ความเสื่อมแห่งพระธรรม

นั่นล่ะ ...

 

อิอิ ชิมิ ชิมิ

 

ศีลที่บริบูรณ์ขึ้นเป็นตัวชี้วัด

ทั้งนี้ เมื่อฝึกรู้ เมื่อรู้ทัน ย่อมเห็นความเศร้าหมอง เมื่อรู้ว่าจิต
ไปเสพอะไรแล้วเศร้าหมอง ด้วยภูมิของจิตใจมนษย์(จิตใจสูง)
มันจะรู้ว่าควรถอยห่าง จิตจึงได้รับการอบรม ทำให้ศีลมีเพิ่ม

โดยศีลที่เพิ่ม ก็เพิ่มมาจาก ศีลพี่เลี้ยง ซึ่งก็คือ อินทรีย์สังวรณศีล

 

วิธีการหลุดพ้นหรือพ้นไปจากสภาวะอารมณ์การกลัวนั้นมีวิธีหนึ่งที่เริ่มได้จากตัวเราเองนั่นก็คือ การให้ความเคารพในตนเองมากๆ คนที่เคารพในตัวเองสูงเมื่ออยู่ในภาวะอารมณ์ที่แย่ หรือว่าไม่ดีเขาจะทำงานอย่างหนักเพื่อให้เขากลับมาสู่ในสภาพปกติโดยเร็วที่สุดขณะเดียวกันคนที่ไม่ให้ความเคารพตนเองมากนักก็จะทำสิ่งตรงกันข้าม คือพวกเขาจะเคยชินอยู่กับการต้องอยู่ในสภาวะที่โศกเศร้า
อย่างไรก็ตาม คนทุกคนมีคุณค่าอยู่ในตัวเอง ฉะนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่มีความเคารพในตนเองอย่างสูง หรือต่ำต้อยก็ไม่ควรที่จะอยู่ในความรู้สึกที่ยำแย่เพราะคนเราทุกคนพร้อมที่จะเติมพลังให้กับตัวเองเพื่อที่จะหลุดพ้นจากสภาวะทางอารมณ์ที่เศร้าหมองกันทั้งนั้น
ฉะนั้นก็อาจสรุปได้ว่าไม่ว่าคุณจะพยายามสลัดตัวเองให้หลุดพ้นจากสภาวะการณ์แห่งความกลัวหรือไม่สิ่งที่ควรทำก็คือการให้ความเคารพในตัวเองคือสิ่งที่สำคัญที่สุดหลายคนเมื่อเคยตกอยู่ในอารมณ์ที่หวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่นั่นก็ไม่น่ากลัวเท่ากับทำอย่างไรถึงหลุดออกมาจากสภาวะอารมณ์นั้นให้เร็วที่สุด

ปล เกือบทำได้นะ

 

รู้ว่า มีอินทรีย์สังวรณ์ศีล เป็นศีลพี่เลี้ยง

และเป็นศีลที่ แนบลงมาที่จิต ปิดที่มโนทวาร จึงรู้ถึงความตั้งมั่น
อยู่ที่การรู้ มโนทวาร ทำให้ รู้การส่งส่ายของจิตไปตามอยาตนะที่
เหลือ เมื่อจิตส่งส่ายจึงไม่มีความตั้งมั่นในการรู้ หากจิตไม่ส่งส่าย
จิตก็ตั้งมั่นอยู่ที่การรู้ การตั้งมั่นในการรู้ เรียกว่า เกิดสมาธิ และเป็นสัมมาสมาธิ

 

นั่นๆ .. ฝึกตามรู้ไป

 

แปลกใจ ว่าทำไมยังไม่เห็นธรรมจากทั้งคู่ผีเน่าโลงผุ วิษณุ นานากร เห็นดูมานานแล้วไม่ใช่หรือ
มีแต่ ชิมิ โอ๊ะโอ นั่นแหละ ยะฮู

หนักๆเข้า . ( จุดตัวเดียวก็เอาแล้ว เดี๋ยวนี้ )

จากนั้น มี หน้าม้า จะมาอนุโมทนา กับ ธรรม ชิมิ โอ๊ะโอ ยะฮู กันจ้าละหวั่น

คุณๆครับ ผมเข้าใจแล้วครับ ไม่ต้องอธิบายแล้วนะ

 

เอาเส้นผมออกก็จะทันน่ะนะ

 

เมื่อศีลก็บริบูรณ์ขึ้นเป็นลำดับแล้ว

สมาธิก็บริบูรณ์ขึ้นเป็นลำดับแล้ว ธรรมดำย่อมถอยลง

เมื่อธรรมดำลดน้อยถอยลง จึงพึงหวังได้ถึงการเห็นปัญญา

เมื่อพึงหวังได้ในการเห็นปัญญา จึงเพียรเจริญสติด้วยฉันทะ

เมื่อเริ่มเจริญสติด้วยฉันทะ จึงเริ่มเข้าสู่อิทธิบาท4 หลังจาก
ผ่านสัมปธานมาแล้วเบื้องต้น

เมื่อทำการเจริญสติด้วยอิทธิบาท4แล้วเนืองๆ โพชฌงค์
จึงเกิดตามมา

ที่เหลือก็ว่าไปตาม โพธิปักขยิธรรมที่เหลือ .........

โดยที่ไม่สนใจในผล แต่อยู่ที่ขยันทำเหตุ

"คนเราจะรวย มันอยู่ที่ขยันทำงาน อย่าไปสนใจที่ว่าจะรวยหรือไม่รวย
หากขยันทำงาน มันก็ต้องรวยสิ" หลวงพ่อสงบ

 

เพร๊ง ..!!!!! ..อิอิ

 

เป็นธรรมะ หรือ ขายหัวเราะ...
งง..

 

มีใครรู้เพลงที่เกี่ยวกับมรณานุสติไหม หาไม่เจอ

 

อะไรที่รู้ทันเฉพาะหน้านั่นล่ะ.. ธรรมมะ

 

ก็แล้วแต่ท่านจะปรุงอ่ะ

 

อะไรของมัน นั่น
เป็นอะไร วิษณุ

เอาเถอะ ผมยกให้คุณคนหนึ่ง ผมถือว่า พิษภัยยังไม่ได้อยู่ที่คุณ

 

วันนีิก็หลับสบายอีกล่ะซิ ได้ด่าหนูแล้วนี่

 

พระอาจารย์สงบ มนัสสันโต

แผนที่ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่)


แผนที่วัดป่าสันติพุทธาราม หรือวัดป่าเขาแดงใหญ่ ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี (พระอาจารย์สงบ มนัสสันโต)

แผนที่เริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม ช่วงแยกบางแพ ถึงวัดป่าสันติพุทธาราม ระยะทางประมาณ 43 กิโลเมตร

เส้นทางตั้งแต่แยกบางแพ ถึงแยกหัวรอ - หุบพังพานทั้งหมดเป็นทางหลวงลาดยาง เมื่อผ่านแยกหัวรอ - หุบพังพานไปแล้วทางหลวงชนบทจะมีช่วงขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อบ้าง รถเก๋งสามารถเดินทางไปได้โดยสะดวก

<DL class=profile-datablock><DT class=profile-data>พระอาจารย์สงบ มนัสสันโต <DT class=profile-data>วัดป่าสันติพุทธาราม <DD class=profile-textblock>ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี watpa.photharam@gmail.com </DD></DL>
หากมีข้อสงสัย หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาส่งคำถามไว้ในส่วน "ความคิดเห็น" หรือส่งอีเมล์มาที่ watpa.photharam@gmail.com

เส้นทางเดินทางไปหลวงพ่อสงบ <DT class=profile-data>วัดป่าสันติพุทธาราม </DT>
วัดป่าสันติพุทธาราม: รูปแผนที่ทางไปวัดป่าสันติพุทธาราม

 

แจกCDธรรมะบรรยายของ พระอาจารย์สงบ มนัสสันโต

พระอาจารย์สงบ มนัสสันโต วัดสันติธรรมาราม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ท่านเป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์หลวงตามหาบัว และหลวงปู่เจี๊ยะ

แจกCDธรรมะบรรยายของ พระอาจารย์สงบ มนัสสันโต
ตามลิงค์นี้....



ᨡCD

 

ท่านนานาฯที่รักครับ มันต่างกันตรงวาระเท่านั้นครับ
การทำสมาธิเป็นการฝึกฝนอบรมจิต ให้เข้าสมาธิอย่างคล่องแล้วชำนาญ
เป็นการพิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม ในกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นภายใน
ต้องฝึกฝนบ่อยๆเนืองๆ

ส่วนการมีสมาธิแล้วนั้น เมื่อคล่องแคล่วชำนาญดีแล้ว
ถึงคราวพิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม ในกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นภายนอกบ้าง
เมื่อชำนาญยิ่งๆขึ้น ย่อมพิจารณาทั้งภายในและภายนอกบ้าง
<O
แน่นอนครับท่าน ผู้ที่มีสมาธิดีแล้วนั้น
ย่อมไม่ทำอะไรโดยใช้อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดเป็นเครื่องตัดสิน
เรื่องราวต่างๆหรือสภาวะใดๆที่เกิดขึ้น

เมื่อจิตตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริงครับ

;aa24<O</O