เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728

    จินตวดีมีความเข้าใจ = ความฝันตีความหมายได้หลายประเด็น บางส่วนเป็นการรู้เห็นเส้นทางความเป็นได้เส้นต่าง ๆ ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต บางส่วนเป็นการรับรู้ข้อมูล ความรู้ อารมณ์ ความรู้สึกจากจิตวิญญาญต่างร่าง ทั้งในอดีตปัจจุบัน และอนาคต โดยข้อมูลที่ได้รับนั้นถูกคลุมทับเอาไว้ด้วยภาพสัญลักษณ์ในธนาคารความทรงจำ (ของทั้งอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต ทั้งร่วมมิติและต่างมิติ ของแต่ละบุคลิคภาพ)
    ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>

    จินต์คิดว่าเราจึงจำเป็นต้องใช้สติสัมปชัญญะอันคมชัดแยกแยะข้อมูลให้ได้ เพราะเรามักจะนำเอาภาวะจิตที่เกี่ยวข้องกับปัจจุบันเข้าไปผสมกับข้อมูลนั้น ๆ ด้วย การฝึกสมาธิจึงเป็นสิ่งสำคัญในการค้นหาคำตอบ จินตวดีจึงไม่แปลกใจ ทำไมคุณนักเขียนจึงแนะนำให้เรา ฝึกสมาธิ เพราะถ้าปราศจากสมาธิ หรือ สติสัมปชัญญะอันคมชัด เรามักจะปราศจากความเข้าใจอันถ่องแท้เสมอ แต่ถึงแม้เราจะมีสติสัมปชัญญะอันคมชัด หากปราศจากความเข้าใจ หรือ ความรู้อันถูกต้อง การตีความย่อมผิดเพี้ยนเสมอเช่นกัน ซึ่งมันอาจทำให้เราคิดว่า “ฝันนั้นปราศจากความหมาย หรือ เกิดจากการนึกคิดเอาเอง”

    ความฝันยังแสดงถึงสถานะของภาวะจิตภายใน ในขณะหนึ่ง ๆ ซึ่งส่งผลสะท้อนออกมายังโลกแห่งความเป็นจริงภายนอกเช่นกัน เคยมีประสบการณ์ถึงปัญหาและวิธีการแก้ปัญหาในความฝันหลายครั้งเหมือนกันในแนวอุปมาอุปมัยffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>


    คำตอบชัดเจนอยู่ในทุกเล่มของหนังสือชุดนี้ ขอคุณนักเขียนช่วยอธิบายเพิ่มเติมด้วย ผิดพลาดเช่นไร ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ค่ะffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2009
  2. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    บางอย่างของความเหมือน ระหว่างคำสอนชัมบาลา และ ของอาจารย์อนาลัย

    “คำสอนของชัมบาลา ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า มีปรีชาญาณอันเป็นรากฐานของมนุษย์อยู่ ซึ่งอาจช่วยคลี่คลายปัญหาทั้งหลายของโลกได้ ปรีชาญาณประการนี้ มิได้เป็นสมบัติเฉพาะของวัฒนธรรมใด หรือ ลัทธิศานาใด ทั้งมิได้มาจากตะวันตก หรือตะวันออก ทว่ามันสืบสายวัฒนธรรมของนักรบอันเก่าแก่ ซึ่งดำรงอยู่ในกระแสวัฒนธรรมต่าง ๆ ตลอดช่วงกาลที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์”

    “คำสอนของชัมบาลา ซึ่งใช้ภาพของอาณาจักรชัมบาลาเพื่อแสดงถึงอุดมคติของการตรัสรู้โดยปราศจากลัทธินิกาย นั่นก็คือ เสนอให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของการยกระดับจิตวิญญาณของตนและของผู้อื่น โดยไม่ต้องอาศัยแนวทางหรือญาณทัสนะของศาสนาใด เพราะแม้ว่าสายความคิดของชัมบาลาจะยืนพื้นอยู่บนหลักคิดและความนุ่มนวลของวัฒนธรรมแบบพุทธ แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีรากฐานที่เป็นอิสระของตนเอง ซึ่งมุ่งตรงสู่การขัดเกลาให้เป็ฯมนุษย์ที่แท้ สังคมนุษย์ปัจจุบันต้องเผชิญกับปัญหานานัปการ จึงดูยิ่งจำเป็นต้องแสวงหาแนวทางอันเรียบง่ายและไร้ลัทธิเพื่อนำมาปฏิบัติและแบ่งปันประสบการณ์นั้นร่วมกับผู้อื่น ดังนั้น”ญาณทัสนะชัมบาลา” ซึ่งเรียกกันอย่างกว้างตามนัยนี้จึงเป็นเสมือนความพยายามอันหนึ่งที่จะผลักดันเกื้อหนุนให้ไปสู่ภาวะการดำรงอยู่อันสมบูรณ์สำหรับตัวเราและผู้อื่นด้วย”




    จากหนังสือ “ธรรมชาติชาติภพ” ของท่านอาจารย์อนาลัย<O:p></O:p>
    </O:p
    องค์ความรู้ กับ ความเป็นหนึ่งเดียว
    ผู้ที่ตระหนักถึงธรรมชาติความเป็นจริงที่ฉันได้ถ่ายทอดให้
    มักรับข้อมูลความรู้เหล่านี้และนำไปปฏิบัติโดยปราศจากข้อข้องใจ
    แต่ผู้ที่ยังไม่เข้าใจมักจะยังข้องใจอยู่และไม่นำไปปฏิบัติ

    หากเธอปฏิบัติตามด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เธอจะไม่หยิบยกเพียงสาระอันเป็นประโยชน์เพียงบางสาระ แล้วทิ้งสาระอื่นๆไปเสมือนเศษขยะไว้เบื้องหลัง ในทางตรงกันข้ามเธอจะพบว่าทุกสาระมีความหมายและมีความสำคัญเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งหมด เธอจะใช้มันอย่างหมดจดไม่เหลือเศษ ไม่ว่าเธอจะได้รับมาจากทิศทางใด หรือเรียกว่ารับมาจากศาสนาใด เธอก็จะมองเห็นคุณค่าและความกลมกลืนที่จะนำมันไปใช้ประโยชน์ได้ทุกทิศทางอย่างเป็นอนันต์ และผู้ที่เข้าใจได้ถ่องแท้จะมองไม่เห็นความแบ่งแยกของข้อมูลความรู้ว่า มันมาจากต่างสาย ต่างทิศทาง ต่างศาสนา หากแต่จะพบความเป็นหนึ่งเดียวของความหมายที่แท้จริง และตระหนักได้ว่าต้นกำเนิดของข้อมูลความรู้ทัั้งหมด มาจากต้นกำเนิดอันเป็นหนึ่งเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2009
  3. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    คุณ veggieguy ดูดข้อมูลจิตวิญญาณต่างร่าง ที่เป็นศิลปินเข้ามาซะแล้ว
    วาดออกมา 2 รูป ดูใกล้เคียงกันมากๆอย่างที่ว่าไว้เลย
    โดยเฉพาะรูปร่างตาครับ

    เห็นด้วยกับคุณจินต์นะครับว่า สมาธิ+สติสัมปชัญญะอันคมชัด+ไว้วางใจสัญชาติญาณ ต้องใช้คู่กันอย่างแยกกันไม่ออก จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้เลย ไม่งั้นแล้วเราจะทำให้การรับรู้ และการตีความบิดเบือนไป

    เมื่อวานใครได้ดูข่าวสามมิติบ้างครับ เปิดดูผ่านไปแว่ปๆ เห็นว่า ตอนนี้เค้าทำสกู๊ปค้นหานักบินที่สูญหายอยู่
    ที่น่าสนใจคือ มีเด็กผู้ชายคนนึง ชื่อ น้องมอส
    เค้าจะวาดรูปจากความฝันออกมา และตัวเลขที่ปรากฎในรูป ใกล้เคียงกับพิกัดตัวเลขที่เครื่องบินตก (อันนี้ไม่แน่ใจครับ ว่าใช่ตัวเลขจุดเครื่องบินตกรึเปล่า)
    และก็มีรูปอีกหลายรูปเหมือนกันครับ ที่ใช้เป็นข้อมูลในการหาตัวนักบิน

    เมื่อคืนอ่านหนังสือ ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ
    ก่อนนอนตั้งจิตก่อนนอนว่า จะตื่นกี่โมง และก็จะจดจำความฝันให้ได้หมด (เป็นการยืนยันว่าจะพกกล้อง และ เครื่องมือตัดต่อภาพ ของสติสัมปชัญญะเข้าไปด้วย)

    ฝันไปหลายเรื่อง และจำได้หมด
    เลยเก็บเนื้อหาโดยสรุปที่น่าสนใจจากในฝันมาฝากครับ ซึ่งเพื่อนๆอาจจะทราบอยู่แล้ว แต่เผอิญตื่นเต้นนิดหน่อย อิอิ

    1.เป็นมุมมองที่น่ามองเพิ่มเติม คือ ก่อนที่คนที่เรามองว่าแปลกหน้าจะมาเจอเรา เค้าก็ฝันถึงเรา รับรู้ข้อมูลของเรา ไม่น้อยไปกว่าที่เรารับรู้ข้อมูลของเขาเช่นกัน

    2.เป็นแง่มุมที่น่าศึกษาเรื่องความฝันเพิ่มเติม ทั้งแง่มุม ความฝันกับเมตาฟิสิกส์ ความฝันกับโหราศาสตร์ (แต่โหราศาสตร์ที่รับรู้ในฝันนั้น ไม่เหมือนโหราศาสตร์ที่เคยรับรู้ เป็นเรื่องการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงนิสัยใจคอ แล้วเอาทั้งสองอย่างนี้มาหาความสัมพันธ์กัน)

    3.ในช่วงภาวะกายหลับ จิตตื่น คือ ก่อนที่จะตื่นนอน จิตจะตื่นก่อน แม้ว่าการรับรู้ส่วนหนึ่ง จะรู้สึกว่าร่างกายยังไม่ตื่น และรู้สึกว่าง่วงมาก เป็นช่วงที่เราเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ความง่วงของร่างกาย ในจังหวะนี้รู้สึกว่า ข้อมูลที่ค้างเอาไว้ คือ ข้อมูลที่เราจะต้องพบเจอในอนาคต มันจะไหลเข้ามา สติสัมปชัญญะช่วงนี้จะจดจำได้หมดทุกอย่าง ต้องดาวน์โหลดกันมาเป็นความรู้สึกครับ ถึงจะเก็บได้หมด (ตื่นเต้นนิดหน่อย ที่เห็นจังหวะนี้ชัดๆและยาวนานครับ)
    จะเหมือนเดจาวูรึเปล่า พอเจอเหตุการณ์ในอนาคต แล้วเราก็บอกว่า เราเคยเจอมาแล้วนี่ แต่เอ..เมื่อไหร่กันนะ

    4.การเปลี่ยนแปลงข้อมูลในฝัน สามารถทำได้ ในช่วงกายหลับ จิตตื่น เหมือนกัน เช่น ภาพที่เห็นที่เป็นการตัดต่อหนังอยู่ เป็นฉากที่ผู้กำกับ สั่งให้สตันท์แมนสไตล์เรกเก้ กระโดดลงจากหน้าผาไปที่ทะเล เค้าก็กระโดดลงไป แต่ท่าลงไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ผู้กำกับก็เปลี่ยนแปลงภาพ เป็นภาพ replay ย้อนกลับไป แล้วก็เริ่มกลับไปใหม่ คราวนี้ก็กระโดดเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนท่าลงซะใหม่ ให้ดูสวยงาม
    มันจะแตกต่างกับช่วงที่กายตื่นแล้ว ตรงที่ ความคมชัดของภาพเหตุการณ์จะไม่เหมือนกันเลย และจะไม่ทับกันสนิท
     
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ฝีมือวาดรูปเข้าที่แล้วครับคุณเบิ้ม มุมกล้องเดียวกันด้วย อิอิ
    ปลารักเร่ตัวนั้นก็พริ้วสวยงามมาก ฝีมือไม่เบาครับคุณเซลล์
    วาดกันมาเป็นภาพประกอบข้อความก็ดีนะครับ

    หนังสือ ชัมบาลา ของคุณจินต์เล่มนี้น่าสนใจครับ
    เนื้อหาสอดคล้องกันหมดมีอะไรก็มาเล่าให้ฟังอีกนะครับ
    ชอบคำนี้ "เมื่อคุณใช้ชีวิตสอดคล้องกับความดีงามพื้นฐาน
    เมื่อนั้นคุณก็ได้สั่งสมความผุดผ่องตามธรรมชาติขึ้น"

    เหมือนชาวพุทธที่มี "ศีล"เป็นความดีพี้นฐาน
    ก็จะง่ายต่อการเกิด สมาธิและปัญญาตามมาครับ
    เรื่องราวที่เป็นความจริงจะต่อกันติดและเป็นธรรมชาติด้วยนะครับ

    คุณเซลล์ก็ค้นพบการเป็นผู้กำกับในความฝันแล้วสิครับ น่าตื่นเต้นนะครับเนี่ย!
    replay ภาพย้อนกลับเริ่มใหม่ได้ด้วย ยอดไปเลยครับ


    เมื่อคืนฝันเรื่องนึง รู้สึกว่าพี่นักเขียนฯจะกลับมาพบกับพวกเราอีกครั้ง (เร็วๆนี้)
    ก็นัดเพื่อนมาประชุมกันว่าจะพาพี่เค้าไปทานอาหารและนั่งคุยกันที่ไหนดี ที่สงบๆและคุยได้
    แต่เอาเข้าจริงก็พวกเราก็พาพี่เค้าไปที่สวนสนุกแห่งนึง (ได้ไงไม่รู้) มีเครื่องเล่นแบบใหม่ๆที่ไม่เคยเห็น ก็ตื่นเต้นและขึ้นไปเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน

    พี่นักเขียนฯก็เล่นอยู่ชิ้นนึงคล้ายบันไดเลื่อนมีสองฝั่งขึ้น-ลง
    มีลูกล้อขนาดเท่าล้อรถยนต์ ถ้าหลบไม่ทันจะโดนเจ้าล้อนั่นบีบอัดเอาได้
    ต้องรีบวิ่งหลบเข้าไปในช่องว่างเล็กๆด้านข้างให้ทันครับ พี่เค้าหลบทันบ้างหลบไม่ทันบ้างแต่ก็สนุก
    ในขณะที่เล่นอยู่ พี่เค้าก็กระโดดหลบลงไปในช่องสี่เหลื่ยมช่องหนึ่งอย่างตั้งใจ ในนั้นมีใบพัดขนาดใหญ่ ที่สามารถปั่นอะไรก็ได้ที่หล่นลงไปให้ละเอียดยิบในพริบตา..น่ากลัวมาก

    พวกเราที่นั่งอยู่บนกระเช้าลอยฟ้ามองเห็นเข้าก็ตกใจ !
    ได้ยินเสียง ลูกเกด คุณเดรดหวีดร้องเสียงดัง
    คุณเซลล์ คุณซิป คุณขจรวรรณ คุณเอ ก็ตาค้าง-นิ่งอึ้งพูดอะไรแทบไม่ออก
    ต่างก็มองหน้ากัน ทุกคนรู้สึกเสียใจมากจนร้องไห้ออกมา

    สักพักนึงก็ได้ยินเสียงเรียกพวกเราแว่วมาก็หันกลับไปดูที่ตรงนั้นอีกครั้ง
    ก็เห็นพี่เค้าก็ออกมายืนแหงนหน้ามองพวกเราอยู่ และส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นมาให้ด้วย
    เห็นไม่มีร่องบุบร่องรอยสลายแม้แต่นิดเดียว ปกติเลยครับ
    พี่เค้าก็พูดว่า "ไปทานข้าวด้วยกันเถอะ..จะไปร้านไหนกันดี ? "


    พวกเรารู้สึกมหัศจรรย์มากที่พี่เค้าปลอดภัย..(แต่ replay ภาพแบบคุณเซลล์ไม่ได้ อิอิ)
    เหมือนพี่นักเขียนมาสอนและเป็นตัวอย่างให้เห็นครับว่า ชิวิตนี้ก็เหมือนการโลกแล่นไปบนสวนสนุก ไม่มีอะไรหนักหนาสาหัสอย่างแท้จริง เป็นการเรียนรู้ประสบการณ์จริงอย่างร่าเริง ไม่ว่าเราจะเผชิญสิ่งใดก็แล้วแต่ ทำผิดหรือทำถูก มันอยู่ที่ว่าเราได้เรียนรู้อะไร และได้อะไรจากสิ่งนั้นมากกว่านะครับ ยืนหยัดด้วยรอยยิ้มแบบพี่นักเขียนฯเอาไว้ให้ได้ตลอดเวลาแล้วเราจะมีความสุขครับ ว่าจะเล่าให้ฟังนิดหน่อยแต่ยาวเลยครับ :-
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2009
  5. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขอบคุณมากค่ะพี่สุรชัยที่ยังระลึกถึงน้อง ๆ อยู่เสมอ ดีจัยมั่กๆ เลยค่ะที่รุ่นพี่แวะมาเยี่ยมเยียนถึงที่นี่แถมยังมีความรู้มาฝากอีกต่างหากค่ะ เราคงต้องแยกแยะความฝันของเราด้วยสติสัมปะชัญญะอันคมชัดอีกทีนึงนะคะว่าความฝันไหนที่เกิดจากการที่จิตวิญญาณถ่ายทอดข้อมูลความรู้มาให้ตัวตนทางกายภาพได้รับรู้หรือว่ากะลังถูกหลอกอยู่

    สงกะสัยต้องคุยให้น้อยๆ หน่อยนะคะเนี่ย เพราะรู้สึกว่าจามีรุ่นพี่ระดับ senior มาป้วนเปี้ยนแถวนี้เยอะ เด๋วจาถูกเขกหัวเอา อิอิ ^_^ เด๋วเดือนหน้าก็จาได้ไปเรียนต่อระดับต่อไปแล้วจ้าหลังจากที่หยุดเรียนไปร่วม 2 - 3 ปีได้แล้วมั้ง แต่ก็คิดว่าตัวเองโชคดีมั่กๆ เรยค่ะที่ได้มีโอกาสมาศึกษาข้อมูลความรู้ในเรื่องของธรรมชาติของจิตวิญญาณจากพี่นักเขียนและท่านอาจารย์อนาลัยก่อง คราวหลังถ้าเจอประสบการณ์แปลก ๆ จะได้นำมาเทียบเคียงกับความรู้ที่พี่นักเขียนให้มาและทำให้เราไม่รู้สึกกลัวกับประสบการณ์ทางจิตอีกต่อไปแร้ะ เพราะเราพกความรู้มาเต็มกระเป๋าเรยย.. โอ้โอ..

    เห็นด้วยค่ะพี่จินต์ + คุณเซลล์ ที่ว่าสมาธิ+สติสัมปชัญญะอันคมชัด+ไว้วางใจสัญชาติญาณ ต้องใช้คู่กันอย่างแยกกันไม่ออก จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้เลย เพราะถ้าเราไม่มีสมาธิเราก็จะไม่มีสติสัมปะชัญญะพอที่จะสัมผัสอารมณ์ +ความรู้สึกนึกคิดที่จิตวิญญาณถ่ายทอดมาให้เรารับรู้ผ่านสัญชาติญาณค่ะ..

    เอามาฝากจ้า อาจารย์ด๋างสอนมา อิอิ
    “ ปรากฏการณ์ทางจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง ก็มีวิธีการต่าง ๆ หลายวิธีที่คนเราสามารถที่จะมองด้วยความคิดที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับหรือการสัมผัสส่วนตัวของแต่ละคน ซึ่งเป็นคุณสมบัติทางจิตวิญญาณที่มีมิติที่ซับซ้อนตามที่อาจารย์ได้เคยกล่าวเกี่ยวกับคลื่นความถี่รวมเสมอ ๆ ยกตัวอย่างถ้าพวกคุณสัมผัสได้ 10 ส่วนของปรากฏการณ์ทางด้านจิตวิญญาณ บางทีพวกคุณจะสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนที่สุดก็เพียง 1 ส่วนเท่านั้น ”

    ;aa13
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2009
  6. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ในที่สุดคุณเซลล์ก็ค้นพบด้วยตัวเองแล้ว หลายครั้งที่จินตวดีพยายามอธิบายถึงภาวะกายหลับจิตตื่น ผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์อาจไม่เข้าใจ แต่ผู้ที่มีประสบการณ์แล้วย่อมเข้าใจได้เป็นอย่างดี ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่ข้อมูลที่จิตวิญญาณได้รับ แลกเปลี่ยนตลอดเวลา ถูกส่งผ่านออกมาเป็นสัญลักษณ์ ภาพ หรือ เหตุการณ์ (สัญลักษณ์ที่ใช้คลุมทับ) ที่ภาวะทางกายภาพภายนอกสามารถตีความได้ เหตุการณ์ภายนอกเปลี่ยนแปลงได้จากการกลับเข้าไปค้นหา ทำความเข้าใจ และ เปลี่ยนแปลงจากภายใน ตอนนี้จินต์กำลังทำโปรเจคยักษ์เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยทำการทดลองกับตนเองอยู่ ได้ผลอย่างไรจะกระซิบบอกคุณนักเขียนคนแรกเลย (อิ อิ)
    ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    ทุกคนสามารถสัมผัสประสบการณ์แบบนี้ได้ โดยช่วงทีท่านตื่นนอน อย่าเพิ่งขยับกาย โดยปล่อยให้ร่างกายอยู่ในภาวะหลับต่อไป แต่จิตตื่น รู้ตัวตลอด (อธิบายไม่ค่อยเป็นแฮะ) ภาวะนี้จะเป็นภาวะเดียวกับจิตที่เป็นสมาธิ (ไม่แน่ใจว่าจะอยู่ในระดับญาณสี่หรือเปล่า) จินตวดีได้กำไรจากสิ่งนี้เยอะเลย
    <O:p></O:p>
    ตอนเห็นภาพคุณวิกกี้กายเอามาโพสต์ลง ต้องขอบอกเลย ฝีมือพัฒนาขึ้นเยอะเลยค่ะ มันจุดประกายความอยากจินตวดีอีกแล้ว เมื่อวันก่อนเลยไปซื้อสีน้ำกล่องเล็กมา เมื่อคืนได้ลองนำมาผสมสีลองวาดดู เป็นบ้านหลังเล็ก ด้านหลังเป็นภูเขา และต้นพญาเสือโคร่งดอกชมพู พอวาดเสร็จก็นอน ก่อนนอน อธิษฐานขอให้ได้เรียนรู้เทคนิคการวาดภาพสีน้ำ และขอรับความสามารถผ่านจิตวิญญาณด้วย ปรากฏว่าฝันว่าตัวเองกำลังเอาไม้จิ้มฟัน จิ้มสีน้ำสีขาวมาทำเป็นจุด ๆ ตรงดอกสีชมพูของต้นไม้ พอตื่นมา เลยมาทำตามในฝัน ปรากฏว่าภาพดูธรรมชาติขึ้น จินตวดีพอใจผลงานชิ้นนี้มาก แม้จะเหมือนเด็กประถมก็เหอะ ถ้าจินต์หาเครื่องแสกนได้จะเอามาให้ดูพร้อมภาพน้ำตกภาพแรกแหละ
    <O:p></O:p>
    คุณ MEAD คะ อมตะจิตวิญญาณอยู่แล้วค่ะ
    <O:p></O:p>
    น้องลูกเกดจ๊ะ ชอบดอกกุหลาบเหรอ<O:p></O:p>
     
  7. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,945
    ค่าพลัง:
    +4,262
    ขอบคุณสำหรับคำชมครับ
    และจะรอชื่นชมผลงานนะครับ คุณจินต์
     
  8. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    พอพูดถึงเรื่องกายหลับจิตตื่น คุณเซลล์ไปเป็นผู้กำกับช๊อตหนัง ส่วนของจินต์ปรากฏเป็นภาพเขียนสีน้ำรูปภูเขาใหญ่ (ทั้งภาพมีแค่ภูเขาอย่างเดียว) เป็นเพราะจินต์กำลังสนใจเรื่องการวาดภาพสีน้ำ สัญลักษณ์ที่นำมาคลุมทับจึงเป็น ภาพวาดสีน้ำ จริง ๆ ความหมายมันอยู่ที่ภูเขาต่างหาก อิ อิ
     
  9. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    [​IMG]
     
  10. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    เมื่อวันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน 2544

    เป็นวันที่ผมจะต้องไปสอนหนังสือแก่นักศึกษาภาค กศ.บป.
    ที่สถาบันราชภัฎ บ้านสมเด็จเจ้าพระยา วิชาจริยธรรมทางธุรกิจ (Business Ethics) ซึ่งเป็นวิชาใหม่ที่จะสอนให้นักศึกษาภาควิชา บริหารธุรกิจ คณะวิทยาการจัดการ ได้เรียนรู้ถึงหลักการประกอบธุรกิจอย่างมีคุณธรรม เพื่อความสุขของสังคมที่อยู่ร่วมกัน

    นักศึกษาเหล่านี้เป็นผู้อยู่ในวัยที่ทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง และมาเรียนภาคค่ำเพื่อปรับวุฒิของตนให้สูงขึ้น จะได้รับความรู้ใหม่ๆ เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพของตนอย่างมีหลักเกณฑ์ต่อไป

    และในวันนี้ ผมก็มีความจำเป็นที่จะต้องไปงานฌาปนกิจศพของ....
    คุณเสียง โหสกุล บิดาของไลออนเสรี โหสกุล อดีตผู้ว่าการไลออนส์สากล ภาค 310 E

    ซึ่งในระยะนั้น ผมดำรงตำแหน่ง นายกสโมสรไลออนส์อิสระภาพ กรุงเพทฯ
    ซึ่งผมและไลออนเสรี โหสกุส จำเป็นที่จะต้องติดต่อกันเป็นประจำ
    ทั้งนี้เพราะสโมสรไลออนส์ เป็นสโมสรของผู้บำเพ็ญประโยชน์ มีสำนักงานใหญ่
    ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ที่ด้อยโอกาส และไม่สามารถ
    ที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ เนื่องจากขาด แคลนทุนทรัพย์

    สมาชิกของสโมสรไลออนส์จะช่วยสโมสรฯ ในการแข่งขันกันทำความดี ตามนโยบายของสโมสรไลออนส์สากล เช่น ช่วยกันจัดกิจกรรมหาทุน นำเงินที่ได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหาร และบำเพ็ญประโยชน์ ไม่มีการแสวงหากำไร ช่วยผู้ยากไร้ด้วยความสมัครใจ นายกสโมสร และคณะกรรมการบริหารตำแหน่งต่างๆ ดำรงตำแหน่งอยู่ได้เพียง 1 ปี ก็จะต้องครบวาระ ผลัดให้สมาชิกคนอื่น ที่มีความรู้ความสามารถ ขึ้นมา บริหารงานแทน

    ทุกสโมสรฯ จะเริ่มดำเนินงานจากเงินทุนบริจาคของสมาชิกเพียงเล็กน้อย แต่ด้วยความรู้ความสามารถของนายกสโมสร และเพื่อนสมาชิก ที่ได้ช่วยกันจัดกิจกรรมหาทุนเพียงปีละ 2 ครั้ง ก็มีเงินทุนเพียงพอที่จะใช้บริหารงาน และดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือผู้อื่นที่ยากไร้ และด้อยโอกาสกว่าตน
     
  11. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    ผลจากการแข่งขันกันกระทำความดี จะต้องทำเป็นรายงานกิจกรรม เสนอไปยังผู้ว่าการภาค และสโมสรไลออนส์สากล ที่เมืองโอ๊คปรู๊ค สหรัฐอเมริกา เป็นประจำทุกเดือน และผลของการกระทำความดีหากเข้าตากรรมการ ก็จะได้รับรางวัลเกียรติยศ และจัดพิธีมอบให้อย่างเป็นทางการ

    [​IMG]

    ซึ่งผู้ได้รับโล่รางวัลเหล่านี้ ถือเป็นความภาคภูมิในใจผลสำเร็จของงาน ภายใต้การบริหารของตนตลอดระยะเวลา 1 ปี

    งานฌาปนกิจศพคุณพ่อของไลออนเสรี โหสกุล ครั้งนี้ ได้สร้างความแปลกใจให้แก่ผมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการฌาปนกิจศพ พร้อมกัน 2 ศพ

    ศพหนึ่งคือ คุณเสียง โหสกุล ผู้เป็นบิดาของไลออนเสรีฯ


    ส่วนอีกศพหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชิดกันเป็นศพเด็กผู้หญิง อายุประมาณ 9 ปี
    ซึ่งเป็นบุตรสาวของคุณเสียงฯ และเป็นน้องสาวของไลออนเสรี โหสกุล

    เธอชื่อ....พิมพวดี <!--MsgFile=2-->
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    เมื่อเวลาประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา ผมได้เคยไปร่วมงานฌาปนกิจศพที่วัดมกุฎกษัตริยาราม หลายครั้ง และเมื่อเดินผ่านประตูทางเข้าวัดไปสู่เมรุ ศาลาตั้งศพศาลาแรกด้านขวามือ

    จะเห็นเป็นศาลาที่ค่อนข้างแปลกเพราะภายในที่บรรจุรูปของผู้บริจาคสร้างศาลา ได้ทำเป็นเสมือนวิมานบนสรวงสวรรค์ มีรูปของเด็กหญิงหน้าตาหน้ารักประดิษฐานอยู่ในวิมานนั้นศาลานี้ชื่อว่า พลับเพลาพิมพวดี

    [​IMG]
     
  13. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    ศาลาตั้งศพนี้ สร้างความแปลกในให้แก่ผมก็คือ รูปผู้สร้างศาลาแทนที่จะเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งบรรดาลูกหลานได้สร้างให้แก่บรรพบุรุษที่ได้ล่วงลับไปแล้วเพื่อเป็นอนุสรณ์

    กลับกลายเป็นรูปของเด็กหญิงที่หน้าตาน่ารักสถิตอยู่ในวิมาน....
    แสดงว่าเธอเป็นที่รักของครอบครัว และผู้สร้างศาลาแห่งนี้จะต้องเป็นผู้มีฐานะดี....
    มีความรู้ความเข้าในในศิลปวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างดีเยี่ยม....

    จึงสร้างศาลาได้อย่างสวยงานมีคุณค่ามาก พลับพลาพิมพวดีแห่งนี้ ....
    ได้อยู่ในความทรงจำของผมตลอดมา ....


    [​IMG]
     
  14. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นหนังสือที่ได้รวบรวมเหตุการณ์เกี่ยวกับจิตวิญญาณ สิ่งลี้ลับ กฎแห่งกรรม....ตายแล้วมาเกิดใหม่

    และมีอยู่เรื่องหนึ่ง คือ พิมพวดี สื่อวิญญาณ โดยมีสาระสำคัญว่า วิญญาณของเด็กหญิงพิมพวดีที่ล่วงลับไปแล้วในชาตินี้ ไม่ไปเกิดใหม่ แต่ยังคงวนเวียนอยู่ในโลกทิพย์

    และได้มาช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยทางสมองของนายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งในชาติก่อนนั้นเป็นบิดาของเธอเคยรับราชการในรัชกาลที่ 3




    ทำหน้าที่เป็นผู้คุมนักโทษ ที่เรียกว่า
     
  15. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    ในชาตินี้ คุณหนูพิมพวดี ได้มาเกิดในครอบครัวของตระกูลโหสกุลบิดา คือ....
    นายเสียง โหสกุล และมารดา คือ นางสมพร พัฒนวิบูลย์ โดยมีพี่น้องรวมกัน 5 คน คือ

    1. นายเสรี โหสกุล สมรสกับ นางสาวธนิดา โกมลารชุน
    มีบุตร 2 คน คือ นายพีระศักดิ์ โหสกุล และนายสุทธิศักดิ์ โหสกุล

    2. นายวัฒนา โหสกุล สมรสกับ นางสาวลินดา สเวนเช่น
    มีบุตร และบุตรตรี 2 คน คือ นายแอนดรู โหสกุล และนางสาวเจสสิก้า โหสกุล

    3. นายถาวร โหสกุล สมรสกับ นางสาวคัทลียา ขันธทัต
    มีบุตร 3 คน คือ นายคธาวุฒิ โหสกุล นายโอฬาริก โหสกุล และนายปองพล โหสกุล

    4. นายวันชัย โหสกุล สมรสกับ นางสาวประวิสสร บัวจรูญ
    มีบุตรีและบุตร 3 คน คือ นางสาวปริญดา โหสกุล นางสาวรสวรรณ โหสกุล
    และนายศิขัณฑ์ โหสกุล


    5. เด็กหญิงพิมพวดี โหสกุล (ถึงแก่กรรมตั้งแต่เยาว์วัย อายุได้ 9 ปี 9 เดือน)

    [​IMG]
     
  16. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    คุณเสียง โหสกุล บิดาในชาตินี้ของ เด็กหญิงพิมพวดีฯ ได้เริ่มต้นชีวิตโดยเป็นครูสอนภาษาจีนที่โรงเรียน มีนประสาท มีนบุรี และได้รู้จักกับคุณครูสมพร พัฒนวิบูลย์ ซึ่งเป็นครูสอนภาษาไทย หลังจากที่ได้รู้จักชอบพอกันระยะหนึ่ง จึงได้ประกอบพิธีมงคลสมรสกันในปี พ.ศ. 2482

    ทั้งสองจึงได้ลาออกจากเป็นครูเพื่อไปช่วยงานที่บ้านคุณปู่ ซึ่งประกอบกิจการค้าเป็นครอบครัวใหญ่ที่คุณเสียงและภรรยาต้องทำงานหนัก เนื่องจากมีญาติพี่น้องและคนงานที่จะต้องดูแลไม่น้อยกว่า 30 คน ทั้งสองนึกถึงอนาคตที่จะต้องเลี้ยงดูลูกๆ จึงขอแยกครอบครัวออกมาจากบ้านคุณปู่เพื่อทำการค้าขายตามลำพัง เพื่อสร้างฐานะให้มั่นคง โดยมีเงินสดติดตัวมาเพียง 500 บาท ไปอาศัยอยู่กับน้าชายประกอบกิจการขายน้ำมันหล่อลื่น บริเวณตึกแถวข้างวัดสระเกศ ถนนบำรุงเมือง โดยนำเครื่องทองของหมั้นของภรรยาออกขายเป็นทุน

    กิจการเริ่มดีขึ้น จึงได้ย้ายกิจการมาอยู่ที่ตึกแถว 2 ชั้นแห่งใหม่ บริเวณรมคลองโอ่งอ่าง หลังภูเขาทอง วัดสระเกศ ในช่วงที่ย้ายไปใหม่ๆ ร้านของคุณเสียงฯ ยังไม่มีชื่อ

    แต่เนื่องจากที่ตั้งของร้านอยู่ตรงข้ามกับทางเข้ากุฎีของท่านเจ้าคุณ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ (ภายหลังได้รับโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (อยู่ ญาโณทัย) และเป็นสมเด็จ พระอริยวงศาคตญาณฯ สมเด็จพระสังฆราชญาโณทัยมหาเถระในที่สุด)

    คุณเสียง และภรรยา จึงได้มีโอกาสเข้าไปกราบนมัสการท่านอยู่บ่อยๆ และท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ก็ได้ให้ความเอ็นดูแก่ครอบครัวโหสกุลเป็นอย่างมาก ทั้งยังกรุณาตั้งชื่อร้านให้ว่า
     
  17. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    ในปี พ.ศ. 2489 ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สงบลงแล้ว ประมาณ 1 ปี

    ครอบครัวโหสกุล ได้ย้ายมาเซ้งตึกแถวสี่ชั้น ที่หัวมุมถนนหลวงกับถนนมิตรพันธ์
    ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ ซึ่งแต่เดิมเป็นที่ตั้งของห้างฝรั่งชาติเยอรมัน

    โดยยังคงนำชื่อ
     
  18. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    ในปี พ.ศ. 2503 ความเศร้าโศกครั้งยิ่งใหญ่ได้มาเยี่ยมเยียนตระกูลโหสกุล

    โดยบุตรสาวคนเล็กที่ชื่อ พิมพวดี ซึ่งเป็นที่รักของทุกคนในครอบครัวได้เสียชีวิต
    เพราะเป็นไข้เลือดออก ที่โรงพยาบาลศิริราช ด้วยวัยเพียง 9 ปี 9 เดือน

    ซึ่งก่อให้เกิดความโศกเศร้าเสียใจให้แก่คุณเสียง และคุณสมพร โหสกุล เป็นอย่างมาก เพราะเป็นบุตรีคนเดียวและจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย คุณเสียงฯมีความเสียใจมากถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ เห็นรูปของลูกสาวสุดที่รักคราวใดเป็นต้องร้องไห้โฮ

    หรือถ้าหากใครเผลอเอ่ยถึงบุตรสาวคนนี้ทีไร คุณเสียงฯ เป็นต้องปล่อยโฮทุกครั้งไป


    [​IMG]
     
  19. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    เพื่อลดความอาลัยอาวรณ์ คุณเสียงฯถึงกับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เวลาว่าง จากที่เคยออกไปฟังเพลง เต้นรำ หรือดูโทรทัศน์ที่บ้าน กลับไปเรียนภาษาอังกฤษแทน นับตั้งแต่การเรียนขั้นพื้นฐานด้วยตนเอง

    ต่อมาจึงไปเรียนกับอาจารย์เสนาะ ตันบุญยืน และภรรยา คือแหม่มไอรีน และเรียนการอ่าน
     
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    ในช่วงแห่งความเศร้าโศกเสียใจ ด้วยการจากไปอย่างไม่มีวันกลับขอบบุตรีเพียงคนเดียว ทำให้คุณเสียงฯ เกิดความคิดที่จะต้องสร้างถาวรวัตถุขึ้นเป็นอนุสรณ์

    จึงได้ไปเข้าเฝ้าเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายี) เจ้าอาวาสวัดมกุฎกษัตริยาราม (ในขณะนั้น) กราบทูลว่า มีความประสงค์จะหาที่ในบริเวณวัดที่เหมาะๆ สร้างศาลาสักหลักหนึ่ง เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ลูกสาว และถวายวัด ไว้สำหรับตั้งศพของบรรดาญาติโยมทั่วไป

    ซึ่งท่านได้ให้การสนับสนุน โดยทรงอนุญาตให้รื้อกุฎีหลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ข้างอาคารสำนักงานผลประโยชน์ของวัดเป็นสถานที่ก่อสร้างศาลา

    โดยใช้ขื่อว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...