ถ้าพระสงฆ์หรือคนมีบุญมากๆเเผ่เมตตาให้สัมพเวสีเเล้วเขาจะหลุดจากตรงนั้นได้เลยไหมครับ ?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย วิญญาณนิพพาน, 15 พฤษภาคม 2009.

  1. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,020
    คือพอดีดูอันนี้อยู่ ผมเลยเกิดคําถามเเว่ปขึ้นมาว่า อย่างที่เรารู้กันๆว่าสัมพเวสีคือวิญญาณเ่ร่ร่อน พวกเขาต้องติดวนอยู่กับที่ๆพวกเขาอยู่จนกว่าจะหมดอายุขัยถึงจะไปเกิดหรือไป ต่อในภพภูมิต่างๆได้ ผมจึงเกิดคําถามขึ้นว่า ถ้ามีคนที่มีบุญมากๆเช่นพระสงฆ์ เเล้วพวกท่านเเผ่บุญกุศลอุทิศไปให้เเก่สัมพเวสีเยอะๆ พวกเขาจะหลุดพ้นจากตรงนั้นได้เลยไหมครับ ? หรือยังไงก็ต้องชดใช้กรรมตรงนั้นจนกว่าเวลาจะหมดลง ใครคิดยังไง เเนะนําได้ครับ อนุโมทนาครับ

    ตี10 ส่งวิญญาณกลับบ้าน 1 - พลังจิต คลิปวีดีโอ

    ตี10 ส่งวิญญาณกลับบ้าน


    <embed src="http://vdo.palungjit.org/player.swf" width="360" height="270" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" flashvars="width=360&
     
  2. weirchai

    weirchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +1,411
    สัมภเวสี ก็คือ แสวงหาที่เกิด
    เพราะว่าเขาตายด้วยอำนาจของ อุปฆาตกรรม คือตายเมื่อยังไม่สิ้นอายุขัย ดังนั้นเขาต้องรอจนกว่าจะหมดอายุขัยที่แท้จริงของเขาก่อนถึงจะไปรับผลกรรมดี-กรรมชั่ว ที่เขาทำมาได้อีกที

    ดังนั้นเมื่อถามว่าถ้าพระสงฆ์หรือว่าผู้ที่มีบุญมากๆ แผ่เมตตาให้เขา เขาจะหลุดจากตรงนั้นเลยไหม?
    อันนี้ต้องขอตอบว่า ตามที่ได้ศึกษามา ถึงแม้เราจะช่วยแผ่เมตตารึทำบุญให้พวกสัมภเวสีไปนั้น เขายังไม่หลุดจากตรงนั้นหรอกครับ ต้องรอจนกว่าจะหมดอายุขัยที่แท้จริงก่อน แต่ด้วยผลบุญที่เราทำให้และแผ่เมตตาไปนั้นย่อมทำให้พวกสัมพเวสี มีความสุขกาย สบายมากกว่าแต่ก่อน มีร่างกายที่ดีไม่หิวโหย เมื่อตายแล้วก็จะไปถึงด้านของสวรรค์ก่อน..


    ผมได้คัดลอกบทความประโยคหนึ่งของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาท่อนหนึ่งนะครับ
    ถ้าญาติของเราตาย ตายด้วยอำนาจของ “ อุปฆาตกรรม” คือไม่สิ้นอายุ ฟ้าผ่าตาย สุนัขกัดตาย มดกัดตาย ยุงกัดตาย คลอดบุตรตาย ถูกฆ่าตาย ถูกยิงตาย รถชนตาย แต่ก็ไม่แน่นักนะ บรรดาพวกนี้ถึงอายุขัยก็มี แต่ก็เผื่อเหนียวไว้ก่อน สมมติว่าเขาเป็น สัมภเวสี พอตายไปแล้วไม่ต้องทำบุญมาก ทำบุญให้ได้บุญชัด ๆ หาอาหารชนิดที่ไม่มีบาป เอาผ้าไตรมา 1 ไตร และเอาพระพุทธรูปมา1 องค์ นิมนต์พระมารับสังฆทานที่บ้าน ทำกันเงียบๆ อย่ามีเหล้ายาปลาปิ้ง อย่าทุบแม้แต่ไข่สักลูกหนึ่ง เมื่อทำบุญเสร็จ ก็อุทิศส่วนกุศลให้เฉพาะคนที่ตาย ไม่ให้ใครทั้งหมด ถ้าทำอย่างนี้ละท่านพวกนี้จะมีความสุข ได้รับผลบุญทันที มีความผ่องใส มีความอิ่มเอิบ เมื่อเข้าถึงอายุขัยเมื่อใด ก็เป็นอันว่าพวกนี้จะไปถึงด้านของสวรรค์ก่อน..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 พฤษภาคม 2009
  3. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ใจถึงพระ ขอบารมีพระ แผ่ไปได้ทุกแห่ง จ้า
     
  4. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815

    เราๆก็ทำกันได้ แต่อาจจะไม่ใช่ในทันที เราอุทิศส่วนกุศลให้พวกเขาทุกวันๆๆ ทำอยู่หลายเดือน จนเมื่อหนึ่งในนั้นได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่า ยังแวะมาขอบคุณเราเลย แม้แต่สัตว์ที่ตายในบริเวณบ้านก็ได้รับจ๊ะ ทั้งหมดนี้เป็นการยืนยันว่าบุญกุศล ความดีทั้งหลายที่ทำไป ไม่ได้สูญเปล่าเลย และภพภูมิต่างๆมีจริง ชีวิตหลังความตายมีจริง ไม่ได้ตายแล้วสูญ ทำบุญไปสูญเปล่า อย่างที่คนบางพวกพยายามจะบอกเลยจ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2009
  5. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +9,766
    ตามที่พระอภิธรรมอธิบายไว้ มีปรทัตูปชีวกเปรต เท่านั้นที่สามารถรับส่วนบุญจากการอุทิศได้
    เช่นบรรดาญาติ พระเจ้าพิมพิสาร เป็นต้น

    หากไม่รู้ ก็สามารถแผ่เมตตาไปเรื่อย ๆ พลังงานนั้นไม่หายไปไหน
    เหมือนส่งสิ่งของทางไปรษณีย์ ยังไปไม่ถึง
    แต่บุญกำลังเดินทางไป อาจต้องรอจนกว่าให้ถึงตู้หน้าบ้านเสียก่อนจึงรับไปได้
    พลังบุญของพระอริยสงฆ์อาจมีมากกว่าปุถุชน อาจไปถึงผู้รับเร็วกว่าก็เป็นได้
    เหมือนระบบไปรษณีย์EMS
     
  6. โชเต

    โชเต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +331
    ถ้าถามผม ผมจะบอกว่า ถ้าบารมีของพระองค์นั้น หรือองค์ใดๆ ก็ตาม
    ท่านฯ ๆ แต่ละองค์จะมีบารมีที่ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าอยู่ในระดับ"ฌาณบารมีแก่กล้า"
    ด้วย "ฐานะของผู้ทรงศีลที่บริสุทธิ์ เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา กรุณา"
    ท่านฯ ๆ หรือพระองค์นั้น ๆ ท่านฯสามารถทำได้อยู่แล้ว แบบที่ไม่ต้องสงสัย

    คิดง่ายๆ ก็คือ แบบว่า"ผู้ทรงศีล มากด้วยฌาณแก่กล้ามาเมตตา กรุณาถึง ณ ที่นั้นๆ "
    แต่เท่าที่ผมได้เห็นมาก่อน ส่วนใหญ่จะเป็น "พระ"ซะมากกว่า ที่จะเป็น"ฆาราวาส"ครับ
    เพราะอย่าลืมว่า "ผู้ทรงศีล ที่มากด้วยฌาณบารมีแก่กล้า" จะต้องเป็น"พระ"เท่านั้น
    ตามเหตุและผล ของผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ทั้งกาย วาจา และใจ ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...