เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

คุณเบิ้มเกิด 15 ผมเกิด 28 เดือนนี้ครับ
คงฉลองกันได้หลายวันเลย.. (มีใครอีกมั๊ย อิอิ)
เมื่อธันวาที่ผ่านมา มีเป็นสิบๆคนเลยล่ะครับ

***----------------------------------------------------------------***
และก็จริงอย่างคุณซิปฯว่านะครับ ถ้าเรามองจากอวกาศลงมาที่โลกใบนี้
จะเห็นเลยว่าเราอยู่บนดาวดวงเดียวกันไม่มีใครมาปักหมุดแบ่งกั้นอาณาเขตสักนิด
ความรู้ที่เราเรียนกันอยู่ ก็เหมือนกับที่คุณเซลล์บอกไว้ครับว่า เราทุกคนกำลังปีนเขาลูกเดียวกัน
แต่ปีนกันคนละด้าน-คนละมุมเท่านั้น เราจะสังเกตเห็นอะไรก็ที่เราเพ่งมองมันเห็นเท่านั้น
สุดท้ายก็คือเรื่องเดียวกันครับ

ก็เหมือนเรื่องคนละสี-คนละกลุ่มที่ขัดแย้งกันอยู่ วันก่อนพี่นักเขียนก็บอกครับว่า..
ถ้าหากคุยกันเรื่อง"ความเชื่อ"มันจะไม่มีทางจบ
แต่ถ้าคุยกันเรื่อง"ความจริง"มันจะสรุปและหาทางออกได้
อันนี้ฝากพี่นักเขียนมาขยายความให้อีกทีดีกว่าครับ..(คงไม่โดนคุณซิปฯปิดกระทู้นะ อิอิ)

 

หวัดดีครับคุณธรรมจิตต์
ถึงตอนนี้เศรษกิจจะชะลอตัวลงบ้าง ก็อย่าเครียดกันไปซะก่อน
ถ้าหากต้องตกงานก็ลองพลิกมาเป็นโอกาสได้นะครับ ด้วยการเปลื่ยนมุมมองซะใหม่ ถ้ามีเวลามากขึ้น ก็กลับไปเยี่ยมพ่อแม่-พี่น้อง ดูแลกันให้อบอุ่น หรือทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ ให้เรารู้สึกสบายใจครับ คนเราก็ไม่มีใครตกงานนานนักหรอกครับ..บางทีก็อาจได้พบทางออกที่ดีกว่าเดิมด้วย..
คุณเดรดลองมาเล่าให้ฟังหน่อยครับว่า การไม่วิตกกังวลนั้นมีผลดีอย่างไร?
(จุดธูปแล้วมาเลยนะ วันนี้บ่นเยอะแล้ว อิอิ *-* )

 

หัวหน้าเล่นจุดธูป เรียก กันกลางอากาศแบบนี้ ถ้าไม่มา คงสำลักควันธูปตาย มาก้อด้าย

ในภาวะเศรษฐกิจ แบบนี้ หลายๆท่านคงได้รับผลกระทบ ไม่มากก็น้อย
เดรด น่ะ โดนอย่างแรงเลยค่ะ บอกตรงๆ ว่า แทบไปไม่ถูก
กิจการเดรด เป็นกิจการที่ทำมานานมาก ลูกค้ารู้จักดี เดรดไม่เคยออกหาลูกค้า
เท่าที่ทำอยู่ ก็แทบจะไม่ทัน ช่วงก่อนหน้านั้น ที่เศรษฐกิจแย่ๆ เดรดยังไม่เป็นอะไรเลย
แต่ตอนนี้ ยอมรับค่ะว่า แรง และเร็วมาก จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ เดรดโดนตัดราคาทุกวัน
ลูกค้าพยายามโทรมาต่อรอง บีบราคาลง คืออยากให้เราทำ ในคุณภาพเดิม
แต่เดรดไม่ไหวค่ะ การแข่งกันลดราคา มีแต่จะทำให้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
แต่ถ้าไม่ยอมงอ เดรดก็คงไม่รอด เดรดขอแลกเปลี่ยนลดระยะหนี้แทน เครดิตสั้นขึ้น

ตอนนี้ลูกค้าลดไปเกินครึ่ง ขณะที่ค่าใช้จ่าย ยังคงเท่าเดิม ต้องทำอย่างไร
เดรดเห็นแต่ภาพของการทำงานที่ยังเหมือนเดิม เดรดไม่เคยปิดประตูความหวังให้ตัวเอง
เดรดไม่เคยกลุ้มยาวนาน(มีคิดมากบ้าง เป็นช่วงๆ มันอดม่ะด้ายอะ) สมองทำงานตลอด

สองวันก่อน มีลูกค้าโทรมา ปกติลูกค้ารายนี้ มีกำลังซื้อระดับธรรมดา เค้าโทรมาบอกว่า
ช่วงนี้ บริษัทอื่น อาจลดการประชาสัมพันธ์ แต่ของเค้าจะสวนกระแส
เค้าบอกให้เตรียมรับมือ...โห อึ้งนะ เนี่ย ในภาวะแบบนี้ มีคนโทรบอกให้เราเตรียมตัว
ก่อนปีใหม่ แมสเซนเจอร์ ต้องไปเก็บเช็คตาม due ที่บริษัทลูกค้าอีกเจ้า
ที่หายไปเกือบเดือน เพราะมีเจ้าอื่นตัดราคาเดรดไป
ลูกค้าฝากถามแมส มาว่า ทำไมเดรดไม่โทรหาเค้าเลย งานเป็นไง
แมสรีบกลับมาบอก แต่ทุกวันนี้เดรดก็ยังไม่ได้โทรไป ไม่ใช่หยิ่งค่ะ แต่ถ้าจะโทรคงไม่โทรไปของาน
แต่จะโทรหาเพราะเค้าคิดถึงมากกว่า กะลัง บิ้วอารมณ์อยู่ อิอิ
ส่วนอีกราย ก็โทรมาหา บอก ไปลองใช้เจ้าอื่นดูก่อนนะ ไม่ได้ตัดขาดนะ เค้าถูกดี...น่าน ว่ากันไป

งานน้อยลง เวลามากขึ้น ได้เข้าเวบบ่อยขึ้น(จริงๆ มันก็เข้าท้างวันอยู่แล้วค่ะ อ้างไปงั้นแหล่ะ)
ถึงเวลา สางระบบเก่าๆ มีเวลาวางแผนการตลาด แหม ได้บริหารสมองเป็นอย่างดี

ถือว่า พักผ่อน ไปในตัว เตรียมรับศึก ที่จะมาในอีกไม่นาน เดรดเชื่อมั่นค่ะ...
มีใครเชื่อ เหมือนเดรด ไหม...????

 

มาไวดีจริงๆครับ
ถ้าไม่วิตกกังวลจนเกินไป มีความคิดที่ดี และมีความสุขกับการเดินทางของชีวิต
ก็จะเหนี่ยวนำ ความสดใสและความหวัง มาให้ไม่มากก็น้อยนะครับ..
จุดเรียกคุณเซลล์กับคุณสงบหน่อยดีมั๊ยเอ่ย อิอิ

 

เศรษฐกิจโลกเป็นยังไง เศรษฐกิจประเทศไทย อย่าเพิ่งท้อกันนะครับ ทุกอย่างเป็นเพียงภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้นมาจากความเชื่อ ซึ่งก็เป็นความจริง แต่ก็ไม่ใช่ความเป็นจริงทั้งหมด เว้นเสียแต่เราจะยอมรับมาเป็นความจริงสำหรับเราเอง

ประโยคที่ผมใช้เตือนใจอยู่เสมอก็คือ

เราสร้างโลกความเป็นจริง จากความเชื่อของเราเอง

ตราบใดที่ภาพแห่งความหวัง ความสดใสของเรายังไม่เสื่อมคลายไป เส้นทางแห่งความหวัง ความสดใสนี้ ก็จะยังคงอยู่ต่อไปครับ

เมื่อคืนนี้ ผมตั้งใจฝัน เพื่อให้เห็นภาพของความสดใส ความหวัง ภาพที่ได้ก็คือ ภาพของชานชาลาที่ 13 ที่เป็นรถไฟแห่งความหวัง ทุกคนที่เดินทางมาที่ชานชาลานี้ ล้วนมีความหวังอันเรืองรอง ที่จะเดินทางเข้าสู่โบกี้นี้ แต่ในขณะเดียวกัน ชานชาลาอื่นๆ ก็มีผู้คนมากมาย เตรียมตัวเดินทางอยู่เช่นกัน ทุกคนเลือกทางเดินได้เองอย่างอิสระเสรี อยู่ที่ว่าจะเลือกอะไรครับ ถึงแม้ในฝันจะยังไม่ได้เดินทางไปที่โบกี้นี้ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็รู้ว่ามีเส้นทางความเป็นไปได้นี้อยู่ครับ

ตอนนี้สร้างบ้าน และเข้ามาอยู่แล้ว ทั้งๆที่หากมองเป็นเส้นตรง เงินก็ยังไม่พอ แล้วจะสร้างได้อย่างไร รอให้มีเงินมากกว่านี้แล้วค่อยทำดีกว่ามั๊ย แต่ผมก็เลือกที่จะทำตามสัญชาติญาณที่ได้รับมาจากความฝัน จนสร้างได้สำเร็จ แม้ตอนนี้จะมีปัญหาอย่างอื่นมาให้บริหารสมองอย่างที่คุณเดรดว่าไว้ก็ตาม อิอิ..

แต่ผมเชื่อมั่นว่า ทุกอย่างมีทางออก เพราะเราสร้างโลกแห่งความเป็นจริง จากความเชื่อของเราครับ

 

สวัสดีปีใหม่ทุกท่านค่ะ

ขอกราบสวัสดีพี่นักเขียนค่ะ น่าเสียดายจังเลยที่ไม่ได้ไปร่วมมีตติ้ง มัวก้มหน้าก้มตาเขียนงานจนจบก่อนปีใหม่เพียงห้าวัน ให้รางวัลตัวเองด้วยการเข้ามาอ่านแล้วต้องเสียดายที่ช้าไปแค่ห้าวันเลยไม่ได้เจอพี่นักเขียน

ขอขอบคุณเพื่อนๆและพี่นักเขียนที่นำความรู้ดีๆมาแบ่งปันตลอดทั้งปีที่ผ่านมา
นับว่าเป็นปีที่ยอดเยี่ยมสำหรับดิฉันที่ได้มีพี่นักเขียน เพื่อนๆห้องวิทย์ทุกคนในชีวิตของปีที่ผ่านมา มีค่าและความหมายกับดิฉันยากเกินจะบรรยายเป็นคำพูดได้ บอกเด้เพียงซาบซึ้งที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ

หวังว่าคราวหน้าคงไม่พลาดโอกาสอีก

ปล. ชอบบ้านคุณเซลล์สวยอบอุ่นน่าอยู่มากค่ะ วันหลังถ่ายภาพในบ้านมาให้ได้ร่วมชื่นชมบ้างนะคะ

 

คุณเซลล์ค่ะ สงบมีเรื่องที่ ยังไงดี ใช้คำพูดไม่ถูกเลย ตอนเห็นบ้านของคุณเซลล์ครั้งแรก ก็คิดว่า บ้านคุณเซลล์ จะมีศาลพระภูมิเจ้าที่ไหมหนอ?(อยากถามค่ะ) ก็ออกจากห้องนี้ไป ไม่ได้โพสค่ะ กลับมาอีกครั้ง จะมาโพสเรื่อง เลข 13 ที่คุณเซลล์เล่าความฝันให้อ่านกัน กลับมาดูรูปบ้านอีกครั้ง สงบเห็นดวงจิตกลมๆดวงใหญ่ อยู่ที่ระบียงหน้าต่างชั้น2 ซ้ายมือค่ะ ไม่ทราบว่า เจ้าของบ้านและท่านอื่นๆเห็นกันหรือยังค่ะ ที่ผู้เชี่ยวชาญในการถ่ายภาพ มักวิเคราะห์ และหาเหตุผลของการเกิดวงกลมๆ นี้ว่า เกิดจาก ละอองน้ำ เกาะที่เลนส์ประมาณนี้ค่ะ แต่จากที่สงบเคยมีประสบการณ์ ตอนงานบวชก็มีภาพดวงจิตปรากฏในภาพถ่ายอยู่หลายภาพ และตอนงานmeeting พี่นักเขียน วันที่20 ธันวาคม 2551ก็มีภาพนี้ ปรากฏเช่นกันค่ะ

 

ขอบคุณคุณ sarissa นะครับ และสวัสดีปีใหม่ด้วยครับ
ผมก็ไม่ได้ไปงาน meeting ที่จัดเหมือนกัน ยังเสียดายอยู่เลยครับ
ตอนนี้บ้านยังโล่งๆ ไม่มีอะไรครับ ไว้เสร็จเมื่อไร จะมาขอคำอวยพรจากเพื่อนๆอีกทีนะครับ

ตั้งแต่เข้ามาที่บอร์ดนี้ มาเจอพี่นักเขียน และเพื่อนๆ มุมมองหลายๆอย่างก็เปลี่ยนไปเยอะครับ เปลี่ยนไปในทางที่เข้าใจหลายๆอย่างมากขึ้นครับ

คุณหงบพูดยังงี้ ขนหัวลุกซิครับ อิอิ...
ที่บ้านไม่มีศาลพระภูมิครับ แต่ตอนที่จะลงเสาเข็ม ฝันเห็นผู้หญิงคนนึง มีบ้านชั้นเดียวอยู่ด้านหลัง ซ้อนกับบ้านที่กำลังสร้างอยู่ อัธยาศัยดี พูดคุยกันเหมือนรู้จักกันมานานครับ

ดวงกลมๆที่เห็นในรูป ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ อาจจะเป็น noise ก็ได้ครับ
พอคุณหงบทัก ก็เลยไปหารูปมานั่งไล่ดู
มีรูป 2 รูป ที่ถ่ายไว้เวลาเดียวกัน ตอนบ้านยังไม่เสร็จ มาเปรียบเทียบให้ดูครับ

 

อิ อิ ทำไมต้องขนหัวลุกล่ะค่ะ คุณเซลล์ อย่างที่คุณเซลล์เล่ามาต้องเป็นดวงจิตที่ดี และเป็นมิตรกับคุณแน่นอน ถ้าไม่อิงวิทยาศาสตร์ เอาแนวคนที่เคารพนับถือ พระภูมิเจ้าที่กรณีนี้ ต้องตั้งศาลเจ้าที่ให้เขาด้วยค่ะ เหอๆ ให้คุณแน่นอน ว่ากันว่า เจ้าที่คุณเซลล์ ประมาณว่า ถ้าต้องการตั้งศาลให้ท่าน จุดธุป กลางแจ้ง 9ดอก บอกกล่าว ความตั้งใจของเราแม้ว่าจะไม่มีเงินตั้งศาลก็มีเหตุให้ได้เงินมาค่ะ "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน" พอก่อนค่ะ ให้คุณเซลล์ ตั้งหลักก่อน เหอ เหอ

 

ขอถอยกรูดไปตั้งหลักก่อนครับคุณหงบ...อิอิ
ผมเชื่อในจิตวิญญาณต่างร่าง และเสมือนร่วมร่าง ที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่เสมอครับ
หากเรามีความเชื่อใจ ไว้ใจ และเคารพซึ่งกันและกันแล้ว ทุกอย่างน่าจะเป็นไปด้วยดีนะครับ
เผอิญไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการตั้งศาลเท่าไหร่ เดี๋ยวขอไปหาข้อมูลก่อนนะครับ

 

เคยถ่ายได้มากกว่านี้จากวัดป่าแห่งหนึ่งครับคุณเซลล์
เดี๋ยวถ้าหาเจอจะเอามาลงให้ดูครับ
อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดจากอะไร แต่พวกเราเรียกว่า กายละเอียด
บางรูปมีหลากสีด้วย

 

I am also agree with the above. We all create the world outside from our believe inside. We may read the same book but with difference believe, and what we will get from the book may difference too. So it seem like we read the difference book.

And in the same condittion, we live in the same world, but why the world we see is difference. It depend on our believe. Ha Ha Sorry my Thai letter doesn't work today and hope u all understand what I'm trying to tell u

 

รูปที่คุณอ๋อเคยถ่ายให้ดูในถ้ำก็มีเยอะแยะ เหมือนที่คุณ veggieguy ว่าไว้เลยครับ
ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดจากอะไร
ต้องให้ผู้รู้ทางด้านการถ่ายภาพ และผู้รู้ทางด้านกายละเอียด มาช่วยชี้แนะหน่อยครับ

หวัดดีครับคุณจินต์
เพื่อนๆหลายท่านคงอ่านสบาย แต่ผมภาษาอังกฤษไม่ค่อยกระดิกเท่าไหร่ น่าจะแปลโดยสรุปๆว่า โลกที่เราอยู่ แม้จะอยู่ที่เดียวกัน แต่ก็ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความเชื่อของเราใช่มั๊ยครับ

 

แผนการตลาดของคุณเดรดนี่ยอดจริงๆนะครับ รู้หรือเปล่าครับว่านั่นเป็นเทคนิคหรือกลยุทธ์ในการเจรจาต่อรองอย่างหนึ่งเหมือนกันนะครับ

 

<EMBED src=http://www.youtube.com/v/pUssuO1ubZY&hl=en&fs=1 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true">​

สุขสันต์วันเด็กล่วงหน้า - VDO ชุดนี้ดูแล้วอมยิ้มจริงๆครับ



อันนี้ถ้าชอบงานปั้นเด็ก
How to make a clay baby
http://www.youtube.com/watch?v=XSw5PKEJHiA&feature=related
​

</EMBED>

 

ขอบคุณ ค่ะที่ชมเชย มันไม่มีทางเลือก อะค่ะ ลูกค้าจะกดราคาท่าเดียว
เดี๋ยวนี้ เดรดเล่นตัวลำบาก อิอิ....ต้องยอมๆ หยวนๆ เค้าหน่อย เดี๋ยวงอน
ไอ้เรื่องแถมเนี่ย ก็อีกต่างหาก เค้าบอกเศรษฐกิจแบบนี้ เค้าต้องใช้เงินน้อยๆ และเต็มคุณภาพ(เท่าเดิม)
ส่วนเราก็ต้องรับเงินน้อยๆ แต่คุณภาพต้องคับแก้ว(มากกว่าเดิม) โดนทั้ง กด ทั้งดัน ค่ะ

เดรดทำงานเกี่ยวกับ ป้ายโฆษณาค่ะ ตอนนี้ เรื่องการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โดนตัดงบกันเยอะ
แต่เผอิญ งานเดรดเป็นสื่อโฆษณา ณ จุดขาย ส่วนใหญ่ ซึ่งจะเป็นรายการสุดท้ายที่ลูกค้าจะตัด
จากงบโฆษณา เลยพอมีเหลือมาบ้าง แต่ก็ลดลงน่าใจหาย คือเค้าชลอการขายสินค้านะค่ะ
แถมคู่แข่งก็เยอะขึ้น ปกติ ส่วนแบ่งการตลาดงานด้านนี้ แทบจะไม่ต้องแย่งกันเลย
ช่วงเศรษฐกิจ ดีๆ ทำกัน หัวไม่วาง หางไม่เว้น ทุกเจ้า แต่ตอนนี้ หัวเริ่มวาง หางเริ่มเว้น กันแล้วละค่ะ...อิอิอิ

โอ้ว์...ที่เห็นๆ มีสามท่านแระ ในเดือนนี้ มีใครอีกมั๊ยเอ่ย จะได้ ฉลองหมู่ ทีเดียว

 

รอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยินดีครับคุณธรรมจิตต์

คุณเดรด เป็นนักต่อรองตัวยงเลยหละครับ อิอิ

ในวิกฤตบางคนก็มองว่าไม่ใช่วิกฤตนะครับ เคยได้ยินบางคนบอกว่า ให้ลงทุนไปเลย ตามที่กำลัง เพราะตอนที่โดยรวมขาขึ้นแล้ว เราก็อยู่ได้แล้ว อิอิ

เพื่อนๆคนไหนเกิดเดือนนี้บ้าง และวันไหนกันบ้างครับ คุณ veggie บอกมาแล้ว ส่วนท่านอื่นๆยังไม่บอก ถ้ายังไม่บอก เดี๋ยวแม่หมอเดรด ต้องกางตำรายูเรเนียนมาทายซะแล้ว อิอิ

 

เห็น VDO คุณ mead แล้ว อด ม่ะด้าย อะ ยิ้มยังไม่หุบเลย
ขอโพสบ้างนะค่ะ หนังเด็ก ที่ดังมากๆ ยังจำกันได้ไหม ศึกขนมเค๊กค่ะ
...เลียนแบบ ผู้ใหญ่ได้ น่ารัก น่าชังมากๆ ขอยิ้มต่อ อีกหน่อยนะ​

<EMBED src=http://www.youtube.com/v/sA_0cvd1EUM&hl=en&fs=1 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true">​

</EMBED>

 

ความเชื่อ-การรู้เห็น กับ ความเป็นจริง

เมื่อพี่นักเขียนกล่าวว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เรามีต่อส่ิงที่เรารู้เห็นเป็นสัญลักษณ์ว่า มันมีความหมายอย่างไรต่อเรา มันให้อะไรกับเรา และกล่าวต่อไปว่า อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราเป็นเพียงสิ่งที่ตื้น ผิวเผิน และหยาบเกินกว่าจะนำมาตัดสินอะไรได้

พี่นักเขียนได้พูดอีกด้วยว่า เพราะอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเรามักคล้อยตามความเชื่อของเราเสมอ ซึ่งความเชื่อนั้นไม่ใช่ความจริงเสมอไป และได้มีผู้ถามต่อว่า เราจะสำรวจความเชื่อของตนเองได้อย่างไร หนังสือเล่มใดในชุดนี้มีกล่าวถึงบ้างไหม พี่นักเขียนได้บอกว่า มีปรากฏในหนังสือ อิสระแห่งความปรารถนา ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับการสำรวจความเชื่อ และความเชื่อที่มีผลต่อการดำเนินชีวิต หรือมุมมองที่เรามีต่อชีวิตโดยตรง

เมื่อเราทั้งหลายรู้เห็นสิ่งใด ท่านอาจารย์อนาลัยได้เตือนให้เราสำรวจความเชื่อของตนเองเป็นสิ่งแรก แต่การสำรวจความเชื่อโดยตรงเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะเมื่อใดที่เราเชื่อส่ิงหนึ่งสิ่งใดจนหมดใจ สิ่งนั้นจะกลายเป็นความเป็นจริงสำหรับเราไปโดยปริยาย เช่น หากเราเผชิญกับประสบการณ์ที่ถูกผู้ร่วมธุรกิจกระทำการในทิศทางที่เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน ความเชื่อของเราจะทำให้เราตัดสินหรือวินิจฉัยว่า บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ที่เอารัดเอาเปรียบหรือคดโกง เป็นต้น ความเชื่อของเราทำให้เรามีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบต่อบุคคลดังกล่าว มันอาจทำให้เราวินิจฉัยและสรุปว่า เขาเป็นคนไม่ดี เป็นคนคดโกง ไว้ใจไม่ได้

ในความเป็นจริงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในประสบการณ์ชีวิตของเรา มีการผันแปรไปเสมอ ไม่มีสิ่งใดคงที่ ผู้ที่กระทำการในทิศทางหนึ่งๆ อาจทำไปด้วยความจำเป็น-ในขณะนั้น แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้ที่จะกระทำการเช่นนั้นเเป็นการถาวร นอกเสียจากว่า ความเชื่อของเราจะสร้างโลกแห่งความเป็นจริงให้เป็นไปอย่างถาวรเช่นนั้น ด้วยการวินิจฉัยและสรุปว่า บุคคลดังกล่าวเป็นคนไม่ดี-อย่างถาวร หรือสถานการณ์หนึ่งๆเป็นสถานการณ์เลวร้าย-อย่างถาวร ไม่มีวันเปลี่่ยนแปลงเป็นอื่่นไปได้

ประเด็นสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า ใครจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะไปวิเคราะห์หรือวินิจฉัย แต่อยู่ที่ว่า-เราจะต้องหมั่นวิเคราะห์หรือวินิจฉัยความเชื่อของตนเองอยู่เสมอ เพราะความเชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ของเรานั้่นแหละ เมื่อใดก็ตามที่มันเป็นความเชื่อในแง่ลบ มันคือต้นเหตุของปัญหาทั้งปวง

เราสามารถสำรวจความเชื่อของตนเองได้ด้วยการสำรวจอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เรามีต่อบุคคลหรือสถานการณ์ทั้งหลายที่เรากำลังเผชิญ หากเราพบว่าเรามีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบเกิดขึ้นต่อบุคคลหรือสถานการณ์หนึ่งๆ เราควรจะตระหนักว่า เรากำลังมีความเชื่อในแง่ลบต่อบุคคลหรือสถานการณ์นั้น และมันไม่ใช่ความเป็นจริงทั้งหมด

อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดเป็นกลไกและเป็นมาตรวัดความเชื่อที่ที่แม่นยำที่สุด หากเรามีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบต่อบุคคลหรือสถานการณ์หนึ่งๆรุนแรงเท่าใด เราก็กำลังมีความเชื่อในแง่ลบที่ฝังรากลึกเท่านั้น

พ่อแม่ที่โกรธลูกจนรู้สึกว่าแทบจะให้อภัยไม่ได้ในสถานการณ์หนึ่งๆ อาจพบว่าความโกรธนั้นถูกปลิดทิ้งไปได้เสมือนใบไม้ร่วง หากพ่อแม่พิจารณาลูกอีกครั้งด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไข และค้นให้พบว่า ความผิดพลาดของลูกเกิดจากความรักที่ลูกมีให้ตนอย่างท่วมท้น จนทำให้ลูกทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่น่าจะทำได้ เพื่อแสดงออกในทิศทางที่จะทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจในต้วเขา เรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่ เพราะเขาต้องการแสดงให้พ่อแม่เห็นถึงความพยายามอย่างสูงของเขา เขาอาจจะลงโทษตนเองด้วยการแสดงออกในทิศทางที่ดูเสมือนจะเป็นพิษเป็นภัยต่อตนเองด้วยความเชื่อที่ว่าตนเองทำให้พ่อแม่ผิดหวัง

ไม่ว่าบุคคลหรือสถานการณ์ทั้งหลายที่ปรากฎ จะเป็นไปอย่างไรในสายตาของเรา
หากเรามีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่ไม่ดีเกิดขึ้น เราจำเป็นต้องสำรวจความเชื่อของตนเองเป็นสิ่งแรก หากเรา"ผ่าน"อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบทั้งหลายไปได้ และ"เข้าถึง"อารมณ์แห่งความรักได้อีกครั้งหนึ่ง เราจะพบว่า ความเชื่อในแง่ลบที่เรามีต่อบคุคคลหรือสถานการณณ์เหล่่านั้น สามารถปลิดทั้งไปได้เหสมือนใบไม้ร่วง

เมื่อใดที่เหลือแต่ความรัก
เมื่อนั้นคือมีแต่ความรู้(rose)