ไม่ใช่นะครับที่มักกล่าวว่า “สมถะเหมือนการหลบภัย วิปัสสนาเหมือนการผจญภัย”

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 26 พฤษภาคม 2009.

  1. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ถ้ายังไม่เข้าใจก็ฝึกสร้างความรู้สึกตัวไปก่อน อยู่กับปัจจุบันให้มาก อย่าหลงความคิดนะ
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การฝึกมีสติ รู้ อยู่ที่ รู้ รู้ที่ตัวเอง
    “การรู้ตัวเองว่ามียินดี ยินร้าย รู้ตัวว่าคิด รู้ตัวว่าเผลอสติ คือการฝึกตน
    เข้าสู่ความเป็นกลางต่อการปรุงแต่ง

    ผมงงครับกับคำว่า “การเข้าสู่ความเป็นการกลางต่อการปรุงแต่งนั้น”

    ที่คุณ งง กับคำพูด นี้ของเรา เพราะคุณ ไม่มองที่ตัวเอง ไม่รู้ตัวเอง
    ไม่สนใจความรู้สึกของตนเอง ทั้งๆที่ นี้คือตัวปัญญาของคุณ

    สำหรับเรานะ (ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นอย่างเราไหม)
    ตัวเราเองนี้แหละ คือสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
    ถ้าเรารู้ตัวเอง ว่ารู้สึกอย่างไร มีเอียงข้าง มีให้ค่า มีชอบ ไม่ชอบ
    พอมีสติรู้ที่ตัวเองว่าเป็นคนอย่างนี้ คนที่เป็นตัวเรามันมีปัญญาเป็นของตนเอง
    มันปรับตัวเข้าสู่ความเป็นกลางเอง ความรู้สึกของเรามันจะพัฒนาตนเข้าสู่
    ความเป็นกลางด้วยตัวของความรู้สึกเอง เราเห็นว่าความรู้สึกนี้แหละคือตัว
    ปัญญาของเรา

    ตัวความรู้สึกนี้อยู่เหนือเหตุผล เป็นตัวสะท้อนอารมณ์ และความเป็นตัวเรา
    เป็นประสบการณ์ที่สะสมอยู่ในตัวเรา เราทำกรรมอะไรมันก็สะสมที่ตัวนี้
    มันคืออนุสัยของเรา ความเป็นคนดี คนชั่ว คนมีคุณธรรม หรือคนประเภทไหน
    ที่เราทำสะสมมา ก็เป็นที่ตัวความรู้สึกนี้ เป็นคนขี้โกรธ เป็นคนมีตัณหามาก
    เป็นคนไม่พยาบาท เป็นคนขี้สงสาร เป็นคนมีเมตตา เป็นคนมีมุทิตากรุณา
    ก็คือคนที่เป็นตัวตนของเรา เขาแสดงออกผ่านความรู้สึก อย่างเดียว ถ้าใช้คำ
    บาลีที่ใกล้เคียง คืออินทรีย์ ที่เราสะสมมา แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน เพราะทำมา
    ไม่เหมือนกัน สะสมเป็นปัญญาที่ตัวตนความรู้สึกนี้

    การที่รู้ที่ตัวเอง ก็คือรู้ความรู้สึกของตนเอง (อาศัยผู้รู้ไปรู้) พอเรารู้ที่ความรู้สึก
    นี้เนืองๆ ความรู้สึกที่เคยมีค่าต่างๆ จะรู้ตัวเองและเกิดปัญญา ปรับตัวเข้าสู่ความ
    เป็นกลาง จะให้ค่าน้อยลง จนถึงการไม่ให้ค่า ไม่มีค่าเกิดขึ้น คือรู้สึกเป็นกลาง
    ต่อทุกสิ่งที่รับรู้

    สิ่งที่จิตผู้รู้ ไปรู้สิ่งอื่นนอกเหนือจากความรู้สึกของตนเอง นั้น เราเรียกอาการ
    อย่างนี้ว่าไปรู้ที่เรื่อง ถ้ารู้ที่ความรู้สึกของตน เราเรียกว่า รู้ที่ตัวเอง

    นี้เป็นความเข้าใจของเรา อาจไม่ตรงกับคนอื่น
    เพราะเราเดินมาทางนี้ เข้าใจแบบนี้ กำลังทำให้กระจ่างในตนเอง

    ใช่เป็นการที่เราไม่เข้าไปสู่อารมณ์ทั้งหลายมั๊ยครับ?
    แต่ที่พูดๆมานั้น ยังมีการเข้าไปรับรู้อารมณ์อยู่ตลอดเวลานิครับ?

    เราไม่เข้าไปสู่อารมณ์ แต่เรารู้อารมณ์สติ แล้วดูความรู้สึก
    เพื่อให้จิตรู้สึกตัวขึ้นมา และปรับความรู้สึกเข้าสู่ความเป็นกลาง
    ด้วยภูมิปัญญาของตัวความรู้สึกเอง เมื่อใดที่ความรู้สึกตัวเกิดมีสติขึ้นมา
    แล้วรู้ว่ามีความรู้สึกไม่เป็นกลาง ความรู้สึกนั้นจะเข้าสู่ความเป็นกลางเอง
    เพราะปัญญาของตนเองมันเกิดจากที่รู้สึกตัว

    ผู้รู้ มีหน้าที่รู้
    ผู้ถูกรู้ ทำหน้าที่ด้วยความรู้สึกตัว ก็จะเข้าสู่ความเป็นกลางเอง



     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านจินฯ ถามได้ดีครับ ขอเรียนตามตรงเลยครับว่า
    เข้าได้ไม่บ่อยนักครับ เนื่องจากความเพียรเพ่งยังไม่ถึง
    ขณะเดียวกันนั้นยังจำทางเดินของจิตยังไม่ชำนาญและแม่นยำพอ

    ใช่อัปปนาสมาธิครับ เป็นสภาวะที่จิตสงบแน่วแน่ไร้การปรุงแต่งอย่างสิ้นเชิงครับ

    แต่ยังไม่ใช่การสิ้นจากนิวรณ์ครับ เป็นเพียงแค่การละชั่วคราวเท่านั้น
    เป็นเพียงการเริ่มต้นงานทางจิตเท่านั้น ยังต้องเพียรพยายามอีกมากครับ
    ยังมีงานที่จะต้องทำให้สำเร็จ คือ พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

    พิจารณา กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรมเป็นภายในบ้าง
    พิจารณา กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรมเป็นภายนอกบ้าง
    พิจารณา กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรมเป็นภายในและภายนอกบ้างครับ


    ;aa24
     
  4. dokai

    dokai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +71
    จริง ๆ ก็ว่าจะไม่ แสดงความเห็นแล้ว เพราะเหตุมีคนติงว่า ต้องการเสวนาเฉพาะกลุ่ม

    แต่วิธีการบางอย่าง ที่พยายามทำ ไปค้นโน้นค้นนี่ แล้ว ก็พยายามมาอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใด ๆ ทั้งปวง มันเป็นสิ่งไม่พึงกระทำอย่างมาก ใครจะอย่างไรนั้นเป็นเรื่องนอกประเด็น แค่ความคิดบนกระดาน มันเพียงพอต่อการถกเกินพอแล้ว หากเกินเลย มันขาดความชอบธรรม และ ยุติธรรม มันกลับกลายเหมือนนักการเมืองน้ำเน่าเข้าไปทุกที งัดสารพัดวิธีเข้าไปทุกที

    แค่นี้ มันก็นักหนาเอาการ ขืนลากอย่างที่บอก มันขาดความ "ยุติธรรม" อย่าได้นึก ตรึกไปว่า สามารพล้วงรู้สิ่งอื่น แต่มิอาจมีใครล้วงรู้เรา นั้นอาจคาดเดาผิด และประมาท สิ่งใดยิ่ง ใหญ่ สิ่งนั้นก็ ยิ่งมีมาก ยิ่ง เห็น ชัด ย่อมมีช่องโห่ว

    หากขาดความยุติธรรม เดี๋ยวมีคนช่วยลื้อความกัน ถึงต้อนนั้นไฟไหม้แล้ว มันจะยิ่งยุ่งสับสนไปใหญ่ ฝากพิจารณาดูก็แล้วกัน
     
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านจินฯครับ ตอนเป็นสภาวะที่จิตรู้อยู่ที่รู้จริงๆ ในตอนนั้นทุกสิ่งทุกอย่างหายไปหมด(ไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกทั้งหมดครับ)
    แม้แต่ร่างกายที่นั่งอยู่ก็หายไปด้วยครับ

    เราท่านต้องยอมรับก่อนนะครับว่า
    ทุกท่านที่เรียนรู้พุทธศาสนาใหม่นั้น
    ย่อมคลางแคลงใจทุกท่านว่า

    จิตแยกจากอารมณ์ต่างๆได้จริงเหรอ
    ส่วนใหญ่แล้วไม่เชื่อเพราะ
    ทุกวันที่ผ่านๆมาเรายังถูกอารมณ์รุ่มเร้าอยู่ตลอดเวลาไม่มีเวลาพักใช่มั้ยครับ

    เมื่อเราเคยสัมผัสสภาวะจิตที่เป็นอิสระจากอารมณ์
    ความคลางแคลงใจย่อมหายไปครับ

    ;aa24
     
  6. ่jinny95

    ่jinny95 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +1
    อนุโมทนานะพี่ภูต สะสมมาได้ดีทีเดียว คงไม่แนะนำอะไร เพราะพี่ก็รู้ดี เห็นพี่บอกว่าจะดูกาย จิต เวทนา ธรรม ก็ดี

    เจริญในธรรมครับ ^-^
     
  7. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ขอยืมไปใช้เป็นอุปรณ์ผ่าตัดหน่อยซิ
    ดูท่าทางดีนะ ไม่รู้ว่าเวลาใช้งานจริง ๆ น่ะ จะใช้ได้หรือเปล่า
    ของแบบนี้นักวิทยาศาสตร์ชอบพิสุจน์นักล่ะ
     
  8. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ท่านธรรมภูต ขอบคุณสำหรับคำถามและคำตอบ และขออนุโมทนาในการตั้งใจตอบและถามของท่านภูต
    นานาขอยุติการถามและตอบเอาไว้แล้วกันเพราะไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดตรงไหน นานาว่ามันมีแต่ทุกข์คำตอบถ้าจะตอบให้ถูกใจหรือถูกทางมันคงไม่มี กับความเข้าใจตรงกันทั้ง2ฝ่าย รู้สึกว่ามันทุกข์และความลังเลยสงสัยขึ้นทุกวัน ต่อไปนานาจะเน้นการปฏิบัติ และไปพบกับครูอาจารย์ของนานาดีกว่า เพราะการไปพบสามารถโต้กันได้ ทันทีอธิบายได้ง่ายกว่า

    การถามตอบกับท่านทำให้เกิดวิปัสสนาขึ้น เอ่อมันเกิดทุกข์เกินความจำเป็นของเราจริงๆ ตอนนี้นานาได้ข้อคิดตรงนี้ กับการโต้ ตอบ โต้ตอบ มันเกิดทุกข์ได้ ขอใ้ห้ท่านได้สำเร็จ โชคดีค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2009
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
  10. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    โชคดีครับ...
     
  11. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    เอ่อ สงสัยเราเป็นคนอย่างไงล่ะนี่ ส่งกันใหญ่เลย ต้องพิจารณาตัวเองสะแล้ว
    หมายถึงยุติการสนทนาบทนี้กับท่านภูตน่ะจ่ะ
     
  12. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    อนุโมทนา
     
  13. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
  14. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ครับ
     
  15. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
  16. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ภาวะที่จิตแยกจากอารมณ์ต่าง ๆ อย่างที่ท่านกล่าว ท่านก็ได้เห็นแล้วรู้แล้ว ส่วนภาวะที่จิตหลงอารมณ์ไปแล้วท่านก็รู้แล้ว ทีนี้ภาวะที่จิต กำลังจะหลงหน่วงเหนี่ยวเอาความคิดเข้ามาเป็นอารมณ์ นั้นท่านเห็นทันแล้วหรือยัง ตรงนี้แหละมีความสำคัญมาก เราต้องฝึกสติให้ต่อเนื่องเพียงพอจนกระทั่งมาเห็นทันตรงนี้ด้วย เราถึงจะเข้าใจสัจธรรมความจริง เข้าใจกระบวนการหลงก่ออัตตาตัวตน สุข-ทุกข์ขึ้นมาได้ ถ้าเราเข้าใจเข้าถึงตรงจุดนี้ได้จริง ๆ แล้ว จิตกับความคิดเขาจะแยกตัวออกจากกันเองโดยที่เราไม่ต้องจับให้เขาแยกกัน เขาแยกของเขาเอง ตรงนี้แหละจะเป็นปัญญาเบื้องต้นที่จะไปคลายความหลง คลายความสงสัยในเรื่องทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และวิธีการดับทุกข์ได้ เขาดับกันอย่างไรเราจะได้เห็นและเข้าใจชัดตรงนี้ นั่นแหละสัมมาทิฏฐิจึงจะเปิดทางให้เราเดินได้ถึงจุดหมายปลายทาง

    ถ้าเรายังไม่เห็น ยังไม่เข้าใจตรงนี้ นั่นก็คือ เรายังแยกจิตกับความคิดไม่ได้ เราก็ยังหลงอยู่ดี ถึงแม้ว่าจิตเขาจะว่างก็จริงอยู่ แต่เขาก็ยังหลงอยู่ หลงอยู่ในความว่างนั้นแหละ เพราะยังไม่เข้าใจกระบวนการที่พาให้หลงไปได้อย่างแท้จริง ปัญญาที่เป็นสัมมาิทิฏฐิจึงยังไม่เกิด เราต้องหมั่นเจริญสติให้ต่อเนื่อง และหมั่นสังเกตให้ทันตรงจุดที่จิตเขาจะเข้าไปร่วมไปหลงกับความคิดให้ทันให้ได้ด้วยนะ

    สติก็ส่วนสติ จิตก็ส่วนจิต ความคิดก็ส่วนความคิด จิตเกิดหรือไม่เกิด เราต้องฝึกสติขึ้นมาทำหน้าที่เข้าไปรับรู้จิต รู้อาการของจิต รู้ทันว่าความคิดเข้ามาปรุงแต่งจิต หรือจิตปรุงแต่งความคิด เราต้องทำความเข้าใจให้หมดให้ได้ทุกเรื่องไปเลย..


    ขอให้โชคดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2009
  17. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
  18. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    อย่าไปเน้นหลักการ อะไรจะยังไง สำคัญไฉน

    ใจเห็นธรรม เป็นใช้ได้...
     
  19. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    สวัสดีท่านสมถะ ไม่เห็นเสียนาน บรรลุวิชาธรรมกายหรือยังครับ...
     
  20. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    สาธุ

    ของมันพอดีตรงที่รู้ หากมีรู้ และเป็นกลาง ใจมันก็เกิดแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...