เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ช่วงนี้มีเพื่อนหลายๆคน ฝันเรื่องการรวมกลุ่ม การฝึกฝน เหมือนห้องเรียน

วันนี้มีเพื่อนบางคน คุยกับ kindred ว่าฝันเหมือนที่พี่นักเขียนเล่ามาเลยค่ะ
เค้ามีปัญหาสุขภาพบางอย่างอยู่ แล้วในฝัน เค้าบอกว่ามีการนั่งล้อมวงรวมกลุ่มกัน
เหมือนมาเรียนอะไรบางอย่าง โดยพี่นักเขียนเป็นครู
เพื่อน kindred กำลังไม่สบายอยู่ แล้วพี่นักเขียนเดินเข้าไปหา แล้วใช้กระดาษตบที่ศรีษะเบาๆ
เพื่อนคนนั้นบอกว่า อาการเจ็บป่วยหายไปทันทีเลย เห็นว่าคล้ายกันเลยมาเล่าค่ะ

kindred ไม่ได้ฝันเรื่องโรงเรียน หรือ การเรียนใดๆเลย
แต่ช่วงหลังๆนี้ ฝันแต่อยู่ท่ามกลางคนมากมาย เป็นงานบรรยายบ้าง
งานเปิดร้านขายของบ้าง แต่ไม่ว่าจะฝันอะไร ก็จะมีแต่คนเต็มไปหมดเลยค่ะ
ทั้งที่รู้จัก และไม่รู้จัก และมักจะมาทำกิจกรรมร่วมกัน ตลอดเลยค่ะ

 

เพลงในรายการที่ลิสมานั้นมาจากหนังสามเรื่องด้วยกันคือ Princess Mononoke, Laputa Castle in the Sky และ Mimi wo sumaseba หรือชื่ออังกฤษว่า Whisper of the heart

Laputa Castle in the Sky

​

laputa: Castle in the Sky เป็นเรื่องที่ มิยาซากิ แต่งขึ้นมาเอง โดยเขาได้หยิบยืมเอาชื่อของ ลาพิวต้า ซึ่งเป็นชื่อของ เกาะลอยฟ้า ในนิยายเรื่องการผจญภัยของ กัลลิเวอร์ ของ โจนาธาน สวิฟท์ มาตั้งเป็นชื่อของเกาะลอยฟ้าที่อยู่ในหนังของเขา โดยบรรยากาศของหนังโดยรวมนั้น มิยาซากิ ได้กล่าวถึงมันว่าเหมือนกับ นิยายวิทยาศาสตร์ที่ถูกเขียนขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 เรื่องราวของลาพิวต้า ได้เริ่มขึ้นเมื่อในวันหนึ่งเด็กกำพร้าที่ชื่อ ปาซู ได้พบกับเด็กผู้หญิงชื่อ ซีต้า ที่อยู่ดีๆ ก็ตกลงมาจากท้องฟ้า เขาจึงได้พาตัวเธอมารักษาตัวที่บ้าน ซีต้า นั้นมีจี้ห้อยคออยู่อันหนึ่ง ซึ่งมีพลังสามารถทำให้เธอลอยในอากาศได้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจี้ห้อยคออันนี้จะเป็นที่ต้องการของบรรดาโจรสลัดและกองทัพทหารที่ กำลังตามล่าตัวอยู่ และทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับลาพิวต้า เกาะลอยฟ้าในตำนาน ที่ปาซู เฝ้าใันว่าสักวันหนึ่งเขาจะได้เป็นผู้ค้นพบ และหลังจากนั้นเองการผจญภัยก็ได้เริ่มต้นขึ้น


Whisper of the heart

​

เป็นเรื่องราวของเด็กสาวในช่วงม.ต้นที่ชื่อ ชิซึกุ ซึกิชิมา ที่รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ มีความฝันที่อยากจะเขียนนวนิยาย แต่บรรทัดฐานของสังคมคือ ขยันอ่านหนังสือ สอบเข้ามัธยมปลาย และเรียนในมหาวิทยาลัยดี ๆ คือเสียงจากสังคมที่กระซิบบอกเยาวชนที่กำลังเติบโต แม้ชิซึกุจะชอบหนังสือนิยายเพียงใด หรือมีพรสวรรค์ในด้านวรรณคดีแค่ไหน ตัวเธอเองก็ไม่สามารถมองข้ามบรรทัดฐานเหล่านั้นและเลือกเดินไปบนเส้นทางที่ตนเองรักได้อย่างสบายใจ ในตอนท้าย ชิซึกุจะสามารถเดินไปตามความฝันของตัวเองได้หรือเปล่า ก็ต้องไปลุ้นกันครับ ^_^

http://highwind.exteen.com/20061231/whisper-of-the-heart

Princess Mononoke

​

เรื่องนี้ไม่กล้าเขียนอธิบายเท่าไหร่เพราะมีหลายคนที่เขียนวิจารณ์ถึงเรื่องนี้ค่อนข้างดีมาก มีสาระความหมายดีมาก

หนังเล่าเรื่องชายหนุ่มที่ต้องคำสาปและออกเดินทางเพื่อหาทางแก้คำสาป การเดินทางนำไปสู่การต่อสู้ระหว่างฝ่ายพงไพร คือเจ้าหญิงโมโนโนเกะกับสัตว์ทั้งหลายที่มีเทพคอยคุ้มครอง และ ฝ่ายมนุษย์แห่งโลหะนคร ต่างฝ่ายต่างต้องการปกป้องชีวิตส่วนตัวและนำไปสู่ความเกลียดชังความโกรธแค้นที่วนเวียนไปมา

หากมองด้วยสายตามนุษย์พวกเขาต้องต่อสู้เพราะความหวาดกลัว บ้างก็ต้องการแก้แค้น ฯลฯ หากมองด้วยสายตาแห่งพงไพร ธรรมชาติเองก็จำเป็นต้องต่อสู้จัดการกับมนุษย์เพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์ตัวเอง แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่โหดร้ายและน่ากลัวหาใช่ทั้งมนุษย์หรือพงไพรเพราะสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ “กิเลสในใจ” ที่ไม่เคยมอดดับไปได้ ซึ่งออกมาทั้งในรูปแบบความโลภ ความกลัว ความแค้น ฯลฯ ในหมู่มนุษย์ก็ยังต้องต่อสู้กันเอง,ในหมู่พงไพรเองก็ไม่ร่วมมือและยังแบ่งพรรคแบ่งพวก

... ความรุกรานของมนุษย์ที่มีต่อธรรมชาติ สัจธรรมการเกิดและดับ (เทพเลือกที่จะช่วยและเลือกที่จะเอาชีวิต) ความเลวร้ายเสื่อมโทรมในใจ ทุกอย่างคือสิ่งที่หนังถ่ายทอดออกมาทำให้หนังอนิเมชั่นเรื่องนี้มีคุณค่ามากกว่าการดูสนุกเพียงอย่างเดียว

...หนังบอกพระเอกตั้งแต่ตอนแรกเหมือนกับที่บอกคนดูว่าให้ “มองด้วยสายตาที่เป็นกลาง” ท่ามกลางการปกป้องตัวเองของทั้ง 2 ฝ่าย หรือในสังคมจริงก็อาจจะเป็นการโต้เถียงการขัดแย้งกัน เราจะเห็นได้ว่าต่างฝ่ายต่างก็จะอยู่กับตัวเองจนไม่สนใจอีกฝ่าย ในเรื่องทั้งสองฝ่ายอยู่กับความเกลียดชังและความแค้น

...หากพระเอกซึ่งเป็นบุคคลที่สาม ไม่มองด้วยความเป็นกลาง แล้วเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เชื่อได้ว่าสงครามก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป เพราะไม่ว่าจะเข้าข้างไหนก็ตาม มันจะมีเหตุผลที่ดูเหมือนถูกต้องเสมอ แต่ความถูกต้องนั้นเป็นความถูกต้องเพื่อตัวเองโดยมิได้มองถึงส่วนรวม

ดังนั้นแม้ว่าพระเอกจะมีความเคียดแค้นที่ฝังมากับแขนขวา แต่เขาก็มีสายตาที่เป็นกลางและใจที่เป็นธรรม จึงทำให้คำสาปคลี่คลายลงได้และนำความสงบสุขกลับมา


เรามีสิทธิ์ที่จะทำสิ่งสร้างสรรค์แต่มีสิทธิ์ หรือที่จะทำลายสิ่งใดภายใต้กฎนี้ แต่ใครเล่าจะรู้ว่า สิ่งที่เราทำมันจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อโลกและชีวิต จนกว่าผลนั้นแสดงความจริงให้เราเห็น เราจะแก้ไขปรับเปลี่ยน หรือว่าดื้อดึงดันที่จะเอาให้ได้อย่างใจเราต่อไป หากเราหัดฟังเสียงต้นไม้ป่าเขา สายน้ำพูดบ้าง เราอาจได้ยินเสียงแห่งความมีชีวิต ซึ่งในชีวิตเราเองอาจไม่เคยหยุดและฟังมันเลย เพราะมัวแต่หลงใหลในอำนาจ ทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศ ของเหล่านี้ไม่มีคุณค่าเทียบเท่า แม้ลมหายใจของเราเองด้วยซ้ำ เมื่อไหร่ที่เรารู้จักฟังเสียงของสายน้ำ ต้นไม้และป่าเขา เมื่อนั้นจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบชั่วดีของเราก็จะคืนกลับมา สันติสุขก็จะบังเกิดขึ้น และรู้จักทำสิ่งที่ถูกต้องตรงกับความจริง ณ.เวลานั้น

อ่านที่เค้ารีวิวกันได้ที่
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=04-2005&date=14&group=2&gblog=37
http://www.tonkla.org/2008/index.php/2008-06-08-06-27-07/2008-06-10-13-31-38/95?task=view
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=172223
http://www.budpage.com/bm17.shtml

แต่หนังเรื่องนี้จะมีบางฉากรุนแรงไปซักหน่อย


ช่วงนี้รู้สึกในห้องจะครึกครื้นมากเลย ศิลปินเดินกันให้ควั่ก

 

มีเพื่อนส่งผลงานเพิ่มมาอีกคนแล้ว ไม่นับคุณ mead ที่ฝืมือสูงลิบลิ่ว 555
คุณเดรดวาดได้เหมือนมากนะครับ ดูแล้วไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นใคร อิอิ

ได้อ่านเรื่องย่อการ์ตูนแล้ว น่าไปหามาชมครับ
โดยเฉพาะเรื่อง whisper of the heart
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากครับคุณ zip ว่าสาวน้อยจะได้เดินทางตามหนทางที่เลือกหรือไม่

ศิลปินเดินกันให้ขวั๊กจริงๆ วันนึงหวังว่าจะได้เห็นผลงานการ์ตูนจากคุณ zip นะครับ

​

เห็นเพื่อนๆฉายแสงศิลปินออกมาแล้ว เลยลองย้อนมาดูว่า love คืออะไร
จะบรรยายออกมายังไงดี วาดแล้ววาดเล่า ลบแล้วลบอีก ก็ยังไม่ตรงกับความหมายที่ต้องการสื่อ ก็เลยต้องเลือกว่า จะเอารูปสวย หรือจะเอาความหมายดี
เมื่อประเมินฝีมือการวาดรูปแล้ว จากภาพที่วาดออกมา มองด้วยสายตาเป็นกลางว่า อย่าวาดเพื่อสื่อออกมาเลย ความหมายอาจผิดเพี้ยนไปไกล
ก็เลยตกลงกับตัวเองว่า เอาความหมายดีกว่า อิอิ...

คอนเซปต์ในการวาดรูป ความรักรูปที่ 2 ในชุด lomomay มาจากแนวคิดที่ว่า

เราคือจิตวิญญาณที่มาหาประสบการณ์ในมิติของมนุษย์
พร้อมกับได้รับพรอันวิเศษ เป็นความรักที่ไร้เงื่อนไขไม่มีประมาณ
จิตวิญญาณต่างได้รับอิสระให้สามารถเลือกเส้นทางเดินใดๆก็ได้ตามปราถนา
ดี ชั่ว ขาว ดำ เป็นเส้นแบ่งบางๆ ที่ดูจะลางเลือน หากนำบรรทัดฐานต่างๆมาวัด
เราต่างได้รับพู่กัน และยางลบ ที่ใช้ไม่มีวันหมด
เราต่างได้รับอิสระ ในการเลือกเส้นทางเดิน ตามเส้นทางมากมาย แต่ละเส้นทางก็มีทางแยกมากมายเป็นอนันต์
เราต่างได้รับอิสระ ในการแก้ไข เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง เส้นทางที่ไม่ต้องการ
เราต่างได้รับอิสระ ในการแต่งแต้มสีสันของชีวิต รวมทั้งลบเลือนสีสันที่ไม่ต้องการ
ทุกย่างก้าวของชีวิต ล้วนเป็นพรอันประเสริฐ ที่เราสามารถรังสรรค์ได้จาก อารมณ์ ความคิด และจินตนาการ

;aa44

 

อิสระแห่งความปรารถนา

ไม่มีอะไรจะเป็นข่าวที่น่ายินดียิ่งไปกว่าการได้รับทราบว่า หนังสือชุดนี้ก่อประโยชน์สุขให้กับผู้อ่าน ต้องขอขอบคุณหัวหน้าที่ส่งข่าวมาให้เป็นกำลังอย่างใหญ่หลวงค่ะ

หนังสือ อิสระแห่งความปรารถนา เป็นเล่มหนึ่งในสิบเล่มที่พี่นักเขียนหวังอย่างยิ่งว่า ผู้อ่านจำนวนมากจะได้อ่าน ​โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่กำลังมีทุกข์ ทั้งทางกาย ทางใจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสัมพันธภาพ ปัญหาสุขภาพ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม ฯลฯ เพราะเป็นเล่มที่อธิบายให้เราเข้าใจได้ว่า ทำไมชีวิตของเราแต่ละคน จึงเป็นไปในทิศทางที่พึงปรารถนา และ ไม่พึงปรารถนา และเราจะเปลี่ยนแปลงมันได้อย่างไรตามต้องการ ?

แม้ท่านอาจารย์อนาลัยจะกล่าวเสมอๆในหนังสือทุกเล่มว่า
เธอทั้งหลายสร้างโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเชื่อของตนเอง

แต่หนังสือเล่มนี้ ก็เป็นเล่มเดียวที่ท่านได้อธิบายในรายละเอียดถึงกลไกของความเชื่อว่า อะไรคือความเชื่อที่เราทั้งหลายแทบจะไม่เคยตระหนัก จนเรารับเอาโดยปริยายว่ามันคือความเป็นจริง ท่านได้อธิบายว่า ความเชื่อของเราแต่ละคน เป็นความเชื่อที่ถูกสนับสนุนโดยความเชื่ออื่นๆอีกหลายความเชื่อด้วยกัน ซึ่งล้วนเป็นความเชื่อที่เรารับเอามาจากสังคม วัฒนธรรม ศาสนา พ่อแม่ ครู ผู้ใหญ่ ฯลฯ

การสนับสนุนของความเชื่อหลายๆความเชื่อ ทำให้เกิด-ชุดความเชื่อ ซึ่งจะสนับสนุนกันและกันจนในที่สุดแทบจะไม่เหลือช่องโหว่ให้เรามองเห็นความเป็นจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ได้เลย

การเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ เป็นเป้าหมายสูงสุดของจิตวิญญาณ
แต่การเปลี่ยนความเชื่อไม่ใช่ของง่าย เพราะเราไม่อาจเปลี่ยนความเชื่อเพียงความเชื่อเดียว แล้วจะกลายเป็นความรู้ได้ทั้งหมด เพราะเรามักมีความเชื่อเป็นชุด-หลายความเชื่อเชื่อมโยงกัน สนับสนุนกันบ้าง ขัดแย้งกันบ้าง แต่ทั้งหมดก็ปิดบังความรู้หรือความเป็นจริงเสมอ

หนังสืออิสระแห่งความปรารถนา เป็นเล่มที่ท่านอาจารย์อนาลัยได้ยกตัวอย่าง ชุดความเชื่อหลักๆให้เรามองเห็นได้ว่า ความเชื่อหนึ่งๆเชื่อมโยงและก่อให้เกิดความเชื่ออื่นๆซึ่งสนับสนุนความเชื่อแรกเสมอ

ดังนั้นจะกล่าวว่า การเปลี่ยนความเชื่อเป็นของยาก มันก็ยาก เพราะความเชื่อหนึ่งๆ ไม่ได้เป็นความเชื่ออันเป็นเอกเทศ มันผูกพันกับความเชื่ออื่นๆอีกมากมายหลายความเชื่อ เมื่อเราเปลี่ยนความเชื่อได้หนึ่งความเชื่อ เราก็ยังติดกับความเชื่ออื่นๆอีกหลายความเชื่ออยู่ดี

แต่ในทางกลับกัน หากจะกล่าวว่า การเปลี่ยนความเชื่อเป็นของง่าย มันก็ง่าย เพราะเมื่อใดที่ความเชื่อหนึ่งๆเปลี่ยนไป ความเชื่ออื่นๆที่สัมพันธ์กัน จะเริ่มรวนไปด้วยเสมอ เพราะมันขาดการสนับสนุนที่เคยได้รับจากความเชื่อเดิม

เมื่อความเชื่อหนึ่งๆเปลี่ยนไป มันยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นความรู้โดยสมบูรณ์
แต่อาจจะเปลี่ยนจากความเชื่อในแง่ลบ กลายเป็นความเชื่อในแง่บวก
จากนั้น ความเชื่ออื่นๆที่เกี่ยวพันก็จะพลอยเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยเสมอ

ต่อเมื่อชุดความเชื่อ หรือความเชื่อหลายๆความเชื่อเปลี่ยนไปทั้งหมด
เราจะเผชิญกับภาวะที่แทบจะเสมือนขุนเขาที่พังทลาย
เพราะความเชื่อที่เคยเป็นเสมือนเกราะที่ปกป้องเราจากความกลัว ความไม่รู้ ความลังเลสงสัย
อาจทำให้เรารู้สึกเคว้งคว้าง ปราศจากความปลอดภัยยิ่งไปกว่าเดิม

ต่อเมื่อเราผ่านพ้นความรู้สึกนึ้ไปได้ เราจะพบว่า ความเชื่อเก่าในแง่ลบ ที่เปลี่ยนไปเป็นความเขื่อใหม่ในแง่บวก
และเขยิบเข้าไปใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นกว่าเดิม กลับทำให้เรารู้สึกปลอดภัย หมดความกลัว ตระหนักในความรู้อันปราศจากถ้อยคำ
สิ้นสงสัย หมดความลังเล

เมื่อชุดความเชื่อเปลี่ยนเป็นความรู้ เราจะรู้สึกว่า เรื่องที่เคยเป็นเรื่องใหญ่ เลวร้าย ยุ่งยาก ทุกข์ยิ่ง
กลับกลายเป็นเรื่องเล็กจิบจ้อย เป็นบทเรียนที่คุ้มค่า เรียบง่าย และสุขที่ได้เรียนรู้
ภาวะที่เต็มไปด้วยความโกรธ เกลียด ทุกข์ ลังเลสงสัย ไม่แน่ใจ จะกลายเป็นภาวะที่น่าขัน รัก สุข สิ้นสงสัย มั่นใจ

แม้ว่าชื่อหรือหมวดความรู้ โนวา อนาลัย จะมีความหมายว่า เส้นทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา แต่ท่านอาจารย์อนาลัยก็กล่าวว่า เราทั้งหลายเลือกมาถือกำเนิดเป็นมนุษย์
เป็นร่างกายเนื้อหนัง เพราะจิตวิญญาณของเรายังรักที่จะมาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังในโลกทางกายภาพ

ดังนั้นเราจะมองข้ามธรรมชาติความเป็นจริง และความปรารถนาที่แท้จริงของจิตวิญญาณไป ด้วยการข้ามขั้นไปสู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา ไปสู่ภาวะที่เรายังไม่รู้จักที่จะรัก เช่นการเป็นจิตวิญญาณที่ปราศจากร่างกายตัวตน-ยังไม่ได้ เพราะจิตวิญญาณของเรายังรักที่จะมีตัวตน ยังรักการสร้างสรรค์ทั้งหลายทางกายภาพ ยังรักที่จะดำเนินชีวิตในโลกทางกายภาพ

เราทั้งหลายไม่สามารถรักภาวะที่เรายังไม่รู้จักคุ้นเคย

ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า จิตวิญญาณเลือกมาถือกำเนิดในนัยอันเป็นกายภาพ เพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และเรียนรู้คุณค่าชีวิต ต่อเมื่อประสบการณ์และการเรียนรู้ของเราเติมเต็มแล้วจิตวิญญาณจึงจะเลือกภาวะอื่นๆต่อไป หรือรักที่จะดำเนินไปในภาวะอื่นๆต่อไป

ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ จึงได้ชื่อว่า อิสระแห่งความปรารถนา
ซึ่งหมายถึง การเป็นจิตวิญญาณที่มีอิสระที่จะเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตได้ตามความปรารถนาด้วยการเรียนรู้ว่า เราสร้างสรรค์ประสบการณ์และคุณค่าชีวิตได้ด้วยความเชื่อของตนเอง

เมื่อเราเรียนรู้เกี่ยวกับความเชื่อของตนเอง
เราจะค้นพบกลไกที่เราทั้งหลาย สร้างโลกแห่งความเป็นจริงของตนเองขึ้นมา

ชีวิตที่เคยอยู่นอกเหนือพลังอำนาจที่จะให้เป็นไป หรืออยู่นอกเหนือการควบคุมของตนเอง
จะกลายเป็นชีวิตที่เราตระหนักว่า เราคือผู้เลือก เป็นชีวิตที่มีอิสระที่จะมีได้-ทำได้-เป็นได้ สมความปรารถนา เป็นชีวิตที่เราตระหนักว่า เราคือผู้ที่มีพลังอำนาจที่จะทำให้มันเป็นไป

ต่อเมื่อภาวะอันเป็นกายภาพ เป็นร่างกายเนื้อหนัง เป็นภาวะที่เราสามารถเติมเต็มได้อย่างสมบูรณ์แล้ว จิตวิญญาณจะก้าวไปสู่ภาวะที่ปราศจากร่างกาย เป็นอิสระจากความปรารถนาทางกายภาพ เหลือแต่ปรารถนาในความรู้ อันเป็นความปรารถนาที่ทำให้จิตวิญญาณเป็นอมตะ เพราะจิตวิญญาณจะใฝ่รู้ต่อไป แสวงหาความรู้ต่อไป อย่างไม่มีวันสิ้นสุด

เชิญอ่าน eBook ได้ฟรีค่ะ Click ที่ link ด้านล่างที่ชื่อหนังสือ อิสระแห่งความปรารถนาค่ะ(rose)

 

ผลงานของน้องลูกเกด

พี่นักเขียนนำเสนอส่งผลงานเพลงของน้องลูกเกดค่ะ
น้องลูกเกดเอาแต่ version ที่คนอื่นร้องมา post ให้ฟัง
version นี้ ร้องโดยน้องลูกเกดค่ะ ขอโทษที่นำมา post ช้าไปหลายสัปดาห์ เพราะ upload file ไม่ได้สักที

พี่นักเขียนยังร้องเพลงไม่เป็น สักวันคงจะเป็น กำลัง Tune คลื่นกับทั้งน้องลูกเกดและคุณน้อง Kindred อยู่ หากร้องเป็นเมื่อไร คงจะร้องเพลงนี้เป็นเพลงแรกเพื่อจะบอกว่า น้องลูกเกด คือ ของขวัญจากฟากฟ้าเช่นกัน(rose)

ของขวัญจากฟากฟ้า

A--------------------------------Dmaj7
ตั้งแต่วันที่เราได้รู้จักกัน จากนั้นชีวิตฉันก็เปลี่ยนไป
A------------------------------Bm
บทเพลงความรักจากอีกฟ้าไกล เชื่อมสองใจให้ใกล้กัน
F#m7-------------------- E---Dmaj7-----------A
เหมือนเสียงเธอกล่อมให้ฉันนอน เหมือนคำสอนเธอก้องอยู่ในฝัน
Bm-------------------------- E
ใครบนฟ้า คงส่งเธอมา..เป็นของขวัญ

A-----------------------------------Dmaj7-------------E
อีกดินแดนที่เธอคอยชี้ทาง ให้ฉันพบตัวฉันข้างในนั้น
A------------------------------Bm-------E
สู่โลกใบเดิมที่สวยขึ้นทุกวัน ที่ก่อนนั้นฉันไม่เคยสนใจ
F#m7---------------E-----Dmaj7-------------A-----
เหมือนสองมือเธอคอยประคอง เหมือนเราสองเดินเคียงกันไป
Bm-------------------------- -------------E
บนถนนสายยาว บางคราวฉันอยากถาม..เธอเหนื่อยมั้ย

Bm------------------- E---------------A
*เธอเป็นดั่งพรจากฟ้า เธอมีค่ามากกว่าดาวดวงไหน
F#m7-----Dmaj7----- E----- A
บนโลกใบเหงา แค่รู้มีเธออยู่ ฉันอุ่นหัวใจ
F#m7------ Bm ---E ----A ----E/G#---F#m7
ทุกวันจะผ่านล่วงเลย สิ่งใดๆจะเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่
Dmaj7------------ E -----------A
แต่สิ่งสำคัญที่เธอให้ฉัน จะคงอยู่..ตลอดไป

*
Dmaj7------------ E -----------A
ความรักของเธอและฉัน จะคงอยู่..ตลอดไป

 

[music]http://palungjit.org/attachments/a.495056/[/music]​

ของขวัญจากฟากฟ้า
By: ลูกเกด​

 

มาจองที่นั่งฟังเพลงก่อน...
ต้นฉบับร้องเองแบบนี้หาฟังยากครับควรค่าแก่การอนุรักษ์ อ้อ..สะสม
เสียงน่าฟังดีนะครับถึงจะเพี้ยนไปนิดๆหน่อยๆแต่ออกมาน่ารักอ่ะนะ

เพื่อนๆที่กำลังวาดรูปก็อย่าเพิ่งถอดใจล่ะครับ
เมื่อมีแรงบันดาลใจแล้วเราจะวาดได้อย่างสนุกสุดเหวี่ยงและเพลิดเพลินมาก
ดูคุณเซลล์ครับ ตะลุยระบายสีไปหลายภาพเลย แต่ละภาพก็ซ่อนความหมายและปริศนาเอาไว้อย่างลึกล้ำน่าสนใจด้วย
คุณเดรดก็ไฟแรงตามมาติดๆ รูปนั้นเจ้าตัวเค้าเห็นรึยังครับ ?(คงตะลึงแน่ๆ)
วาดเพื่อนคนอื่นๆมาอีกนะครับ ท่าจะรุ่ง อิอิ

เมื่อคืนวาดรูปลูกเกดไว้เอามาส่งห้องวิทย์ครับ :-D

 

สวัสดีครับคุณเทพกัญญา
ได้ออกมานอนสมาธิสัมผัสกับธรรมชาติแล้วรู้สึกได้ชัดเจนกว่าใช่มั๊ยครับ
คงเหมือนกับคุณ Falkman นอนที่บ้านมักจะหลับ แต่พอไปกางเต้นบนเขาเท่านั้นหล่ะครับ
รับรู้อาการทั้งร่างและรู้สึกดีจนตื่นเต้นมาก รีบโทรมาเล่าให้ฟังเลยครับ อิอิ

มีรวมรวมเทคนิคสมาธิที่น่าอ่านอีกเยอะเลยครับ รวมทั้งรายละเอียดการนอนสมาธิด้วย
http://palungjit.org/group.php?do=discuss&discussionid=295

 

lomomay Love Concept ของคุณเซลล์ชุดนี้ชอบมากครับ
สื่อง่ายๆแต่คิดไม่ง่ายนะ เหมือนว่าพวกเราเจอมือ graphic ตัวจริงเข้าแล้วนะครับเนี่ย

จริงๆเราน่าจะแชร์มุมมองความรักกันด้วยนะครับ
ความรักมักจะมีคนพูดบ่อยๆว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์
เพื่อนๆคิดเรื่องนี้อย่างไร มาเล่าให้ฟังกันหน่อยครับ

แล้วก็รอดูการ์ตูนและภาพวาดของคุณซิปฯด้วย
เพราะเอาการ์ตูนมาแนะนำให้ตั้งหลายเรื่อง อิอิ

การ์ตูนค่ายนี้ (Ghibli and Hayao Miyazaki) สุดยอดจินตนาการครับ ใครอยากดูบอกคุณซิปฯได้
เรื่อง whisper of the heart เพิ่งจะหามาดูยังไม่จบเลย
แค่เพลงที่ตัวเอกในเรื่องเค้าร้องไว้ก็ดูไปหลายรอบแล้ว
ยังไม่ได้ดูเรื่องราวสักเท่านะไหร่นะครับคุณซิปฯ ฮ่าๆๆๆ

Laputa (Castle in the Sky) เป็นเรื่องแรกที่ดูครับ
Howl's Moving Castle เรื่องนี้ปราสาทเดินได้ Production สุดยอดจริงๆ
ใครชอบงานศิลปะก็มีเรื่อง Totoro เค้าวาดฉากได้สวยมาก
ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งคือเรื่อง spirited away ที่ได้รางวัล oscar
Princess Mononoke ก็เป็นตำนานการผจญภัยอีกเรื่องที่สนุกครับ
แม่มดน้อย kiki ก็น่ารักมาก สรุปว่าควรหามาดูเป็นอย่างยิ่ง
สร้างแรงบันดาลใจได้อีกเยอะเลยครับ อิอิ




อ้อ..มีเพื่อนบอกว่า Singing Bowl นี่มีขายอยู่ที่สวนจตุจักร
มีโอกาสก็ลองไปเดินหากันได้ครับ

 

อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆครับ มีหลายประโยคที่ต้องไปขบคิดต่อด้วย
ต้องขอขอบคุณพี่นักเขียนอีกครั้งที่สละเวลามาให้พวกเราเรียนรู้
มาบอกกล่าวเรื่องดีๆที่มีประโยชน์อย่างไม่มีวันสิ้นสุดเช่นกันครับ
เชื่อว่าหนังสือเล่มหนึ่งๆจะมีประโยชน์ต่อใครสักคนหนึ่งมากหรือน้อย
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่แต่ละคนกำลังเผชิญอยู่นะครับ
อาจต่างเหตุปัจจัย-ต่างสถานที่-ต่างเวลา-ต่างจุดประสงค์-ต่างความสนใจฯ

ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เผชิญกับความลึกของปัญหาเช่นเดียวกับน้องคนนี้
แต่ก็รับรู้ความรู้สึกที่ถ่ายทอดกันได้ผ่านมุมมองอันเต็มไปด้วยประสบการณ์ครับ
การผ่านเรื่องร้ายๆมาได้เช่นนี้ถือว่าโชคดีและเป็นบทเรียนที่มีค่ามาก
เมื่อลองสวมวิญญาณของเค้าในเรื่องที่เกิดขึ้นก็แทบอึ้งเลยครับ
บทบาทนี้เชื่อว่าไม่มีใครอยากเจอ เรื่องตัวเองนี่เป็นเด็กๆไปเลยครับ
ความหวาดกลัว หวาดระแวง รวมถึงรอยแผลที่บาดลึก ก็ขอให้มันผ่านไปไกลๆ
ให้เหมือนดวงจันทร์ที่ถูกเงามืดของโลกบดบังเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
พร้อมกับนำความสดใสมาแทนที่ความหม่นมัวไปตลอดกาลนะครับ

หากน้องคนนี้เข้ามาอ่าน และเมื่อได้พบเส้นทางแห่งอิสระแท้จริงแล้ว
ก็ขอให้เติมเต็มความรักจากพี่นักเขียนและพวกเราในห้องวิทย์ทุกคนไปด้วย
และก้าวต่อไปสู่ความฝันที่ตั้งใจอย่างสดใสต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
ตัวตนในอดีตได้ผ่านพ้นไปแล้ว กลายเป็นตัวตนใหม่บนเส้นทางใหม่ซะที
เอาคาถาลูกเกดมาฝาก ใช้แล้วได้ผลเกินคาดลูกค้าตรึมครับ อิอิ

เพี้ยง! มามา มารับพรนะ
มัง กอ ระ เคียว คุง
พื ระ ตุง คะ เนะ ซัง
ขอให้ได้ดังหวัง
มัง กอ ระ เนะ เนะ

ลูกเกด

 

ขอบคุณสาระความรู้ดีๆที่พี่นักเขียนนำมามอบให้อย่างสม่ำเสมอนะครับ
ผมเคยผ่านความเชื่อที่ยึดติดมากพอสมควร ยึดอย่างเอาเป็นเอาตาย พอใครมาแตะ จะรู้สึกว่าทนไม่ได้เลย เรียนรู้อยู่นานเหมือนกันครับ จนรู้สึกว่า สิ่งที่เราเชื่อ สิ่งที่เรายึดนี้ ใช่หนทางจริงๆหรือ
สิ่งที่เรากระทำ ประพฤติปฎิบัติ และแยกตัวเราเองจากสังคม ใช่สิ่งที่ถูกต้องจริงหรือเปล่า
แต่ความเชื่อก็คือความเชื่อ เมื่อเรายึดว่าเป็นความรู้ สิ่งนี้ก็ต้องถูกต้อง นอกจากนี้คือผิด
มีผู้มาชี้นำ บอกทาง ขีดเส้นให้เดิน
เมื่อรวมกลุ่มความเชื่อ จากผู้ที่มีแนวความเชื่อตรงกัน ความเชื่อนั้นก็ยิ่งหนาแน่นขึ้นไปอีก จนเราคิดว่า นี่แหละ คือ สิ่งที่ถูกต้อง ที่ปลอดภัย ชีวิตเรามีเป้าหมายที่จะเดินไปแล้ว และทางนี้ก็คือทางที่จะนำเราไปสู่หนทางแห่งการไม่เกิด ไม่ดับ และเป็นนิรันดร์ได้
พยายามปิดกั้นอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก เพราะคิดว่าสิ่งเหล่านี้คืออุปสรรคอันใหญ่หลวง ตามความเชื่ออีกชุดที่ยึดถือมา
แต่เมื่อปิดกั้น ก็ดูเสมือนจะไกลห่างออกไป โดยที่ไม่รู้ตัวเช่นกัน
จนวันนึง รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว จะหลีกหนีไปยังไงดี สังคมนี้แย่แล้ว ต้องหลบไปใช้ชีวิตบนเขาดีมั๊ย ตัดขาดจากทุกอย่างดีมั๊ย แล้วเราจะพบกับคำตอบที่เราแสวงหามานานหรือเปล่า
อยู่กับความขัดแย้งมาตลอด เราก็ยิ่งปฎิบัติตามแนวทางที่เรายึดถือ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องคิด ไม่ต้องรู้สึก
และคิดไว้ว่าซักวันนึง ต้องหาครูบาอาจารย์เก่งๆ คอยชี้นำ และบอกฉันที ว่าต้องทำอย่างไร ถึงจะไปสู่จุดหมายได้เร็วขึ้น
ก็แสวงหาไปเรื่อยๆ ไปทุกที่ ที่จะบอกได้ว่า ต้องทำอย่างไร
ด้วยความเชื่อเช่นนี้ ก็ได้พาเราลองผิด ลองถูก ไปเรื่อยๆ
และความเชื่อก็บอกเราว่า สิ่งที่เราทำอยู่หนะดีแล้ว ทำต่อไปเรื่อยๆ สะสมบุญ สะสมบารมีไปเรื่อยๆ ซักวันก็คงจะเต็ม แล้วเราก็จะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างไปเอง แต่ความรู้สึกลึกๆข้างในที่เราปิดกั้นเอาไว้ ที่คอยท้วงติง คอยห้ามปราม ก็โผล่มาให้รู้สึกตลอดเวลา ความสุขจริงๆเลยแทบหาไม่พบ เหมือนอยู่ในที่ที่มีสงครามความขัดแย้งตลอดเวลา
ความเชื่อชุดนี้ จึงเหมือนภูเขาก้อนใหญ่ ที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย มั่นคง ไม่เคว้งคว้าง
แต่ความเชื่อก็คือความเชื่อ วันนึงก็ต้องเปลี่ยนสภาพไปเป็นความรู้ เมื่อเราเริ่มมองอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกภายใน ว่าสิ่งที่เรากระทำอยู่ทุกวันนี้ ใช่แล้วแน่หรือ
วันที่เริ่มมองจากภายในจริงๆ เลิก ไม่ข้องแวะ ไม่อ่าน ไม่ดู ไม่ฟัง ไม่ไปที่ไหนทั้งนั้น ดูเหมือนจะส่งผลรุนแรงต่อจิตใจพอสมควร ยิ่งกว่าอกหักอีก เหมือนธงที่เราปักไว้ และนั่งมองดูทุกวันด้วยความชื่นชม ถูกถอนทิ้ง และก็เอาไปทิ้งไกลๆ
ฝันที่เข้ามาในตอนนั้น แต่ละวัน ก็จะเห็นหน้าครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือ เปื้อนเลือด คนแล้วคนเล่า วันแล้ววันเล่า
ด้วยความไม่รู้อีกเช่นกัน เรื่องความฝัน ก็ไม่สนใจว่าจะหมายความว่ายังไง
เราก็จมอยู่กับความรู้สึกเศร้า เสียใจ ขาดหลักยึด เป็นทุกข์ อยู่นานเหมือนกันครับ ว่าเราจะหาครูคนใหม่ดีมั๊ย เราจะได้พ้นจากความรู้สึกไม่ดีนี้ซักที
แต่เมื่อเราใจแข็ง ไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม แล้วลองดูซิว่า มันจะทุกข์ไปถึงไหน เป็นไงเป็นกัน
สิ่งที่ได้มา เหมือนกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง เหมือนตอนเยาว์วัย ที่มีความสุขอยู่ทุกๆวัน คอยคิดแต่ว่าวันนี้จะเล่นอะไรดี จะทำอะไรดี มีความสุขกับสิ่งที่ทำในชีวิตประจำวัน แม้จะเล็กๆน้อยๆ ก็สร้างความสุขที่ได้สร้างสรรค์ได้
ในตอนนั้น ไม่เคยคิดว่าความทุกข์ ความสุข คือ อะไร
เราจะใช้ชีวิตได้อีกนานแค่ไหน
เราจะอยู่เพื่ออะไร
เรากำลังดำเนินชีวิตไปถึงจุดไหน
และคำถามอีก 108
แต่ทำไม กลับหัวเราะได้ง่ายจัง กลับมีความสุขได้ง่ายๆ
เมื่อเทียบตัวตน และเส้นทางเดิน ทั้งสองเส้นทาง จากความเชื่อคนละความเชื่อแล้ว
เหมือนเป็นคนละคน เป็นคนแปลกหน้า
เราเกือบสูญเสียมิตรภาพดีรอบๆตัวไป จากความเชื่อ ที่เราไม่เคยมองว่าเป็นความเชื่อ
ความรัก ความสุข ความทุกข์ ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็อยู่ที่เดิม และไม่เคยเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างเป็นสากล ที่เป็นองค์ประกอบที่อยู่ด้วยกันอย่างลงตัว
อยู่ที่เราจะเลือกเอาสีใดมาใช้

ถ้าไม่มีความเชื่อที่ผิด ก็ไม่มีความเข้าใจที่กลายมาเป็นความรู้

และวันนี้ก็เช่นกัน เมื่อได้อ่านองค์ความรู้จาก อ.อนาลัย ก็ได้เปลี่ยนความเชื่อที่มีไปได้มากอยู่เหมือนกันครับ

ความรู้ ไม่เคยบอกวิธีการ บอกขั้นตอน บอกสูตรสำเร็จ แต่จะเป็นการกระตุ้นให้เราใช้อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก จากภายใน เพื่อให้เข้าถึงจากภายในแต่ละคน

แต่ก็มีอุบายอยู่อย่างนึง ที่ชอบมากๆ และเป็นหนึ่งในวิธีที่ใช้ประจำ หลังจากที่ลองดูแล้ว คือ 21 วัน แห่งการเปลี่ยนแปลง

เมื่อมีปัญหา และต้องการแก้ไข เปลี่ยนแปลงเส้นทาง ผมก็จะลองจินตนาการถึงเส้นทางที่ต้องการเดิน ต้องการมีประสบการณ์
ก็ทำไปเรื่อยๆ ให้เห็นภาพที่ชัดเจน ให้อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก สอดคล้องไปกับภาพที่เห็น
เมื่อทำบ่อยๆ เรื่อยๆ สิ่งหนึ่งที่ได้รับก็คือ คำตอบที่ว่า ที่ผ่านมา ที่เราเดินในเส้นทางนี้ และเราเห็นว่าเริ่มเกิดปัญหา เกิดจากอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของเราเอง ที่ขาดการจดจ่อ ขาดการใส่ใจ ขาดการดูแล
เส้นทางที่เราเดิน ที่เป็นปัญหา จะไปสอดคล้องกับสิ่งที่เราจอจ่อในแง่ลบเท่านั้น เช่น เศรษฐกิจไม่ดีเลย ยอดขายหด อาชีพที่เราทำมันไม่เวิร์ค ถ้าเป็นอย่างนี้เรื่อยๆต้องแย่แหงมๆ จะไปทำอะไรดีหว่า และอื่นๆอีกมากมาย
แต่เราไม่เคยนึกเลยว่า ในตอนที่ตรงกันข้ามกับตอนนี้ เป็นอย่างไร เรามีความสุข สนุกกับการทำงานขนาดไหน ไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยท้อ ไม่เคยเห็นทางตัน คิดแต่ว่าจะปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้อย่างไร สนุกกับการมีปฎิสัมพันธ์กับลูกค้า และอื่นๆ
เมื่อเริ่มได้คำตอบ ว่าเป็นเพราะเราเองนี่นา ทุกอย่างไม่เคยเกิดจากภายนอกเลย
เศรษฐกิจไม่ดี ก็มีคนที่มีโอกาส เศรษฐกิจดี ก็มีคนที่ไม่มีโอกาส



ก็เลยเริ่มจดจ่อเส้นทาง และอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ในเส้นทางอดีต ที่เราเริ่มเห็นลางๆแล้ว ภาพแห่งความหวังนี้ก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น
และก็ฝันว่า เห็นชานชาลาที่ 13 เป็นชานชาลาแห่งความหวัง
รถไฟนี้มีคนรอขึ้นอยู่เยอะ ต้องเบียดเสียดกันไปจองตั๋ว
เมื่อได้ตั๋วมาแล้ว ก็มารอคิวโดยสาร
ในสนานีรถไฟนี้ มีชานชาลาอยู่มากมาย ทั้งชานชาลาที่ 13 และชานชาลาอื่นๆอีกมากมาย
รถไฟที่นี่จะไม่เหมือนกับที่เคยเห็น ทางขึ้นจะอยู่ด้านหน้า ไม่ใช่ด้านข้าง และรถก็จะแล่นเข้ามาพร้อมๆกัน ใครใคร่จะขึ้นชานชาลาไหนก็ได้ตามสะดวก
ถึงแม้ผมจะไม่ทันได้ขึ้นรถไฟในชานชาลาที่ 13 แต่เมื่อเห็นรถแล่นเข้ามา ความรู้สึกแห่งความหวังอันเรืองรอง ความมีพลังก็กลับมาเติมเต็มให้อีกครั้ง

ผมขอเป็นกำลังใจให้กับน้อง ที่คุณ mead เล่าให้ฟัง และก็เพื่อนๆทุกๆคน ในการเลือกหนทางเดิน ที่ได้เลือกนะครับ

 

ขอมอบเพลงนี้ แด่ จิตวิญญาณนักสู้ ...ทุกท่าน
เปลี่ยนความเชื่อ ให้เป็นความรู้ เพื่อเข้าสู่ภาวะ แห่งรัก...ให้ได้ กันทุกท่านนะค่ะ​

:อย่ายอมแพ้:​

หากวันนี้เราล้มลงยังคงลุกขึ้นได้ใหม่
ก็ยังคงมีหนทางถ้ายังมียิ้มสดใสก้าวไป
อย่าหวั่นไหวหวาดกลัว
พร้อมทนทุกข์หมองหม่น
ผจญความมืดหมองมัว
ไม่กลัวจะฝันถึงวันใหม่​

* หากวันใดอ่อนแอท้อแท้อย่าหวั่นไหว
ขอให้ใจไม่สิ้นหวัง
ปัญหาแม้จะหนัก ก็คงไม่เกินกำลัง
อย่าหยุดยั้งก้าวไป ​

​

** ขออย่ายอมแพ้ อย่าอ่อนแอแม้จะร้องไห้
จงลุกขึ้นสู้ไป จุดหมายไม่ไกลเกินจริง​

<EMBED src=http://media.imeem.com/m/u19bfj2R8C/aus=false/ width=300 height=110 type=application/x-shockwave-flash wmode="transparent"></EMBED>
<FORM style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-TOP: 0px" action=http://www.imeem.com/embedsearch/ method=post>
</FORM>​

 

สุขสันต์วันคล้ายๆ กับวันเกิด
คุณธรรมจิตต์ ผู้เลอเลิศ ประเสริฐศรี
ขอให้ร่ำ ขอให้รวย ด้วยบุญบารมี
ขอให้โชคแสนดีรับตรุษจีน

ให้ปราดเปรียวดั่งอาชาถลาลิ่ว
ให้ไอคิวโลดแล่นแสนไพศาล
ให้ร่างกายกำยำซ้ำสำราญ
เลขอายุเลื่อนผ่านกาลอยู่คง

ขอให้ถึงเป้าหมายเส้นชัยหลัก
แม้ต้องพักสักกี่ครั้งและกี่หน
ก็ให้ลุกขึ้นได้อย่างผงาดองอาจจน
ด้วยกุศลบุญบารมีที่สร้างมา...

ภาพ : cells
บทกลอน : kindred<!-- / message -->​

 

happy birthday

My Dear
คุณ ธรรมจิต
May your birthday bring you
As much happiness
As you give to everyone
Who knows you

HAPPY BIRTHDAY

<center><p style="visibility:visible;"><object type="application/x-shockwave-flash" data="http://assets.myflashfetish.com/swf/mp3/mff-stick.swf" height="35" width="219" style="width:219px;height:35px"><param name="movie" value="http://assets.myflashfetish.com/swf/mp3/mff-stick.swf" /><param name="quality" value="high" /><param name="scale" value="noscale" /><param name="salign" value="TL" /><param name="wmode" value="transparent"/><param name="flashvars" value="myid=17664495&path=2009/01/24&mycolor=B51EFF&mycolor2=ED1EFF&mycolor3=FF1ED9&autoplay=true&rand=0&f=4&vol=100&pat=15&grad=false&ow=219&oh=35"/></object><br><a href="http://www.myflashfetish.com/playlist/17664495" target="_blank"><img src="http://assets.myflashfetish.com/images/get-tracks.gif" title="Get Music Tracks!" style="border-style:none;" alt="Music"></a><a href="http://www.mixpod.com" target="_blank"><img src="http://assets.myflashfetish.com/images/make-own.gif" title="Create A Playlist!" style="border-style:none;" alt="Playlist"></a><br /><a href="http://mixpod.com">Music Playlist</a> at <a href="http://mixpod.com">MixPod.com</a></p></center>
​

 

HAPPY CHINESE NEW YEAR 2009 ครับ​

 

Happy Birthday คุณธรรมจิตต์ + Happy Chinese new year..2009
ให้สมความปราถนา+โชคดีทุกคนครับ