ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    เห็นคาถาข้างต้นแล้วลืมบอกไป ท่าน อ.ณรงค์ท่านให้ผมท่องคาถาอยู่บทหนึ่ง ยามอยู่ป่า และยามขับรถ เทพเทวา ผีสางเทวดา แม้กระทั่งคนที่คิดร้ายจะรักและเมตตาคอยช่วยเหลือครับ


    เมตัญจะ สัพพะ โลกัสสมิง
    มานะ สัมภาวะ เย อะปะริมานัง


    หรือยามจวนตัวโดนเค้าชักปืนจ่อหัวแล้วให้ท่องคาถาบทนี้


    เมตตา คุณณัง อรหังเมตตา
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    [​IMG]

    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->วันที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 เวลา 12:55:51 น. มติชนออนไลน์

    "หลวงพ่อตัด"เกจิอาจารย์ดังเมืองเพชรลื่นล้ม มรณภาพ
    ผู้ สื่อข่าวได้รับแจ้งเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 3 พฤษภาคม ว่า พระพุทธวิริยากร หรือ หลวงพ่อตัด ปวโร เจ้าอาวาสวัดชายนา ต.บ้านในดง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ประสบเหตุลื่นล้มในกุฏิและมรณภาพในเวลาต่อมา

    สอบ ถามทราบว่า เช้าวันเกิดเหตุ หลวงพ่อตัดได้ตื่นจากจำวัดและปฏิบัติกิจของสงฆ์ตามปกติก่อนขึ้นไปพักบนกุฏิ ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 07.30 น.พระลูกวัดได้ยินเสียงของหนักล้มจึงรีบเข้าไปดู พบหลวงพ่อตัดนอนอยู่บนพื้น ไม่สามารถขยับตัวได้ หายใจหนักและหมดสติจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลท่ายาง แต่หลวงพ่อตัดมรณภาพขณะนำส่ง คณะกรรมการวัดชายนาจึงได้เชิญศพหลวงพ่อตัดกลับไปยังวัดเพื่อประกอบพิธี บำเพ็ญกุศลท่า
    มกลางความอาลัยของศิษยานุศิษย์ที่ทราบข่าวและเข้ากราบศพจำนวนมาก

    นาง อาภรณ์ ทนยิ้ม ประธานกรรมการวัดชายนา เปิดเผยว่า ก่อนมรณภาพหลวงพ่อได้เขียนคำสั่งไว้ว่า หากท่านมรณภาพให้จัดทำพิธีศพอย่างเรียบง่าย โดยให้ประกอบพิธีทางสงฆ์สวดพระอภิธรรมหน้าศพ 7 วัน จากนั้นให้ทำการฌาปนกิจศพตามพิธีกรรมโบราณโดยนำศพเผาบนเชิงตะกอนกลางแจ้ง เช่นเดียวกับการฌาปนกิจศพ หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งคณะกรรมการวัดจะได้เร่งทำการประชุมและดำเนินการต่อไป

    สำหรับหลวง พ่อตัดวัดชายนา เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของ จ.เพชรบุรี เป็นพระที่ใฝ่หาความรู้วิชาอาคมต่างๆ อย่างจริงจัง และโด่งดังเรื่องการทำวัตถุมงคลมากมาย อาทิพระเหรียญ พระยอดขุนพล ปลัดขิก ลูกสะกด และ ตระกรุด เลื่องลือพุทธคุณด้าน สิริมงคล มหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด มหาโชคลาภค้าขายร่ำรวย นับได้เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีศิษยานุศิษย์ให้การเคารพนับถือทั่วประเทศ สิริอายุรวมอายุ 77 ปี พรรษาที่ 57
     
  3. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]

    วัดถ้ำแสงเพชร (วัดศาลาพันห้อง)
    [วัดสาขาที่ 5 ของวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี]
    ถ.อรุณประเสริฐ หมู่ 10 บ้านดงเจริญ
    ต.หนองมะแซว อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ 37000

    พระอธิการทูล จัตตสัลโล เจ้าอาวาส

    วัดถ้ำแสงเพชร (วัดศาลาพันห้อง) ตั้งอยู่บนถนนสายอำนาจเจริญ-เขมราฐ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 18 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร บริเวณวัดกว้างขวาง ประกอบด้วยพระวิหารบนยอดเขาสูง ทางด้านทิศเหนือของพระวิหารมีถ้ำขนาดใหญ่ ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่เป็นพระประธาน เหตุที่ได้ชื่อว่าถ้ำแสงเพชร เนื่องมาจากประกายของเกล็ดหิน เมื่อต้องกับแสงตะวันจะวาววับคล้ายแสงเพชร วัดถ้ำแสงเพชร มีทั้งสำนักบน และสำนักล่าง

    [​IMG]
    [​IMG]
    เจดีย์วัดถ้ำแสงเพชร
    .....................................................................................................


    ทั้งนี้ วัดแห่งนี้ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมสายหลวงพ่อชา สุภัทโท เป็นวัดสาขาที่ 5 ของวัดหนองป่าพง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งจะมีพระภิกษุสงฆ์นานาชาติมาปฏิบัติธรรม เจริญจิตภาวนา อยู่เป็นประจำ

    วัดถ้ำแสงเพชร เป็นวัดหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการปฏิบัติธรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามแนวนโยบายของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

    [​IMG]
    [​IMG]
    รูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อชา สุภัทโท

    เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมาพี่เสือได้แนะนำให้ไปกราบหลวงพ่อที่วัดถ้ำแสงเพชรแต่ทว่ายังไม่ได้ไปเลยครับ
    ไว้โอกาสหน้าคงไม่พลาดเพราะห่างไปประมาณ 60-70 Km.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2009
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    คิดดีมีความสุข

    เขายังให้ทำงานอยู่ก็ดีแล้ว อย่าคิดมากปวดหัว positive thinking


    เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ

    เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ

    เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต

    เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)

    เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ

    เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย

    เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต

    เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี

    เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง

    เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง

    เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ

    เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง

    เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง

    เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม

    เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์

    เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด


    เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือบททดสอบว่าที่ว่า “มารไม่มีบารมีไม่เกิด”

    เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม “ในวิกฤตย่อมมีโอกาส”

    เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต

    เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์

    โดย ท่าน ว.วชิรเมธี


    ขอขอบคุณ

     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    มีเรื่องดีๆ ของในหลวงกับหลวงตามหาบัวมาให้อ่านกัน อ่านกันเน้อ ตามลิงค์ข้างล่าง สาธุเด้อ...สาธุคนอ่าน ใครไม่อ่านไม่สาธุเด้อ


    พระระดับนี้ไม่ต้องใช้ผ้ารองกราบ


    "พระเจ้าอยู่หัวเราท่านเป็นพรหม ฉะนั้นหากพระองค์ไหนที่ท่านไปกราบด้วยความประสงค์ของท่านเอง นั่นแหละพระดีให้รีบไปกราบ"

    นี้คืออีกหนึ่งคำพูดของอาจารย์เบิ้ม ที่ผมคิดว่าจริงเสียยิ่งกว่าจริง
    แต่ปัญหาอยู่ที่เราจะรู้ได้ยังไงว่าองค์ใหน พระองค์ประสงค์ไปกราบเอง องค์ไหนที่โดนจัดในรายการ
    ที่แน่ๆว่าเป็นความประสงค์ของพระองค์คือ หลวงปู่เกษม หลวงปู่เทศก์ หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน หลวงพ่อแบน ท่านเหล่านี้ไม่ต้องสงสัย
    สำหรับหลวงตามหาบัว พระเจ้าอยู่หัวท่านเสด็จไปกราบจริง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2522ด้วยซ้ำ
    และปีพ.ศ.2531 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯได้เสด็จไปนิมนต์หลวงตาไปในงานในวัง
    และปีพ.ศ.2541 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯได้เสด็จไปเยี่ยมหลวงตาหลังประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ


    รายการแรก พ.ศ.2522 มีบันทึกไว้ว่า

    ในตอนเช้าของวันที่ ๑๐ พ.ย. ๒๕๒๒ หลวงตาได้สั่งกำชับพระเณรในวัดว่า "วันนี้จะมีบุคคลสำคัญเข้ามา พวกท่านทั้งหลายจงพากันทำความสะอาดวัดวาอาวาสให้เรียบร้อย อย่าให้บกพร่อง" พระทั้งหลายเมื่อได้ฟังดังนั้น ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ต่างก็ทำข้อวัตรปฏิบัติไปตามปกติ

    ใน บ่ายวันนั้นเอง ชาวนาคนหนึ่งเดินสะพายแห เพื่ออกไปหาปลาเป็นอาหาร มีรถยนต์คันงามวิ่งบึ่งมาจอดเทียบแล้วเรียกถามด้วยเสียงอันนุ่มนวลว่า "ลุงๆทางที่จะไปวัดหลวงตาบัวไปทางไหน"

    "ไปทางนี้ เด้อ" เขากล่าวห้วนๆ แบบภาษาชาวบ้าน พร้อมทั้งชี้มือและแหงนหน้าดูคนที่ถามไถ่

    เมื่อ เขามองดูใบหน้าบุคคลที่ถามทางอย่างเพ่งพิศพินิจพิจารณา ภาพแห่งบุคคลผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าในสมองเริ่มปรากฏ เข่าเริ่มอ่อนและนั่งลงกับพื้น พนมมือขึ้นเหนือเศียรเกล้า กล่าวข้อความด้วยความปลาบปลื้มใจเป็นล้นพ้น "โอ ในหลวง สาธุเด้อในหลวง สาธุ สาธุ"

    หลัง จากนั้นพระองค์ท่านจึงเสด็จไปยังวัดป่าบ้านตาดเพื่อกราบนมัสการองค์หลวงตา เมื่อถามไถ่สนทนากันทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์จากพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์เป็นการส่วน พระองค์ ไม่ได้บอกแม้กระทั่งทหารใกล้ชิด ทหารทั้งหลายต่างสืบข่าวกันโกลาหลว่า เมื่อเวลาบ่ายโมงพระองค์ท่านทรงขับรถออกจากพระตำหนัก ไม่รู้ว่าเสด็จไปที่ใด ถ้าบอกข่าวการเสด็จมาล่วงหน้า กลัวเป็นการเอิกเกริกรบกวน ต้องการเสด็จมาเป็นการส่วนพระองค์

    หลวงตาจึงให้โอวาทว่า " มหาบพิตร! พระองค์เป็นถึงพระเจ้าอยู่หัว เป็นเจ้าชีวิตของชนทั้งชาติ หากพระองค์เสด็จ มาโดยลำพัง มีอันตรายอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น จะเป็นความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง ถ้าพระองค์เป็นอะไรขึ้นมา คนทั้งชาติจะไม่เหยียบหลวงตาบัวมิดแผ่นดินหรือ?"

    "กลัวจะเป็นการรบกวนองค์หลวงตา" พระองค์กล่าวพร้อมพนมพระหัตถ์

    "รบกวน ไม่รบกวนจะเป็นอะไร แผ่นดินนี้เป็นของพระองค์ พระองค์พึงมาได้ทุกเมื่อ"

    ที่ องค์หลวงตาเป็นห่วงมากเช่นนั้นเนื่องจากสมัยนั้นคอมมิวนิสต์มีอยู่ทั่วไป หลังจากนั้นอีกไม่นานเสียงรถทหารตำรวจที่สืบทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวเสด็จ
    มาวัดป่าบ้านตาด จึงติดตามมาอารักขาเป็นทิวแถว ชาวบ้านบางคนไม่รู้เรื่อง เห็นรถทหารตำรวจเป็นทางยาว บางคนวิ่งหนีเข้าบ้าน นึกว่าเกิดสงคราม


    ขอขอบคุณ

    ����дѺ�������ͧ�����ͧ��Һ - �ǹ��ѧ�ͷ���

     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    สืบหาพระเครื่องดีมาให้อีกแล่ว เผื่อมีไผหลงไปทางอุดร เลยลากมาให้เบิ่งทั้งลิงค์ เอ้า....เบิ่งโลด

    หลวงพ่อเจริญ ฐานยุตโต, พระเก่งที่พิสูจน์ได้


    [​IMG] Reduced 27%
    [​IMG]
    749 x 562 (146.82กิโลไบต์)​
    <script type="text/javascript"> //<![CDATA[ fix_linked_image_sizes_attach_thumb( "2097-0-92308300-1241612907", parseInt("749"), parseInt("562"), "146.82กิโลไบต์" ); //]]> </script>
    หลวงพ่อเจริญ ฐานยุตโต
    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->

    <!--sizeo:5--><!--/sizeo-->หลวงพ่อเจริญ ฐานยุตโต
    วัดป่าโนนสว่าง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี<!--sizec--><!--/sizec-->
    ชื่อนี้ฟังดูไม่คุ้นหู
    และถ้าบอกท่านอยู่ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    และบอกว่าไม่ใช่พระกรรมฐาน
    คนเข้าวัดป่าส่วนมากจะส่ายหัวทันที
    เพราะไม่รู้จัก
    และคิดว่าถ้าท่านเป็นพระสายขลังท่านคงเกิดยาก
    เพราะเขตหนองวัวซอ เป็นเขตที่พระกรรมฐานขึ้นชื่อลือนามมาก<!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    <table style="width: auto; display: inline;" id="ipb-attach-table-2096-0-92231500-1241612907" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>
    [​IMG] Reduced 58%
    [​IMG]
    855 x 1283 (329.66กิโลไบต์)​
    </td> </tr> </tbody></table> <script type="text/javascript"> //<![CDATA[ fix_linked_image_sizes_attach_thumb( "2096-0-92231500-1241612907", parseInt("855"), parseInt("1283"), "329.66กิโลไบต์" ); //]]> </script>
    กับหลวงพ่อไพบูลย์ อนาลโย ณ อุโบสถ์วัดป่าโนนสว่าง

    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->แต่ถ้าบอกว่า ท่านสามารถสร้างโบสถ์ราคา60-70ล้านบาทได้
    ที่วัดมีพระตำหนักรับรอง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
    พระองค์ทรงมีศรัทธาปะสาทะกับหลวงพ่อเจริญเป็นอันมาก<!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    <table style="width: auto; display: inline;" id="ipb-attach-table-2095-0-92152200-1241612907" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>
    [​IMG] Reduced 26%
    [​IMG]
    541 x 740 (179.92กิโลไบต์)​
    </td> </tr> </tbody></table> <script type="text/javascript"> //<![CDATA[ fix_linked_image_sizes_attach_thumb( "2095-0-92152200-1241612907", parseInt("541"), parseInt("740"), "179.92กิโลไบต์" ); //]]> </script>
    หลวงพ่อเจริญ ถ่ายตอนเป็นเณร

    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->พี่ผมคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เคยคุยกับนายอำเภอแถว หนองวัวซอ
    นายอำเภอท่านเล่าว่า เป็นเพื่อนกับหลวงพ่อตั้งแต่เด็ก หลวงพ่อ เก่ง ตั้งแต่เด็กแล้ว
    ตอนนั้นอยู่ ป.3(ไม่ใช่ม.3) เพื่อนๆเอาลูกเจี๊ยบมาเล่นกันแล้วมันเฉามือตาย
    หลวงพ่อตอนป.3 เดินไปหยิบซากลูกไก่ตัวนั้นขึ้นมา
    ว่าคาถาแล้วเป่า
    อัศจรรย์ ลูกไก่ฟื้น
    เรียกว่าเกิดมาพร้อมกับบารมีด้านขลังทีเดียว
    หลังจากท่านบวชเณร หากที่ใดมีข่าวว่ามีคนเก่งม่ว่าพระหรือฆราวาส
    เณรเจริญจะต้องแบกกลดเดินเท้าเปล่าไปขอเรียนวิชาด้วยทันที<!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    <table style="width: auto; display: inline;" id="ipb-attach-table-2098-0-92383800-1241612907" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>
    [​IMG] Reduced 4%
    [​IMG]
    569 x 419 (45.33กิโลไบต์)​
    </td> </tr> </tbody></table> <script type="text/javascript"> //<![CDATA[ fix_linked_image_sizes_attach_thumb( "2098-0-92383800-1241612907", parseInt("569"), parseInt("419"), "45.33กิโลไบต์" ); //]]> </script>

    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->มีคราวหนึ่งรุ่นพี่ผมต้องย้ายที่ทำงานจากสกลฯไปชลบุรี
    จึงไปกราบเรียนท่าน พร้อมนำลูกชายที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นวัยกำลังดื้อ
    ไปด้วยพร้อมฝากฝังหลวงพ่อเนื่องจากไม่ได้ย้ายไปด้วยกัน
    ท่านจึงครอบวิชาให้พร้อมให้พระขุนแผนอุ้มนางไป1องค์
    ส่วนคนพ่อ ท่านมอบตะกรุดทองฝาบาตรให้1ดอกพร้อมกับสั่งว่าให้ไปลองหลังวัด
    ถ้าออกไม่ต้องเอาไปไม่ดี ถ้าไม่ออกให้เอาไป
    นัดที่1แชะ พอหันปากกระบอกปืนไปทางอื่น ปั้ง
    เป็นอย่างนี้ทั้ง3นัดนัดที่4ดังฉึก ไม่แชะ
    พอรื้อปืนมาดู เข็มแทงชนวนละลาย
    หากใครเป็นศิษย์ท่านจะทราบว่า
    ท่านให้ลองของท่านได้แต่อย่าเกิน3ครั้ง
    ครั้งที่4ไม่รับประกัน ทุกคนจึงเข้าใจครั้งที่4ไม่ให้ลองไม่ใช่จะกลัวจะยิงออก
    แต่ปืนอาจแตกได้
    มือยิงเป็นดาบตำรวจ<!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    <table style="width: auto; display: inline;" id="ipb-attach-table-2102-0-92664400-1241612907" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>
    [​IMG] Reduced 32%
    [​IMG]
    600 x 800 (92.23กิโลไบต์)​
    </td> </tr> </tbody></table> <script type="text/javascript"> //<![CDATA[ fix_linked_image_sizes_attach_thumb( "2102-0-92664400-1241612907", parseInt("600"), parseInt("800"), "92.23กิโลไบต์" ); //]]> </script>
    ขุนแผนอุ้มนาง(เทพบุตรอุ้มเทพธิดา)

    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->กลับจากวัดไม่กี่วันลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็มาเล่าให้พ่อฟัง
    ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วไปมีเรื่อง
    จึงขับมอเตอร์ไซค์หนี
    แต่มันพวกมากกว่าและตามทัน
    เพื่อนที่ไปด้วยกัน2คนถูกรุมกระทืบ
    แต่ทุกคนเหมือนมองไม่เห็นลูกชายรุ่นพี่ผมคนนี้
    แปลก ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้จักเล่าผมจะไม่เชื่อ
    แต่รุ่นพี่คนนี้เล่า ผมเชื่อครับ<!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    <table style="width: auto; display: inline;" id="ipb-attach-table-2101-0-92588200-1241612907" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>
    [​IMG] Reduced 15%
    [​IMG]
    640 x 480 (137.76กิโลไบต์)​
    </td> </tr> </tbody></table> <script type="text/javascript"> //<![CDATA[ fix_linked_image_sizes_attach_thumb( "2101-0-92588200-1241612907", parseInt("640"), parseInt("480"), "137.76กิโลไบต์" ); //]]> </script>
    ตะกรุดกบตายพราย(ดอกกลาง)ล้อมด้วยตะกรุด6กษัตริย์

    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->รุ่นพี่คนเดิมเล่าว่า
    ตอนย้ายไปกรุงเทพฯ มีเพื่อนที่ทำงานด้วยกันป็นผู้หญิงหน้าตาสวยมาก
    ต่อมาไม่นานก็มีอาการแปลกๆ
    พี่แกเป็นกังวลและสงสารจึงโทรไปเล่าอาการให้หลวงพ่อเจริญฟัง
    ท่านก็ว่าน่าจะโดนของ
    และหลวงพ่อก็ให้เอาตะกรุดกบตายพรายที่พี่แกมี
    ทำน้ำมนต์รักษา
    พอให้เพื่อนดื่มน้ำมานต์เท่านั้น อวกออกมาไม่มีชิ้นดี
    พี่แกบอกคืนนั้นมันตามไปถึงห้องพักแกเลย
    ไม่ใช่เพื่อนผู้หญิงนะครับที่ตาม
    แต่เป็นสิ่งเร้นลับที่แกเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
    แต่อาศัยมีของดีมันจึงทำอะไรพี่แกไม่ได้
    พอเล่าถึงตรงนี้ก็แปลกใจเพราะตะกรุดกบตายพราย
    ตะกรุดแบบนี้เพิ่งเคยได้ยิน
    แกก็เล่าต่อว่า ตะกรุดนี้จะทำต้องมีซากกบที่จำศีลแล้วตายอยู่ในรู
    ดังนั้นบางคนจะเรียกตะกรุดกบตายคารู
    ต้องมาผ่านกรรมวิธีทางไสยศาสตร์ป่นเป็นผงแล้วประกอบขึ้นมาเป็นตะกรุด
    หากช่วงไหนจะมีโชคลาภจะได้ยนเสียงกบร้อง
    และถ้าช่วงสงกรานต์ไม่นำตะกรุดมาสงน้ำก็จะได้ยินเสียงกบร้องเช่นกัน
    แปลกจริงๆ<!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    <table style="width: auto; display: inline;" id="ipb-attach-table-2100-0-92523200-1241612907" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>
    [​IMG] Reduced 15%
    [​IMG]
    640 x 480 (186กิโลไบต์)​
    </td> </tr> </tbody></table> <script type="text/javascript"> //<![CDATA[ fix_linked_image_sizes_attach_thumb( "2100-0-92523200-1241612907", parseInt("640"), parseInt("480"), "186กิโลไบต์" ); //]]> </script>
    คนที่มาร่วมพิธีเสกพระของหลวงพ่อ

    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->หากใครไปวัดจะพบว่ามีคนมารักษาอาการถูกคุณไสย์ ลมเพลมพัด
    และหากรักษาวันเดียวไม่หายก็มีที่ให้พัก
    และฟรีตลอดรายการ
    ยกเว้นจะเช่าวัตถุมงคลท่าน
    และถ้าพูดแบบกันเองในสวนคงต้องบอกว่าวัตถุมงคลท่าน แพง
    และถ้ารุ่นไหนหมดจากวัดราคาจะอัพขึ้นทันที
    ที่สนามพระอุดรฯแถวห้าแยก หากไปถามพระเครื่องที่มาแรงมีอะไรบ้าง
    ทุกแผงจะต้องมีชื่อหลวงพ่อเจริญอยู่ด้วยแน่ครับ<!--colorc-->
    <!--/colorc-->


    <table style="width: auto; display: inline;" id="ipb-attach-table-2099-0-92447200-1241612907" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>
    [​IMG] Reduced 36%
    [​IMG]
    855 x 641 (107.12กิโลไบต์)​
    </td> </tr> </tbody></table> <script type="text/javascript"> //<![CDATA[ fix_linked_image_sizes_attach_thumb( "2099-0-92447200-1241612907", parseInt("855"), parseInt("641"), "107.12กิโลไบต์" ); //]]> </script>

    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->และหากใครไปกราบท่านที่วัดอาจจะไม่เคยชินกับอากับกิริยาที่อาจดูไม่ค่อยเรียบร้อย
    และภาษาพูดที่ออกไปทางพ่อขุนรามคำแหง
    แต่ผมกลับชอบ
    พระหลายรูปพูดแล้วฟังรื่นหูแต่ในใจจ้องจะหาผลประโยชน์กับโยมอย่างเดียว
    แต่หลวงพ่ออาจคุยแล้วฟังไม่รื่นหู
    แต่หากมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจไปท่านช่วยทุกรายครับ



    ต้องขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับ

     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ที่ลงมาให้ดูน๊ะเป็นแค่เปลือก ไม่ใช่แก่น ทาน ศีล ภาวนา นี่ล่ะคือแก่นพระศาสนา หากใครไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทองมากมาย ช่วยบริจาคทรัพย์ช่วยกันรักษาสงฆ์อาพาธให้กับทุนนิธิฯ (หรือจะโอนไปยัง รพ. แต่ละที่เองก็แล้วแต่สะดวก) เพื่อที่จะกระจายปัจจัยของท่านที่ได้บริจาคมาไปยัง รพ.ที่มีหน่วยรักษาสงฆ์อาพาธทั้ง 7 แห่งทั่วทุกภูมิภาคที่ทุนนิธิฯ ได้เลือกไว้ด้วยครับ ทำบุญกับพระสงฆ์อาพาธ เทวดาท่านรับรู้ตั้งแต่ท่านจบเงินแล้ว กุศลผลบุญย่อมเป็นของท่านไม่สูญหายไปไหน อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าตนเองได้สืบทอดพระพุทธศาสนาโดยการช่วยราชการในเรื่องค่ารักษาพยาบาลเพื่อรักษาชีวิตพระสงฆ์ให้ท่านได้มีโอกาสต่อบุญต่อกุศลสืบไป ท่านเองก็เป็นต้นบุญที่ได้ช่วยท่านให้คลายทุกข์จากอาพาธ เมื่อท่านหายและกลับสอนคนให้ทำดีมากๆ ท่านผู้ับริจาคเองก็จะได้บุญมากขึ้นเป็นเงาตามตัว หรือหากโชคดีท่านได้กลับไปปฏิบัติกรรมฐานจนบรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่งไม่กล้าคิดถึงกุศลผลบุญที่ท่านได้รับจริงๆ ว่าเขตบุญจะประมาณใด...
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    <b><big><big>ลองอ่านกระทู้มงคลดูครับ

    บทประทานสัมภาษณ์ครั้งแรก 'พระองค์ที' ในพระชันษา 4 ปี


    </big></big></b>
    " เจ้าชายพระองค์น้อย " พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระโอรส ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชันษาครบ 4 ปี ในวันพุธที่ 29 เมษายน 2552 ทรงมีพระพัฒนาการที่ดีทั้งพระวรกายสมบูรณ์ พระนิสัยร่าเริง และพระอารมณ์แจ่มใส




    ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงสำหรับ
    PANTIP.COM : A7806494 ����зҹ�����ɳ�����á '���ͧ���' 㹾�Ъѹ�� 4 �� [�Է��-�÷�ȹ�]


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2009
  9. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293
    วันนี้ผมนำหลักฐานการส่งเงินของทุนนิธิฯไปช่วยตามโรงพยาบาลต่างๆที่มีพระสงฆ์อาพาธอยู่ในต่างจังหวัดพร้อมกับใบโมทนาบัตรที่โรงพยาบาลได้ส่งมาให้ทางทุนนิธิฯก็ขอขอบพระคุณทุกๆท่านและขอได้ร่วมโมทนาบุญด้วยกันเลยนะครับ
    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    บุญนั้นมีหลายอย่าง คือทำบุญอย่างหนึ่ง ทำทานอย่างหนึ่ง ทำกุศลอย่างหนึ่ง

    ทำทาน คือ การที่เราให้เรียกว่า ทาน ทานํเทติ คือ วัตถุสิ่งของที่เราให้เรียกว่า ทาน ไม่ต้องเลือกว่าจะเป็นสิ่งอะไร มนุษย์สัตว์ให้ไปได้ทั้งนั้น ข้าวของอะไรก็ให้ได้ เรียกว่า ให้ทาน จะเกิดศรัทธาหรือไม่เกิดศรัทธาก็เอาเถอะ ให้ทั้งนั้น อย่างคำว่า เรี่ยไรอย่างนี้ไม่คิดถึงบุญถึงกุศล ให้ไปเสียแก้รำคาญ อันนั้นละเรียกว่า ทาน

    ทำบุญ ทำบุญนั้นเกิดศรัทธาเลื่อมใส ตั้งเจตนาว่า ทำบุญแล้วจะได้บุญ ได้อานิสงส์ จะไปเกิดบนสวรรค์ชั้นฟ้า จะได้ความสุขในมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ การทำบุญนั้นปรารถนาผลตอบแทนเรียกว่า ทำบุญ

    ทำกุศล คือจิตที่คิดจะทำสิ่งที่ดีที่ชอบ
    ถ้านึกถึงความดีความชอบต่างๆ เป็นกามาวจรกุศล
    ถ้าคิดพิจารณากัมมัฏฐาน สังขารร่างกายของเราเรียกว่า รูปาวจรกุศล
    จิตที่พิจารณาอยู่ในอรูปณาน ๔ เป็นอรูปาวจรกุศล
    โลกุตรกุศล หมายถึงการบำเพ็ญกุศลที่ปราศจากความอยากกังวลทั้งหมด แต่ว่าทำเพื่อประดับใจของตนเท่านั้น

    ไม่ได้ปรารถนาอะไรเลย คือผู้ที่ถึงมรรคผลนิพพานสูงสุดแล้ว ท่านไม่มีบาปมีบุญอะไรหรอก แต่ว่าทำไปเพื่อประดับในเมื่อยังมีชีวิตอยู่เหตุนั้น เราทำทานแล้ว ทำบุญแล้ว แล้วทำกุศลอีก คือนั่งภาวนานี่แหละ เป็นของสูงโดยลำดับ

    : หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

    :: �ҹ����ѡ� :: :: ��ҹ - �ӷҹ �Ӻح �ӡ���

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293
    อะไรแว๊บๆ ที่วัดหน้าพระเมรุ
    เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา "พุทธวงศ์"ได้เดินทางไปกราบ,สรงน้ำพระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ พระพุทธปฏิมาอันเป็นที่เคารพผูกพันมาแต่กาลก่อนอย่างพิเศษ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ที่วัดพระเมรุราชิการาม จ.พระนครศรีอยุธยาตามระเบียบประเพณีส่วนตัวที่เคยปฏิบัติมา...... <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff><!-- [​IMG] -->[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    เมื่อสรงน้ำเสร็จ เหมือนมีอะไรสะกิดใจอย่างไรชอบกล เลยอ้อมไปถ่ายรูปหลวงพ่อพระพุทธนิมิตฯในมุมที่ไม่ค่อยจะมีใครไปถ่าย
    นั่นก็คือเบื้อง"พระปฤษฏางค์"ด้านหลังขององค์ท่านนั่นเอง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    และ 1 ใน 2 รูปนั่นเอง ก็พลันปรากฏอะไร"แว๊บๆ"ขึ้นมาในบัดดลทีเดียว..!?!? <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    อนึ่ง อันอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพระพุทธนิมิตฯนั้น "พุทธวงศ์"ไม่เคยสงสัยแม้แต่น้อย
    อย่าว่าแต่"แสงสี"อะไรแว๊บๆประมาณนี้เลย
    เพราะแม้แต่"สีพระพักตร์"ของหลวงพ่อซึ่งเป็นปูนปั้นปิดทองอันหนาหนักโดยกายภาพ ยังอาจเปลี่ยนแปรเป็นต่างๆนาๆ เหมือนหนึ่งมีชีวิตจริง ซึ่งสามารถสังเกตเห็นด้วย"ตาเนื้อ"เปล่าๆได้อย่างน่าอัศจรรย์ที่สุด.!!?!
    คนที่ไปกราบหลวงพ่อบ่อยๆ อาจจะสังเกตเห็นการดังว่าได้โดยไม่ยาก
    ไม่เชื่อลองไปถามหลวงพี่สายชลที่เฝ้าพระอุโบสถดูเอาเองก็ได้........
    แม้เมื่อครั้ง ที่"พุทธวงศ์"สร้างพระถวายในยุคแรกๆ ตั้งแต่ยุคสมัยที่คนทั้งหลายยังมอง"พระทรงเครื่อง"เป็น"พระลิเก"อยู่
    และไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยว่า อัน"พระพุทธนิมิต"และ"วัดหน้าพระเมรุ"อยู่ที่แห่งหนตำบลไหนในประเทศไทย
    แถมเมื่อได้ยินชื่อวัด ก็ยังกรี๊ดกร๊าดว่าไม่เป็นมงคลซ้ำเสียอีก โดยที่ไม่รู้ความเลยว่า อัน"พระเมรุ"นั้น จริงๆแล้ว เขาหมายถึงอะไร
    แท้ที่จริงแล้ว "เมรุ"หรือ"พระเมรุ"นั้น ก็คือ"เขาพระสุเมรุ" ที่สถิตของปวงเหล่าเทวดาทั้งหลาย มีพระอินทราธิราชเจ้าจอมเทพแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ซึ่งอยู่บนยอดสุดของเขาพระสุเมรุเป็นที่ยิ่งนั่นแล
    พอคนชั้นหลัง เอาคำว่า"พระเมรุ"หรือ"เมรุ"มาเป็นชื่อของ"เตาเผาศพ" Image ของ"เมรุ"หรือ"พระเมรุ"จึงได้กลายเป็นของน่าขนพองสยองเกล้าไป
    แต่กว่าจะแก้ความเข้าใจผิดถึง 2 เด้ง เรื่อง"พระทรงเครื่อง"และ"พระเมรุ" ด้วยวิเทโศบาย 108 จนติดลมบนอย่างทุกวันนี้ ก็แทบตายเหมือนกัน
    จากคนที่ไปอยุธยา จะรู้จักแค่หลวงพ่อมงคลบพิตรกับหลวงพ่อวัดพนัญเชิง มาบัดนี้ หากไม่ได้แวะไปไหว้หลวงพ่อพระพุทธนิมิต วัดหน้าพระเมรุ ก็เหมือนมาไม่ถึงอยุธยาไปเสียแล้ว
    คิดๆแล้ว ก็ให้อดปลื้มใจและอิ่มใจเสียมิได้
    นับว่า เหนื่อยไม่เสียเปล่าจริงๆ........
    และจำได้ไม่เคยลืมเลือนว่า ก่อนที่จะถวายพระผงพระพุทธนิมิต วัดหน้าพระเมรุในยุคแรกๆ เพื่อเป็นวัตถูปกรณ์แห่งกุศโลบายในการดังกล่าว โดยอนุโลมตามอัธยาสัยแห่งผู้คนในสยามประเทศ ก็ได้นำสายสิญจน์ที่โยงจากมือหลวงพ่อมาตั้งจิตอธิษฐานซ้ำอีกครั้ง
    โดยเฉียบ
    พลัน ก็บังเกิดมี "ฝนห่าใหญ่"ก็ตกซู่ลงมาที่พระอุโบสถในทันทีทันใดอยู่ประมาณครึ่งนาที แล้วหายวับไปเหมือนไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้นมาก่อน ราวกับหลวงพ่อพระพุทธนิมิตฯจะพรมน้ำมนต์ปิดท้ายให้อีกครั้งแบบจะๆเห็นๆเลยนั่นเทียว
    และเมื่อก้าวออกมาจากพระอุโบสถในตอนเย็นใกล้ค่ำ ก็ยังอุตส่าห์มีลำแสงอาทิตย์อัศดงสุดท้ายฉายลอดเมฆออกมาฉาบทาจนสุกปลั่งเรืองรองอีกครั้งราว 5 วินาที แล้วดับวูบไปจนรัตติกาลอย่างน่าทึ่งที่สุด
    ด้วยเหตุนี้ "พุทธวงศ์"จึงบอกคนใกล้ชิดมานานแล้วว่า อันหลวงพ่อพระพุทธนิมิต วัดหน้าพระเมรุนี้ เป็น"ความศักดิ์สิทธิ์ที่เหมือนหนึ่งมีชีวิต"และ"สัมผัสได้"เลยนั่นเทียว..!!!!!!


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
     
  14. active

    active เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +278
    วันที่ 7พ.ค.2552 เวลา 15.37 น.ผมโอนเงินทำบุญเข้า บ/ช ทุนนิธิ 400บาทครับ
     
  15. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    สวัสดีครับวันนี้ครอบครัวผมได้ใอนเงินทำบุญเข้า บ/ช ทุนนิธิ 500 บาท
    08/05/09 : 09:05 น.
     
  16. ลูกปลาใหญ่

    ลูกปลาใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +577
    วันนี้ 08/05/09 เวลาประมาณ 11.38 น. ได้โอนเงินจำนวน 500 บาทเข้าบัญชีทุนนิธิฯเพื่อขอร่วมทำบุญด้วยครับ
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105

    ต้องขอขอบคุณทั้ง 3 ท่านเป็นอย่างสูง สำหรับการทำบุญในครั้งนี้ โดยเฉพาะคุณลูกปลาใหญ่ที่ได้ pm.มาถามด้วยพร้อมกับโอนเงินมาทำบุญครั้งแรก ส่วนของน้อง jirautes คงต้องรอให้คุณโสระ จัดส่งพระ "ปิยบารมี" ไปให้ครับ ส่วนของคุณนิพนธ์หรือคุณ active อาจจะรออีกสักเดือนสองเดือนน๊ะครับ ผมดูสถิติแล้วหายไปช่วงหนึ่งแต่ไม่เป็นไรหากมีโอกาสก็คงไปพร้อมกับของน้อง jirautes เช่นกัน ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งครับ

    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2009
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    วันนี้พาครอบครัวและเพื่อนบ้านไปตระเวนทำบุญที่อ่างทองและอยุธยา แวบหนึ่งได้ไปทำบุญที่วัดหน้าพระเมรุ ไปยืนเกาะตู้พระเครื่องของทางวัดที่จัดไว้สำหรับเพื่อใ้ห้บูชาหารายได้เข้าบำรุงวัด ได้ลองสอบถามเรื่องพระของหลวงปู่ทิมวัดพระขาวว่ามีบ้างมั๊ย คนเฝ้าตู้บอกมีค่ะ ใครไม่ถามก็ไม่ได้บอก และการันตีว่าพระของหลวงปู่ทิมที่วัดหน้าพระเมรุนั้น ทันหลวงปู่ฯ เสกทุกองค์ และเงินทุกบาททุกสตางค์เข้าวัดหมด เลยขอเช่าพระพิมพ์ขุนแผนรุ่น 8 รอบ องค์ละ 200 บาท และเหรียญเจริญพร เหรียญละ 200 บาท มาอีก 1 องค์ พระทั้งหมดเสกเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2552 ก่อนหลวงปู่ทิมมรณะภาพครับ ชอบใจตรงที่บูชาเสร็จ คนเฝ้าตู้จดลงบัญชี เพื่อนำส่งทางวัดในตอนเย็น ยังงี้ค่อยน่าเชื่อหน่อย ใครผ่านไปลองไปดูน๊ะครับ ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือพระพิมพ์ขุนแผนเนื้อชานหมากของหลวงปู่ฯ องค์ละ 1200 สวยแฮะ แต่ผมมีหลายอย่างแล้วเลยไม่เอา ส่วนลูกอมชานหมากนั้น เสียใจด้วย หมดครับ

    ลืมบอกไปอีกเรื่องหนึ่ง ที่อ่างทองมีพระนอนที่วัดป่าโมกวรวิหาร ซึ่งเป็นพระนอนที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ แม้กระทั่งวันนี้ที่เป็นวันวิสาขะบูชา แต่มีผู้ไปทำบุญที่วัดท่านน้อยมาก อาจจะเนื่องจากเป็นวัดที่ไม่ค่อยมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ไปทำบุญโดยการถวายปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น ทำบุญถวายจีวรห่มองค์ท่าน พระสงฆ์ที่ทำพิธีท่านให้เราตั้งใจในบุญกุศลนี้อย่างดียิ่ง ท่านกล่าวนำให้เราตั้งจิตได้ดีมาก ประกอบกับคนน้อย เลยใ้ห้ตั้งจิตเต็มกำลังอย่างไม่เร่งรีบ แบบสบายๆ ถวายผ้าห่มเสร็จ ท่านห่มองค์พระให้ดูเลย พวกเราที่ไปเลยยิ้มอิ่มในบุญที่ได้เห็นกันทั่วหน้า สังเกตุใบหน้าพระนอนในวัดนี้ ใบหน้าท่านสวยมาก จับใจดี ใครยังไม่เคยไปทำบุญกับพระนอนที่วัดป่าโมกฯ เชิญเลยครับ ไปช่วยท่าน ไปทำบุญกับพระนอน แล้วล่องมาทำบุญกับพระในอิริยาบทนั่งคือหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิงที่ทางวัดได้บูรณะใหม่ ทำเสร็จแล้วท่านสวยงามสง่ามากๆ แต่ติดที่มีคนเยอะ และอากาศร้อนจริงๆ ปิติเลยน้อยกว่าที่วัดป่าโมกฯ ครับ

    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2009
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    [​IMG]

    พรหมวิหาร กับการวางใจไว้ให้ถูกที่ ให้สวยงาม


    การใช้พรหมวิหารธรรม เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ในที่นี้ย่อมเหมาะสมยิ่ง ผู้ได้รับกรรมถึงเป็นถึงตาย หรือได้รับความทรมานบาดเจ็บมากน้อยหนักเบา สูญเสียต่างๆ ก็ตาม ในฐานะผู้ดูเราต้องปลงใจลงว่า นั่นเขาได้รับผลแห่งกรรมที่เขาเองต้องเคยทำมาแล้ว

    ส่วนผู้ทำกรรม ก่อความทุกข์ความทรมานเสียชีวิตเสียเลือดเนื้อ หรือทรัพย์สินเงินทองแก่ผู้อื่นนั้น ในฐานะผู้ดูเราต้องพยายามคิดให้พอเข้าใจว่า เขาตามกันมาเพื่อทวงหนี้กรรม จิตใจของทั้งสองฝ่ายทุกข์ร้อนด้วยกัน ไม่มีฝ่ายใดเป็นสุขได้เลย


    เราต้องไม่เข้าไปร่วมความร้อนรนนั้นด้วย ถ้าเราไปมองผู้ทำกรรมอย่างโกรธแค้นเกลียดชังในความร้ายกาจโหดเหี้ยมอำมหิต ของเขา เราก็จะทำร้ายตนเอง ไม่ใช่ใครที่ไหนทำ พึงใช้เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ในคู่กรณีทั้งสองฝ่าย เมตตาที่เขาต้องทุกข์ด้วยกัน

    เราทำบุญกุศลใดไว้ ก็ตั้งความกรุณาอุทิศให้ผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเขาทั้งสองฝ่าย ให้ตัวของเขาด้วย เพื่อให้พอมีความสงบเย็นแม้เท่าที่กำลังจิตของเราสามารถช่วยได้ ขณะเดียวกันมีมุทิตายินดีกับตัวเองกับใครทั้งหลายอื่น ที่ไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นคู่กรณี

    ไม่ต้องมีจิตใจที่เร่าร้อนทนทุกข์ทรมาน และมีอุเบกขาคือ พยายามวางใจเป็นกลาง ไม่เอียงไปเมตตากรุณาฝ่ายหนึ่งจนทำให้คิดไม่ดีในอีกฝ่ายหนึ่ง ให้ใจตั้งอยู่ในเมตตาทั้งสองฝ่าย

    ที่สำคัญการวางใจนี้ต้องให้เป็นไปอย่างจริงใจ เมตตาอย่างจริงใจ กรุณาอย่างจริงใจอุเบกขาอย่างจริงใจ นั่นแหละจึงจะเป็นกรรมดีที่สมบูรณ์จริง อันจักให้ผลดีได้จริง


    : ธรรมเพื่อความสวัสดี
    : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    [​IMG]

    ภาวนามีอานิสงส์มากกว่าบุญทั้งหลาย

    เราไปเทศน์ที่ไหนไม่พ้นที่จะพูดถึงเรื่องการภาวนา ถึงจะไม่รู้ไม่เห็นอะไรก็ตาม ผลแห่งการภาวนาของเรามีผลมากเป็นอันดับหนึ่ง ทาน ศีลอะไรเป็นอันดับที่สอง

    อันดับที่หนึ่งก็คือการภาวนา ยิ่งรู้ยิ่งเห็นแล้วยิ่งปลูกศรัทธาความเชื่อมั่นในผลของตนที่ทำขึ้นมาเรื่อย ๆ ทีนี้ก็หนุนทาน หนุนศีล หนุนความดีทุกอย่าง แล้วหิริโอตตัปปะความสะดุ้งกลัวต่อบาปต่อกรรมทั้งหลายมันจะรู้เข้ามา อันใดที่ควรกลัวมันจะปัดปุ๊บ ๆ เลยในหัวใจนั่นแหละ

    อย่างพระโสดาท่าน เพียงท่านสำเร็จโสดา นั่นคือเข้าสู่ความจริงแล้ว เชื่อบาปเชื่อบุญเชื่อกรรมแล้วนั่น ฝังแล้ว เมื่อฝังแล้วท่านจึงมีธรรมประจำใจเป็นนิสัยขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

    เพราะฉะนั้นพระโสดาจึงไม่มีการรับศีล เป็นสมุจเฉทวิรัติโดยอัตโนมัติไปเลย คือหิริโอตตัปปะสะดุ้งกลัวต่อบาปต่อกรรมไปในนั้นเสร็จเลย เช่นรับศีล ๕ ศีล ๘ ศีลอะไรนี้ หากว่าอยู่กับหมู่กับเพื่อนท่านก็นำบรรดาประชาชนรับเท่านั้น

    ผู้ที่เป็นพระโสดานั้นท่านจะไม่มีเจตนาว่าตั้งใจจะรับศีล เพราะศีลเราด่างพร้อยหรือขาดทะลุ ไม่มี เป็นแต่เพียงเป็นผู้นำ ๆ นี่เรียกสมุจเฉทวิรัติของพระอริยบุคคล สมุจเฉทวิรัติของปุถุชนนี้ตั้งความงดเว้นไว้ตลอดวันตาย นี้เรียกว่าวิรัติตลอดวันตายเลย

    ส่วนพระอริยบุคคล เช่น ขั้นพระโสดาขึ้นไปนี้จะเป็นสมุจเฉทวิรัติโดยอัตโนมัติตลอดวันตายเหมือนกัน ไม่ได้ตั้งท่าตั้งทาง เรื่องหิริโอตตัปปะสะดุ้งกลัวต่อบาปต่อกรรมทั้งหลายนี้เป็นขึ้นมาเอง ๆ

    นี่ละออกจากภาวนา ออกจากการได้ยินได้ฟัง รู้เห็นธรรมเป็นความจริงแล้วปลูกขึ้นมาทุกอย่างขึ้นชื่อว่าความจริง ความจอมปลอมปัดออก ๆ ท่านเป็นอย่างนั้น

    ไปที่ไหนเราก็ได้เทศน์เสมอเรื่องภาวนา เพราะเป็นหลักสำคัญมาก มันจะไม่เป็นก็ตาม การภาวนาของเราก็มีผลมากตลอดอยู่แล้วนี่อันหนึ่ง แล้วยิ่งจะได้รู้สิ่งนั้นเห็นนี้ยิ่งจะแตกกระจัดกระจายออกไป ฝังลึกลงโดยลำดับ

    เรื่องเชื่อบุญเชื่อกรรมไม่ต้องบอก เป็นขึ้นมาเอง แล้วกระจายออกไปความเชื่อ กระจายกว้างขวางลึกซึ้งไปเรื่อย ๆ นี่เกิดขึ้นจากการภาวนา การที่เราได้ยินได้ฟังจากครูจากอาจารย์นี่ก็เป็นบทหนึ่ง แต่สู้บทภาวนาที่ประจักษ์ขึ้นในเจ้าของไม่ได้จากครูบาอาจารย์สอนแล้วทำอย่าง นั้น ๆ อันนี้จะเป็นที่แน่ใจตัวเองได้โดยลำดับ จึงอยากให้พี่น้องทั้งหลายได้ภาวนา

    ที่สรุปลงมานี้คือจากการภาวนานะ การภาวนาจึงพิสดารมากทีเดียว สิ่งไม่เคยรู้เคยเห็นไม่เคยคาดเคยคิด เป็นขึ้นมาได้ไม่สงสัย ก็กิเลสอันเดียวเท่านั้นปิดไว้ พอเปิดนี้จ้า มันก็เห็น เปิดมากเปิดน้อยเห็น เปิดจ้าหมด เห็นกระจ่างเต็มหัวใจเลย เป็นอย่างนั้นนะ ต่างกัน จึงอยากให้ภาวนา

    ไปที่ไหนทุกวันนี้มักจะเทศน์ทางภาวนา เพราะความสงสาร อยากให้ตั้งหลักตั้งเกณฑ์ไว้ในจุดภาวนา ถึงจะไม่ได้ความแปลกประหลาดอัศจรรย์ การภาวนานี้มีอานิสงส์มากยิ่งกว่าการสร้างบุญทั้งหลายนะ จะได้สั่งสมบุญกุศลตลอด

    จะรู้เห็นอะไรไม่เห็นอะไรก็ตาม ส่วนบุญกุศลเกิดขึ้นจากการภาวนา เป็นรากฐานสำคัญและมีอานิสงส์มากด้วย จึงขอให้พากันตั้งอกตั้งใจทำภาวนา บำรุงลำต้นให้ดี กิ่งก้านสาขาดอกใบจะแตกกระจายออกไป


    หลวงตา ฯ วัดป่าบ้านตาด จังหวัด อุดรธานี

    Luangta.Com -
     

แชร์หน้านี้

Loading...