห่อด้วยผ้าขาวประคบตรงก้อน ยังจำได้ว่าตอนที่พรเปิดหน้าอกให้ดูครั้งแรกรู้สึกกลัวมากไม่อยากดู เพราะเมื่อ ๑๒ ปีก่อนมะเร็งเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับความน่าสะพรึงกลัวและความตาย แต่ต้องทำใจแข็ง ดู ก็ ดู เพราะต้องการช่วยประคบให้พรและไม่อยากให้พรรู้ว่ากลัวเดี๋ยวเธอจะยิ่งกลัว ใจเต้นระทึกทีเดียวเมื่อพรเปิดหน้าอกให้ประคบ ตอนประคบมือยังสั่นนิด ๆ พยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติบอกพรว่า “ไม่เห็นมีอะไรแตกต่างเลย” ซึ่งความจริงก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะหน้าอกเธอปกติทุกอย่างมีรอยแผลที่เกิดจากการทำ biopsy (เจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ) เพียงนิดเดียวเท่านั้นยาวประมาณ ๑ เซนติเมตร (ความคิดและจินตนาการของคนนี่ร้ายกาจมากทำให้เกิดความกลัวความวิตกกังวลได้อย่างไม่มีเหตุผล กลัวทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่ากลัวอะไร และทำไม) พรดูแลตัวเองอย่างมีวินัย นั่งสมาธิ เคร่งครัดเรื่องอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และแปลหนังสือโดยเลือกหนังสือที่มีเนื้อหาที่เกื้อกูลต่อจิตวิญญาณภายในซึ่งเป็นการบำบัดตัวเองไปในตัว
    ในฐานะเพื่อน เมื่อพรเกิดความกังวล ไม่สบายใจเมื่อต้องเลือกว่าต่อไปจะทำอย่างไรดี จะรักษาอย่างไร สิ่งที่ทำได้คือรับฟังอย่างตั้งใจอย่างระมัดระวัง ช่วยเกลาความคิด ช่วยให้พรได้เลือกในสิ่งที่เธอทำแล้วสบายใจที่สุดไม่ขัดแย้งกับความรู้สึกลึก ๆ ข้างในของเธอเอง และพร้อมจะสนับสนุนช่วยเหลือและให้กำลังใจเธอในทุกเรื่องที่เธอทำ การทำให้เธอรู้สึกว่ามีเพื่อน การอยู่เป็นเพื่อนหรือไปเป็นเพื่อนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะฉะนั้นไม่ว่าพรจะชวนไปที่ไหน จะพยายามไปกับเธอทุกที่เกือบทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอชวนไปพบหมอ ทั้งหมอแผนปัจจุบันและหมอแผนโบราณ มีหลายครั้งที่พรแสดงความกังวลเมื่อรู้สึกว่าก้อนข้างในโตขึ้นพรบอกว่าจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เธอรู้สึกเครียด ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนให้เธอเจริญสติและเบิกบานกับชีวิตให้มากขึ้น พรจะตื่นเต้นมีความสุขเมื่อรู้สึกว่าก้อนเล็กลง พรทำจินตภาพบำบัดและแผ่เมตตาให้กับก้อนของเธอและผู้ป่วยคนอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอทุกวัน
    ในช่วง ๙ ปีแรกพรใช้ชีวิตได้อย่างปกติทั่วไป ที่พิเศษกว่าปกติคือ เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากกว่าทุกข์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความสุขมากกว่าก่อนที่เธอจะรู้ว่าเป็นมะเร็ง ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนจากบุคลิกลักษณะและสีหน้าท่าทางของเธอที่เปลี่ยนแปลงไป ถ้าไม่บอกจะไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นมะเร็ง พรเจริญสติทำสมาธิและพยายามนำธรรมะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เธอปฏิบัติธรรมอย่างสร้างสรรค์พยายามคิดว่ามรรค ๘ ที่เหมาะสมสำหรับคนเป็นมะเร็งเช่นเธอคืออะไร และเธอก็ค้นพบ และปฏิบัติตามนั้นอย่างสม่ำเสมอ พรเริ่มศึกษาธรรมะและพิสูจน์คำสอนอย่างจริงจัง เธอฝึกฝนพรหมวิหาร ๔ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ในชีวิตประจำวันของเธอมากขึ้นเพื่อ ลด โลภะ โทสะ โมหะภายใน ช่วงนี้เองที่เธอชักชวนให้ร่วมเปิดอบรมธรรมะกับการเยียวยา ให้กับผู้ป่วยมะเร็งคนอื่น ๆ โดยใช้ประสบการณ์ของเธอและของ จอห์น แมคคอร์แนล ซึ่งเป็นกัลยาณมิตรของเราอีกคนหนึ่งเป็นประเด็นในการพูดคุยแลกเปลี่ยนเพราะทั้ง จอห์น และ พร ต่างมีประสบการณ์ตรงในการใช้ธรรมะรักษาดูแลตัวเองมาแล้ว เราทั้ง ๓ คนจึงเริ่มทำเรื่องนี้ด้วยกันมาตั้งแต่ ปี ๒๕๔๑ การอบรมธรรมะกับการเยียวยาโดยตัวของมันเองเป็นการบำบัดเยียวยาตัวพรเองอีกรูปแบบหนึ่ง
    ผู้ที่ใกล้ชิดค่อย ๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับพรทีละเล็กทีละน้อย พรอ่อนโยน ผ่อนคลายและปล่อยวางได้มากขึ้นเรื่อย ๆ พรพยายามรักษากายรักษาใจอย่างแยกแยะ และรู้ว่ารักษากายต้องทำอย่างไรรักษาใจควรทำอย่างไรเพื่อให้การรักษาทั้ง ๒ อย่างได้เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ในขณะที่ในความเป็นเพื่อนของเรา เราผูกพันกัน ช่วยเหลือเอาใจใส่กันและกันและเข้าใจกันลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมทั้งการมีเรื่องถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้างเกิดขึ้นกับเราทั้งคู่ เพราะคิดว่าอีกคนหนึ่งจะคิดเหมือนเรา ทำแบบเดียวกับเราและทำตามเราในทุกเรื่อง เราจึงต้องใช้ธรรมะมาช่วยกล่อมเกลาใจอยู่เสมอ ๆ มองลึกเข้าไปในจิตใจและขัดเกลาจิตใจตัวเอง ความเป็นเพื่อนคือความละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของอีกฝ่าย ยอมรับกันและกันในแบบที่เขาเป็นพร้อมช่วยเหลือกันด้วยความเต็มใจ และกล่าวเตือนสติกันอย่างตรงไปตรงมาด้วยจิตที่เมตตา เราจึงพยายามเตือนสติกันและกันและเอ่ยขอโทษกันบ่อย ๆ
    จนกระทั่งช่วง ๒ ปี สุดท้ายพรเริ่มบอกว่าเธอรู้สึกว่า “คุณก้อนมะเร็ง” ของเธอโตขึ้นกว่าเดิม อาจจะเป็นเพราะเธอเครียด ทำงานมากและพักผ่อนน้อย เธอจึงงดรับโทรศัพท์ งดรับแขกชั่วคราว อยากอยู่เงียบ ๆ และต้องการทำภาวนาให้มากขึ้น พรทำเช่นนี้เป็นช่วง ๆ และทานยาสมุนไพรตามอาการควบคู่กันไปด้วย ในช่วงนี้ได้ลงไปเยี่ยมพรที่หาดใหญ่เป็นระยะ ระยะ ทำสมาธิด้วยกัน แบ่งปันทุกข์สุขกันและกัน (รวมทั้งการแอบตำยาสำหรับโปะก้อนเนื้อเพื่อไม่ให้แม่เห็น ในช่วงนั้นพรยังไม่บอกให้แม่ของเธอรู้ว่ามะเร็งกลับมาอีก กลัวแม่จะเป็นกังวล และตัวเธอเองต้องการเวลาเพื่อปรับใจปรับสภาพและไตร่ตรองว่าเธอจะดูแลตัวเองอย่างไรต่อไป) เราได้แบ่งปันความคิดและแบ่งเบาความกังวลที่เกิดขึ้น พรเลือกวิธีรักษาตัวเธอเองอย่างไตร่ตรอง เธอปรึกษาทั้งแพทย์ตามแบบแผนสากลอย่างรอบคอบ และปรึกษาหมอตามภูมิปัญญาโบราณและตามแบบธรรมชาติบำบัด ในที่สุดเธอเลือกที่จะใช้ตามแบบแผนภูมิปัญญาโบราณ โดยมีธรรมะประคองใจแต่ไม่ได้ละเลยความรู้และศักยภาพของการแพทย์แผนใหม่ พรยังคงร่าเริงแจ่มใสเหมือนเดิม มีกังวลบ้างเป็นครั้งคราวซึ่งเป็นธรรมดาของปุถุชน แต่ด้วยอานิสงส์ของการปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เธอสามารถเรียกสติกลับมาได้เร็ว และเริ่มทำมรณสติภาวนา ๑๐ ข้อ ทุกวัน
    วิธีหนึ่งที่พรใช้ในการดูแลตัวเองเมื่อก้อนมะเร็งเริ่มปรากฏออกมาภายนอกอย่างชัดเจนคือ การอดอาหาร และการโปะยาสมุนไพร วันหนึ่งขณะที่ไปอดอาหารร่วมกับพรที่สวนสายน้ำ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พรอยากให้ดู “คุณก้อนมะเร็ง” ของเธอ ความกลัวเริ่มกลับมาเกาะกุมใจอีกเพราะเป็นเวลาร่วม ๑๐ ปีแล้วที่ไม่เคยเห็นก้อนของพรและลืมไปแล้วว่าเคยกลัว แต่พยายามสงบใจเพราะรู้ว่าพรต้องการเปิดเผยแบ่งปันสิ่งที่เธอเป็นสิ่งที่เธอรู้สึก กับคนที่เธอไว้วางใจและรู้สึกปลอดภัย พรยังไม่เคยให้ใครเห็นก้อนที่ปรากฏออกมานอกจากหมอที่ตรวจเธอเท่านั้น จึงพยายามไม่จินตนาการว่าจะได้เห็นอะไรและนึกถึงธรรมะของความไม่เที่ยง เพื่อปลอบใจตนเอง คิดว่าทุกอย่างต้องมีครั้งแรกเสมอดีที่มีโอกาสทำให้คุ้นเคย
    ทันทีที่เห็น “คุณก้อนมะเร็ง” ของพรอีกครั้งรู้สึกตื้นตันใจจนต้องกลั้นน้ำตาใจวูบไปถึงปลายเท้าโชคดีที่ได้เตรียมใจไว้แล้ว และได้ตระหนักถึงความเข้มแข็ง ความเป็นนักสู้ของพร บอกพรว่า “ก้อนเธอน่ารักดี โปะง่าย ทำความสะอาดง่าย เดี๋ยวต่อไปฉันทำให้เอง” ในขณะเดียวกันรู้สึกซาบซึ้งใจที่พรอยากแบ่งปัน ความรู้สึก ความทุกข์ ความกังวล ด้วยการให้ดู “คุณก้อนมะเร็ง” ของเธอ ดีใจที่สามารถรวบรวมสติและได้ร่วมแบ่งปันความรู้สึกกับพร ทำให้ทุกข์ของพรคลายลง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพรผ่อนคลายลงมากหลังจากเปิดเผย “คุณก้อนมะเร็ง” ให้เห็น นึกในใจว่าโชคดีที่ได้โอกาสฝึกตนเองให้เผชิญหน้ากับความกลัวความหวั่นวิตก และคงต้องทำเมตตาภาวนาให้มากขึ้นและฝึกฝนพรหมวิหาร ๔ ให้มากขึ้นกว่าเดิม ต้องขอบคุณพรที่มอบโอกาสนี้ให้ พรบอกว่าคนมักจะถามว่าเจ็บไหม แต่น่าแปลกที่เธอไม่เจ็บในแบบเดียวที่คนอื่น ๆ ที่อยู่ในสภาวการณ์เดียวกับเธอเขาเจ็บกัน ระหว่างอดอาหารเราทำตารางกิจวัตรประจำวัน เริ่มด้วยการทำสมาธิในตอนเช้าตรู่ เดินเล่นไปตามแนวสวนยาง (เช้า) ดื่มน้ำผัก หรือผลไม้ พักผ่อน นั่งสมาธิ (เที่ยง) ดื่มน้ำผักหรือน้ำผลไม้ นอนพัก นั่งสมาธิ เล่นโยคะ เดินเล่น (เย็น) ดื่มน้ำผักหรือน้ำผลไม้ พักผ่อน นั่งสมาธิ เข้านอน ในช่วงพักผ่อนเราจะวาดรูปและพูดคุยกันถึงเรื่องของการรักษาดูแลตัวเองดูแลชีวิต ทัศนะต่อชีวิต ทัศนะต่อความตาย และหัวเราะกับความไม่แน่นอนของสิ่งที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวเรา
    พรอยู่ในภาวะที่ต้องปรับระดับจิตใจขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง เมื่อเริ่มแรกเธอใช้ธรรมะเพื่อรักษาใจให้ประคองกาย และเกื้อกูลกายให้หายจากโรค แต่ด้วยแรงกุศลกรรมและความเพียรในการเจริญสติ การทำมรณสติ และการปฏิบัติพรหมวิหาร ๔ อย่างสม่ำเสมอทำให้เธอค่อย ๆ ปรับระดับจิตใจมาอยู่ในขั้นที่ยอมรับได้ว่าหายหรือไม่หายก็ไม่เป็นไรแต่จะใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข
    เดือนมีนาคมพรโทรมาบอกว่าจะชวนไปอยู่เป็นเพื่อนเธอที่สำนักวิปัสสนาดวงพรสวรรค์ของแม่ชีบุตรี ซึ่งอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พรเรียกแม่ชีว่า “แม่ย่า” แม่ย่าเป็นหมอสมุนไพรพื้นบ้าน ที่เคยรักษาคนไข้โรคมะเร็งที่หมดหวังจากการรักษาตามแพทย์แผนใหม่ให้หายเป็นปกติ พรประทับใจความเมตตาของแม่ย่าที่มีต่อเธอ และต้องการให้แม่ย่าดูแล “คุณก้อนมะเร็ง” ให้เธอซึ่งขณะนี้ “เติบใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากเพราะได้อาหารดี” (พรมักจะมีอารมณ์ขันให้เราได้หัวเราะกันอยู่เสมอ) เมื่อไปเจอพรที่กุฏิหน้าถ้ำพรอยู่ในสภาพที่น่าตกใจ เพราะเดินแทบไม่ได้ เนื่องจากการรั้งของอาการบวมที่หน้าอกทำให้เส้นสายตึงไม่ยืดหยุ่น เดินมากไม่ได้จะสะเทือนและปวดรั้งบริเวณหน้าอก เธอจึงต้องเดินแบบค่อย ๆ ขยับอย่างช้า ๆ ก้อนของเธอโตขึ้นจากที่เห็นครั้งล่าสุดประมาณ ๒–๓ เท่า แต่พรยังสดใสร่าเริง เสียงดังฟังชัด แม้เคลื่อนไหวตัวเองมากไม่ได้แต่พูดคุยเขียนหนังสือได้ตามปกติ นอกเหนือจากการช่วยดูแลพรในทุกเรื่องเราทำวัตรเช้าวัตรเย็นร่วมกันทุกวัน พรสวดมนต์ในบทที่เกี่ยวข้องกับความไม่เที่ยง การละวางตัวตน บทที่พรชอบสวดเป็นประจำคือบทสวดมนต์พิเศษและบทปฐมพุทธสุภาสิตคาถา และพรจะฟังเทปธรรมะเกี่ยวกับสติปัฏฐาน ๔ ทุกเช้าเย็น ขณะอยู่ที่กุฏิหน้าถ้ำเราทั้งคู่ต่างได้ฝึกฝนการละวางตัวตนไปพร้อม ๆ กันแม้จะคนละบริบทคนละเหตุปัจจัยแต่เราต่างได้ประสบการณ์ของการละวางปล่อยวางตัวตน เป็นการปฏิบัติธรรมที่เข้มข้นมากโดยบางครั้งเราเองก็ไม่รู้ตัว สำหรับพรเธอกลายเป็นนางแบบสาธิตลักษณะอาการของโรคมะเร็งหน้าอก ให้เป็นวิทยาทานแก่ชาวบ้านแถวนั้นโดยปริยาย เป็นการเริ่มต้นละวางตัวตนของเธอ ประสบการณ์จากถ้ำดวงพรสวรรค์
    ทำให้ตระหนักว่าความเมตตาความกรุณาเป็นสิ่งที่เอื้ออำนวยต่อการละวางตัวตน และการละวางตัวตนทำให้ได้สัมผัสกับความสุขและความอิ่มเอิบใจที่ลึกซึ้ง เป็นประสบการณ์ใหม่ที่มีคุณค่าต่อชีวิตเป็นอย่างยิ่ง เราดูแลก้อนมะเร็งที่หน้าอกโดยการโปะยาซึ่งแม่ย่าเรียกว่ายาดำ พร้อมกับดื่มยาสมุนไพรเพื่อรักษาความสมดุลภายใน เราโปะยาเพื่อดูดหนองที่คัดอยู่ข้างในและเป็นเหตุให้หน้าอกบวมเป่งเราทำเช่นนี้ทุกวันเช้า เที่ยง เย็น
    วันหนึ่งขณะทำความสะอาด “คุณก้อนมะเร็ง” ของพรโดยค่อย ๆ เลาะเอายาที่ติดแข็งอยู่กับเนื้อและระหว่างเนื้อกับยาคือหนองที่ถูกดูดออกมาขังอยู่ ระหว่าง ๒ ชั่วโมงที่ค่อย ๆ ทำความสะอาดอย่างเบามือ รู้สึกสะเทือนใจและมีหลายครั้งที่สะท้อนใจจนน้ำตาซึมในสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ยิ่งนับถือในความเข้มแข็งอดทนของพร ในศรัทธาอันแน่วแน่ที่มีต่อธรรมะ และในความเพียรที่จะรักษาสติให้มั่นคงของเธอ เพราะไม่เคยได้ยินเสียงร้องโอดโอยจากพรเลย พรเคยบอกว่าเธอรู้สึกแปลกใจเช่นกันที่เธอเจ็บจี๊ด ๆ เป็นครั้งคราว แต่ไม่เคยรู้สึกเจ็บแบบที่คนอื่น ๆ เขาเจ็บ พรไม่เคยบ่นเรื่องปวดตรงบริเวณก้อนมะเร็งแต่บ่นถึงอาการขัดยอกปวดเมื่อยตามไหล่ หลัง คอ แขนมากกว่า เมื่อพูดคุยกันเรามักมีเรื่องให้หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ขบขันกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าจมอยู่กับความเศร้าและความท้อแท้ การทำความสะอาด “คุณก้อนมะเร็ง” ให้พรในวันนั้นทำให้สามารถเข้าใจสภาวะความรู้สึกของพรลึกเข้าไปอีกระดับหนึ่งว่าพรต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ส่งผลให้การปฏิบัติพรหมวิหาร ๔ เป็นไปอย่างเข้มแข็งมากขึ้น และการทำสมาธิร่วมกันของเราลึกซึ้งยิ่งขึ้น สงบเย็นยิ่งขึ้น พรบอกว่า “สุที่นี่จะเป็นที่สุดท้ายที่ฉันจะรักษา หายก็หาย ไม่หายก็พอแล้ว”
    พรมีอาการท้อถอยอยู่บ้างในบางโอกาส เมื่อสังเกตเห็นจะเตือนสติเธอเสมอว่า ชีวิตของเธอเป็นชีวิตที่งดงามและมีคุณภาพทั้งเรื่องอาหารการกิน ทั้งเรื่องความสะดวกสบาย ไม่มีเรื่องอื่นใดให้ต้องเป็นทุกข์ ได้ทำแต่สิ่งที่ดี ๆ เป็นกุศล อยากเจอใครเขาก็มาหา อยากได้อะไรก็มีคนเอามาให้ ได้อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ มีเพื่อนฝูงที่รักใคร่ มีแม่และญาติพี่น้องที่รักที่เมตตาเธอมากและพร้อมเกื้อกูลเธอ ไม่รวมถึงสิ่งที่เธอได้ทำคุณประโยชน์ให้กับคนอีกมากมาย ซึ่งน้อยคนนักที่จะสามารถมีได้อย่างเธอและทำได้อย่างเธอ นี่คือสิ่งที่ได้มาจากกุศลกรรมที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงภายในที่เกิดขึ้นในขณะที่เธอเป็นมะเร็ง และถ้ามะเร็งไม่มาเตือนสติ เธออาจยังต้องหัวยุ่งเคร่งเครียดกับการทำงานก็เป็นได้ เราหัวเราะกันเพราะเราต่างก็เห็นด้วยว่าคงเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ระหว่างอยู่ที่นี่พี่ยา น้องเอก น้องเพชร และ โชโกะ ผลัดเปลี่ยนกันมาเยี่ยมและอยู่เป็นเพื่อนพรโดยมีพี่อุไร (อาจารย์อุไร ประกอบกิจวิริยะ) คอยช่วยเหลือและให้ความสะดวกในทุกเรื่อง พรอยู่ที่สำนักวิปัสสนาประมาณ ๒ เดือน จนอาการบวมหายไป แม้ก้อนยังคงอยู่แต่หน้าอกแห้งสนิทและเธอสามารถเดินได้ตามปกติ พรจึงตัดสินใจกลับหาดใหญ่
    เมื่อพรกลับมาหาดใหญ่เราได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์อย่างสม่ำเสมอ ในช่วงนี้จอห์นเดินทางมาจากประเทศอังกฤษ เพื่อมาเยี่ยมพรก่อนเดินทางไปทำการอบรมที่ประเทศพม่าและประเทศศรีลังกา ใน ๒ ปีที่มะเร็งกลับมาใหม่ จอห์นโทรศัพย์ข้ามประเทศมาให้กำลังใจพร และติดตามอาการพร้อมทั้งหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้พรอย่างสม่ำเสมอไม่ได้ขาด พร้อมทั้งการเดินทางมาเยี่ยมเยียนเป็นระยะ ระยะ ได้ตกลงกับจอห์นไว้ว่าเราจะผลัดเปลี่ยนกันลงมาอยู่เป็นเพื่อนพรในยามที่เธอต้องการ จอห์นเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่ง ที่เป็นกำลังใจช่วยให้พรบำบัดเยียวยาตัวเองอยู่ในเส้นทางแห่งธรรมะอย่างต่อเนื่อง และอย่างมีความเพียร หลังจากกลับมาจากถ้ำไม่นานอาการขัดยอกตามร่างกายเริ่มปรากฏมากขึ้น ในช่วงนี้ พี่ยา (คุณจรรยา พึ่งประยูร) พี่สาวซึ่งพรบอกว่าเป็นคู่หูของเธอมาอยู่ดูแลเป็นประจำในตอนกลางคืน ส่วนตอนกลางวันมีน้องไก่คอยช่วยเหลือ โดยมีน้องเกศและน้องเอกหมอนวดใจดีที่ทำได้ทุกอย่างนอกเหนือจากการนวดมาช่วยอีกแรง พรฟังเทปธรรมะ ทำวัตรและอ่านบทสวดมนต์อย่างสม่ำเสมอทุกวัน และทำสมาธิมากขึ้น อาการอึดอัดไม่สบายกายเริ่มรบกวนเธอมากขึ้น เธอยังทำงานเขียนอยู่บ้างแต่น้อยลง และในที่สุดต้องบอกปากเปล่าให้คนอื่นเขียนให้ สี่เดือนหลังจากกลับมาหาดใหญ่ อาการของพรพัฒนาไปจนถึงขั้นต้องนอนเตียงโดยมีน้องเพชรคอยช่วยเหลือดูแลอย่างใกล้ชิด จอห์น กลับมาอีกครั้งพร้อมกับความตั้งใจว่าจะมาช่วยดูแลพรจนถึงที่สุด
    ก่อนไปเยี่ยมพรที่หาดใหญ่เมื่อพรต้องนอนเตียงได้คุยกับจอห์นเกือบทุกวันจึงรู้อาการของพรทุกระยะ ความกลัวเริ่มมาสะกิดอีกแล้วแต่เป็นความกลัวลึก ๆ เป็นความหวั่นวิตกในสิ่งที่จะต้องเจอ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ต้องตั้งสติดี ๆ คิดว่าทุกอย่างจะต้องมีครั้งแรกให้ต้องเผชิญหน้าเสมอพร้อมกับทำเมตตาภาวนามากขึ้น ก่อนลงไปหาดใหญ่จึงเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องเจออะไรบ้าง และเตรียมความตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง ว่าจะมาอยู่เพื่อเป็นเพื่อน เพื่อช่วยให้พรอึดอัดขัดข้องน้อยที่สุด สะดวกสบายมากที่สุด ให้เธอได้เจริญสติ และอยู่ในความสงบมากที่สุด จินตนาการล่วงหน้าว่าจะทำอะไร และจะทำอย่างไรได้บ้าง
    เมื่อมาถึงคำแรกที่พรเอ่ยทักทายคือ “เธอเห็นฉันแล้วตกใจไหม” จริง ๆ แล้วตกใจเหมือนกันเพราะพรผอมไปมากแม้จะรู้มาล่วงหน้าก็อดใจหายไม่ได้ แต่ตอบพรไปว่า “ไม่หรอก กินอาหารได้น้อยก็ผอมเป็นธรรมดา สังขารก็อย่างนี้แหละ” ในขณะที่ตอบพรตัวเองก็ได้พิจารณาสังขารและคิดตามไปด้วย คำสอนเรื่องความไม่เที่ยงเริ่มผุดขึ้นในใจทันที รู้ซึ้งถึงคุณค่าของพระธรรมที่มาช่วยกล่อมเกลาจิตใจไม่ให้หวาดผวา แม้พรจะผอมดูร่างกายไร้เรี่ยวแรง แต่ดวงตาเธอเปล่งประกายหน้าตาสดใส เปล่งปลั่งสติสัมปชัญญะดีเยี่ยม เสียงดังฟังชัด คนที่มาเยี่ยมแทบจะไม่ได้เห็นอาการของความเจ็บปวดรุมเร้า เพราะเธอยิ้มแย้มแจ่มใส ทั้ง ๆ ที่ในขณะนั้นเธอขยับขาเองไม่ได้ขยับแขนลำบาก ช่วยตัวเองไม่ได้ ระบบขับถ่ายไม่ทำงาน เป็นอีกครั้งที่ได้ดูแลพรและพยาบาลพรอย่างใกล้ชิด พรเริ่มมีอาการเจ็บกระดูก ปวดแสบปวดร้อนปลายประสาท การขยับตัวแต่ละครั้งจะเจ็บมากต้องใช้คน ๒–๓ คนช่วยและต้องทำอย่างช้า ๆ การยกขาต้องระวังเพราะจะไปดันกระบังลมทำให้หายใจไม่ได้ ผู้ดูแลจึงต้องมีสติอยู่ตลอดเวลาเพราะถ้าเผลอเมื่อไหร่หมายถึงความเจ็บปวดของพร และจะต้องช่วยพรขยับตัวทุก ๑–๒ ชั่วโมง เพื่อป้องกันแผลกดทับและความปวดเมื่อย
    พรโชคดีมากที่มีทีมแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ซึ่งมีคุณหมอเต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี หัวหน้าแผนกรังสีรักษาและหัวหน้าโครงการการรักษาผู้ป่วยแบบประคับประคอง เป็นผู้นำทีมพยาบาลประกอบด้วยคุณกานดาวสี, คุณแอ๊ด, คุณแสงจันทร์, น้องแย และอีกหลาย ๆ คน ซึ่งเคยเข้าร่วมอบรมธรรมะกับการเยียวยากับพร คอยให้คำแนะนำและแวะเวียนมาเยี่ยมพรอย่างสม่ำเสมอ ทำให้การดูแลพรทั้งในเรื่องแผลกดทับ การขับถ่าย การพลิกตัว เป็นไปอย่างราบรื่น แม้ในระยะหลัง ๆ จะต้องเปลี่ยนถังอ๊อกซิเจนทุก ๕–๖ ชั่วโมงพวกเราก็สามารถทำได้อย่างคล่องแคล่วด้วยความมั่นใจ
    คุณหมอเต็มศักดิ์ เป็นแบบอย่างของหมอในอุดมคติของคนไข้ทุกคน ในกรณีของพรแม้พรจะปฏิเสธการฉายแสงที่คุณหมอแนะนำ แต่คุณหมอก็พยายามช่วยให้พรได้ดูแลตัวเองอย่างดีที่สุดในวิธีที่พรเลือก นอกเหนือจากให้คำแนะนำในการดูแลรักษาร่างกาย คุณหมอยังอธิบายให้พรและผู้ที่ดูแลพรได้รู้ถึงพัฒนาการของอาการ เพื่อที่พรและผู้ดูแลจะได้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับรับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้แต่เนิ่น ๆ เมื่ออาการพัฒนาไปถึงขั้นนั้นเราจะได้ไม่ตื่นตระหนกและรู้วิธีการดูแลที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุดกับอาการนั้น ๆ นอกจากคุณหมอและทีมงานจะช่วยแนะนำวิธีในการดูแลกาย คุณหมอยังห่วงใยไปถึงการดูแลใจด้วย โดยการเตือนให้พรและพวกเรารู้เมื่อเห็นว่าเวลาของพรเหลือน้อยแล้ว ทำให้พรได้คิดถึงสิ่งที่ยังคั่งค้างอยู่ในใจ และเรามีเวลาพอที่จะช่วยให้เธอจัดการกับสิ่งที่คั่งค้างได้ก่อนที่จะสายเกินไป
    สองเดือนสุดท้ายเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมาก บรรยากาศของบ้านไม้หลังน้อยอบอวลไปด้วยความรัก ความเอื้ออาทร และการให้อภัย ด้วยความรู้สึกว่าทำอย่างไร จึงจะช่วยให้พรสบายที่สุด กระวนกระวายน้อยที่สุด มีสมาธิและอยู่ในสติได้นานที่สุด มากที่สุด ทุกคนพร้อมจะช่วยเหลือพรอย่างเต็มที่เพื่อให้เธอได้สงบตามที่เธอปรารถนา จนสัมผัสได้ถึงกุศลจิตของผู้คนที่อยู่รายล้อม ได้ตระหนักถึงพลังอันเข้มแข็งของชุมชนที่ผูกพันกันด้วยจิตใจที่เอื้ออารีย์ต่อกัน รอบ ๆ ห้องจะประดับด้วยภาพของนักบวชที่พรเคารพนับถือ และการ์ดอวยพรที่เพื่อน ๆ ส่งมาให้กำลังใจ และในท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบจะมีเสียงหัวเราะเกิดขึ้นทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งคนเฝ้าและผู้ป่วยไม่ได้อยู่อย่างอมทุกข์ เราร่วมทุกข์กันอย่างเบิกบานและพยายามมีสติอยู่กับปัจจุบัน
    ทุกเช้าจะเริ่มต้นด้วยเทปธรรมะของท่านพุทธทาสเรื่องตายก่อนตาย และคำสอนในเรื่องสติปัฏฐาน ๔ เทปบทสวดมนต์ เทปดนตรีที่เอื้อต่อการน้อมนำใจให้สงบ หรือเป็นเสียงปลุกจากเสียงขลุ่ยหรือเสียงขิมที่หวานไพเราะจับใจบรรเลงกันสด ๆ โดยบัวลอยน้องอีกคนหนึ่งซึ่งเดินทางมาไกลเพื่อมาให้กำลังใจพรโดยเฉพาะ เราจึงมีเสียงขลุ่ยและขิมบรรเลงให้ฟังกันสด ๆ ในตอนเช้าตรู่อยู่บ่อย ๆ “สุช่วยบอกบัวลอยขอเพลงค้างคาวกินกล้วย” หรือ “ขอขวัญกับเรียม” บางครั้งต้องหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัวชื่นชมในอารมณ์สุนทรีย์ของพรที่ยังมีแก่ใจขอเพลง พรจะขอเพลงเหมือนไปดูดนตรีเพื่อทำให้เช้าวันใหม่ของเธอเริ่มต้นได้อย่างสดชื่นแจ่มใส
    ทุกวันน้องเพชรจะอ่านบทสวดมนต์ที่เกี่ยวข้องกับการละวางขันธ์ ๕ และการละวางตัวตน บทพุทธสุภาษิต และบทสวดมนต์อื่น ๆ ที่พรเลือกไว้ให้ การอ่านจดหมายจากเพื่อน ๆ ที่ส่งมาให้กำลังใจเป็นกิจวัตรซึ่งพรจะฟังอย่างตั้งใจบางฉบับเธอจะขอให้อ่านซ้ำ เพื่อน ๆ หลายกลุ่มทั้งแดนไกลแดนใกล้รวมกลุ่มนั่งสมาธิส่งเมตตาจิตมาให้พร สิ่งหนึ่งที่ทำอย่างสม่ำเสมอคือแม่ของพรจะนิมนต์พระจากสำนักสวนธรรมสากลมาสวดมนต์ เราจะทำสมาธิร่วมกันทุกวันวันละหลายครั้งและยิ่งบ่อยมากขึ้นในช่วงหลัง ๆ
    พรโชคดีมากที่มีนักบวชที่เธอเคารพนับถือหลายรูปแวะมาเยี่ยม เช่นพระโกศิล จากวัดปลายนา เมตตามาเยี่ยมพร มาสวดมนต์และสวดโพชฌงค์ ๗ ให้พรถึงหน้าเตียง พระไพศาลเดินทางมาจากชัยภูมิมาเยี่ยมพรถึง ๒ ครั้งทำให้พรมีโอกาสคลี่คลายข้อข้องใจที่ตัวเองยังติดขัด ตอนหลวงพี่มาครั้งแรกพรขอให้ท่านพูดเรื่องการละวางจากอาการเจ็บปวดที่รุมเร้า หลวงพี่ได้พูดเรื่องกายสังขารและจิตสังขาร เช่น เมื่อเจ็บให้เห็นว่าที่เจ็บคือกายให้เห็นแต่ความเจ็บ ความปวดของกาย ให้เห็นแต่ความเจ็บ ความปวด ไม่ใช่ฉันเจ็บ ฉันปวด คืนนั้นพรสดชื่นผ่อนคลายแจ่มใสขึ้นมาก ทำสมาธิได้ดีขึ้น เราได้พูดคุยกันหลายเรื่อง พรบอกว่าชีวิตในช่วง ๒ ปีนี้ ของเธอเป็นชีวิตที่ดีที่สุดและถ้ามีอะไรที่ต้องเสียดายก็เสียดายความสุขใน ๒ ปีนี้ ซึ่งน่าสังเกตว่าเป็น ๒ ปีที่มะเร็งเริ่มกลับมาใหม่ แต่กลายเป็นช่วงที่เธอได้ใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายที่สุด ละวางจากสิ่งต่าง ๆ ได้มากที่สุด ยินดีเป็นผู้ให้และคาดหวังจากผู้อื่นน้อยลงอย่างเต็มใจ และได้ปฏิบัติพรหมวิหาร ๔ อย่างจริงจัง เธอบอกด้วยว่าสิ่งที่เธอภูมิใจที่สุดในชีวิต คือ การที่เธอมีกัลยาณมิตร จอห์นเคยถามพรว่าเธอเสียใจและผิดหวังหรือไม่ที่เลือกการดูแลรักษาตัวเองวิธีนี้ พรตอบว่าเธอไม่เคยคิดเสียใจเลยและถ้าเธอต้องเลือกอีกเธอก็จะเลือกแบบเดิม มักถามเธอบ่อย ๆ ว่ากลัวไม๊ เธอจะตอบว่าไม่กลัว แต่ไม่รู้ว่าจะเจออีกบ้าง
    ก่อนต้องนอนเตียงพรได้ฝากงานเขียนชิ้นสุดท้ายคือบทความเรื่อง “คือมือแม่....ที่เยียวยา” โดยบอกปากเปล่าให้คนอื่นเขียน เป็นงานเขียนที่สะท้อนความในใจของเธอที่ต้องการบอกแม่ให้รับรู้ว่าเธอรักแม่ เธอซาบซึ้งและเห็นคุณค่าของความรักที่แม่มีต่อเธอ เป็นบทความที่เธอเขียนออกมาจากหัวใจและมีความหมายสำหรับเธอมาก แม่เธอปลาบปลื้มมากกับบทความนี้และขอให้จัดทำเป็นเล่มเล็ก ๆ ไว้แจกคนที่มาเยี่ยมพร พรบอกว่า “สุฉันดีใจมากที่ทำให้แม่มีปิติ แม่เป็นคนบอกให้ทำเป็นเล่มเองนะ ฉันไม่ได้ทำ แม่ทำเอง” แสดงให้เห็นถึงความภูมิใจที่แม่มีต่อเธอ
    เมื่ออาการอึดอัดและปวดกระดูกปวดแสบปวดร้อนเริ่มรุมเร้ามาก ๆ พรจะมีอาการหงุดหงิด โมโหง่าย (คุณหมอเคยบอกไว้ล่วงหน้าว่าจะมีช่วงหนึ่งเมื่ออาการต่าง ๆ รุมเร้ามาก ๆ ผู้ป่วยจะแสดงพื้นนิสัยเดิม ๆ ออกมา) ซึ่งเรารู้ล่วงหน้าจากคุณหมอว่าพรจะมีอาการเช่นนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนจึงเตรียมใจเตรียมตั้งสติ ทำเมตตาภาวนาเพื่อรักษาสติและรักษาอารมณ์ให้สดชื่นมั่นคง และคอยเตือนสติเธอ สติของเราเป็นสิ่งสำคัญและเป็นสิ่งจำเป็นมาก นอกเหนือไปจากความรัก ความเอื้ออาทร และความตั้งใจดีที่เรามีให้เธอ ในช่วงนั้นได้ทำเมตตาภาวนาทุกเช้า และทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะเราต้องใช้ความเข้าใจ ความอ่อนโยน และให้อภัยเมื่อเขาเกิดหงุดหงิดขุ่นเคือง จากอิทธิพลของความเจ็บปวดและจากการแปรปรวนของธาตุต่าง ๆ ที่รบกวน คนที่มีธรรมะคนที่ปฏิบัติธรรม ไม่ได้หมายความว่าไม่กังวล ไม่หงุดหงิด ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่โกรธ แต่หมายถึง เจ็บแล้วโกรธแล้วทำอย่างไร และพรก็ไม่มีข้อยกเว้น มีบางเวลาที่เธอกังวล หงุดหงิด โกรธ ขุ่นเคือง เราจึงต้องช่วยเตือนสติเธอ เอื้ออำนวยให้เธอได้กลับมาอยู่กับสติให้มากที่สุดบ่อยที่สุด การปฏิบัติอย่างอ่อนโยน นุ่มนวลด้วยคำพูดและการกระทำช่วยเรียกสติเธอกลับคืนมาได้และเกิดความอ่อนโยน เมตตาขึ้นมาแทน ทุกครั้งที่เตือนสติเธอ เมื่อผ่านมาระยะหนึ่งเธอจะขอบคุณทุกครั้ง “สุขอบคุณมากนะที่ช่วยเตือนสติ” พรมักจะขอให้ พี่ ๆ และ เพื่อน ๆ พูดเรื่องสติให้ฟังอยู่เสมอ ๆ เพราะแม้พรจะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่เธอต้องการให้คนที่อยู่รอบข้างได้ช่วยตอกย้ำเพื่อเตือนสติไม่ให้เธอเผลอ
    เดือนที่สองของการใช้ชีวิตบนเตียงอาการของพรเริ่มทรุดลงมากกว่ากระเตื้องขึ้น แม้พรยังมีความหวังอยู่บ้างในช่วงเดือนแรก แต่เมื่อย่างเข้าเดือนที่สอง พรถามเป็นเชิงบอกว่า “หรือฉันจะยอมรับมันอย่างศิโรราบดี” จึงบอกเธอในสิ่งที่เธอรู้ดีอยู่แล้วว่า “อย่ากังวลเรื่องหายหรือไม่หาย รักษาสติให้อยู่กับปัจจุบัน แล้วสติจะให้คำตอบเธอเอง” แม้พรพยายามรักษาสติอยู่ตลอดเวลา แต่อาการแปรปรวนของธาตุภายในกายที่รุมเร้า ทำให้เธอไม่สามารถรักษาสติได้เต็มที่และเผลอลืมสติได้บ่อย ๆ เธอจึงต้องการสภาพแวดล้อมและบรรยากาศสงบเงียบที่เอื้ออำนวยต่อการรักษาสติ และต้องการให้คนรอบข้างคอยเตือนสติเธอ พรเคยพูดว่า “พรทำคนเดียวไม่ได้ต้องช่วยพรด้วย”
    ๓ สัปดาห์สุดท้ายพรเริ่มต้นการปล่อยวางและละวางจากสิ่งที่ติดยึดทีละเล็กที่ละน้อย ด้วยการแจกจ่ายของรักของหวงของเธอให้กับคนรอบข้างและผู้มาเยี่ยม และ เริ่มฝากฝังงานที่ยังคั่งค้าง ในระยะนี้ อาการของเธอทรุดลงมากท่อนล่างตั้งแต่บั้นเอวลงมาเริ่มเป็นอัมพาตและอาการของอัมพาตค่อย ๆ ขยับบริเวณสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไปถึงกระบังลมในที่สุดมาถึงบริเวณหน้าอกทำให้หายใจได้ลำบาก และทำอานาปานสติได้ยากขึ้นแต่เธอพยายามปฏิบัติโพชฌงค์ ๗ ในสติปัฏฐาน ๔ และพยายามทำอานาปานสติกับลมหายใจสั้น ได้เริ่มคุยกับพรว่าถ้าต่อไปพรพูดไม่ได้และการรับรู้น้อยลงเราจะใช้สัญลักษณ์อะไรสื่อสารกัน ไพฑูรย์ น้องชายของพรเสนอให้ใช้เสียงระฆัง เพราะเป็นสิ่งที่พรคุ้นเคยเป็นอย่างดี เราใช้เสียงระฆังเพื่อเรียกสติเป็นช่วง ๆ และตกลงกับพรไว้ว่า เมื่อได้ยินเสียงระฆังที่เคาะเป็นจังหวะ ๓ ครั้ง ๓ ครั้ง ขอให้เธอนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรบอกว่าเมื่อถึงที่สุดเธอต้องการมีสติรับรู้ตลอดเวลา และเมื่อถึงเวลาของเธอ เธอต้องการจากไปอย่างมีสติรับรู้ เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่ต้องการรับยาแก้ปวดหรือยานอนหลับที่ทำให้เธอไม่สามารถครองสติได้เต็มที่
    อาการทางกายของพรทรุดลงอีก แต่พรกลับดูสงบเย็นขึ้นมาก สติแจ่มใสปลอดโปร่ง เธอพยายามทำสมาธิรักษาสติให้อยู่กับปัจจุบัน การหายใจเริ่มลำบากขึ้นจนต้องใช้อ๊อกซิเจนตลอด ๒๔ ชั่วโมง พรจึงขอให้เราทำสมาธิแบบกล่าวนำซึ่งช่วยให้เธอรักษาสมาธิได้ดีกว่า และประสบการณ์ที่พิเศษมากคือในขณะที่ได้เห็นกายค่อย ๆ เสื่อมถอย ค่อย ๆ ดับสลาย เราได้เห็นจิตวิญญาณที่ค่อย ๆ ผ่องใส ค่อย ๆ เข้มแข็ง และเติบโตแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ
    สัปดาห์สุดท้ายพระไพศาลมาเยี่ยมพรอีกครั้งท่านตั้งใจมาเยี่ยมถึง ๓ วัน ซึ่งเป็นเวลาที่พรกำลังต้องการคำแนะนำที่จะช่วยให้เธอละวางตัวตนและสลัดทิ้งการติดยึดที่ยังมีอยู่ พรถามหลวงพี่ว่า “โทสะก็ละได้แล้ว โลภะก็ละได้แล้ว เหลือแต่โมหะจะทำอย่างไรคะหลวงพี่” พระไพศาลสอนเรื่องการละวางขันธ์ ๕ โดยให้ละวางทีละขั้นทีละตอนตามลำดับ ท่านได้บรรยายอย่างละเอียดแสดงขั้นตอนชัดเจนพร้อมกับยกตัวอย่างเปรียบเทียบ ท่านพูดถึงการค้นพบความสุขท่ามกลางความทุกข์ และไม่ต้องไปหาความสุขที่ไหนความสุขอยู่ในใจกลางของความทุกข์นั่นเอง พรได้ความกระจ่างชัดเจนขึ้นและได้แนวทางในการละวางกายสังขาร จิตสังขารของเธอ หลวงพี่ให้กำลังใจและให้ความเชื่อมั่นในการใช้ธรรมะเป็นเครื่องประคองใจ พร้อมทั้งให้สติพรในการละวางตัวตนและในการเจริญสติให้มั่นคงอยู่ในปัจจุบัน คำสอนของหลวงพี่เป็นคำสอนที่มีความสำคัญและมีความหมายสำหรับพรมาก ทำให้พรสามารถละวางได้อย่างสิ้นสงสัย หลวงพี่เมตตามากทำวัตรให้ทั้งเช้าเย็น และพูดให้พรฟังในบริบทนี้ทุกวันตลอด ๓ วันที่ท่านมาเยี่ยม ทำให้ผู้ที่อยู่รอบข้างพรต่างได้รับอานิสงส์จากการฟังหลักธรรมสำคัญนี้ และสำนึกถึงความสำคัญของการฝึกฝนตนเองให้ปล่อยวาง ละวางตัวตน และเห็นความสำคัญของการสร้างความคุ้นเคยกับความตาย
    ในช่วงท้าย ๆ พรมักจะบอกเสมอว่า “เธออยู่แถว ๆ นี้นะอย่าไปไหนไกล” พรเริ่มเหนื่อยมากขึ้นและไม่สามารถพูดคุยได้นาน เธอต้องการมีเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ และต้องการพูดคุยด้วยเมื่อเธอหายเหนื่อย
    ๒ วันก่อนพรเสียชีวิต แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต มาเยี่ยมพรอีกครั้ง ความอ่อนโยน และความเมตตาของแม่ชีเกื้อกูลต่อการรักษาสติให้อยู่กับปัจจุบันของพรเป็นอย่างยิ่ง ท่านย้ำความเชื่อมั่นให้พรมั่นคงอยู่ในเส้นทางแห่งมรรค ซึ่งเอื้อให้พรเกิดความสงบเย็นภายใน พร้อมที่จะปล่อยวาง และสลัดทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างหลัง และจากไปอย่างเป็นอิสระที่สุด
    เช้าตรู่ของวันที่ ๑๘ ตุลาคม สังเกตุว่าพรหายใจเสียงดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยคล้าย ๆ เสียงเสลดติดคอแต่เบามาก ๆ ก้มลงไปสังเกตใกล้ ๆ ทุกอย่างปกติดี โทรศัพท์ไปปรึกษาคุณหมอ คุณหมอบอกว่าไม่เป็นไร ให้สังเกตอาการไว้ พรเริ่มไม่พูดตั้งแต่วันที่ ๑๖ แต่เรายังปฏิบัติและพูดคุยกับพรเหมือนเดิมทุกอย่าง เพราะเชื่อว่าเธอสามารถรับรู้ได้ เมื่อแม่ชีแดงมาเยี่ยมจึงนิมนต์ให้ท่านทำวัตรเช้า จากนั้นเราได้ทำสมาธิร่วมกัน เปิดเทปคำสอนของหลวงพี่ไพศาลที่อัดเทปไว้ให้พรฟัง อ่านจดหมายจากเพื่อน ๆ เล่าเรื่องที่คุยกับจอห์น คุยกับคุณหมอคุยกับหลวงพี่ จากนั้นเปิดบทสวดธรรมะ เบา ๆ ให้พรได้พักผ่อนอยู่ในสมาธิ วันนี้บรรยากาศเงียบสงบตั้งแต่เช้า สงบเป็นพิเศษกว่าทุก ๆ วัน คนอื่น ๆ ออกไปข้างนอกกันหมด นั่งดูอาการพรอยู่ข้างเตียง พรนอนอย่างสงบ เสียงที่ได้ยินเมื่อเช้าหายไปกลายเป็นเสียงหายใจปกติ แม่พรเข้ามาและบอกว่าวันนี้วันเกิดพร จะต้องระวังเป็นพิเศษ (พรเกิดวันเสาร์) หลังจากนั้นไม่ถึง ๑ ชั่วโมง พรเริ่มหายใจผิดไปจากเดิม คือ สูดลมหายใจเข้า และจะหยุดไปนานมากและสูดลมหายใจใหม่อีกครั้ง เมื่อหันไปมองหน้าแม่ แม่ของพรส่งสัญญาณรับรู้และยอมรับ จึงกระซิบที่ข้างหูพร “พร ฟังนะจะเคาะระฆัง เป็นจังหวะ ๓ ครั้ง ๓ ครั้งไปเรื่อย ๆ พรนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นะ ตามเสียงระฆังไปนะ ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างที่พรฝากไว้จะทำให้ พรไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้นนะ พรไปดีนะ… สุขอให้พรได้พบกับ unknown ที่พรต้องการนะ…… พรเป็นอิสระแล้วนะ” จากนั้นได้เคาะระฆังเป็นจังหวะ ๓ ครั้งเช่นนั้นไปเรื่อย ๆ ในวาระสุดท้ายของพร พรจากไปอย่างสงบ โดยมีเสียงระฆังเป็นเครื่องนำทาง
    ลมหายใจของพรค่อย ๆ แผ่วลง…แผ่วลง…แผ่วลง……และจางหายไปในที่สุดดุจเข้าสู่ความสงบเย็นของ “ปัสสัทธิ” เสียงระฆังได้ส่งดวงจิตอันบริสุทธิ์ ผ่องใส ของพรเป็นเวลา ๑๕ นาที ก่อนที่ทุก ๆ อย่างจะค่อย ๆ เงียบลงและสงบรำงับอยู่ในสมาธิ เราสงบนิ่งอยู่ในสมาธิ ๑๕ นาที ท่ามกลางบรรยากาศที่สงบเงียบ เป็นความสงบเงียบที่สงบเย็นรำงับจนได้ยินเสียงใบไม้ไหว พรจากไปอย่างนุ่มนวล อ่อนโยน และงดงาม เหมือนคนหลับสนิทไม่มีอาการกระตุกใด ๆ ปรากฏให้เห็น เธอจากไปอย่างเงียบสงบต่อหน้าคนที่เธอรักและรักเธอ ไม่มีเสียงร่ำไห้คร่ำครวญอย่างโศกเศร้า มีแต่ความเงียบสงบ และความอาลัยที่แฝงด้วยความอิ่มเอิบใจ และซาบซึ้งใจที่ได้เห็นชีวิตหนึ่งร่ำลาไป อย่างสง่างามสมศักดิ์ศรี ดุจดังคืนกลับสู่บ้านเก่าของเธอเอง
    การตายของพรเพียงชีวิตเดียวกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับการมีชีวิตที่ดีงามของอีกหลาย ๆ ชีวิต เป็นการตายที่ได้มา เป็นการได้มาที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่การสูญเสียไปอย่างที่เคยรู้สึก
    การได้มาดูแลพรในขณะที่ชีวิตของเธอเปราะบาง เหมือนกับการมาอยู่ในห้องเรียน หรือมาเข้าโรงเรียนสอนธรรมะแบบเข้มข้น พวกเราต่างได้ปฏิบัติธรรมกันถ้วนหน้าได้เห็นโลภะ โทสะ โมหะ ที่กระทบกันหมุนเวียนไปมาภายในตัวเราเอง ได้เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างโลภะ โทสะ โมหะของเรากับของผู้อื่นได้อย่างชัดเจนซึ่งโดยปกติมักไม่ทันเห็น และเป็นโอกาสให้เราได้ฝึกฝนพรหมวิหาร ๔ อย่างเข้มแข็งเป็นรูปธรรม ได้ทำเมตตาภาวนาอย่างจริงจัง และได้ตระหนักถึงพลังของสติ พลังของความเมตตา พลังของการให้อภัย และพลังของจิตที่พร้อมจะเกื้อกูลกัน ซึ่งทำให้บรรยากาศที่น่าจะเป็นความขุ่นเคืองอึดอัด ผิดหวัง หรือ เศร้าหมอง สูญเสีย เป็นบรรยากาศที่สงบเย็น แต่เบิกบาน และกระตือรือร้น และที่สำคัญได้ประจักษ์ถึงสัจธรรมของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างเป็นรูปธรรมที่สุด ได้สัมผัสกับสภาวะของการละวางจากตัวตนครั้งแล้วครั้งเล่า เกิดภาวะการขัดเกลาจิตใจอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับสัมผัสความรู้สึกใหม่ ๆ ที่เป็นความสุขความอิ่มเอิบใจที่เกิดจากการละวางตัวตน จากการให้ความรักความเมตตาแก่ผู้อื่น เป็นประสบการณ์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภายในและเกิดสำนึกที่จะใช้ชีวิตต่อไปข้างหน้าอย่างไม่ประมาท อย่างซาบซึ้งต่อความงดงามของชีวิต ต่อความงดงามของผู้อื่นต่อความงดงามของความตายและไม่ขลาดกลัวความตาย
    ในฐานะมนุษย์ที่ต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์และใช้ชีวิตร่วมกับผู้คนมากมายในสังคม ควรมีอย่างน้อยสักครั้งหนึ่ง ได้สัมผัสกับประสบการณ์ของการเอาใจใส่ดูแลผู้ที่กำลังเผชิญกับความเปราะบางของชีวิต หรือผู้ที่อยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใกล้ชิด เพราะจะเป็นคุณประโยชน์อย่างยิ่ง ทั้งต่อผู้ที่ได้รับการดูแลและต่อชีวิตที่ดีงามของตนเองและผู้ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเราในอนาคต เป็นการฝึกฝนการละวางตัวตน การอ่อนน้อมถ่อมตน ฝึกเข้าใจความต้องการของผู้อื่น ลดความต้องการของตนเอง ได้อ่อนโยนกับ ผู้อื่นและอ่อนโยนต่อตนเองอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งการได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ได้รับจากการปฏิบัติเช่นนี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่า มีความหมายอย่างยิ่งต่อชีวิตที่เหลือของตนเอง เป็นการบำบัดเยียวยาชีวิตและเป็นการให้สติให้มีชีวิตตั้งอยู่ในความไม่ประมาท แต่ไม่ขลาดกลัวความตาย เห็นคุณค่าของผู้อื่นเท่าเทียมกับตนเอง เป็นการลงทุนที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณ ให้กับตนเองและให้กับสังคมอย่างแท้จริง.

    สุรภี ชูตระกูล
    ๕ ธันวาคม ๒๕๔๖

    เสขิยธรรม ฉบับที่ ๕๙
    มกราคม - มีนาคม ๒๕๔๗
    ที่มา http://www.skyd.org/...9/076-Leaf.html
     
  14. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    ร่วมบุญเพิ่มเติม ประจำเดือน มีค. 2553 ครับ
    <link href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cxp%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml" rel="File-List"><style>@font-face { font-family: SimSun;}@font-face { font-family: Angsana New;}@font-face { font-family: Tahoma;}@font-face { font-family: @SimSun;}@page Section1 {margin: 72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; size: 612.0pt 792.0pt; mso-header-margin: 36.0pt; mso-footer-margin: 36.0pt; mso-paper-source: 0; }P.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-fareast-font-family: SimSun; mso-bidi-font-family: "Angsana New"}LI.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-fareast-font-family: SimSun; mso-bidi-font-family: "Angsana New"}DIV.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-fareast-font-family: SimSun; mso-bidi-font-family: "Angsana New"}DIV.Section1 { page: Section1}</style>ฝากเงิน เข้าบัญชี 348-123-245-9
    วันที่ 1 มีค. 2553 เวลา 18:xx น. จำนวน 300 บาท ครับ
    โมทนาบุญกับทุกท่าน ครับ
     
  15. GROLY

    GROLY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    2,019
    ค่าพลัง:
    +8,001
    อนุโมทนากับเสี่ยพงศ์ด้วยครับ
     
  16. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    วันนี้ปุ๊กก้ากะพี่ groly ได้ร่วมทำบุญจำนวน 300 บาทค่ะ

     
  17. พงศ์กฤต

    พงศ์กฤต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    5,699
    ค่าพลัง:
    +33,737
    อนุโมทนาด้วยครับ
     
  18. sophon2009

    sophon2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +1,311
    ข้าพเจ้านายโสภณ ศิริดำรงค์ศักดิ์ และครอบครัว ขอร่วมบุญ 520 บาท
    Type of Transaction : Money Transfer to other party's account within the Bank
    From Account No. : 5381011891
    To Account No. : Monk Donate
    Amount (Baht) : 520.00
    Transaction Fee (Baht) : 0.00
    Regional Fee (Baht) : 0.00
    Reference No. : bayi13950445
    Transaction Date/Time : 03/03/2010 06:05:28 PM
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105


    [​IMG]

    บุญ...และความหมายแห่งบุญ ๓ ระดับ

    [​IMG] ๑. เราทำบุญก็เพื่อประโยชน์สุขปัจจุบัน (ทิฏฐธัมมิกัตถะ)

    คือ เพื่อให้เกิดลาภบริวาร สถานภาพความเป็นอยู่ ความสุข คำชมเชย
    สนองตอบกลับมา นั่นคือคุณภาพชีวิตที่ดี เศรษฐกิจที่ดี
    และการยอมรับที่ดีจากสังคมรอบข้างที่เราอยู่

    ที่สุดก็เพื่อให้คนเรารู้จักเห็นอกเห็นใจกัน ช่วยเหลือกันฉันพี่น้อง
    คนที่เดือดร้อนก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่ ไม่ถูกทอดทิ้ง
    มีชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นสังคมที่มีความสุข

    เพราะคนเราในโลกต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันด้วยความเอื้ออาทรต่อกัน
    จะอยู่แบบตัวใครตัวมันไม่ได้

    [​IMG] ๒. เราทำบุญเพื่อประโยชน์สุขที่สูงขึ้น (สัมปรายิกัตถะ)

    นั่นคือในระดับจิตที่สูงขึ้นไป
    เพื่อเราจะได้เรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเอง

    ให้เจริญเติบโตขึ้นมาเป็นบุคคลที่มีศีลธรรม มีคุณธรรม
    มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความอบอุ่นซาบซึ้งสุดใจด้วยศรัทธา
    ภาคภูมิใจ อิ่มใจ แกล้วกล้ามั่นใจในชีวิตที่ได้ทำบุญ
    โดยกินความรวมถึงจุดหมายต่อมาเมื่อละโลกนี้ไปแล้วด้วย

    [​IMG] ๓. เราทำบุญเพื่อประโยชน์อย่างยิ่ง (ปรมัตถะ)

    คือ ประโยชน์ที่เป็นสาระแท้จริงของชีวิต

    ได้แก่ การรู้แจ้งสภาวะของสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง
    รู้เท่าทันคติธรรมดาของโลกของสังขารธรรม
    ไม่ตกเป็นทาสของโลกและชีวิต
    มีจิตเป็นอิสระปลอดโปร่งผ่องใส
    ไม่หวั่นไหวไปกับความผันผวนปรวนแปรของชีวิต
    หรือการพรัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักในชีวิต
    ไม่ถูกบีบคั้นโดยความยึดมั่นของตนเอง เย็นสว่างไสวโดยสมบูรณ์


    [​IMG]

    ความมุ่งหมายของบุญทั้ง ระดับนี้

    เราจะเห็นได้จาก พิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่มุ่งประโยชน์ทั้ง ๔ ด้าน
    ได้แก่ ด้านวัตถุ หรือความเป็นอยู่ ด้านสังคม
    ซึ่งรวมถึงพฤติกรรมความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่เกื้อกูลกัน
    ความสัมพันธ์ด้านจิตใจ และด้านปัญญา
    ทั้งหมดนี้ล้วนมีคุณค่าต่อคุณภาพชีวิตและสังคม
    อันไม่อาจขาดด้านใดด้านหนึ่งไปได้

    พูดง่ายๆ คือ พิธีกรรมทางพุทธศาสนามุ่งให้เกิดประโยชน์ครบถ้วน
    อย่างเป็นองค์รวมตามความมุ่งหมาย

    ประโยชน์ทั้ง ๔ ด้านนี้เรายังเห็นได้จากประเพณีพิธีกรรมของชุมชน
    เช่น ลอยกระทง บุญบั้งไฟ
    กล่าวคือ ไม่เพียงแต่มีจุดมุ่งหมายอนุรักษ์ลำน้ำ
    หรือเพื่อให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล
    อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่โดยตรงเท่านั้น

    ยังเอื้อให้เกิดความสนิทสนมกลมเกลียวในชุมชน
    และมีกิจกรรมทางศาสนาเพื่อให้เกิดความมั่นใจในชีวิต
    รวมทั้งมีการปลูกฝังตอกย้ำทัศนคติที่เคารพธรรมชาติ และจิตสำนึกต่อชุมชน
    ซึ่งล้วนเป็นคติที่สำคัญในการดำเนินชีวิต

    โดยสรุปแล้ว ปุถุชนคนเราทำบุญก็เพื่อ "ตัวเอง"
    แต่คงดีกว่าถ้าเราทำบุญเพื่อ "พัฒนาจิต"
    และคงดียิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเราทำบุญเพื่อพัฒนา "สติปัญญา" ไปด้วย
    และคงดีที่สุด ถ้าเราช่วยกันทำบุญทุกรูปแบบ (บุญกิริยาวัตถุ ๑๐)
    เพื่อช่วยเหลือสังคมให้สงบสุข และดีไปด้วยพร้อมๆ กัน

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    (ที่มา : “ฉลาดทำบุญ : รวมเรื่องน่ารู้คู่มือทำบุญให้ถูกวิธี, พิมพ์ครั้งที่ ๖๗ (ฉบับปรับปรุง). ,
    สนับสนุนโดย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และศูนย์ส่งเสริมการให้
    และการอาสาเพื่อการส่งเสริมสังคม (ศกอส.) (National Centre for Giving and Volunteering (NCGV.) , หน้า ๒๓-๒๕)


    หน้าหลัก�-�ธรรมจักร :: เว็บธรรมะออนไลน์
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    อ ย่ า ลื ม ตั ว : หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปัณโณ

    [​IMG]

    อ ย่ า ลื ม ตั ว
    พระธรรมวิสุทธิมงคล
    (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปัณโณ)
    วัดป่าบ้านตาด จ. อุดรธานี

    ไปที่ไหนอย่าลืมเนื้อลืมตัวว่าตนเป็นนักปฏิบัติ
    เป็นองค์แทนพระศาสดาการดำเนินพระศาสนา
    และประกาศพระศาสนาด้วยการปฏิบัติ

    โดยไม่ต้องถึงกับประกาศสั่งสอนประชาชน
    ให้เข้าใจในอรรถในธรรมถ่ายเดียว
    แม้เพียงข้อวัตรปฏิบัติที่ตนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั้น
    ก็เป็นทัศนียภาพอันดีงาม
    ให้ประชาชนเกิดความเชื่อความเลื่อมใสได้
    เพราะการได้เห็นได้ยินของตนอยู่แล้ว

    ยิ่งได้มีการแสดงอรรถธรรมให้ถูกต้องตามหลักของการปฏิบัติ
    โดยหลักธรรมของพระพุทธเจ้าด้วยแล้ว

    ก็ยิ่งเป็นการประกาศพระศาสนา
    โดยถูกต้องดีงามให้สาธุชนได้ยึดเป็นหลักใจ
    ศาสนาก็มีความเจริญรุ่งเรืองไปโดยลำดับในหัวใจชาวพุทธ....

    (เข้าสู่แดนนิพพาน, หน้า ๙๔)

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    (ที่มา : หลักของใจ : รวบรวมลำดับเรื่องจากเทศน์ของ ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปัณโณ
    วัดป่าบ้านตาด จ. อุดรธานี, คณะศิษย์จัดพิมพ์ถวาย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปัณโณ เพื่อแจกเป็นธรรมทาน, พิมพ์ครั้งที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๓๓, หน้า ๑๙๐)

    แสดงกระทู้ - อ ย่ า ลื ม ตั ว : หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปัณโณ • ลานธรรมจักร
     

แชร์หน้านี้

Loading...