เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

สติสัมปะชัญญะกับมาตรวัดความจริง<!-- google_ad_section_end -->




<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมขจรวรรณเอา post เก่าๆ ของพี่นักเขียนมาให้พวกเราอ่าน เป็นเพราะว่าหลังจากเรียนวิชาพลังจักรวาลไปได้ระดับหนึ่งก็พบว่าเราเต็มไปด้วยคำถาม - คำตอบมากมาย ซึ่งเป็นคำตอบที่มาจากภายในบ้าง, จากความบังเอิญที่มีคนมาพูดประโยคต่างๆ ให้ฟังบ้าง, จากหนังสือที่หยิบมาด้วยความบังเอิญบ้าง หนังสือ 10 เล่มนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราเดินข้างไปในร้านหนังสือซึ่งเดินผ่านไปแล้วแต่ก็ยังหันกลับมาเจอหน้าปกพอดีแล้วก็สะดุดชื่อของผู้เขียนที่ว่า โนวา อนาลัย หลังจากนั้นก็เริ่มศึกษาหนังสือชุดนี้มาร่วม 2 ปีมาแล้วซึ่งก็พบว่านี่คือคำตอบที่เราต้องการ จึงเอามาให้พี่น้องชาวยูเรอัสอ่านดูซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่เรียนระดับ 7 ที่ผ่านไปแล้วไม่มากก็น้อยนะคะ^_^
.....................................



<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 4.5pt 4.5pt 4.5pt 4.5pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8 1pt inset; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: #ece9d8 1pt inset; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #f7f3f7; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: #ece9d8 1pt inset; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8 1pt inset; mso-border-alt: inset windowtext .75pt">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณkhajornwan<V</V<O</O
จากหน้า 11 - 12<O</O

สรรพสิ่งทั้งหลายที่เธอรู้เห็นในร่างมนุษย์
เป็นเพียงจินตนาการของความไม่รู้
จิตวิญญาณในร่างมนุษย์ทุกสิ่งคือ


" ผู้ที่กำลังเรียนรู้ "

​

หมายความว่ามนุษย์ทุกคนต่างก็แสวงหาความรู้เหมือนกันทุกคนเพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครเป็นผู้รู้ที่แท้จริงถูกต้องมั้ยคะ? แล้วหากเป็นลักษณะการติดต่อสื่อสารและแปลงความรู้หรือคำสอนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนหรือจากจักรวาลเราจะพิจารณาได้อย่างไรว่าคำสอนหรือความรู้ที่ถ่ายทอดมานั้นถูกต้องหรือไม่?​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

​

คำกล่าวของท่านอาจารย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com</st1ersonName>อนาลัย หมายถึงว่ามนุษย์ทุกคนต่างก็กำลังแสวงหาความรู้ด้วยกันทั้งสิ้นไม่มีผู้ใดสามารถรู้จักธรรมชาติของโลกแห่งความเป็นจริงได้ทั้งหมด เพราะตราบใดที่จิตวิญญาณยังเป็นร่างกายเนื้อหนังอยู่เราจะรู้เห็นโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหมดยังไม่ได้ แต่เราเรียนรู้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ

การติดต่อสื่อสารหรือรับถ่ายทอดข้อมูลความรู้จากองค์ความรู้เป็นสิ่งที่เราทุกคนทำได้และเราก็ทำมาตลอดชีวิตเพื่อนำความรู้เหล่านั้นมาใช้ในการดำรงชีวิตเป็นร่างกายเนื้อหนังบางคนก็นำความรู้เหล่านั้นมาใช้มากกว่าเพียงแค่ดำรงให้ชีวิตอยู่รอดซึ่งเราก็เห็นตัวอย่างได้มากมายจากผู้ที่ดูเสมือนจะมีความรู้ความสามารถซึ่งไม่ได้เรียนรู้จากทางโลกแม้แต่ตัวเราแต่ละคน หากเราพิจารณาให้ดีเราก็จะพบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เสมือนว่าเราจะคิดได้เอง ทำได้ด้วยตนเองโดยไม่มีผู้ใดสอนเรา เราไม่เคยไปร่ำเรียนมาจากไหนแต่เรามักมองข้ามที่มาของข้อมูลความรู้เหล่านี้ไปโดยสิ้นเชิงบางคนรับรู้ได้ในความฝัน บางคนรับรู้ได้ยามตื่นเสมือนความคิดที่ผุดขึ้นมาและเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ตนนึกคิดได้เองโดยไม่ได้ตระหนักว่าตนเองไปรับเอามาจากไหนได้อย่างไร แต่ก็รับเอาและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันโดยปริยาย

การพิจารณาว่าข้อมูลความรู้ที่ปรากฏนั้นถูกต้องหรือไม่ทำได้ไม่ยากเพราะข้อมูลความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริงทั้งหลายล้วนเป็นข้อมูลความรู้ที่เกี่ยวพันกับจิตวิญญาณอันเป็นแก่นแท้ของเราโดยตรงจิตวิญญาณจึงเป็นมาตรวัดที่ดีที่สุดที่จะพิจารณาความเป็นจริงของข้อมูลความรู้เหล่านี้

จิตวิญญาณก็คือข้อมูล-ความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ
ที่ถ่ายทอดได้ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด

การสำรวจและพิสูจน์ความเป็นจริงของข้อมูลทั้งหลายจึงวัดได้ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เพียบพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะหากข้อมูลความรู้ที่เราเชื่อว่าเป็นองค์ความรู้นั้นขัดแย้งกับข้อมูล-ความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพที่มีอยู่ในจิตวิญญาณเราจะมีความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้นเสมอข้อมูลความรู้เหล่านี้ไม่ใช่ของใหม่สำหรับจิตวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่จิตวิญญาณไม่เคยรู้จักแต่มันเป็นเสมือนข้อมูลความรู้ที่มาเตือนความจำอันลุ่มลึกที่เราลืมเลือนไปหากเตือนแล้วนึกออกเมื่อไรจะเกิดความรู้สึกดื่มด่ำเสมือนได้พบคนรักเก่าหรือกลับบ้านเก่าที่เราจากมานานแสนนานเราจะเกิดความตื้นต้นสัมผัสได้กับพลังงานต้นกำเนิดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความผูกพันธ์ความรู้สึกดังกล่าวนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง

บางคนที่มีความเชื่อที่รับมามากมายจากการศึกษาทางโลกเมื่อมาศึกษาข้อมูลความรู้ที่พี่นักเขียนเรียกว่าองค์ความรู้จากภายในเหล่านี้มักจะเกิดความรู้สึกขัดแย้งอย่างรุนแรงเพราะแม้ว่าเขาจะมองเห็นหรือสัมผัสกับความรู้สึกที่ดีมากมายจากสาระเหล่านี้แต่มันไม่ได้คล้องจองกับความเชื่อของเขาแต่ถึงกระนั้นบางสิ่งบางอย่างก็จะทำให้เขาไม่หันหน้าหนีหรือทิ้งข้อมูลความรู้เหล่านี้ไปโดยปริยายเขากลับจะตั้งคำถามมากมายเพื่อพิสูจน์ความเป็นจริง เสมือนคนที่จากบ้านไปนานกลับมาถึงหน้าบ้านแล้วไม่แน่ใจว่าใครมาอาศัยอยู่ในบ้านเก่าอยากจะเข้าบ้านแต่ก็ไม่ไว้ใจว่าใครอยู่ในบ้าน หรือคนที่กลับไปพบคนรักเก่าก็ไม่แน่ใจว่ายังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าแต่จะหันหลังให้โดยไม่ตรวจสอบความเป็นจริงก็ทำไม่ได้ เป็นต้น

ส่วนผู้ที่ไม่ได้หยิบจับหนังสือ ไม่ได้ศึกษาไม่ได้สัมผัสกับข้อมูลความรู้เหล่านี้เลย แต่มาสะดุดกับเพียงแค่ชื่อของหนังสือได้ยินได้ฟังหรือได้อ่านสาระเพียงสั้นๆไม่มากพอที่จะทำให้เข้าใจข้อมูลทั้งหมดได้ลึกซึ้งพอเรียกว่าสัมผัสเพียงเปลือกนอกก็ด่วนตัดสินข้อมูลความรู้เหล่านี้โดยไม่ได้ไปถึงเนื้อในของข้อมูลและตัดสินไปตามความเชื่อที่มีจำกัด เสมือนคนที่ยังไม่ทันเงยหน้าขึ้นพิจารณาว่ามันคือบ้านเก่าของตนเอง หรือยังไม่ทันมองเห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือคนรักเก่าด้วยซ้ำไป ก็ตัดสินว่าไม่ใช่ หรือไม่รู้จัก หรือไม่ถูกต้อง

คำถามนี้เป็นคำถามที่ดีที่สุดสำหรับพี่นักเขียนและสำหรับพวกเราทุกคน เพราะการที่เราจะรับข้อมูลความรู้ใดๆรวมทั้งข้อมูลความรู้จากหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยโดยปราศจากการพิสูจน์ปราศจากการตั้งคำถาม ย่อมเป็นการไม่ถูกต้องและขาดการใช้ปัญญาโดยแท้เพราะข้อมูลความรู้เหล่านี้เป็นสิ่งที่ผ่านมาทางพี่นักเขียนซึ่งเป็นเพียงมนุษย์เดินดินธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้นพี่นักเขียนไม่กล้าแม้แต่จะใส่ชื่อของตนเองบนหน้าปก-ในปก-หรือเนื้ือในของหนังสือเพราะเชื่อว่าการนำชื่อของตนเองไปปรากฏในหนังสือจะทำให้เกิดวิตกวิจารณ์ได้มากแทนที่ผู้อ่านจะพิจารณาข้อมูลความรู้เหล่านั้นว่าเป็นของจริงหรือไม่-โดยพิจารณาจากสาระของข้อมูลก็อาจจะไปพิจารณาจากและตัดสินความเป็นจริงของข้อมูลจากความน่าเชื่อถือ หรือคุณสมบัติส่วนตัวของบุคคล ยิ่งคนที่รู้จักคนใกล้ตัวหรือผู้ที่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของพี่นักเขียนมาก่อนก็ยิ่งรังแต่จะทำให้เกิดวิตกวิจารณ์และตัดสินต่างๆนานามากมายยิ่งไปกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก

การมาทำหน้าที่ตอบคำถามของพี่นักเขียนเป็นสิ่งที่พี่นักเขียนหนักใจที่สุดแต่ก็ไปรับปากกับครูบาอาจารย์ในความฝัน(อีกจนได้)เพราะเมื่อตนเองรับข้อมูลความรู้เหล่านั้นมาเขียนเป็นหนังสือมีเวลาถอดความหลายเดือนและอยู่กับความเงียบสงบที่ทำให้ความคิดหลั่งไหลออกมามากมายจากภาวะที่พี่นักเขียนเรียกว่าสัมผัสกับองค์ความรู้ที่พี่นักเขียนเรียกท่านว่า-อาจารย์อนาลัยแต่เมื่อมานั่งหน้าจอ-เผชิญกับคำถามมากมาย พี่นักเขียนไม่ทราบมาก่อนว่าจะพบคำถามเช่่นไร จะตอบคำถามเหล่านี้ได้ดีพอหรือไม่ และจะเอาคำตอบมาจากไหนแต่เมื่อรับมาทำหน้าที่ต่อไปก็เชื่อว่า ตนเองได้รับข้อมูลความรู้มาแล้วก็คงจะได้รับการสนับสนุนที่จะได้รับคำตอบมาขยายความหนังสือต่อไปตามหน้าที่จึงทำไปด้วยความเชื่ออย่างหมดใจพอๆกันกับการรับข้อมูลความรู้ที่นำไปเขียนหนังสือ

กล่าวได้ว่าช่วงเวลา 2 เดือนเศษที่พี่นักเขียนมาทำหน้าที่ตอบคำถามพวกเราอยู่ในห้องวิทย์ฯเป็นช่วงเวลาทดสอบตนเองคือทดสอบว่าตนเองสื่อสารกับองค์ความรู้และถ่ายทอดข้อมูลความรู้เหล่านั้นมาจากองค์ความรู้หรือไม่แม้ว่าจะมาจนถึงทุกวันนี้ พี่นักเขียนก็ตระหนักว่าทุกวินาทีมีความหมายมีความสำคัญและจำเป็นต้องตรวจสอบและพิสูจน์ตนเองเสมอไม่น้อยไปกว่าที่พวกเราทุกคนควรจะต้องตรวจสอบ ต้องพิสูจน์ด้วยตนเองว่าข้อมูลความรู้ที่พี่นักเขียนนำมาถ่ายทอดต่อไปในห้องวิทย์ฯนี้เป็นสิ่ิงที่ถูกต้องและเรียกได้ว่าองค์ความรู้หรือไม่

ปัจจัยสำคัญคือไม่ว่าเราจะมีพื้นฐานความรู้-ศาสนาหรือความเชื่อใดๆที่แตกต่างกันแต่เราต่างก็ยอมรับเป็นเสียงเดียวกันได้เสมอว่าการพิสูจน์ข้อมูลความรู้ทั้งหลายจะเป็นไปได้ก็ด้วยการมีสติสัมปชัญญะที่คมชัดซึ่งหมายความว่าเราจะต้องเผชิญกับข้อมูลความรู้ด้วยการใช้ความคิด-ใช้ปัญญาสำรวจอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราอีกทีหนึ่งเพราะแม้ว่าอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดจะเป็นมาตรวัดโดยตรงของจิตวิญญาณแต่บ่อยครั้งอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราที่ไม่เป็นกลางและปราศจากสติสัมปชัญญะก็คล้อยตามความเชื่อที่ผิดและกลายเป็นมาตรวัดที่ใช้การไม่ได้

สติสัมปชัญญะอันคมชัดคือสติสัมชปัญญะที่สำรวจความเชื่อของตนเองควบคู่ไปกับการรู้เห็นเสมอเพื่อให้เราตระหนักได้ว่าอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นนั้นคล้อยตามความเชื่อที่ผิดความเชื่ออันจำกัดหรือมีความเป็นกลาง-คือเป็นไปตามความรู้อันเป็นธรรมชาติความเป็นจริง

ไม่ว่าศาสตร์แห่งศาสนาใด หรือวิทยาศาสตร์สาขาวิชาใดก็คงไม่ปฏิเสธว่าสติสัมปชัญญะคือปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เราเป็นคนได้ครบคนหรือเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบดังนั้นเมื่อเรานำเอาสติสัมชปัญญะซึ่งเป็นปัจจัยอันสูงสุดของการเป็นมนุษย์มาใช้เป็นปัจจัยที่ควบคุมมาตรวัดอันได้แก่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นจากการรับข้อมูลความรู้ใดๆเราย่อมจะตระหนักได้ว่ามันคือมาตรวัดที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด-ที่เราจะพึงมี-และนำมาใช้ได้เสมอ
<Oqsquqsquqsqu</O
<!-- google_ad_section_end -->

 

ขอบคุณที่ห่วงใยนะคุณหงบ มีทิฟฟี่กับชุดกันฝนปอนๆติดตัวอยู่ คงไม่เป็นไรมาก
แต่เมื่อเช้าตื่นเห็นรอยกรีดยาวๆที่ข้อมือ ไม่รู้ไปโดนอะไรมานึกไม่ออกจริงๆ..
เพิ่งจะกรีดเลือดสาบานไปหมาดๆ คุณหงบส่งมือดีมารึเปล่าครับเนี่ย อิๆ

ช่วงนี้ฝนตกแถมยังมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ด้วย ระมัดระวังกันหน่อยครับ
เห็นมีข่าวลูกเห็บที่เป็น วุ้นกลมใสๆนิ่มๆ ที่จังหวัดแพร่กันมั๊ยครับ
จริงๆที่บ้านก็มีนะ สงสัยจะเป็นพวกโพลิเมอร์ปลูกต้นไม้น่ะครับ เหมือนเป๊ะเลย
ที่จตุจักรก็มีขาย เป็นเกล็ดเล็กๆพออิ่มน้ำแล้วเค้าจะพองตัว...จนกลมดิ๊ก
อาจจะคล้ายๆข่าวเจลลดไข้ก็ได้นะครับ (อิอิ)

แต่ช้างน้ำ ที่เอ๊กเรย์แล้วเห็นโครงกระดูกนี่ก็แปลกดี
ถ้าทำขึ้นมาได้นี่ถือว่าเซียนจริงๆครับ..
โครงสร้างอนาโตมี่แบบนี้ถือเป็นมือเอฟเฟ๊คระดับฮอลีวู๊ดเลยนะครับ
ช่วงนี้มีข่าวแปลกๆ..เอามาแฉ เอิ๊ย เอามาแชร์กันครับ

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.686363/[/MUSIC]

 

555...หมู่นี้ คุณ mead สวมวิญญาณ หนุ่มลูกทุ่ง นิ
อุ๊ย!!! ขอประทานโทษค่ะ เปิดเข้ามา ขำนำไปก่อน
เอาใหม่ เป็นการ เป็นงานหน่อย
----------------------------------------------------------------------

ต้องขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับบทความของพี่นักเขียน
อ่านครั้งใด ก็ได้อะไรใหม่ๆทุกที ขอบคุณ คุณขจรวรรณด้วยนะคะ
เดรดก็เคยบอกพี่นักเขียนว่า บางที เอาข้อมูลเก่าๆของพี่มาโพสต์
ก็เกรงใจเพื่อนๆ เพราะเคยอ่านกันแล้ว แต่บางอัน มันเข้ากับประเด็นที่คุย
แล้วอยากให้รู้สึกเหมือนว่า พี่นักเขียน มาคุยด้วย อะ


พี่นักเขียน ก็ถอนใจ ว่า พี่ก็อยากเข้ามาพูดคุยด้วยมากๆ
แต่เวลาไม่อำนวยเลย เมื่อกลับมาเมืองไทย
อินเตอร์เนทที่นี้ ช้ามากกมายถ้าเทียบกับเมื่อตอนอยู่ USA

ทำให้ต้องเสียเวลาเพิ่มมากขึ้นไปอีก มากๆ มากจริงๆ(พี่เค้าเน้นเลย)

ตอนนี้ เดรดได้แต่เอาใจช่วย ให้พี่เค้าบรรลุโครงการณ์ โดยเร็ว
จะได้มีเวลาเพิ่มขึ้น อีกซักนิดส์นึง

พวกเรามาตั้งจิต ตั้งใจ ส่งแรงใจให้พี่เค้ากันนะคะ

-----------------------------------------------------------------------

(5555.....ขำต่อ)
ปล.เพลงนี้ มันส์ดี สนุกดีค่ะ ถูกจายยย...

 

"หน้าที่ของเราแต่ละคนแตกต่างกันไปตามทางเลือก หลายคนอาจเข้าใจว่าหน้าที่ของจิตวิญญาณ หมายถึงการทำหน้าที่บางอย่างเพื่อคนหมู่มากเสมอไปแต่หากจิตวิญญาณของเราไม่ได้เลือก-มันก็ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นเราค้นหาได้ไม่ยากว่ามันเป็นเช่นนั้นหรือไม่จากการพิจารณาหน้าที่การงานในโลกยามตื่นของตนเองหากเราพบว่า เรากำลังทำหน้าที่ที่จดจ่อกับการเอาชนะตนเอง การพัฒนาตนเองและช่วยเหลือเกื้อกูลบุคคลรอบตัวเราจำนวนหนึ่ง ไม่มากมายนักแต่ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีคุณค่า และพอใจกับการทำหน้าที่นั้นๆจิตวิญญาณของเราก็เลือกที่จะทำหน้าที่ใน scale นั้นๆ"



"ไม่ว่าเราแต่ละคนจะมีอาชีพและหน้าที่การงานทางโลกอย่างไรเรากำลังทำหน้าที่ที่สะท้อนหน้าที่ของจิตวิญญาณของเราเสมอ
เราควรหาให้พบว่าหน้าที่ของเรานั้นจะก่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อผู้อื่นและสนับสนุนเกื้อกูลผู้อื่นได้อย่างดีที่สุดได้อย่างไร"


"บุคคลที่ทำหน้าที่โดยแบ่งแยกมักถึงจุดหนึ่งของชีวิตที่ต้องถามตนเองว่า " นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่? และทำไปเพื่ออะไร?" ไม่ว่าเขาจะประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีทั้งลาภ ยศ ชื่อเสียง และทรัพย์สินมากมายเพียงใดหากหน้าที่ทางโลกของเขาเบี่ยงเบนไปในทิศทางที่ตัดขาดจากหน้าที่ทางจิตวิญญาณเขาจะเผชิญกับความรู้สึกหลงทางในที่สุด"

(deejai)(deejai)(deejai)

"แต่คนจำนวนมากก็ไม่ได้หลงทางตลอดชีวิตเราพบเห็นผู้ที่นำความรู้ความสามารถ ทักษะ หรือผลผลิตจากความสำเร็จของเขา เช่นทรัพย์สิน ไปใช้ในทิศทางที่เกิดประโยชน์สุขต่อคนหมู่มากเสมอๆเพราะหน้าที่หลักของจิตวิญญาณทั้งหลายคือการสนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน"

ขอบคุณ ท่านโนวา อนาลัย ขอบคุณพี่นักเขียน คุณ ขจรวรรณ และคุณmead อย่างยิ่งค่ะ

 

relax วันละนิดจิตแจ่มใส (คั่นรายการระหว่างรอมุขเด็ดๆจากคุณเซลล์ อิอิ)
ถึงเพลงจะเก่า แต่ก็ฟังสนุกและทันสมัยอยู๋เลยนะครับ

เป็นเสียงของศรคีรี ศรีประจวบ มีครูไพบูลย์ บุตรขัน เป็นผู้แต่งเอาไว้
ท่านนี้ไม่ธรรมดาเลยครับ แต่งเพลงด้วยหัวใจรัก..สนุกที่จะทำอย่างสร้างสรรค์และต่อเนื่อง
ได้ทำหน้าที่สร้างสรรค์ผลงานให้กับจิตวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดท่านหนึ่ง
เพิ่งรู้ว่าท่านแต่งเพลง"ค่าน้ำนม"ด้วย ซึ่งเป็นบทเพลงที่อมตะจนทุกวันนี้เลยนะครับ

เอาใจช่วยโปรเจคของพี่นักเขียนฯเช่นกันครับ
โพสเก่าๆที่นำมาลง พออ่านก็ยังรู้สึกใหม่อยู่เลย
จริงๆก็นำกลับมาโพสต์ได้ทุกเมื่อนะครับ
ถ้าตรงกับเรื่องที่ได้คุยกันยิ่งดีครับ ไม่ต้องเกรงใจเลยยยย

 

ขอบคุณพี่มีด และพี่ขจรวรรณที่นำข้อความของพี่นักเขียนมาให้อ่านกันอีกครั้ง

คือช่วงนี้ฝันบ่อยๆว่าไปโรงเรียน มักจะพบกับเหตุการณืที่ ต้องส่งงานที่ค้างส่ง แต่งาน/การบ้านนั้น เราไม่รู้มาก่อนว่ามีอยู่ หรือได้รับมอบมาแต่เมื่อใด รู้สึกเหมือนต้องเจอกับเหตุไม่คาดฝัน และเมื่อคืนก็ฝันว่า อาจารย์แจกหนังสือคนละเล่มให้หยิบตามใจชอบว่าจะเอาเล่มใด เราก็เลือกมาเล่มหนึ่งเป็นแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ ซึ่งตัวเองไม่ชอบวิชานี้เลยแลกกับเพื่อนข้างๆที่เป็นแบบฝึกหัดชีวะ แต่พออาจารย์สั่งให้ทำโจทย์กลับเอาโจทย์มาจากที่อื่น คือเหมือนต้องเจอปัญหาเฉพาะหน้า รู้สึกว่าหากเจอเหตุการณ์เฉพาะหน้าจะตื่นเต้น บางทีก็ไม่สบอารมณ์ บางทีก็กดดันว่าต้องทำให้เสร็จทันเวลา คล้ายๆกับที่พี่นักเขียนกล่าวไว้ หลายวันมานี้พยายามทบทวนความฝันแต่ว่ายังถอดความไม่ออก จนมาเจอข้อความจากพี่นักเขียนข้างบนนี้ รู้สึกว่าช่วยให้หาคำตอบได้มากมายทีเดียว

 

"ขอบคุณที่ห่วงใยนะคุณหงบ มีทิฟฟี่กับชุดกันฝนปอนๆติดตัวอยู่ คงไม่เป็นไรมาก
แต่เมื่อเช้าตื่นเห็นรอยกรีดยาวๆที่ข้อมือ ไม่รู้ไปโดนอะไรมานึกไม่ออกจริงๆ..
เพิ่งจะกรีดเลือดสาบานไปหมาดๆ คุณหงบส่งมือดีมารึเปล่าครับเนี่ย อิๆ

ช่วงนี้ฝนตกแถมยังมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ด้วย ระมัดระวังกันหน่อยครับ
เห็นมีข่าวลูกเห็บที่เป็น วุ้นกลมใสๆนิ่มๆ ที่จังหวัดแพร่กันมั๊ยครับ
จริงๆที่บ้านก็มีนะ สงสัยจะเป็นพวกโพลิเมอร์ปลูกต้นไม้น่ะครับ เหมือนเป๊ะเลย
ที่จตุจักรก็มีขาย เป็นเกล็ดเล็กๆพออิ่มน้ำแล้วเค้าจะพองตัว...จนกลมดิ๊ก
อาจจะคล้ายๆข่าวเจลลดไข้ก็ได้นะครับ (อิอิ)

แต่ช้างน้ำ ที่เอ๊กเรย์แล้วเห็นโครงกระดูกนี่ก็แปลกดี
ถ้าทำขึ้นมาได้นี่ถือว่าเซียนจริงๆครับ..
โครงสร้างอนาโตมี่แบบนี้ถือเป็นมือเอฟเฟ๊คระดับฮอลีวู๊ดเลยนะครับ
ช่วงนี้มีข่าวแปลกๆ..เอามาแฉ เอิ๊ย เอามาแชร์กันครับ"

อ้างอิง: ข้อความคุณ mead

แหม... หัวหน้า พลังมากเกินจนตั้งรับไม่ไหวหรือเปล่า เลยลุกขึ้นมากรีดแขนไล่พลังกลางดึก เหอเหอ ว่าแต่ว่า แขนข้างไหนค่ะ ที่มีรอยกรีด ถ้าเป็นข้างซ้าย สงสัยจะกรีดรับพลัง
ถ้าเป็นข้างขวา สงสัยกรีดส่งพลัง

อืม... ตกลงแขนข้างไหนเฉลยด่วน!(จะได้ตั้งรับถูก) ดีนะ ที่เป็นรอยกรีด ถ้าเป็นรอยกระสุนละก็ แสดงว่าโดนยิงด้วยกระสุนน้ำผึ้ง ของสาวน้อยอายุ 7 ขวบแน่ๆ
งั้น ขอเพลง "น้ำผึ้งหรือยาพิษ "ด่วน

ส่วนเรื่องวัตถุแปลกๆ ที่ตกจากฟ้า สมัยนี้เป็นข่าวบ่อยๆ ต้องพิจารณาให้รอบคอบว่ามันคืออะไรกันแน่ เพราะสมัยนี้อะไรก็ตกจากฟ้า (เครื่องบิน)ได้ง่ายๆ

ส่วนข้อความสาระความรู้ของพี่นักเขียน ถ้าเนื้อหาตรงกับที่เราสนทนากันอยู่แล้วก็อบปี้ มาลงตอนนั้น สงบว่าเข้าใจง่ายดี เพราะบางที่อ่านไปเรือยๆ ก็งงอยู่บ่อยๆ (ยิ่งเก่งๆอยู่ด้วย)
แถมมีเพลงจากเพื่อนๆ มาเปิดให้ฟังสลับไปมา ส่วนเรื่องใครจะบอกความในใจใครนั้นไม่ว่ากัน สงบอาศัยฟังเพลงด้วยคนก็แล้วกัน 555 สบาย.......

 

หลายปีก่อน สงบเองก็ฝันว่าไปรร. อยู่บ่อยๆ แต่ก็ฝันถึงการศึกษาสมัยที่เรียนอยู่มัธยมเท่านั้น และมักจะฝันว่า เมื่อไปถึงรร.แล้ว กลับลืมกระเป๋านักเรียนไว้ที่บ้าน พอกลับมาบ้านก็จะฝันว่า ลืมกระเป่าไว้ที่รร. สลับไปมา อยู่หลายครั้งมาก
เมื่อเวลาผ่านไปจึงเข้าใจ ถึงความหมายของฝันนั้น และปัจจุบันก็ไม่เคยฝันเรื่องนั้นอีกเลย
รู้สึกโล่งๆ ไปกับคุณaxzon ไปด้วยที่ค้นหาคำตอบของฝันนั้นได้แล้ว
(deejai)

 

ขอบคุณเช่นกันครับ ทั้งคุณ axzon คุณสงบ รวมทั้งเพื่อนๆทางจิตวิญญาณทุกๆท่านครับ
ความฝันเกี่ยวกับเรื่องการเรียน ดูจะเป็นความฝันที่ทุกๆคนเจอบ่อยที่สุดนะครับ

การที่พวกเรารู้จักการถอดความหมายโดยการใช้ "ความรู้สึก" ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลความฝันหรือการปิ๊งแว่ปใดๆ ก็ตามครับ นั่นก็เป็นการรับฟังเสียงภายในจากจิตวิญญาณโดยตรง และเป็นประโยขน์ต่อเราในการเรียนรู้อย่างมากครับ

เพราะทั้ง ความรู้สึก-ความฝันและจินตนาการ ทำให้เราก้าวข้ามขีดจำกัดทางความคิด ที่มักจะขังเราไว้ห้องสี่เหลี่ยมที่มีกระจกเงาของความเชื่อล้อมรอบเอาไว้ และข้อมูลใหม่เหล่านั้นจะบอกให้เรารู้ด้วยว่าขณะนี้เราอยู่ ณ.จุดใดของชีวิต ข้อมูลจากจากความฝันมีประโยชน์ตรงนี้ครับ

และถ้าเราจะทำความเข้าใจอะไรในมิติที่สูงกว่า ต้องรู้จักกระโดดก้าวข้ามมิติที่ต่ำกว่าด้วยครับ เพราะมิติที่สูงละเอียดกว่าสามารถรับรู้และควบคุมมิติที่หยาบกว่าได้ เหมือนจิตใจที่ควบดูแลคุมกลไกต่างๆในร่างกายเราได้ แต่ร่างกายไม่สามารถควบคุมจิตใจได้เลยแม่แต่น้อย การจะกระโดดออกจากกล่องสี่เหลื่ยมที่แวดล้อมไปด้วยความเชื่อสารพัดนั้น
ต้องเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกอันแท้จริง มีมาตรวัดที่ได้จากสติสัมปชัญญะจากที่พี่นักเขียนแนะนำไว้
รู้จักวาดเส้นทางคร่าวๆไว้ในใจ รู้จักใช้แผนที่และเข็มทิศ และรู้จักวิธีข้ามพ้นอุปสรรคที่จะต้องพบเจอ
ขอเอาใจช่วยให้ทุกๆท่าน ออกเดินทางต่อไปอย่างมีความสุข+ความสบายใจกันทั่วหน้านะครับ


*0* .......Happy Happy Happy & YIPPIE-I-YO-KA-YAH .......*0*

 

เป็นรอยยาวๆใต้ท่อนแขนข้างขวา...เหมือนร่อยข่วนเลยครับ
ตอนโดนน่ะไม่รู้สึกเจ็บเลย..มาเห็นตอนเช้ารู้สึกว่าเหมือนรอยกรีด..
ถ้าลูกสาวคุณสงบจะยิงด้วยกระสุนน้ำผึ้งจะยืดอกรับไม่หลบไปไหนจริงๆ
ใกล้คืนพระจันทร์เต็มดวงแล้วด้วย จะส่งอะไรมาอีกก็กระซิบบอกกันบ้างนะครับ

เล่าฝันต่ออีกนิด...(คุณไวน์ฮารท์ไปไหนครับ หายเงียบไปนะ)
เมื่อวาน ทานนมกล่องไปเยอะเลย ก่อนทานอาหารเย็นด้วยครับ
รู้เลยว่าคืนนี้ ดูท่าจะต้องท้องอืดและปวดท้องแน่ๆเลย
เลยตั้งจิตก่อนนอนว่าคืนนี้ขออย่าให้ปวดท้องหรือเป็นอะไรมากนัก..
คืนนั้นก็ฝันไปว่า กำลังเดินอยู่ในสปาครับ...เป็นสปาแนวสุขภาพซะด้วย..
เค้าให้ไปนั่งอยู่ในวงกลมพื้นที่เป็นทรายขาว มีบ่อน้ำรอบๆแถมโปรยกลีบดอกไม้สีเหลืองๆแดงๆเอาไว้ด้วย
แล้วก็มีโยคีท่านหนึ่งหน้าตาออกไปทางจีนๆ ใส่ชุดสีขาวเข้ามาดูแลให้อีก..
บอกให้เรานอนราบลงไป แล้วที่นี้ก็ ทั้งนวด ทั้งรีด ทั้งไล่ลม ทาสมุนไพรให้
เค้ารีดและกดท้องแรงขึ้นๆจนมีน้ำล้นออกมาทางปาก รู้สึกทนไม่ไหวต้องตกใจตื่นเลย 555..

ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าท้องเราว่างเปล่าจริงๆด้วย..รู้สึกสบายท้องมาก ไม่มวลท้อง ไม่เอ๊ะ ไม่อ๊ะ สักกะนิดเลยจริงๆด้วย
โชคดีที่ได้รับการรักษาให้หายก่อนจะปวดท้องจริงๆซะอีกครับ (อิอิ)

 

"และถ้าเราจะทำความเข้าใจอะไรในมิติที่สูงกว่า ต้องรู้จักกระโดดก้าวข้ามมิติที่ต่ำกว่าด้วยครับ เพราะมิติที่สูงละเอียดกว่าสามารถรับรู้และควบคุมมิติที่หยาบกว่าได้ เหมือนจิตใจที่ควบดูแลคุมกลไกต่างๆในร่างกายเราได้ แต่ร่างกายไม่สามารถควบคุมจิตใจได้เลยแม่แต่น้อย การจะกระโดดออกจากกล่องสี่เหลื่ยมที่แวดล้อมไปด้วยความเชื่อสารพัดนั้น
ต้องเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกอันแท้จริง มีมาตรวัดที่ได้จากสติสัมปชัญญะจากที่พี่นักเขียนแนะนำไว้
รู้จักวาดเส้นทางคร่าวๆไว้ในใจ รู้จักใช้แผนที่และเข็มทิศ และรู้จักวิธีข้ามพ้นอุปสรรคที่จะต้องพบเจอ
ขอเอาใจช่วยให้ทุกๆท่าน ออกเดินทางต่อไปอย่างมีความสุข+ความสบายใจกันทั่วหน้านะครับ"
อ้างอิง:ข้อความ ท่านmead
สรุปว่า เราต้องออกนอกกรอบอย่างมีความสุขและมีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ถ้าออกนอกกรอบไปแล้ว ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ หรือหาที่วางของใจไม่ได้ เพราะไม่มีเข็มทิศและแผนที่นำทาง ควบคุมจิตใจตนไม่ได้ อันนี้สงบว่า น่าเป็นห่วงมากกว่าคนที่อยู่ในกรอบเสียอีก
บางครั้ง การที่คนเรามีความเมตตาและอภัยพกติดตัวอยู่เสมอ และหยิบมาใช้ได้ตลอดเวลา มันก็ช่วยให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นมากมาย :VO
ไม่ว่าความรู้ใดก็ตามที่เป็นประโยชน์แบบอนันตกาล ถ้าเราไม่ได้ แค่อ่านและรับรู้มัน แต่เราสามารถนำมาใช้ได้จริง ย่อมจะยังประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติอย่างสูงสุด อิอิ เดินทางกันต่อไป พวกเรา
หัวหน้า เพลงที่ขอไว้ ยังไม่ได้เลยค่ะ เหอเหอ qsqu

 

นั่นสิครับคุณสงบ กว่าจะหาทางออกจากห้องที่ก่อเป็นกำแพงอิฐซ้อนทับกันหลายๆชั้น แถมปิดทับด้วยกระจกเงาทุกๆด้านก็ยากแล้วครับ ถ้าได้พบ"ความคิดแว่ปแรก" ในขณะที่เราสงบนิ่งตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้และเริ่มฟังเสียงจากภายในได้เมื่อไหร่? จะรู้ทันทีว่าเราหลงติดกับอยู่ตั้งนาน ลองเปลื่ยนความเชื่อเป็นความรู้ทั้งยามตื่น-ยามฝัน
ในทุกจุดของความเชื่อก็เต็มไปด้วยความรู้ที่เราเก็บเกี่ยวได้เสมอครับ

ปล.ตอนนี้รู้มากจนสมองบวมส์แล้วครับ.. (อิอิ)
ส่วนเพลงที่ขอคงหมายถึงเพลงนี้...แม่น..บ่

<EMBED src=http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?Autoplay=0&songID=V2AF7BF7PAD width=315 height=80 type=application/x-shockwave-flash scale="noscale" wmode="transparent"></EMBED>

 

วันนี้ตู้เย็นนำโด่ง 606 โหวต ; วันก่อนนั้นจำได้ว่า 200 โหวตเองครับ
ไปช่วยกันโหวตต่อได้ตลอดครับ

โหวตที่ : www.electroluxdesignlab.com/the-competition/
ผลงานชื่อ :Teleport Fridge refrigerator

 

ช่วงหลังนี้ฝันแบบรู้สึกตัวในฝันดีตลอด แต่ไม่ใช่ว่าจะจำความฝันได้ทั้งหมดและทุกวัน แต่ทุกครั้งที่จำได้มันบอกเงื่อนงำบางอย่างเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ หรืออาจเป็นเพราะช่วงนี้จินตวดีให้ความสนใจเกี่ยวกับข้อมูลในเล่มนี้อยู่พอดีก็เป็นได้
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o> </o>
ฝันที่ผ่านมาหลายคืน มันดูเหมือนไร้ความหมาย แต่มันแฝงคำสอนที่ว่าสิ่งใดคือความคิด และสิ่งใดไม่ใช่แต่เป็นการส่งคลื่นแทรกมาในความฝัน (อันนี้อาจเรียกได้ว่าเกี่ยวข้อง เพราะผุ้ที่ส่งข้อความนั้นผ่านมาที่เราได้ย่อมเป็นผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องในเส้นทางความเป็นไปได้เส้นใดเส้นหนึ่งในอนาคต ดูจากวิวัฒนาการที่ล้ำหน้าไปกว่าเรามาก) อย่างเช่นฝันหนึ่ง กำลังฝันถึงเหตุการณ์อย่างหนึ่ง ก็ปรากฏตัวเลขหรือข้อความชุดหนึ่งปรากฏขึ้นมา และเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกัน หรือเมื่อวานก็เป็นภาพลิตเติ้ลดั๊ก และมีเลข 14 ปรากฏเข้ามา ในฝันตอนนั้นเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีเลยว่า ภาพที่เราได้รับบางส่วนเป็นการรับ-ส่ง ข่าวสารจากตัวตนต่างร่างทั้งหลายของเราผ่านทางกระบวนการทางความฝันตามปกติ ส่วนพวกตัวเลข หรือข้อความบางอย่าง เกิดจากการได้รับคลื่นไฟฟ้าบางอย่างจากที่ใดที่หนึ่งสู่สมองของเราโดยตรง ถึงตรงนี้เราไม่แน่ใจว่าความฝันของเรายังคงเป็นของที่เป็นส่วนตัวหรือไม่ บางครั้งจินตวดีรู้สึกว่า ความฝันบางคืนถูกควบคุม และสอดแทรกโดยคลื่นบางอย่าง เหมือนการสะกดจิต เพราะบางครั้งเคยสัมผัสคลื่นนี้ได้ตอนนอน ทั้งก่อนหลับ และหลังตื่น โดยสติช่วงนั้นยังตื่นตัวอยู่ มันมีความต่างจากปกติปรากฏให้เห็นร่องรอย ช่วงนั้นในหัวเหมือนมีเสียงวี้ด ถ้าหลับตาจะเห็นเป็นเหมือนคลื่นไฟฟ้าหมุนที่กลางหน้าผากและกลายเป็นภาพ ถ้าสติรู้ไม่ทันอาจเป็นฝันไปเลย และข้าพเจ้าก็เลยสงสัยว่า ถ้ารู้ไม่ทันมันวันใด มันจะกลายเป็นพิมพ์เขียวให้กับชีวิตข้าพเจ้าด้วยหรือไม่ เพราะกว่าจะจับลักษณะนี้ได้ก็ใช้เวลานานอยู่ บางท่านอาจจะหัวเราะว่าเราจะเอาอะไรนักหนากับความฝัน เพียงแต่จินตวดีกำลังสงสัยว่า เรากำลังถูกอะไรควบคุมโดยไม่รุ้ตัวหรือเปล่า มันผสมมากับความฝันอย่างเนียน ๆ เลย
<o> </o>
แต่ความฝันเมื่อคืนก่อนเริ่มเห็นร่องรอย เราเห็นตัวเองใส่ชุดไทยสีทอง สวมมงกุฏเป็นรูปเจดีย์สีทอง มีคนเรียกเราว่า คุณจี (ชื่อเล่น) ชื่อจริง คือ นันทา เห็นไหมเป็น ตัวเจ และ ตัวเอ็น อีกแล้ว (เราสมมุตว่า เจคือจินตนาการ และ เอ็นคือหมวดของโนวาอนาลัย) เราอยากจะส่องกระจกดูหน้าตัวเอง มีคนนำภาพมาให้ดู เป็นภาพผุ้หญิงหน้าตาอ่อนหวาน พลันภาพเปลี่ยนเป็นหน้าของผุ้ก่อการร้ายมากมาย เราฉงนในใจว่า ภาพผู้หญิงอ่อนหวานนั้นหายไปแล้ว พลันภาพก็วนกลับมาเป็นผู้หญิงคนเดิม มีเสียงบอกมาว่า “จงอย่าเข้าใจผิด ภาพที่เห็นนั้นมีการเซ็ตตั้งค่าไว้ มันเป็นภาพแบบออโต้ ท่านไม่ได้เห็นจากจิตที่แท้จริง” เราก็เข้าใจเพราะภาพมันก็วนไปวนมาดังนั้นอีกครั้ง เราก็สับสนว่า แล้วเราจะเชื่ออะไรได้ พลันคำตอบเข้ามาที่หัวเรา “เราไม่สามารถค้นหาคำตอบได้จากการถามใครจากภายนอก แต่เราจะหาคำตอบได้จากตัวเอง โดยกลับเข้าไปสู่ภายในแล้วเราจะค้นพบคำตอบทั้งหมดที่ต้องการ” คำว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับมาสู่เราอีกครั้งหนึ่ง
<o> </o>
วันนี้ตอนเช้า เราฝันเห็นเราและอีกครอบครัวหนึ่ง เหตุการณ์ในวันหนึ่งดำเนินไปตามปกติ พอถึงเวลาหนึ่ง เราบอกพวกเขาว่า “ได้เวลาที่เราจะต้องตื่น และกลับไปที่อีกโลกหนึ่งแล้ว แล้วจะกลับมาใหม่” ในความฝันรู้ถึงสภาวะปัจจุบันนั้นดี แถมขากลับเดินผ่านเอ.เจ. ที่กำลังนั่งอยู่ ยังได้หยุดคุยด้วยพร้อมบอกว่า “อย่าลืมตื่นกลับมาที่โลกปัจจุบันล่ะ เพราะยังต้องเรียนกันต่อนะ พรุ่งนี้เช้าเจอกัน” แล้วก็ตื่นมา แปลกใจแต่ที่ว่าช่วงนี้สามารถใช้สติสัมปชัญญะปัจจุบันในฝันได้บ่อยครั้งขึ้น<o></o>

 

จำ password คุณเอไม่ได้แล้ว..
ขอปรับให้อ่านง่ายๆไว้ข้างบนนี้แทนนะครับ

พี่นักเขียนเคยบอกครับว่า ประสบการณ์ทั้งหลายล้วนมีต้นกำเนิดอารมณ์-จินตนาการ-ความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของตนเอง แม้ในความฝันก็เป็นการยอมรับพลังอำนาจตามธรรมชาติของจิตวิญญาณอย่างนึง เหมือนเราไปเดินเล่นอยู่ในทุ่งกว้างอันหลากหลายมิติ บางครั้งก็อาจสัมผัสพบเจอกับพลังอำนาจที่เราไม่คุ้นเคยเข้าได้เหมือนกัน (จริงๆคือความเชื่อบางอย่างที่ฝังอยู่ลึกๆ) แต่ยังไงสิ่งนั้นก็ไม่สามารถเข้ามาควบคุมความฝันเราได้อย่างในหนังไนท์แมร์ หรือเจ้าเฟรดดี้ ครูเกอร์นะครับ อิอิ

สงสัยอยู่ว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แทรกเข้ามารบกวนคุณเออยู่นี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นความรู้สึกที่เราสร้างขึ้นจนเกิดเป็นพลังที่เข้มข้นก็ได้ครับ เชื่อว่าเหตุผลและคำตอบนั้นมีอยู่ครบแล้ว และอาจมีเหตุผลอื่นๆอีกเช่น..มีการปรับจูนสัญญาณเข้ามาหา...หรือเป็นการทดลองจาก"มิติอื่นๆ"โดยที่เราเองยังรู้สึกต่อต้านอยู่บ้าง ซึ่งก็เป็นไปได้อีก ฯลฯ

แต่ลึกๆก็เชื่อว่าคุณเอเองก็เปิดโหมดรับข้อมูลนี้อยู่ และยอมรับมันอย่างใฝ่รู้ด้วย สิ่งนี้เลยอยู่ไม่ห่างไกลนัก ยังไงเหตุการณ์ก็นี้ไม่สามารถปิดกั้นความเป็นจริงไปได้ครับ และก็มั่นใจว่าคุณเอย่อมรู้ดีที่สุดว่าสิ่งนั้นคืออะไร? เป็นกระบวนการค้นหาคำตอบและเป็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่อย่างนึงเช่นกันนะครับ

เชื่อว่าถ้าพี่นักเขียนฯจะแนะนำคงบอกพวกเราทันทีครับว่า...ให้สำรวจความเชื่อของตนเอง สำรวจสภาวะจิตของตนเอง และฝึกฝนสติสัมปชัญญะให้ขยายตัวทั้งส่วนของ "ผู้กระทำและผู้สังเกตการณ์" เพื่อให้สามารถแก้ไขป้องกันข้อผิดพลาดใดๆที่คล้อยตามความคิดและความเชื่ออยู่ แต่ให้อารมณ์จินตนาการและความรู้สึกของเรา"คล้อยตามความรู้"ให้ได้ครับ การมีสติพร้อม และการใช้สัญชาติญาณควบคุ่กับปัญญา ยังไช้ได้อยู่เสมอครับ

 

<TABLE class=tborder id=post2399789 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 10:23 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #
After I left the net world for almost 1 year,
K. Chayuut (the master of english-thai translation)
has advanced himself in exploring and translating deeper into the universal reality (beyond Earth).

It is fun and exciting adventure YET
it is confusing and doubting for
HIGHER spiritual information at the same time
because of the level of spiritual development/belief/understanding,
language, background, etc....

The spiritual growth should start from Earth level
such as
physical,
mental,
emotional,
spiritual and so on...
(Example from kindergarten, year 1, 2, 3,..., 12 and beyond)

However the world is going very fast with
the highest technology at the present
(Computer and Internet)
and also the UNIVERSE is changing and transforming
so we all are living in the most crisis point from all history of mankind
that is bombarded with loads of information from many sources (seen and unseen, this world and out of this world).

From earth to another planet, solar system, galaxy, universe, multi universe,...omniverse and beyond....

When our spiritual growth is not yet advanced,
it is very hard to understand a new higher reality and beyond. It is like children in YEAR 6
trying to read and comprehend YEAR 12 subject.

I just want to share and clarify about something
that is confusing and misunderstanding
(Of course and always use your own judgement

If you want to play and interact with higher reality
beyond Earth level into
Solar System,
Galaxy,
Dimension,
Universe and
beyond then...
you must understand the UNIVERSAL LANGUAGE.

1) GOD is...
CONSCIOUSNESS or
INFINITE CONSCIOUSNESS or
SPIRIT or
CREATOR or
PRIMARY CONSCIOUSNESS
or etc.....

2) BUDDHA is SA-TI (In Thai) or
CONSCIOUSNESS or
PRIMARY CONSCIOUSNESS.

(So if your level of understanding
the word of GOD
as a man with long white beard
who is creating the world and judging the world
and creating heaven and hell
then that's a limited and
not correct version of higher truth of reality.

So that's why ...
it is very hard to accept and understand messages from
higher dimension beyond earth.

3) Not all of messages from higher dimension or beyond Earth is always correct and truth because there are many level of spiritual development.

However, in the universal spirit, there are 2 part,
there are
LOVE (light, constructive, share, co-operation, high energy and consciousness)
and
FEAR (darkness, destruction, close, control, low energy and consciousness)

4) Lord Guatama Buddha is...
one of the Spiritual Master
who is part of spiritual council of this planet Earth
(Also included
Master Sananda (Jesus),
Lady Master Mary,
Lady Master Kyaun Yin,
Lord Maitreya (Krishna)
Lord Khuthumi,
St Germain (Christopher Columbus),
Lao Tze and
many Master and Lady master from Earth, Venus
and others in this solar system and beyond.)

They are looking after our spiritual growth of all mankind
on this palnet Earth in the unseen.


The Path of Enlightened Master is NOT selfless,
they still have their own character and EGO but
all expression in higher energy called LOVE!!!

For some it is very hard to accept and understand.
Some might thought after we all get enlightenment
then we are forever and live happily in NIRVANA.

Well that's truth but...
even after ENLIGHTENMENT,
there is still growing and evolving in spiritual development
or another play/adventure of spirit.
(Example: Nova Analai' spirit/consciousness
is still learning and evolving)

However I will not go very deep into it at the moment.

5) Always remember,
you must listen to your own inner intuition or
feeling or
turn within yourself for all truths and understanding,
no matter the messages from higher dimension or beyond.

Accept only what you feel right within your heart
and
Reject what is not feel right within your heart.

Even the higher truth is correct but
sometimes from your own level spiritual understanding,
you might be not be ready yet in this moment
so it will take you 1 or 10 or 100 years to understand the higher truth.

Above 5 keys is to...
clarify some reader about UNIVERSAL COMMUNICATION
when reading and interpreting and understanding all mesages beyond EARTH.

The previous translation of messages from other world
on this board, I was not part of it.
It was Khun Chayutt's presentation.


However, the world is growing very fast and
I can feel some reader would open mind and
understand about the other world more than ever.


My previous project (1 year ago) was sharing
about the original of the VOID and Spirit/Consciousness
ANCIENT SECRET SCHOOL #1 : The VOID and SPIRIT/CONSCIOUSNESS

This year, I love to share about human being who
is just like you and me
but their spiritual development is more advancing than us.

They are living in the inner center of our Earth at the moment.
Let call this topic
ANCIENT SECRET SCHOOL #2: "MESSAGES FROM THE INNER EARTH."


If Khun Chayutt and others want to translate once again,
then let me know,
then our exciting project would be started soon...
;aa44
</TD></TR></TBODY></TABLE>

หลังจากที่ผมได้ห่างหายไปจากโลกอินเตอร์เน็ตไปเกือบ 1 ปี
คุณชยุต (ผู้ชำนาญการด้านการแปลภาษาอังกฤษเป็นไทย)
ได้พัฒนาตัวเองไปสู่การค้นหาความเป็นจริงอื่นๆลึกเข้าไปในจักรวาล
(นอกเหนือจากบนดาวเคราะห์โลก) เพื่อนำมาแปลแล้ว

แม้ว่ามันจะเป็นการผจญภัยที่สนุกและน่าตื่นเต้น
แต่มันก็ทำให้เกิดความสับสนและความสงสัยในข้อมูลที่ได้รับมา
จากจิตวิญญาณชั้นสูงกว่า ในขณะเดียวกันด้วย
เพราะว่าระดับการพัฒนาทางจิตวิญญาณ ความเชื่อ และความเข้าใจ
ภาษาที่ใช้ พื้นฐานความรู้ และอื่นๆ ที่แตกต่างกัน


การเจริญเติบโตด้านจิตวิญญาณ ควรจะเริ่มต้นที่ระดับของโลกมนุษย์ก่อน
ไม่ว่าจะเป็น ด้านกายภาพ, ด้านจิตใจ, ด้านอารมณ์, ด้านจิตวิญญาณ และอื่นๆ
(ก็เหมือนกับที่เราต้องเริ่มต้นเรียนที่ระดับชั้นอนุบาลก่อน
แล้วค่อยไปที่ชั้นประถมปีที่ 1,2,3,…,12 และอื่นๆต่อๆไป)

แต่อย่างไรก็ตาม โลกก็กำลังมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก
ด้วยเทคโนโลยีสูงสุดที่มีอยู่ในขณะนี้ (คอมพิวเตอร์ และ อินเตอร์เน็ต)
และในขณะเดียวกันจักรวาลก็กำลังมีการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนรูปแบบไปด้วย
<O</O
ดังนั้น พวกเราทั้งหมด จึงกำลังอาศัยอยู่ในช่วงที่เป็นจุดวิกฤติที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ซึ่งกำลังถูกโหมกระหน่ำด้วยข้อมูลข่าวสารจำนวนมากมาย ที่มาจากสารพัดแหล่งข้อมูล
(ทั้งที่มองเห็นได้และที่ไม่สามารถมองเห็นได้, ทั้งจากบนโลกนี้และที่มาจากนอกโลก)

จากดาวเคราะห์โลก จนถึงดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ จนถึงระบบสุริยจักรวาล
กาแล็กซี่ จักรวาล อนันตจักรวาล ...โอมนิเวอร์ส และอื่นๆต่อๆไป

เมื่อระดับการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณของเรายังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร
มันจึงเป็นการยากมากที่จะเข้าใจรูปธรรมชีวิตอื่นๆที่มีระดับพัฒนาการทางจิตวิญญาณที่สูงกว่าได้
มันก็เหมือนกับเด็ก ป.6 แต่ไปพยายามอ่านหนังสือเรียนของเด็ก ม.6 ให้เข้าใจอะไรแบบนั้นแหละ<O</O


ผมเพียงแต่อยากจะเสนอแนะและช่วยทำให้เข้าใจอะไรบางอย่างที่กำลังสับสนและเข้าใจผิดอยู่เท่านั้นเอง
(แน่นอนว่าคุณต้องใช้วิจารณญาณของตัวคุณเองด้วยเสมอ)

ถ้าคุณต้องการที่จะเล่นและมีปฏิสัมพันธ์กับรูปธรรมชีวิตชั้นสูงกว่า
ที่อยู่ต่างโลก, ระบบสุริยจักรวาล, กาแล็กซี่, มิติ, จักรวาล และอื่นๆ
คุณต้องเข้าใจภาษาของจักรวาลเสียก่อน

1). พระผู้เป็นเจ้า คือ...<O</O
จิตสำนึก หรือ จิตสำนึกอันเป็นอนันต์ หรือจิตวิญญาณ
หรือพระผู้สร้าง หรือจิตสำนึกเดิมแท้หรืออื่นๆ


2). พระพุทธเจ้า คือ...
สติ หรือ จิตสำนึก หรือ จิตสำนึกเดิมแท้

ดังนั้น ถ้าระดับความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า “พระเจ้า” ของคุณ หมายถึงชายชราที่ไว้เครายาวสีขาว
และเป็นผู้สร้างโลกและตัดสินโลก และเป็นผู้สร้างนรก-สวรรค์แล้วหละก็
นั่นเป็นความเข้าใจในสัจธรรมชั้นสูงกว่า ที่จำกัดและไม่ถูกต้อง<O</O


ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมมันจึงเป็นการยากนักหนา ที่จะยอมรับและเข้าใจข้อความจากมิติที่สูงกว่าจากนอกโลก<O</O

3). ไม่ใช่ว่าข้อความที่มาจากมิติที่สูงกว่าจากนอกโลกทั้งหมด จะถูกต้อง และเป็นความจริงเสมอไป
เพราะว่าพวกเขาเองก็มีระดับขั้นของการพัฒนาทางจิตวิญญาณที่หลากหลายแตกต่างกันด้วย<O</O
<O</O
แต่อย่างไรก็ตาม ในจิตวิญญาณของจักวาล ก็มีอยู่ 2 ส่วนหลักๆ นั่นก็คือ
<O</O
- ความรัก (แสงสว่าง, การสร้างสรรค์, การแบ่งปัน, การร่วมมือกัน, ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่มีพลังงานและจิตสำนึกที่สูง)
<O</O
- ความกลัว (ความมืด, การทำลาย, การปิดกั้น, การควบคุม, ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่มีพลังงานและจิตสำนึกที่ต่ำ)<O</O


4). พระสมณะโคดม คือ หนึ่งในคุรุทางจิตวิญญาณซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสภาทางจิตวิญญาณ ของดาวเคราะห์โลกใบนี้<O</O

ซึ่งในสภานี้ รวมถึง ท่านสนันดา (พระเยซุคริสต์), พระแม่มารี, พระแม่กวนอิม, พระกฤษณะ,
นักบุญ Germain (คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส), ท่านเล่าจื่อ และคุรุ และพระแม่อื่นๆบนโลกใบนี้
รวมถึงบนดาววีนัส และดวงดาวอื่นๆ ในระบบสุริยจักรวาลนี้ และอื่นๆ<O</O

พวกท่านเหล่านี้ กำลังเฝ้ามองดูการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณของมนุษยชาติอยู่ในที่ๆเรามองไม่เห็น

วิถีของคุรุผู้รู้แจ้งแล้ว ไม่ใช่การไร้ซึ่งตัวตน (อนัตตา?)
พวกท่านยังคงมีคุณลักษณะและความเป็นตัวของตัวเองเฉพาะอยู่
แต่ว่าสิ่งที่แสดงออกมาทั้งหมดในระดับพลังงานที่สูงกว่าเช่นนั้น เรียกว่า “ความรัก”<O</O

มันอาจจะเป็นการยากมากสำหรับบางคนที่จะยอมรับและเข้าใจคำกล่าวนี้ได้
เพราะบางคนอาจจะคิดว่าหลังจากที่เราบรรลุความรู้แจ้งแล้ว เราก็จะไปเสวยสุขอยู่ในพระนิพพานชั่วนิจนิรันดร์

ซึ่งนั่นก็จริงอยู่...แต่ว่า แม้ว่าจะรู้แจ้งไปแล้ว ก็ยังจะมีการเจริญเติบโตและวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณอยู่ต่อไปอีก
หรือไม่ก็ ยังจะมีการเล่นบทบาทหรือผจญภัยทางจิตวิญญาณแบบอื่นอยู่ต่อไปอีก
(เช่น ท่านอาจารย์ โนวา อนาลัย ซึ่งจิตวิญญาณ/จิตสำนึกของท่านยังคงมีการเรียนรู้และวิวัฒน์อยู่ต่อไป)

อย่างไรก็ตาม ผมยังจะยังไม่ลงลึกไปในรายละเอียดมากนักในตอนนี้

5). จงจำไว้เสมอว่า เกี่ยวกับทุกๆสัจธรรมและความเข้าใจทั้งหมด
คุณต้องรับฟังสัญชาติญาณภายใน หรือความรู้สึกภายในของคุณเองด้วย
หรือต้องกลับเข้าไปสู่ภายในตัวคุณเองด้วย ไม่ว่าข้อความจากมิติที่สูงกว่าจะเป็นอะไรก็ตาม

จงยอมรับเฉพาะสิ่งที่คุณรู้สึกลึกๆในใจว่ามันใช่และจงปฏิเสธสิ่งที่คุณรู้สึกลึกๆในใจว่ามันไม่ใช่

แม้ว่าสัจธรรมในขั้นสูงนั้นๆจะเป็นความจริงแท้ก็ตาม
แต่ว่าบางที ด้วยระดับความเข้าใจทางด้านจิตวิญญาณของตัวคุณเองในขณะนี้
คุณอาจจะยังไม่พร้อมที่จะเข้าใจมันในขณะนี้
<O</O
ดังนั้น มันอาจจะต้องใช้เวลา 1 ปี ,10 ปี หรือว่า 100 ปี เพื่อที่จะเข้าใจสัจธรรมในระดับที่สุงกว่านั้นๆก็เป็นได้



กุญแจทั้ง 5 ดอกข้างต้นนี้ จะช่วยให้เข้าใจเกี่ยวกับการสื่อสารกับจักรวาลได้ง่ายขึ้น
สำหรับผู้อ่านบางคนที่กำลังอ่าน และแปลความหมาย และทำความเข้าใจข้อความทุกๆข้อความจากนอกโลกอยู่


ข้อมูลแปลข้อความจากการสื่อสารจากโลกอื่นในกระทู้นี้ ผมไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย คุณชยุตเขาเป็นนำเสนอของเขาเอง

แต่อย่างไรก็ตาม โลกกำลังมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมาก
ผมสามารถรู้สึกได้ว่าผู้อ่านบางคนสามารถเปิดใจรับและเข้าใจเกี่ยวกับโลกอื่นได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน


โปรเจ็คท์ที่ผ่านมาของผม (เมื่อ 1 ปีที่แล้ว) คือการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการกำเนิดของสุญญตาและจิตวิญญาณ/จิตสำนึก
ที่ใช้ชื่อโปรเจ็คท์ว่า<O</O

ความลับของโรงเรียนแห่งการรู้แจ้ง #1: สุญญตา และจิตวิญญาณ/จิตสำนึก<O</O

(<ST1<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com</st1laceName>ANCIENT <st1laceName w:st="on">SECRET</st1laceName> <st1laceType w:st="on">SCHOOL </st1laceType></ST1#1: The VOID and SPIRIT/CONSCIOUSNESS)<O</O

ในปีนี้ ผมมีความยินดีที่จะแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของมนุษย์โลก ผู้ที่เหมือนคุณและผมนี่แหละ
แต่ระดับพัฒนาการทางจิตวิญญาณของพวกเขาสุงกว่าพวกเรามาก<O</O
<O</O
ซึ่งในขณะนี้ พวกเขากำลังอาศัยอยู่ภายในดาวเคราะห์โลก (ไม่ใช่บนผิวโลกอย่างเรา –Chayutt) และผมจะตั้งชื่อหัวข้อนี้ว่า<O</O

ความลับของโรงเรียนแห่งการรู้แจ้ง #2: สาส์นจากภายในโลก<O</O

(<ST1<st1laceName w:st="on">ANCIENT</st1laceName> <st1laceName w:st="on">SECRET</st1laceName> <st1laceType w:st="on">SCHOOL</st1laceType></ST1 #2: "MESSAGES FROM THE INNER EARTH”)<O</O


ถ้าคุณ Chayutt และคนอื่นๆอยากจะช่วยแปลให้อีกครั้งหนึ่ง
ก็บอกผมมานะครับ แล้วโครงการที่น่าตื่นเต้นของเรา ก็จะเริ่มต้นขึ้น เร็วๆนี้<O</O


...............................<!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ที่มา: http://palungjit.org/threads/การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก-เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก-ของมิตรจากต่างพิภพ-และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก.193101/page-30

<TABLE class=tborder id=post2403271 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 02:38 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #591 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2403271", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนบริจาค



วันที่สมัคร: Aug 2005
สถานที่: Vietnam
อายุ: 37
ข้อความ: 2,490
Groans: 38
Groaned at 9 Times in 6 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 13,950
ได้รับอนุโมทนา 30,324 ครั้ง ใน 2,575 โพส
พลังการให้คะแนน: 2199


</TD><TD class=alt1 id=td_post_2403271 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->ข้อความภาษาอังกฤษของคุณ Avatar_boy ที่ผมบอกว่าจะแปลให้นั้น
ตอนนี้ผมได้แปลและโพสต์ไว้ในโพสต์ที่ 581 แล้วนะครับ


สำหรับจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ทั้งหลาย
ผู้ที่เคยร่วมด้วยช่วยกันแปลงานเขียนของคุณ avatar_boy เมื่อปีที่แล้วนั้น
หากปีนี้ ใครยังพอจะมีเวลาว่าง อยากช่วยกันอีก ก็ช่วยโพสต์ หรือ PM แจ้งผมมาหน่อยนะครับ

หรือท่านอื่นๆที่พอจะมีฝีมือแปลภาษาอังกฤษเป็นไทยอยู่บ้าง ถ้าอยากเสนอตัวเข้าร่วมด้วย
พวกเราก็ไม่ขัดข้องนะครับ

รูปแบบการทำงานก็คือ

1. คุณ Avatar_boy เขาจะเขียนต้นฉบับออกมาเป็นภาษาอังกฤษของเขาก่อน
แล้วจะโพสต์เป็นเวอร์ชั่นอังกฤษก่อน (ในกระทู้ใหม่ของเขาเอง) หรือไม่ก็แล้วแต่เขาจะตัดสินใจหนะนะครับ
แต่ที่แน่ๆ เขาจะส่งให้ผม หรือโพสต์เอาไว้ในกระทู้นั้นเลยก็แล้วแต่เขาเช่นกันครับ

2. ผมจะเป็น Center ในการแบ่งงานให้พวกเราเอาไปแปลกัน ใครเอาอันไหนไปก่อน-หลัง

3. จากนั้น พอทุกคนแปลเสร็จแล้ว ก็ส่ง PM กลับมาที่ผมก่อนนะครับ อย่าเพิ่งโพสต์
เพราะเดี๋ยวผมจะดูให้ก่อนว่า อารมณ์ของคนอ่านจะต่อเนื่องกันหรือไม่ หากได้อ่านแล้ว
ดังนั้น บางที ผมอาจจะต้องขออนุญาตผู้ที่แปลแต่ละคน ดัดแปลง ตัด แต่ง งานแปลของท่านสักเล็กน้อย
เพื่อความเหมาะสม และ เพื่อความสละสลวยของภาษาด้วยนะครับ

4. จากนั้น ผมก็จะส่งกลับไปให้เจ้าของต้นฉบับคือ คุณ Avatar_boy เป็นผู้ตรวจทานความถูกต้องให้อีกครั้งหนึ่งก่อน

5. จากนั้น ถ้าไม่มีอะไรต้องแก้ไขอีก ผมก็จะเอามาโพสต์ลงในกระทู้นั้น ก็เป็นอันเสร็จพิธี ของแต่ละตอนนั้นๆไปหนะครับ


ปีที่แล้วจำได้ว่ามีใครบ้างน๊า ถ้าได้โพสต์นี้แล้ว หรือใครพบเห็นผู้ต้องหาเหล่านี้ที่ไหน
ช่วยแจ้งเจ้าตัวให้ด้วยนะครับ (ถ้าตกหล่นใครไปขออภัยด้วยนะครับ)

1. คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->VeggieGuy<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2403033", true); </SCRIPT>
2. คุณ Sarisa
3. คุณ เซลล์
4. คุณ Zipper
5. คุณ Falkman
6. คุณ Jintawadee

มีใครอีกไหม๊เนี่ย...

........................................................<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขอบคุณคุณชยุตครับ แปลบทนี้ของคุณ avatar_boy มาให้อ่านกัน
ยังอ่านไม่หมดเลยครับ แต่สะดุคประโยคนี้เข้าพอดี >>>

-------------------------------------------------------------------------
วิถีของคุรุผู้รู้แจ้งแล้ว ไม่ใช่การไร้ซึ่งตัวตน (อนัตตา?)
พวกท่านยังคงมีคุณลักษณะและความเป็นตัวของตัวเองเฉพาะอยู่
แต่ว่าสิ่งที่แสดงออกมาทั้งหมดในระดับพลังงานที่สูงกว่าเช่นนั้น เรียกว่า “ความรัก”<O</O

มันอาจจะเป็นการยากมากสำหรับบางคนที่จะยอมรับและเข้าใจคำกล่าวนี้ได้
เพราะบางคนอาจจะคิดว่าหลังจากที่เราบรรลุความรู้แจ้งแล้ว เราก็จะไปเสวยสุขอยู่ในพระนิพพานชั่วนิจนิรันดร์

ซึ่งนั่นก็จริงอยู่...แต่ว่า แม้ว่าจะรู้แจ้งไปแล้ว ก็ยังจะมีการเจริญเติบโตและวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณอยู่ต่อไปอีก
หรือไม่ก็ ยังจะมีการเล่นบทบาทหรือผจญภัยทางจิตวิญญาณแบบอื่นอยู่ต่อไปอีก
(เช่น ท่านอาจารย์ โนวา อนาลัย ซึ่งจิตวิญญาณ/จิตสำนึกของท่านยังคงมีการเรียนรู้และวิวัฒน์อยู่ต่อไป)

----------------------------------------------------------------------

เชื่อว่าเราหลายๆคนก็คงเห็นด้วยกับประโยคนี้ครับ ว่าจิตวิญญาณยังต้องเรียนรู้และวิวัฒน์อยู่ต่อไปแม้จะบรรลุธรรมแล้วก็ตาม นิพพานก็มีระดับมิติต่างๆอีกมากมายที่เราเองหยั่งไม่ถึง แต่เชื่อว่ามีหลายแผนกเหมือนบ้านหรือ office ที่มีหลายๆห้อง (จริงๆไม่ได้เป็นห้องแต่เป็นสนามพลังงานมากกว่า) เช่นว่า มีด่านคัดกรองแก้ไขปรับปรุง หรือ format จิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ - มีแผนกส่งมอบพลังและความรักให้โลกและจักรวาล - มีแผนกครีเอตทีพเพื่อก่อกำเนิดหรือสร้างสรรค์ อะไรเหล่านี้ครับ เพราะเราเองเป็นส่วนขยายของทั้งหมดที่ว่ามาครับ..และก็อาจมีบางห้องที่ไปเข้าไม่ได้เป็นเขตหวงห้ามอีก...เป็นความรู้สึกที่พอจินตนาการถึงได้ครับ...

ท่านอาจารย์อนาลัยตามที่พี่นักเขียนกล่าวถึง ท่านเป็นหมวดความรู้หนึ่งที่ทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณให้กับระบบเครือข่าย เพื่อส่งผ่านความรู้ที่เป็นสากลสู่มิติของพวกเราให้ขยายตัวและยกระดับขึ้นไป และอาจารย์อนาลัยยังคงทำหน้าที่ในจุดอื่นๆมิติอื่นๆต่อไปเช่นกันครับ


มีอะไรดีๆก็นำมาโพสได้ที่นี่เลยครับ คุณชยุต
ระหว่างนี้พี่นักเขียนฯยังไม่สะดวกเข้ามาสนทนา มีแต่พวกเราคุยกันเองล่ะครับ
ขอบคุณและยินดีช่วยแปลให้ได้ครับคุณชยุต...

ความลับของโรงเรียนแห่งการรู้แจ้ง #2: สาส์นจากภายในโลก

 

กว่าจะเข้าได้แย่เลย ต้องไปยืมโน๊ตบุ๊คเพื่อนมา ขอบคุณคุณมี้ดมากค่ะ จินตวดีลองสำรวจความเชื่อตัวเองดูแล้วเห็นได้ชัดว่า นี่คงเป็นสิ่งที่ตัวเองได้ตั้งเป้าหมายไว้อย่างแน่นอน เพราะหนีก็แล้ว ไม่ใส่ใจก็แล้ว เหตุการณ์ยังปรากฏทุกค่ำคืน เออมันจึงน่าจะเป็นอย่างที่คุณมี้ดบอกเอาไว้ มันต้องเกี่ยวกับเรื่องมิติแน่ ๆ เพราะในใจบอกตลอดว่าต้องศึกษาและทำแบบฝึกหัดในเล่มความเป็นจริงหลากมิติ ลองนั่งนิ่ง ๆดูความรู้สึก มันก็ยังบอกว่าให้ฝึกฝน ทำแบบฝึกหัด ยังขี้เกียจมาถึงทุกวันนี้ เห็นข้อความจากคุณมี้ดบอกอีก "เหตุบังเอิญไม่มีในโลกหรอก" จินตวดีเชื่อ มันต้องเกี่ยวอะไรบางอย่างกับมิติแน่นอน

ถึง คุณชยุต

ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ และดีใจที่จะได้ร่วมงานด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง

จินตวดี

 

อะ..สรุปว่าได้ตัวแล้ว 3 คน

1. คุณ mead
2. คุณ Jintawadee
3. คุณ VeggieGuy

....................