เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

Thank You for above messages
Khun Chayutt,
Khun <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->axzon47<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2393079", true); </SCRIPT>
Khun Veggie Guy,
Khun Jintawadee,
Khun <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->kindred<!-- google_ad_section_end -->,<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2383531", true); </SCRIPT>
Khun Mead,
Khun <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เซลล์<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2386414", true); </SCRIPT>


New topic will be following link...


Ancient Secret School #2 : The Secret Life of The Inner Earth
(ความลับของโรงเรียนแห่งการรู้แจ้ง #2 : ความลับจากโลกภายใน)<!-- google_ad_section_end -->

http://palungjit.org/posts/2403426

 

ได้รับสารมาเมื่อคืนแล้วครับ คุณชยุต เพื่อนจิตวิญญาณต่างร่างร่วมวัตถุประสงค์
ยินดีเป็นอย่างยิ่งกับการสร้างศาลาการเปรียญที่ใหญ่โตมโหฬาร (สัญลักษณ์ที่แสดง ในฝัน ตอกไปแล้ว 11 ต้น เหลืออีก 300 กว่าต้นจึงจะเสร็จ อิอิ..)
มีสิ่งไหนที่จะให้รับใช้ แจ้งบอกมาได้เลยครับ ยินดีช่วยเหลือเต็มที่ครับ

 

เมื่อวาน คุยๆกับเพื่อนอยู่ แล้วเค้าก็เล่าให้ฟังเรื่องสมัยเด็ก
ว่าเคยไปทำกิจกรรม ที่โรงเรียนสอนคนตาบอด

ด้วยความสงสัย ก็เลยไปถามคนตาบอดว่า เค้าไม่เคยเห็น ว่าน้ำเป็นยังไง ต้นไม้ ผู้คน สิ่งรอบตัวเป็นยังไง แล้ววาดรูปออกมาได้ยังไง

คนตาบอด บอกว่า แล้วเธอเคยเห็นจักรวาลมั๊ยว่าเป็นยังไง ทำไมเธอถึงนึกออก ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นจริงๆ

แต่จักรวาลที่เค้าเห็นนั้น เค้าเห็นจากจินตนาการ ซึ่งสวยงามกว่าที่เธอเคยเห็นอย่างแน่นอน

เป็นประโยคสั้นๆจากคุณครูตาบอด แต่ฟังแล้วกินใจเหลือเกิน
ว่าสิ่งที่เราเห็นผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 แน่ใจแล้วเหรอ ว่าเราเห็นความเป็นจริง

 

คนตาบอดนอกจากวาดรูปได้แล้วยังถ่ายรูปได้สวยอีกนะครับ
เค้ามีจินตนาการและระลึกรู้ได้เสมือนมีดอกไม้บานอยู่ในใจเลยนะครับ ในหนังสือการ์ตูนเรื่อง Sound Of Colors ของ Jimmy Liao พูดถึงผู้หญิงตาบอดกับการเดินทางของจินตนาการที่ดูลึกลับน่าประทับใจยิ่งกว่าที่ตาเรามองเห็นซะอีกครับ

คนหูหนวกเค้าก็น่าจะได้ยินเสียงภายในที่เป็นเมโลดี้อันน่าทึ่งด้วยจินตนาการของเค้าเหมือนกัน ว่าไปเค้าอาจโชคดีกว่าเราที่ดีๆด้วยซ้ำที่พยายามหาทางตัดการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ออกไปบ้างในบางโอกาสนะครับ



(ตอกไป 11 ต้น....) เหลืออีกตั้ง 300 ต้น ต้องมาช่วยกันแปลครับเพื่อนๆ
ลีลาการแปลของคุณชยุตเป็นต้นแบบได้เลยนะครับ
ศัพท์ตัวไหนไม่เข้าใจเดี๋ยวคงได้ถามกันหลังไมค์แน่..

 

สิ่งหนึ่งที่สะกิดใจเพื่อน เมื่อเค้าได้ฟัง
เค้ารู้สึกว่า ในโลกนี้ ไม่มีใครเลยที่น่าสงสาร
เราไปมองว่า เค้าน่าสงสารเอง แต่เค้าไม่เคยมองว่า เค้าด้อยกว่าใครๆเลย
ในโลกนี้ ไม่มีใครไร้ความสามารถ ไม่มีใครด้อยกว่าใคร
อยู่ที่ว่า เรามองว่า ตัวเราเป็นอย่างไร เท่านั้น

ฟังวาจาอันคนกริบของเพื่อนแล้ว ต้องเอามาคิดต่อเลยครับ

ฝันเมื่อคืน มีคุณ mead คุณเดรด และก็อีกหลายๆท่านเข้าฉากด้วยนะครับ (จำชื่อได้ไม่หมด เพราะความจำสั้น อิอิ..)

คุณชยุต เป็นตัวตั้งตัวตี ในการสร้างศาลาการเปรียญที่วัดแห่งหนึ่ง อยู่ในเกาะซักที่ ต้องนั่งเรือข้ามแม่น้ำ ข้ามทะเลกันไปเลยครับ

เชื่อว่า องค์ความรู้ที่เราจะได้แปลกัน น่าตื่นเต้น และเป็นจิ๊กซอว์หนึ่ง ที่จะช่วยให้พวกเราค้นพบสมบัติที่อยู่ในจิตสำนึกของพวกเราครับ

ฝันอีกหลายๆวัน เป็นเรื่องเดียวกัน และต่อเนื่องกัน มาเก๊ทก็ตรงที่เห็น คีย์เวิร์ด คำว่า 16
คำว่า เมืองสายรุ้ง

เมืองสายรุ้งนี้ มีสายรุ้ง 3 สาย ซ้าย กลาง ขวา

เป็นเมืองที่เด็กๆเดินเข้ากันไปได้อย่างสบายๆเลย ผู้ใหญ่ได้แต่นั่งทำตาปริบๆมองอยู่ข้างนอกครับ อิอิ.. (ความหมาย คือ ความเป็นเด็ก)

ส่วนคีย์เวิร์ด คำว่า 16
ในฝันบอกว่า มีสมบัติล้ำค่าซ่อนอยู่ ให้มองหา เส้นรุ้งเส้นแวงที่ 16

เป็นมิติทิพย์ที่ซ้อนทับอยู่ ทางเข้าในฝัน จะซูมไปแถบป่าทางเหนือ ฯลฯ (just my dream eiei)

ถึงแปลไม่เก่ง แต่จะช่วยเท่าที่ได้นะครับ
ตรงไหนต้องแก้ไขอย่างไร คงต้องขอคำปรึกษาคุณชยุต ฝืมือขั้นเทพ ด้านการแปล

 

เดรดเป็นกำลังเสริม สำรองให้นะคะ เผื่อเพื่อนๆเหนื่อย
จะให้ช่วยตรงไหนบอกได้นะคะ
ไม่ได้เชี่ยวชาญมากมาย พออ่านออก เขียนได้เล็กน้อย
แต่เต็มใจช่วยค่ะ

 

catt24 อิอิ.............. มาเฝ้าติดตามอ่านค่ะ catt13catt13catt13 อืม..........................

 

พี่นักเขียนเคยบอกว่า คนบางคน ต่างมีเป้าหมายในการมาถือกำเนิดต่างกัน
เลือก ประสบการณ์การเรียนรู้ และบทบาทที่ต่างกัน
เราอาจจะเห็นบางคน ขี้โรค เจ็บออดๆแอดๆ ต่อสู้กับโรคร้ายมาตลอดชีวิต

พี่เล่าให้ฟังว่า มีคนๆหนึ่งเป็นมะเร็ง ต้องคีโมเป็นสิบๆครั้ง
เข้าออกโรงพยาบาล เป็นว่าเล่น จนสุดท้าย หมอบอกว่า ทำคีโมต่อไม่ได้แล้วจะทำครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย

ทุกครั้งเค้าทรมานจาการทำคีโม แต่เค้าก็อดทนและเข้มแข็งมาตลอด
และภูมิใจทุกครั้งที่ผ่านการรักษาที่เจ็บปวดนี้ไปได้
แต่พอหมอบอกว่าครั้งสุดท้าย คงไม่ต้องทำแล้ว
ในใจก็ดีใจ ว่าการรักษาจบสิ้นเสียที ไม่ต้องทุกข์ทรมาน หายไม่หาย ไม่ใช่ประเด็น
แต่ลึกๆเค้ากลับหดหู่ รู้สึกว่า การผจญภัยของเค้า จบลงแล้ว

บางคนพูดถึงสิ่งที่ผ่านมาในชีวิต อย่างทุกข์ระทม
ไม่ว่าเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย ปัญหาครอบครัว ปัญหาความสัมพันธ์
เรารู้สึกสงสาร...
แต่จริงๆแล้ว เค้าเหล่านั้นกลับรู้สึก ภูมิใจมากกว่าที่ผ่านสิ่งเหล่านั้นมา
เค้าไม่ได้น่าสงสารเลย เราเอาความรู้สึกของตัวเองมาวัดเองต่างหาก
ไม่มีใครอยากให้ใครมาสงสาร เพราะนั้นมันหมายถึงความรู้สึกล้มเหลว
และพ่ายแพ้ ต่อการเดินทางมากกว่า มันไม่น่าภูมิใจเลย

ชีวิตของคนแต่ละคน ต่างมีเป้าหมายต่างกัน
ความสำเร็จและล้มเหลวในแง่ของจิตวิญญาณ
ไม่อาจวัดกันได้ด้วยสิ่งที่แสดงให้เห็นจาก ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพียงเท่านั้น

อือ...ฝันถึง ท่านทั้งสองเหมือนกัน อยู่ในห้องเรียน
มีอาจารย์หน้าห้อง 2 คน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง
ผู้ชาย เป็นคนมีอายุแล้ว แต่ผู้หญิงเป็นลูกค้าเก่าข้าเจ้า

ในฝัน เดรดขึ้นไปตามคุณmead และ คุณเซลล์ เพราะจะมีมีทติ้ง และกำลังจะออกไปก่อน
ปรากฏว่า ครูผู้หญิงที่อยู่หน้าชั้น บอกเดรดว่า งานหนังเรื่อง....
เข้าวันที่ 9 นี้นะ ทำเสร็จทันหรือเปล่า เดรดบอกว่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้ใช้เดรดทำค่ะ แล้วก็เดินออกมา

ในใจก็คิดว่า จะเล่นงานข้าพเจ้าอีกแล้ว แต่ขอโทษ...ผิดงานไปหน่อยจ้า
(ไม่มีการเช็คข้อมูลเล้ย...กะ จะจับผิดอย่างเดียว)

คือ ครูผู้หญิงคนนี้ บุคคลิกเป็นลูกค้าเก่าข้าเจ้า ที่เคยมีปัญหา
คือ ลูกค้าคนนี้ อยากให้งานกับ supplier อื่นที่ไม่ใช่เดรด
เค้าเป็นคนสั่งเปลี่ยน supplier
แต่ตอนนี้ โดนไล่ออกไปแระ เพราะ......เป็นแบบในฝันนะ(พี่แก มั่วตาหลอด)
ตอนนี้ งานก็กลับมาหา เดรดแล้ว โดยข้าเจ้าก็มิได้ไปยื้อยุด ฉุดกระชากใดๆ

ยังไม่เก็ท ว่าทำไมมีครูสองคน อืมม์...._???

 

แหะ แหะ....ลืม ตีความ

ที่ฝัน อาจไม่เกี่ยวกับเรื่องที่คุณเซลล์ฝันนัก
แต่เอามาคุย เพราะ บางทีการที่เราฝันถึงใครเค้าก็ฝฝันถึงเราด้วย
เพราะมันเป็นการสื่อสารสองทาง คงผลัดกันไปชะโงก หน่ะ...ไม่มีไร อิอิ

ส่วนความฝันเรื่องลูกค้าผู้หญิงคนนี้ ที่บอกว่าได้งานคืนกลับมา
เพราะวันนี้ลูกค้าเจ้านี้(คนสั่งงานคนเก่า) บอกว่าเจ้านาย(ผู้หญิงคนนี้)
โดนให้ออกไปแล้ว และบอกให้เดรดไปรับงานใหม่ กำหนดส่ง วันที่ 9

 

“บางคนพูดถึงสิ่งที่ผ่านมาในชีวิต อย่างทุกข์ระทม
ไม่ว่าเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย ปัญหาครอบครัวปัญหาความสัมพันธ์
เรารู้สึกสงสาร...
แต่จริงๆแล้วเค้าเหล่านั้นกลับรู้สึก ภูมิใจมากกว่าที่ผ่านสิ่งเหล่านั้นมา
เค้าไม่ได้น่าสงสารเลยเราเอาความรู้สึกของตัวเองมาวัดเองต่างหาก
ไม่มีใครอยากให้ใครมาสงสารเพราะนั้นมันหมายถึงความรู้สึกล้มเหลว
และพ่ายแพ้ต่อการเดินทางมากกว่า มันไม่น่าภูมิใจเลย

ชีวิตของคนแต่ละคน ต่างมีเป้าหมายต่างกัน
ความสำเร็จและล้มเหลวในแง่ของจิตวิญญาณ
ไม่อาจวัดกันได้ด้วยสิ่งที่แสดงให้เห็นจาก ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพียงเท่านั้น”

ขออนุญาต..... อ้างอิงข้อความคุณเดรดค่ะ
<O</O

หากครั้งหนึ่ง...เราได้ไปในสถานที่ต่างมิติเพื่อไปรับของสองสิ่งมา นั้นคือ “ความเมตตา และอภัยอย่างไม่ประมาณ “และรับปากว่า จะรักเก็บรักษาสิ่งนั้นไว้กับตัวตลอดไป
<O</O
ในการดำรงชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์เพื่อเรียนรู้และฝึกจิตวิญาณของตน เพื่อข้ามผ่านสู่ระดับต่างๆนั้น <O</O
เราจักต้องพบเจอผู้คนและเรื่องราวต่างๆมากมาย เพื่อฝึกจิตวิญาณของตน ระหว่างการเรียนรู้ เราจักต้องมีสติระลึกรู้อยู่เสมอ ว่านี่คือการเรียนรู้
<O</O
เราอย่าหลงไปกับเรื่องราวเหล่านั้น อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งที่เข้ามากระทบจิตใจ รับรู้และปล่อยวางเสีย หากเราไปยึดมั่นถือมั่นนั่นคือเราสอบตก การสอบตกหรือสอบไม่ผ่าน หากเราไม่เรียนรู้ ในเรื่องเดิม(เมื่อความบังเอิญที่ไม่บังเอิญเกิดขึ้นเพื่อให้เราเข้าไปเรียนรู้ในองค์วามรู้เดิม) และไม่พยายามที่จะทำข้อสอบนั้นให้ได้ นั่นคือเราสอบตก ในเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นอนันตกาล
<O</O
นี่ต่างหากคือสิ่งที่เราต้องระลึกรู้ หากเราตามสิ่งเหล่านี้ไม่ทัน นี่ต่างหากคือ"ความพ่ายแพ้ และความล้มเหลว "<O</O
การเดินทางเพื่อเรียนรู้และฝึกจิตวิญญาณ ไม่มีคำว่า “ภูมิใจ” อยู่ในระยะทางแห่งการข้ามผ่านวัฏสงสารแม้แต่น้อย​

<O</O
มีแต่”ผ่าน” กับ “ไม่ผ่าน”เวลาสำหรับการเรียนรู้ ของจิตวิญญาณหากเราคิดว่า มันมีอีกมาก มันก็มีอีกมาก มากจริงๆ<O</O
เราต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมายอย่างไม่สิ้นสุด เรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าวนเวียนอยู่เช่นนั้นไม่รู้จักหมดสิ้น (เสียที)
<O</O
หากเราเคยเห็นรวงข้าวสีทองส่ายล้อลมอยู่กลางทุ่งนา ทั้งที่เราก็ได้เรียนรู้ และรับรู้ว่ามาก่อนหน้าแล้วว่า ภายในเมล็ดสีทองนั้น มันมีข้าวที่เราเคยได้กินแล้วอิ่มท้องอยู่เสมอ
<O</O
เราจักเลือกเป็นศิลปินที่เฝ้ามองความงดงามของมันจนลมหายใจสุดท้าย <O</O
หรือ เลือกเป็นชาวนาที่นำเอารวงข้าวที่สวยงามนั้นมาผ่านขบวนการ จัดการให้มันเป็นข้าวที่นำมาหุงกินแล้วอิ่มท้องเสียที :z4
<O</O
“ผู้สงบระงับได้ ย่อมเป็นสุข” นี่คือคำตอบที่คุณเดรด เฝ้าถามว่าเป้าหมายที่วางใจของสงบคือสิ่งใด<O</O
สงบก็หวังความเมตตาและอภัยอย่างไม่ประมาณของคุณเดรดว่า คุณเดรดจะพบเจอ ที่วางของใจ ด้วยตนเองโดยไม่เฝ้าใครด้วยความสงสัยอีกเลย ​

ว่าแล้วก็กลับไปสงสารตัวเองต่อ ที่มัวเฝ้าแต่สงสารคนอื่น อืม ...เป็นอีกเรื่องที่ต้องฝึกและละมันให้ได้ สอบกี่ทีก็ยังไม่เคยผ่าน 55 เอาใหม่ๆblack_pig​

<O</O
<O</O

 

ขอแจมหน่อยครับ เมื่อเร็วๆนี้ก็ฝันถึงพวกเราเหมือนกัน
เห็นคุณเดรดกับคุณเซลล์และเพื่อนๆหลายคนเดินอยู่แถวๆด่านชายแดนทางเหนือด้วย (เส้นแวงที่ 16 รึเปล่า อิอิ) เดินคุยกันสักพักคุณเดรดก็ไปเจอรุ่นพี่ที่รู้จักจูงลูกสาวมาอีกคนนึง เด็กคนนั้นสวมชุดขาวมีสีหน้ายิ้มแย้มและบอกว่ารู้จักคุณเดรดและคุณเซลล์ด้วย และบอกให้อุ้มเค้าหน่อยพวกเราจะได้ไม่ต้องซื้อตั๋ว เค้าพาทุกคนเข้าประตูได้ ..ลองประติดปะต่อกันดูนะครับ

ขุมทรัพย์ที่คุณเซลล์คงอยู่ไม่ไกลไม่ไกลแล้วล่ะครับ...
เด็กที่มีความบริสุทธิ์น่าจะเป็น keyword บอกใบ้เทคนิคบางอย่างนะครับ

เมื่อคืนก็ฝันว่าออกไปเที่ยวพระจันทร์..อ้อมไปทางด้านหลังเป็นเวที เห็น MJ กำลัง เต้นmoon walk อย่างสนุกสนานด้วย เชื่อว่าบุคลิกของความเป็นเด็กนี่ เรามีกันอยู่ทุกคนนะครับ

 

อนุโมทนากับข้อความของคุณสงบระงับค่ะ

ความฝันของคุณเซลล์ก็ดึงดูดจินตวดีได้ทุกครั้งไปค่ะ แสดงให้เห็นถึงความละเอียดภายในของจิตใจผู้ฝันได้เป็นอย่างดี อย่าลืมส่งพลังบวกแบบอนันต์มาให้พี่จินต์บ้างนะคะ

เมื่อคืนจินต์เพิ่งเห็นภาพการแสดงของตนเองโดยเราใส่เสื้อสีดำสนิทเลยร้องเพลงในขณะที่นักดนตรีท่านอื่นใส่เสื้อสีแดงหมดเลย

โลกนี้หนอ อะไรก็ไม่เที่ยง เมื่อวานสีแดง ถัดมาสีขาว ดูอีกที ทั้งขาวทั้งแดง มาวันนี้ไหงเป็นดำไปอีกแล้วหว่า

 

ฝันของคุณ mead เป็นเรื่องเดียวกันเลยหละครับ เพียงแต่ต่างกันที่สัญลักษณ์เท่านั้น รวมถึงฝันคุณมะเดรดด้วย อิอิ..

แรกๆก็คิดว่า จะเล่าดีมั๊ย เพราะฟังดูแล้ว ค่อนข้างเหลือเชื่อในความรู้สึกตนเอง
แต่ผมคิดว่า เพื่อนๆที่นี้ มีจิตใจที่เปิดกว้าง พร้อมรับฟัง และมีสติในการไตร่ตรองได้อย่างดี

เลยจะแบ่งปันข้อความจากฝันในหลายๆวันที่ต่อเนื่องกันให้อ่านครับ

1.ฝันว่าไปยืนอยู่ที่เกาะส่วนตัวที่นึง มีแม่น้ำคั่นกลาง มองไปเห็นทิวเขาสวยงาม และมีรุ้งพาดผ่าน 3 สาย เลยคิดว่า จะกลับไปเล่าให้เพื่อนๆฟัง เพราะรู้ว่าภายในหุบเขา หากผ่านเข้าไปแล้วจะเป็นดินแดน ที่เรียกว่า เมตริกซ์ของรูปธรรมชั้นสูง แต่ก็ได้แต่เพียงยืนชื่นชนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำ เข้าไปไม่ได้
และขณะเดียวกันนั้น ก็มีเด็กๆเดินเข้าแถว มาทัศนศึกษา กำลังจะเดินข้ามแม่น้ำ เพื่อไปต่อยังหุบเขา
ก็ได้แต่มองอย่างเหวอๆว่า ทำไมเด็กน้อยเหล่านี้เดินเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

2.ฝันว่าอยู่ในห้องโถงใหญ่ๆ และมีเมฆลอยอยู่ที่พื้นรอบๆ ขณะนั้นก็เดินไปรอบๆและสำรวจห้องโถงอยู่ ก็มีเสียงดังมาว่า เราเก็บสมบัติเอาไว้ให้ ตั้งแต่สมัย ร.1 หรือ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 (จำไม่ได้เหมือนกัน) ให้มองหาพิกัด เส้นรุ้งเส้นแวงที่ 19

คำว่า สมบัติ กับเส้นรุ้งที่ 19 ตื่นมาก็อยู่ในความทรงจำตลอด ว่าหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ก็เลยตั้งใจฝัน อยากทราบว่า ความหมายของคำว่า สมบัติ กับเส้นรุ้งเส้นแวงที่ 19 คืออะไร

3.ฝันไปว่า มองลงไปเห็นแผนที่ประเทศไทย และก็ซูมลงมา เห็นเป็นภาพป่าไม้นานาชนิด และก็มีเสียงบอกว่า สมบัติที่เก็บไว้ให้ อยู่ที่เส้นรุ้งที่ 16
ก็เลยถามกลับไปว่า ไหนบอกว่า เส้นที่ 19 งัย
เสียงเดิมบอกมาว่า 19 กับ 16 ก็คือ ความหมายเดียวกัน
9 กับ 6 ก็คือเลขเดียวกัน
แล้วภาพก็ซูมเข้าไปที่ป่าทางเหนือ เป็นอีกมิตินึงซ้อนทับกันอยู่ ในขณะที่ภาพอีกมิตินึงกำลังจะชัดขึ้น และเห็นเข้าไปข้างใน
การจดจ่อ ก็กลับมาที่ป่าทางภาคอีสาน เพราะสิ่งของที่เตรียมไว้เดินป่านั้น ถูกคนป่าในพื้นที่ขโมยไป
และคนป่าเหล่านั้น ก็ถูกจับขึ้นรถมาเรียบร้อย
ก็คิดว่า จะลงโทษที่เค้าขโมยของอย่างไรดี
ก็มีพระรูปนึงบอกว่า อาตมาขอบิณฑบาตโทษของพวกเค้าจะได้มั๊ย เค้าทำไปเพราะความไม่รู้
ก็เลยบอกท่านไปว่า ได้

ตื่นมา ก็ยังงงๆกับความหมายดังกล่าวอยู่ดี รู้แต่ความหมายของการให้อภัยกับความไม่รู้ ก็เลยตั้งใจว่า จะขอฝันเพื่อขยายความอีก

4.ฝันไปว่า อยู่ที่้บ้านหลังนึง มีคนมาขอแบ่งเม็ดความสุข เราก็แบ่งให้ไป และก็มีคนที่อยู่บ้านเดียวกัน เดินมาบอกว่า ให้เค้าไปแล้วจะไม่ติดเหรอ
ก็บอกเด็กไปว่า นั่นเป็นตัวอย่างของการใช้เม็ดความสุขมากไปจนคุมไม่อยู่ วันๆนึงหมดเปลืองไปกับการซื้อหา และใช้ เป็นหมื่นๆเลยน๊า
พอพูดเสร็จก็บอกเด็กว่า เราเข้าไปในบ้าน ไปใช้เม็ดความสุขกันดีกว่า

5.ฝันไปว่า จะเดินทางไปที่เกาะแห่งหนึ่ง ด้วยความที่เรารีบไป ก็เลยแล่นเรือไปกับเพื่อนก่อน ระหว่างนั้นก็กระโดดน้ำ ดำผุดดำว่ายไปด้วย
จนเมื่อมาถึงเกาะ ก็เดินไปสำรวจตึกภายใน ที่เหมือนกับที่พักสงฆ์
เดินไปทีละชั้น ก็ไม่เห็นว่ามีอะไร จนเดินไปชั้นบนสุด ชั้น 3 ก็เห็นว่าแบ่งเป็นห้องๆ เป็นที่พักสำหรับสงฆ์ ก็เลยบอกเพื่อนว่า เราลงไปกันเถอะ เพราะตรงนี้เป็นที่พักส่วนตัว
พอลงมาข้างล่าง ก็เจอคนดูแลตึก น่าจะเรียกว่า มัคทายกวัด
เค้าบอกว่า หลวงพ่อไม่อยู่ และก็บอกว่า ตอนนี้ำกำลังสร้างศาลาการเปรียญอยู่
ตอกเสาไปแล้ว 11 ต้น เหลืออีก 300 กว่าต้น
เราก็อาสาว่า ที่เหลือจะจัดการให้ทั้งหมด (ทั้งๆที่ตอนนั้น ไม่มีตังค์เลย แต่รู้สึกว่าเรามีอยู่เต็ม) ตอนนี้ก็เห็นเพื่อนๆอยู่ด้วยหลายคน ทั้งคุณ mead คุณเดรด และอีกหลายๆท่าน
ก็เลยถามไปว่า ค่าใช้จ่ายในการตอกเสาเท่าไหร่ มัคทายกตอบว่า ประมาณ 500 กว่าบาท
และรวมกับที่ทำทั้งหมดประมาณ 600000 กว่าบาท
ก็เลยบอกว่า ได้ เดี๋ยวจะเป็นธุระให้ บอกกับหลายๆคน ให้ช่วยๆกัน
ผู้รับเหมา ที่อยู่ที่นั่น ก็มาบอกว่า เค้าร่วมด้วยช่วยกัน ไม่คิดกำไรซักบาท
แต่ต้องออกบิลเป็นราคาเต็ม ส่วนกำไรที่เป็นส่วนต่าง จะเอาไปสร้างตึกด้านหน้าให้คุณ
ในตอนนั้น ไม่ได้รู้สึกว่าอยากได้ตึกอะไร เพราะไม่รู้จะเอาไปทำอะไร
ผู้รับเหมา บอกว่า ไม่เป็นไร สร้างไปก่อน ถ้าต้องการใช้เมื่อไร จะได้มี

หลังจากเห็นรูปภาพ ที่คุณ avatar_boy นำมาให้ดู เรื่องโลกอีกโลกนึง ที่อยู่ภายในโลกเรา ก็ติดใจกับคำว่า aghartar ว่าคืออะไร

เลยตั้งใจฝัน ถึงความเป็นจริงของใจกลางโลกเรา

6.ฝันว่า พบกับเด็กมหาลัยที่เป็นศิลปินกลุ่มนึง เห็นเรานั่งที่ป้ายรถเมล์ ก็เดินมาหา และบอกว่า จะเล่นดนตรีให้ฟัง แต่พี่ต้องสัญญาก่อนว่า จะให้เงินพวกเราเป็นค่าเล่นให้ฟัง
ก็เลยเดินไปกับพวกเค้า และก็บอกว่า ถ้าฉันไม่ให้เงิน พวกคุณก็จะไม่เล่นใช่มั๊ย ทำไมไม่ทำทุกอย่างมาจากข้างใน เพราะเราอยากทำ เพราะเราเต็มใจที่จะทำ ไม่ต้องไปใส่ใจหรอกว่า ใครจะให้เงินพวกคุณรึเปล่า
เพราะถ้าคุณคิดแบบนี้ คุณก็จะไม่เต็ม และพร่องอยู่เป็นนิจ

เด็กกลุ่มนี้มีความสามารถมาก ทั้งเล่นเพลง วาดภาพไปด้วย
ภาพที่เค้าวาด แค่เค้ามองไปที่ถนนว่างๆ และป้ายพู่กันไป ภาพทั้งหลายก็จะปราำกฎเป็นหลายๆสี โดยฉับพลัน
แล้วก็มีผู้ชายคนนึงเดินมา มองดูผลงาน และก็บอกว่า ตรงนี้น่าจะเป็นต้นไม้ ตรงนี้น่าจะเป็นรถ น่าจะเป็น... อีกมากมาย

แล้วเด็กกลุ่มนี้ก็บอกว่า เห็นฝืมือเค้าแล้วใช่มั๊ย แล้วพี่อยากให้เค้าวาดอะไร
แล้วเค้าก็ไปคุยกันตามสคริปซ์ คือ ถ้าไม่มีสคริปซ์ เค้าจะผลิตผลงานออกมาไม่ได้เลย เพราะจะต้องวาดตามสิ่งที่เค้าเคยรู้มา สิ่งที่เค้าเคยเห็นมา

ก็เลยบอกไปว่า น้องเลิกดูสคริปซ์ ทิ้งสิ่งที่น้องเคยรู้ไปให้หมด
แล้วมาดูกัน ว่าจะวาดได้มั๊ย

พี่อยากให้น้องวาด AGHARTHA จากจินตนาการของน้องเอง ว่าจะออกมาเป็นยังไง
;aa55 แฮ่กๆ ไว้เดี๋ยวมาแปลครับ

ps.เราต่างมีความรักที่เป็นอนันต์อยู่ภายในอยู่แล้วครับคุณจินต์
คำว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ในความรู้สึกผม ก็คือ ตัวตนที่แท้จริงภายในนั่นหละคือที่พึ่งที่แท้จริงของตัวเรา
การจะค้นหาความจริงต่างๆนั้น จึงต้องมองเข้ามาที่อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ภายในของเราเอง
[/COLOR]

 

ความหมายจากความฝันทั้งหมด สรุปคร่าวๆได้ดังนี้ครับ

1.ความหมายของการให้ และการรับ ที่แท้จริง

การให้-ต้องให้จากใจที่เราเชื่อมั่นอย่างหมดใจว่า เรามี เราเต็ม
สัญลักษณ์ในฝัน คือ ความรู้สึกของการตกปากรับคำอย่างเต็มที่และเต็มใจว่า เสาที่เหลือทั้งหมด ขออาสาในการสร้างทั้งหมดทั้งสิ้น (ความรู้สึกในขณะนั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา กรุณาอย่างแท้จริง - ไม่มีความคิดอื่นๆที่ค้านกัน)

การรับ-เมื่อเราได้รับแล้ว ต้องมีการให้ต่อไปอีก ด้วยความเต็มใจ
สัญลักษณ์ในฝัน คือ ผู้รับเหมาที่เห็นความมีน้ำใจอย่างเต็มเปี่ยมของชายผู้อาสา แล้วเกิดแรงบันดาลใจที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพราะเห็นว่าตนก็มีศักยภาพที่จะช่วยเหลือเช่นกัน และก็ได้อาสาว่า จะช่วยสร้างให้ โดยไม่ขออะไรตอบแทนเลย เพราะเรามี เราเต็ม ในขณะนี้แล้ว

เมื่อกระบวนการให้ที่แท้จริงเกิดขึ้น เป็นการให้ที่มาจากจิตวิญญาณภายใน ฟันเฟืองต่อมาก็จะเกิดขึ้นในทิศทางเดียวกัน เช่น ความช่วยเหลือที่จะได้รับมาจากทิศทางต่างๆ เหตุการณ์ที่เอื้ออำนวยให้บรรลุวัตถุประสงค์นั้น เป็นต้น

เป็นการให้-การรับ ที่เกิดจากการหมุนฟันเฟืองของจิตวิญญาณภายใน ที่มาจากความรัก ความมั่งคั่งจากภายในที่แท้จริง

เราจะกลายเป็นสภาวะของการให้ซะเอง ไม่มีการแบ่งแยกว่า เราเป็นผู้ให้ เรากำลังให้อยู่

2.การให้ ที่เจือด้วยความคิดในทิศทางกลับกัน เหมือนกับการให้เพื่อต้องการสุข เป็นการให้ที่ต้องมีพาหะ
สัญลักษณ์คือ เม็ดความสุขที่เมื่อเสพอย่างขาดสติ ก็ไม่ต่างอะไรกับการติดยาเสพติด
ที่จะมีสุข-ทุกข์ สุข-ทุกข์ สลับกันไป
แต่การให้แบบนี้ ก็ไม่ใช่ไม่ดีซะทีเดียว เพียงแต่ต้องใช้สติในการคุมอีกที เหมือนการเล่นของเล่น ก็ต้องมีสติรู้ว่าเราเล่นของเล่นอยู่

3.การให้อภัยนั้น ต้องให้มาจากจิตใจภายในที่แท้จริงเช่นกัน เราต่างทำเรื่องที่ผิดพลาดในความคิดเรา ก็มาจากความไม่รู้ทั้งหมดทั้งสิ้น นอกจากให้อภัยในความไม่รู้ของผู้อื่นแล้ว ก็ต้องให้อภัยในความไม่รู้ของตนเองด้วย

4.ความบริสุทธิ์แบบเด็ก หมายถึง ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง และผู้อื่น
คิด ทำ พูด ในทิศทางเดียวกัน

5.สมบัติภายในของเราทั้งหลายนั้นก็คือ การให้-การรับที่แท้จริง ความบริสุทธิ์แบบเด็ก การให้อภัย เป็นคุณสมบัติที่แท้จริงของตัวเรา

6.โลก เกิดขึ้นจากจินตนาการ รวมทั้งโลกอื่น มิติอื่นด้วย
การจะไปสำรวจโลกในมิติการเรียนรู้ที่สูงขึ้นนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ การพ้นไปจากสมมติบัญญัติ พ้นไปจากตัวตนที่คิดว่าเป็นเรา
ต้องรู้จากภายในจริงๆว่า ตัวเราไม่เคยมีจริง
จึงจะระลึกเข้าไปในฝั่งตรงข้าม ถึงตัวตนที่แท้จริงได้
และเมื่อนั้น การเรียนรู้ที่แท้จริงจะเกิดขึ้น เป็นการเข้าไปรู้จักตัวตนแท้ๆของเรา ที่เต็มไปด้วยความรักที่บริสุทธิ์

อากาศที่เราหายใจมาจากไหน
อาหารที่เราทานมาจากไหน
ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก มาจากไหน
ร่างกายที่ขยับ พูดคุย มีปฎิสัมพันธ์ได้ เกิดขึ้นได้อย่างไร
ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายในชีวิตมาจากไหน

หากไม่ได้รับการเจือจุนจากจิตวิญญาณภายในแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น

หากเราพร่ำบอกว่า เรายังไม่ได้สิ่งนั้น ไม่ได้สิ่งนี้ ทุกข์ใจ โชคร้าย และเกิดปัญหาขึ้นมาสารพัดกับตัวเรา รวมถึงปัญหาต่างๆที่เราเห็นในโลกกลมๆใบนี้ และคิดว่าเราถูกทิ้งขว้าง ถูกปล่อยไว้โดดเดี่ยวเดียวดาย

เราลองสงบใจ แล้วมองให้ดีๆว่า จริงหรือที่เราโดนทิ้งขว้าง ถูกโดดเดี่ยว จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

;aa58_Friend_


ps.ทุกอย่างที่พูดมา อาจเป็นเพียงจินตนาการของผมล้วนๆครับ ต้องใช้สติในการพิจารณาไตร่ตรองดูครับ

 

ช่วงหลังนี้ฝันแบบรู้สึกตัวในฝันดีตลอด แต่ไม่ใช่ว่าจะจำความฝันได้ทั้งหมดและทุกวัน แต่ทุกครั้งที่จำได้มันบอกเงื่อนงำบางอย่างเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ หรืออาจเป็นเพราะช่วงนี้จินตวดีให้ความสนใจเกี่ยวกับข้อมูลในเล่มนี้อยู่พอดีก็เป็นได้

ฝันที่ผ่านมาหลายคืน มันดูเหมือนไร้ความหมาย แต่มันแฝงคำสอนที่ว่าสิ่งใดคือความคิด และสิ่งใดไม่ใช่แต่เป็นการส่งคลื่นแทรกมาในความฝัน (อันนี้อาจเรียกได้ว่าเกี่ยวข้อง เพราะผุ้ที่ส่งข้อความนั้นผ่านมาที่เราได้ย่อมเป็นผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องในเส้นทางความเป็นไปได้เส้นใดเส้นหนึ่งในอนาคต ดูจากวิวัฒนาการที่ล้ำหน้าไปกว่าเรามาก) อย่างเช่นฝันหนึ่ง กำลังฝันถึงเหตุการณ์อย่างหนึ่ง ก็ปรากฏตัวเลขหรือข้อความชุดหนึ่งปรากฏขึ้นมา และเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกัน หรือเมื่อวานก็เป็นภาพลิตเติ้ลดั๊ก และมีเลข 14 ปรากฏเข้ามา ในฝันตอนนั้นเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีเลยว่า ภาพที่เราได้รับบางส่วนเป็นการรับ-ส่ง ข่าวสารจากตัวตนต่างร่างทั้งหลายของเราผ่านทางกระบวนการทางความฝันตามปกติ ส่วนพวกตัวเลข หรือข้อความบางอย่าง เกิดจากการได้รับคลื่นไฟฟ้าบางอย่างจากที่ใดที่หนึ่งสู่สมองของเราโดยตรง ถึงตรงนี้เราไม่แน่ใจว่าความฝันของเรายังคงเป็นของที่เป็นส่วนตัวหรือไม่ บางครั้งจินตวดีรู้สึกว่า ความฝันบางคืนถูกควบคุม และสอดแทรกโดยคลื่นบางอย่าง เหมือนการสะกดจิต เพราะบางครั้งเคยสัมผัสคลื่นนี้ได้ตอนนอน ทั้งก่อนหลับ และหลังตื่น โดยสติช่วงนั้นยังตื่นตัวอยู่ มันมีความต่างจากปกติปรากฏให้เห็นร่องรอยช่วงนั้นในหัวเหมือนมีเสียงวี้ด ถ้าหลับตาจะเห็นเป็นเหมือนคลื่นไฟฟ้าหมุนที่กลางหน้าผากและกลายเป็นภาพ ถ้าสติรู้ไม่ทันอาจเป็นฝันไปเลย และข้าพเจ้าก็เลยสงสัยว่า ถ้ารู้ไม่ทันมันวันใด มันจะกลายเป็นพิมพ์เขียวให้กับชีวิตข้าพเจ้าด้วยหรือไม่ เพราะกว่าจะจับลักษณะนี้ได้ก็ใช้เวลานานอยู่ บางท่านอาจจะหัวเราะว่าเราจะเอาอะไรนักหนากับความฝัน เพียงแต่จินตวดีกำลังสงสัยว่า เรากำลังถูกอะไรควบคุมโดยไม่รุ้ตัวหรือเปล่า มันผสมมากับความฝันอย่างเนียน ๆ เลย
<O
แต่ความฝันเมื่อคืนก่อนเริ่มเห็นร่องรอย เราเห็นตัวเองใส่ชุดไทยสีทอง สวมมงกุฏเป็นรูปเจดีย์สีทอง มีคนเรียกเราว่า คุณจี (ชื่อเล่น) ชื่อจริง คือ นันทา เห็นไหมเป็น ตัวเจ และ ตัวเอ็น อีกแล้ว (เราสมมุตว่า เจคือจินตนาการ และ เอ็นคือหมวดของโนวาอนาลัย) เราอยากจะส่องกระจกดูหน้าตัวเอง มีคนนำภาพมาให้ดู เป็นภาพผุ้หญิงหน้าตาอ่อนหวาน พลันภาพเปลี่ยนเป็นหน้าของผุ้ก่อการร้ายมากมาย เราฉงนในใจว่า ภาพผู้หญิงอ่อนหวานนั้นหายไปแล้ว พลันภาพก็วนกลับมาเป็นผู้หญิงคนเดิม มีเสียงบอกมาว่า “จงอย่าเข้าใจผิด ภาพที่เห็นนั้นมีการเซ็ตตั้งค่าไว้ มันเป็นภาพแบบออโต้ ท่านไม่ได้เห็นจากจิตที่แท้จริง” เราก็เข้าใจเพราะภาพมันก็วนไปวนมาดังนั้นอีกครั้ง เราก็สับสนว่า แล้วเราจะเชื่ออะไรได้ พลันคำตอบเข้ามาที่หัวเรา “เราไม่สามารถค้นหาคำตอบได้จากการถามใครจากภายนอก แต่เราจะหาคำตอบได้จากตัวเอง โดยกลับเข้าไปสู่ภายในแล้วเราจะค้นพบคำตอบทั้งหมดที่ต้องการ” คำว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับมาสู่เราอีกครั้งหนึ่ง
<O
วันนี้ตอนเช้า เราฝันเห็นเราและอีกครอบครัวหนึ่ง เหตุการณ์ในวันหนึ่งดำเนินไปตามปกติ พอถึงเวลาหนึ่ง เราบอกพวกเขาว่า “ได้เวลาที่เราจะต้องตื่น และกลับไปที่อีกโลกหนึ่งแล้ว แล้วจะกลับมาใหม่” ในความฝันรู้ถึงสภาวะปัจจุบันนั้นดี แถมขากลับเดินผ่านเอ.เจ. ที่กำลังนั่งอยู่ ยังได้หยุดคุยด้วยพร้อมบอกว่า “อย่าลืมตื่นกลับมาที่โลกปัจจุบันล่ะ เพราะยังต้องเรียนกันต่อนะ พรุ่งนี้เช้าเจอกัน” แล้วก็ตื่นมา แปลกใจแต่ที่ว่าช่วงนี้สามารถใช้สติสัมปชัญญะปัจจุบันในฝันได้บ่อยครั้งขึ้น<O







เท่าที่อ่าน คุณจิตน์น่าจะได้รับการสื่อสารจากรูปธรรมชั้นสูงนะคับ ความฝันสามารถเป็นที่สาธารณะและที่ส่วนบุคคลได้ทั้งคู่ เคยรู้สึกคล้ายแบบคุณจิตน์ว่ามีพลังงานแทรกเข้ามาในฝัน และเราไม่อาจควบคุมฝันนั้นได้ทั้งที่มีสติรู้พอสมควร ได้แต่ตามไปดู่เกิดอะไรขึ้น ส่วนมากความฝันแบบนี้จะสมจริงมากๆ

หลายครั้งเคยฝันรู้สึกว่ามีบุคคิกภาพมาปรากฏต่อหน้าแต่ไม่มีรูปกาย เรารู้สึกได้อย่างเดียว

มีเสียงวี้ดดดดดดดยาวๆคล้ายคุณจิตน์ด้วย คล้ายว่าเป็นความถี่สูงอะไร รู้สึกว่ามันจี้ดๆไปทั้งตัวประมาณนั้นครับ อิอิอิจะบอกว่าเวลาฝันในทำนองน้องมักจะรู้ถึงได้ว่ามีเพื่อนๆจากต่างมิติมาเยี่ยม... แรกๆเจอแล้วไม่กล้าหลับไปหลายคืน หลังๆชินแล้ว อิอิ

sleeping_rb

 

มาเล่าความฝันจ้า ................:z12
ฝันแรก^-^ ฝันเห็นพี่ที่ทำงานเก่า(มีตำแหน่งและเงินเดือนสูงว่าสงบมาก) ขณะนั้นสงบกำลังเดินอยู่ในร.ร.อนุบาลแห่งหนึ่งเก่าและโทรมมากๆเด็กนักเรียนเดินไปมาพลุกพล่าน
และในใจขณะนั้นก็รับรู้โดยอัตโนมัติว่าพี่คนนี้โดนย้ายมาอยู่ที่นี่ เพราะมีเงินเดือนสูงบริษัทย้ายมาเพราะต้องการบีบให้ลาออกจากบริษัท
<O</O
เดินเข้าไปในห้อง แต่จิตขณะนั้น ก่ำกึ่งระหว่างบริษัทกับร.ร อนุบาล เห็นคนอื่นๆกำลังง่วนอยู่กับกับทำงาน พอเดินไปถึง พี่คนนี้นอนอยู่(ทั้งๆที่เป็นที่ทำงาน) เขาลุกขึ้นมาพูดคุย ตามประสาคนคุ้นเคย เขาบอกว่า
“ตอนนี้พี่กำลังลำบากมาก พี่ต้องไปรับงานพิเศษมาทำ”
<O</O
ขณะเล่าก็มีคนนำงานพิเศษที่ว่า มาส่งพอดี แล้วพี่คนนี้ก็บ่นต่ออีกว่า
”พี่เงินเดือนเยอะก็จริงแต่พี่ลำบากมาก แต่เราไม่มีเงินเดือนเลยทำไมสบายจัง “
<O</O
ในฝัน ไม่ยอมพูดอะไรเลยปล่อยให้พี่เขาเล่าอยู่ฝ่ายเดียว พอเขาพูดจบ ก็ยิ้มให้ และเดินจากมาโดยที่ไม่พูดอะไรเลย พอเดินออกมาก็เลยมั่นใจว่า สถานที่แห่งนั้น คือร.ร อนุบาลจริงๆ เพราะเด็กๆยังเดินและวิ่งเล่นไปมาพลุกพล่านเหมือนเดิม
<O</O
ฝันที่2 ^-^ ฝันว่าไปเจอพี่ที่ทำงานอีกคนอยู่ในร้านอาหาร เราก็เดินเข้าไปสั่งอาหาร แต่แม่ค้าเขางงๆ สั่งแล้วเขาก็ยังไม่ทำให้ เราเลยเข้าไปนั่งรอข้างๆพี่คนนี้(เพราะสนิทกันมาก)
<O</O
แต่เมื่อตัดภาพอีกครั้ง กลายเป็นว่าเราไปนั่งอยู่บนหลังค้าร้าน สูงมากเราก็เอ...นึกว่าเราขึ้นมาอยู่บนนี้ได้อย่างไร ก็เลยนึกได้ว่า ปืนต้นฝรั่งขึ้นมา
<O</O
แต่เมื่อมองลงไป กิ่งต้นฝรั่งที่พาดหลังคาอยู่นั้น กิ่งเล็กๆเท่านิ้วก้อยเอง(แต่มีหลายกิ่งรวมกัน) แต่ขณะนั้นก็รับรู้ว่า ตรงที่เรานั่งนั้นมีชายคายื่นออกมานิดเดียวแค่พอนั่ง
<O</O
ก็เลยตัดสินใจว่า ต้องลงจากตรงนี้ก่อน ปืนกิ่งฝรั่งก็ไม่ได้กิ่งต้องหัก และตกแน่นอน
และแล้วก็คิดได้ ก้มตัวใช้มือทั้งสองข้างรวบกิ่งต้นฝรั่งไว้จนแน่น ม้วนหน้า ดีดตัวออกไปตีลังกา โดยให้กิ่งฝรั่งรับน้ำหนักลดแรงกระแทก ขณะตกถึงพื้น อย่างสวยงามและนุ่มนวล 55 จบ
สงบมักจะฝันเห็นเพื่อนๆในที่ทำงานเก่าเสมอๆ และเรื่องราวมักชัดเจนแต่แปลกดีที่กลางคืนฝันพอเช้ามา ภายในวันนั้นจะต้องเจอเพื่อนเก่าๆคนใดคนหนึ่งอยู่เสมอ อิอิcatt8
ยังมีต่อ ฝันที่3 และฝันที่4 (55ฝันที่3เกี่ยวกับคุณ mead ฝันที่4 อ้างอิงถึงคุณเซลล์) rabbit_rabbit_rabbit_
<O</O

 

อากาศที่เราหายใจมาจากไหน
อาหารที่เราทานมาจากไหน
ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก มาจากไหน
ร่างกายที่ขยับ พูดคุย มีปฎิสัมพันธ์ได้ เกิดขึ้นได้อย่างไร
ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายในชีวิตมาจากไหน>>>>>>


ขอบคุณครับคุณเซลล์...*0*
นำสาระจากฝันมาแบ่งปันได้กระจ่างแจ้งดีจริงๆ มีประโยชน์กับทุกคนอย่างมากครับ ทุกๆคำถามล้วนมีคำตอบหากเราสงบใจที่จะค้นหาแล้ว เชื่อว่าเราจะรับรู้ถึงความรักที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์และจักรวาลมอบให้เราอยู่เสมอมาครับ เราไม่เคยถูกทอดทิ้ง ไม่เคยขาดความรัก แต่เป็นเพราะความคิดบางอย่างไปสร้างแรงต้านทานให้เกิดขึ้นจนเสมือนถูกตัดขาด แม้จะทำผิดพลาดมาสักกี่ครั้ง เราไม่เคยปราศจากความรักอันบริสุทธิ์จากต้นกำเนิดเลยแม้แต่น้อยครับ เพราะนั่นเป็นคุณสมบัติของพลังงานต้นกำเนิดและจิตอันบริสุทธิ์แท้จริงของท่านทั้งหลายเหล่านั้น (ที่เสมือนเฝ้ามองเราอยู่)

พระอาทิตย์ที่อบอุ่นยังคงส่องสว่างสู่โลกทุกๆเช้าทุกๆวันไม่เคยหยุด สม่ำเสมอและส่องสว่างอย่างทั่วถึงสู่ทุกๆสรรพชีวิตไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง..แม้แต่ต้นหญ้าหรือวัชพืชเล็กๆน้อยๆ..อยู่ที่ต้นไม้และชีวิตเหล่านั้นพร้อมที่จะชูช่อออกมายิ้มรับแสงพระอาทิตย์ในแต่ละวันหรือไม่? จักรวาลยังพร้อมเสมอกับการเริ่มต้น-การเปลื่ยนแปลง-การดำรงอยู่และการสร้างใหม่ สรรพสิ่งทั้งหลายย่อมหมุนเวียนไปตามกฎเกณฑ์นี้เสมอๆครับ

แม้แต่ภัยเรื่องพิบัติของธรรมชาติ (ที่ผิดธรรมชาติ) ไม่นับถึงการทำลายล้างของมนุษย์ด้วยกันเอง ก็ล้วนเป็นไปและจำเป็นเพื่อการเปลื่ยนแปลงไปสู่สภาวะที่สมดุลกว่าเมื่อถึงเกณฑ์กัปะวาระของมันในรอบ 60,000 ปีโลกนับตั้งแต่มีมนุษย์รุ่นนี้...เพื่อให้มนุษย์รู้จักการสั่นสะเทือนออกมาเป็นความรักต่อกันให้มากยิ่งขึ้น..และหากมนุษย์เปลื่ยนแปลงแก้ไขจิตสำนึกได้ทันท่วงทีทุกอย่างก็สามารถเลื่อนออกไป หรือเบาบางลงจนกลับคืนสู่ความสงบได้ในที่สุด จักรวาลก็ยังให้โอกาสมนุษย์เสมอมาครับ...

มีวิธีง่ายๆครับ ช่วยกัน Chance เปลื่ยนจิตสำนึกให้เป็นบวกให้ได้กันมากที่สุด
พลังงานรวมจากจิตสำนึกของมนุษย์โลกจะพยุงและค้ำจุนโลกนี้ต่อไปได้ครับ

 

นานๆจะโผล่เข้ามาที...
ฝันดีตลอดเลยนะสุดหล่อ Falky

_heart+love_

 

น้องเอ๋ย แรก ๆ พี่เปิดไฟนอนไปหลายคืนเหมือนกัน มาพักหลังนี้ค่อยชินหน่อย ดีแล้วที่มีน้องอีกคนที่มีประสบการณ์เหมือนกัน พี่ยังเชื่อว่ามีอีกหลายท่านที่มีประสบการณ์เช่นเดียวกันเพียงแต่ยังไม่แน่ใจเท่านั้นเอง