ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ตักบาตรเที่ยงคืน ที่...เมืองแพร่
    <SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT><!--START-->โดย อภิญญา สุขแสงศรี

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    อย่าได้แปลกใจกับหัวเรื่อง เพราะเรื่องที่จะกล่าวถึงนี้เป็นการตักบาตรตอน "เที่ยงคืน" จริงๆ

    ตักบาตรตอนเที่ยงคืน เป็นประเพณีที่นิยมทำกันในภาคเหนือ และมีมานานแล้ว ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากประเทศพม่า หรือเมียนมาร์

    ที่จังหวัดแพร่ หนึ่งในจังหวัดทางภาคเหนือ ก็มีประเพณีตักบาตรตอนเที่ยงคืน หรือชาวแพร่จะเรียกอีกอย่างว่า "ตักบาตรวันเพ็ญพุธ"

    ประเพณีที่นิยมทำกันนี้ได้รับเผยแพร่มาจากวัฒนธรรมจากพม่า เข้ามามีบทบาทในภาคเหนือนานกว่า 130 ปีแล้ว

    โดยเฉพาะที่วัดสระบ่อแก้ว* อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ เป็นวัดที่สร้างขึ้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อประมาณปี พ.ศ.2414 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2452

    [​IMG]


    วัดสระบ่อแก้ว เป็นวัดชนเผ่าพระพม่า มีสถาปัตยกรรมแบบพม่าทั้งหมด ซึ่งผู้สร้างวัดคือ ชุมชนพม่าที่มาจากเมืองหงสาวดี เมืองย่างกุ้ง และเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเข้ามาค้าขายและเป็นลูกจ้างของบริษัท อี๊สเอเชียติ๊ก ซึ่งเป็นบริษัทของประเทศอังกฤษ ที่เข้ามาทำสัมปทานป่าไม้ในจังหวัดแพร่ จึงเป็นเหตุให้เกิดชุมชนและการสร้างวัดขึ้น

    มีสัญลักษณ์ที่สำคัญคือ สระน้ำโบราณ ซึ่งปัจจุบันมีอาคารสำนักงานโทรศัพท์ตั้งอยู่ข้างๆ

    ชื่อวัดสระบ่อแก้วมาจาก "บ่อน้ำ" ตั้งอยู่ทางใต้ของวัดเป็นบ่อน้ำโบราณ "แก้ว" คือต้นแก้วซึ่งเป็นต้นไม้ใหญ่อยู่หน้าวัดทางทิศตะวันตก จึงรวมสามอย่างเข้าด้วยกันเป็นชื่อวัด

    การตักบาตรตอนเที่ยงคืนนั้น *พระครูอาทรขันติธรรม* เจ้าอาวาสวัดสระบ่อแก้ว เล่าให้ฟังว่า ประเพณีตักบาตรเพ็ญพุธ หรือประเพณีตักบาตรเที่ยงคืน นิยมทำกันในภาคเหนือเท่านั้น มีตำนานเล่าว่า หลังจากพระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์พม่า ยกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่ อาณาจักรล้านนาได้ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ในปี พ.ศ.2101 เรื่อยมา เป็นระยะเวลานานถึง 200 ปี คือระหว่างปี 2101-2317

    วัฒนธรรมล้านนาจึงเป็นการผสมผสานระหว่างขนบธรรมเนียมของไทยลื้อ คือได้รับอิทธิพลจากพม่า และไทยลื้อจีนใต้ ผนวกกับวัฒนธรรมชาวไทยใหญ่ ในรัฐฉานของพม่า จึงทำให้ประเพณีนี้สืบทอดมาจนปัจจุบัน

    โดยชาวพม่ามีความเชื่อว่า "พระอุปคุต" ซึ่งเป็นพระอรหันต์สาวก มีมหิทธิฤทธิ์มากจะขึ้นมาจากทะเลโดยแปลงกายมาเป็นสามเณรน้อยออกมาโปรดสัตว์ ถ้าผู้ใดได้ใส่บาตรกับพระอุปคุตแล้วบุคคลนั้นจะเกิดความร่ำรวยเป็นเศรษฐี บังเกิดแต่สิ่งที่เป็นสิริมงคลในชีวิต

    ดังนั้น เมื่อถึงวันเพ็ญตรงกับวันพุธ ชาวเหนือทุกคนจะไปคอยใส่บาตรมากเป็นพิเศษเพราะถือว่าได้อานิสงส์แรงจะทำให้มีชีวิตรุ่งเรืองด้วยโชคลาภ แคล้วคลาดจากอุบัติภัยทั้งปวง

    จากความเชื่อนี้จึงจะเห็นว่า ส่วนใหญ่ทุกวัดในภาคเหนือจะมีพิธีเกี่ยวกับพระอุปคุต เช่นการตักบาตรพระอุปคุต และมีตำนานเกี่ยวเนื่องกับพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงอุปถัมภ์และทรงให้สร้างเจดีย์จำนวน 84,000 องค์ ถวายเป็นพุทธบูชาพระอุปคุต

    มีเรื่องล่าว่า ในสมัยที่มีการทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 3 พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเห็นว่า ระยะเวลาในการสังคายนานั้นนานมาก เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงได้ให้พระวังคีสะไปนิมนต์พระอุปคุต ที่จำพรรษาอยู่ใต้สมุทร มาดูแล โดยให้ระวังการก่อกวนของพญามาร

    ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ระหว่างการสังคายนาพญามารมาก่อกวนในงานในรูปแบบต่างๆ พระอุปคุตก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกครั้ง

    ครั้งหนึ่ง พระอุปคุตได้ใช้หัวสุนัขเน่าปราบพญามารได้โดยนำไปแขวนคอพญามาร แล้วนำไปขังที่ขอบฟ้า จนงานสังคายนาเสร็จ และเกิดลืม กว่าจะนึกได้ก็ถูกพญามารตัดพ้อต่อว่า

    "สมัยที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระชนม์อยู่ พระองค์มีแต่เมตตา ไฉนศิษย์ของท่านจึงได้ไร้ความเมตตาปรานีเช่นนี้"

    พระอุปคุตเมื่อรู้ว่าพญามารได้อยู่ร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า ก็ขอร้องให้พญามารจำแลงแปลงรูปเป็นพระพุทธเจ้าและพระอัครสาวกให้ดู พญามารรับปากแต่มีข้อแม้ว่า ห้ามก้มกราบรูปจำแลงของพระพุทธเจ้า แต่เมื่อพระอุปคุตเห็นรูปจำแลง ก็เกิดปีติเลื่อมใสก้มลงกราบ ทำให้พญามารกระเด็นหายไป และเป็นเรื่องเล่าตำนานสืบมาจนปัจจุบัน

    การตักบาตรวันเพ็ญพุธ บูชาพระอุปคุต ที่วัดสระบ่อแก้ว จังหวัดแพร่ ในปีนี้ มีประชาชนในเขตเทศบาลเมืองแพร่และในจังหวัดใกล้เคียง ที่ทราบข่าวต่างเตรียมสิ่งของ ข้าวสาร อาหารแห้ง ดอกไม้ธูปเทียน เพื่อร่วมตักบาตร

    โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 22.00 น. ของวันที่ 8 สิงหาคม จากนั้นมีการร่วมพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคลของครอบครัว ถึงแม้ว่าจะต้องนั่งรอกันนานถึง 00.00 น.ของวันใหม่อีกวันหนึ่งอย่างยาวนานก็ตาม ประชาชนยังคงแน่นขนัดเต็มวัด ทั้งเด็กๆ ที่ตื่นเต้นกับการได้ตักบาตรตอนเที่ยงคืน บางรายก็รอไม่ไหว นอนหลับไปก่อนจนถึงเวลาจึงลุกขึ้นมาตักบาตรก็มี

    ประเพณีตักบาตรเพ็ญพุธ หรือตักบาตรเที่ยงคืน ถือเป็นอรุณรุ่งวันใหม่ที่พระภิกษุ-สามเณร จะออกบิณฑบาตตอนเที่ยงคืน ในทุกปีที่มีวันขึ้น 15 ค่ำ ที่ตรงกับวันพุธ โดยไม่จำเพาะเจาะจงต้องอยู่ในเดือนใดบางปีอาจมีแค่ครั้งเดียว สองครั้ง หรือบางปีก็ไม่มีเลยก็ได้

    ทุกวันเพ็ญที่ตรงกับวันพุธ บรรดาพุทธศาสนิกชนชาวเหนือทุกคนที่มีความศรัทธา จะเตรียมข้าวสารอาหารแห้งไว้คอยใส่บาตรตั้งแต่หลังเที่ยงคืน ซึ่งถือกันว่าเป็นเวลาที่ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว โดยจะไปคอยใส่บาตรกันตามถนนสายต่างๆ

    แต่ในปี 2549 นี้ถือเป็นความโชคดีของประชาชนชาวแพร่ ที่การตักบาตรเที่ยงคืน ตรงกับวันเพ็ญพุธ 15 ค่ำ ของวันที่ 8 สิงหาคม ย่ำอรุณรุ่งเช้าวันใหม่ของอีก

    ที่มา http://campus.sanook.com/u_life/knowledge_01872.php
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2008
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พระฯ ท่านพยากรณ์ว่า
    (จากนักปฎิบัติธรรมสายมโนมยิทธิท่านหนึ่งโปรดใช้วิจารณญาณ)

    [​IMG]
    พระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก

    <TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีฯ พาไปศึกษาธรรมในส่วนคำพยากรณ์ฯ กับพระฯ มีดังนี้คือ

    ในอนาคตอันใกล้นี้คนไทยจะปกครองโลกธาตุและจักรวาล เพราะเวลานี้พระโพธิสัตว์ใหญ่หลายท่าน ได้มาถือกำเนิดบนแผ่นดินไทยมานานแล้ว ถ้าหากว่าผู้ใดบำเพ็ญบารมีมาถูกต้องตามแบบแผนและกฎกติกา ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายบัญญัติไว้จริง โอกาสที่จะไปทำบุญและเข้าถึงธรรมจากท่านก็มีอยู่มาก ถึงแม้ผู้ที่มาปฏิบัติจะเข้าถึงธรรมอันบริสุทธิ์ได้มากก็จริงอยู่ แต่ถ้าจะไปรู้เรื่องส่วนตัวที่ละเอียดของพระโพธิสัตว์แต่ละท่านย่อมเป็นไปไม่ได้ เช่น จะไม่รู้ว่าท่านเป็นใครมาเกิด บำเพ็ญบารมีมาแล้วเท่าไร ได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ใดมา ในพุทธกาลนี้มีชื่อสมมติว่าอะไร และในพุทธกาลหน้ามีชื่อสมมติว่าอะไร

    เหตุปัจจัยที่จะทำให้คนไทยเป็นใหญ่ในโลกธาตุคือ

    ๑) ทรัพยากรบุคคล อันได้แก่ พระโพธิสัตว์ใหญ่หลายท่าน ซึ่งมาเกิดเป็นคนไทย ท่านเหล่านี้มีทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ แม้แต่พรหมเทวดาที่อยู่ในทุกๆ ภพภูมิ ก็ยังให้ความเคารพท่านอยู่ตลอดเวลา

    ๒) ทรัพยากรธรรมชาติ อันมีอยู่มากมายในผืนแผ่นดินไทย เช่น น้ำมัน ทองคำ ยูเรเนียม รัตนชาติ รวมทั้งแร่ธาตุต่างๆ อีกจำนวนมาก

    พระฯ ท่านบอกว่าเวลานี้พระโพธิสัตว์ใหญ่หลายท่านต่างก็จำศีลภาวนากันอยู่ แต่คนส่วนใหญ่ในโลกธาตุยังไม่คิดถึงท่าน เพราะไปมัวเพลิดเพลินแต่ความสุขอันจอมปลอม เช่น กามสุขและอบายมุขต่างๆ ถ้าหากไม่ใกล้ตายด้วยมหันตภัยร้ายแรงเกือบทั้งโลก ก็ยากที่จะระลึกถึงท่านด้วยความจริงใจ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎแห่งกรรมของสัตว์โลก

    เหตุที่ผู้เขียนเชื่อก็เพราะคำสอนศาสดาเอกในโลกเท่านั้น ที่จะหยุดยั้งการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลกให้ไปนิพพานได้ เพราะศาสดาพยากรณ์อื่นสอนไม่ถึงนิพพาน สอนได้เพียงเทวโลกและพรหมโลกเท่านั้น และผู้ก่อตั้งศาสนาอื่นทั้งหมดเวลานี้มาเกิดในเมืองไทยหมดแล้ว ซึ่งผู้เขียนทำบันทึกไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๒๘ แล้ว ถ้าอยากหาข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่านี้ ต้องไปหากับพระและครูสอนกรรมฐานในสายมโนมยิทธิที่พบนิพพานและพระพุทธเจ้าจริง (เพราะถ้าได้พบนิพพานและพระพุทธเจ้าจริง การที่จะรู้เห็นเรื่องคำพยากรณ์ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ของยากเลย)

    นิมิตและสิ่งบอกเหตุอีกหลายอย่างที่จะปรากฏก่อนที่จะได้พบผู้มีบุญออกมาทำงานใหญ่ อาทิ

    ๑) สัตว์จะเริ่มเข้าใจภาษาคนมากขึ้น (เพราะสัตว์จำนวนมากกำลังหมดกรรม หรือเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมีต่อ) ส่วนคนจะเริ่มไม่เข้าใจภาษาคน (คนส่วนใหญ่มักจะประกอบกรรมชั่ว ไม่คิดปฏิบัติตามคำสอนที่ดีกัน)

    ๒) โรคภัยไข้เจ็บชนิดแปลกๆ จะเกิดขึ้นมาท้าทายวงการแพทย์ ซึ่งหมอสมัยใหม่ก็ยากที่จะเยียวยาหรือรักษาให้หายขาดได้ แต่จะมาแพ้ยาโบราณและอภิญญาของพระโพธิสัตว์

    ๓) สัตว์ชนิดแปลกๆ ที่มนุษย์คิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว และสัตว์โลกใหม่ๆ ที่มนุษย์ยังไม่เคยเห็นจะออกมาปรากฏ

    ๔) ยานพาหนะของมนุษย์ที่อยู่ต่างโลกธาตุจักรวาลจะปรากฏเหนือน่านฟ้าโลกเรามากขึ้นในหลายรูปแบบ

    ๕) ต่อไปชาวธรรมจำนวนมากจะแยกเดียรถีย์อลัชชีออกจากผู้บำเพ็ญได้ถูกต้อง

    ๖) ดวงดาวต่างๆ จะค่อยๆ โคจรเข้ามาใกล้ระบบสุริยะเรามากขึ้น

    ๗) อากาศจะวิปริตแปรปรวน ยิ่งใกล้เวลาที่กำหนดไว้คือเวลาที่มนุษย์จำนวนมากต้องสังเวยชีวิตกับภัยธรรมชาติและภัยสงคราม อากาศจะมืดครึ้มอย่างชอบกล แม้ในวันเดียวกันจะมีอากาศในลักษณะ ๓ ฤดู

    ๘) จะเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงติดๆ กัน ภูเขาไฟระเบิด พายุโหมกระหน่ำ น้ำท่วมฉับพลัน ไฟไหม้ อุบัติเหตุร้ายแรงจะเกิดขึ้นถี่ขึ้นในทวีปต่างๆ และยิ่งใกล้ถึงเวลาอุกกาบาตเล็กและใหญ่จะตกลงมาถี่ขึ้นบนพื้นผิวโลก

    ๙) พรหม เทวดา พญาครุฑ พญานาค ยักษ์ ชาวลับแล ฯลฯ ที่อยู่ในโลกธาตุนี้และโลกธาตุจักรวาลอื่น จะออกมาทำบุญกันหลายรูปแบบในสถานที่บำเพ็ญบุญแห่งใหม่

    ๑๐) หลวงปู่อุปคุตที่จำพรรษาอยู่กลางสะดือทะเล อันเป็นวังใหญ่ของพญานาค ซึ่งเป็นสถานที่เก็บถาดทองคำ (ภาชนะที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ฉันข้าวมธุปายาสก่อนตรัสรู้) ของพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ ในกัปนี้ จะออกมาให้ชาวโลกได้พบและทำบุญ

    ๑๑) ญาติพระเทวทัตและพระโพธิสัตว์จอมปลอม จะถูกเปิดเผยความชั่วที่เลวยิ่งกว่ามหาโจรใดๆ ทั้งสิ้นในโลก

    ๑๒) พระสาวกของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทั้งหลาย และพระพุทธเจ้าองค์ปฐม จะเสด็จมาเป็นประธานในพิธีต่างๆ ณ บริเวณสำคัญแห่งใหม่ของโลกก่อนยุคสุดท้าย

    ๑๓) พระโพธิสัตว์ใหญ่หลายท่านจะนำพระธาตุ พระบรมธาตุ จากชาวเทพหรือชาวลับแลที่เก็บไว้ รวมทั้งวัตถุมงคลใช้ป้องกันรังสีจากอาวุธสงครามสมัยใหม่ ออกมามอบให้แก่ผู้ที่ศรัทธาไว้เคารพบูชาเพื่อป้องกันภัยจากสงครามใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้

    ๑๔) พวกเปรตอสุรกาย ที่แฝงกายอยู่ในคราบนักบุญและนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ของโลกจะถือเอาเหตุปัจจัย ความแตกต่างทางศาสนาและนิกาย มาเป็นเครื่องยุยงให้ชาวโลกแตกออกเป็นสองฝ่าย และก็จะเริ่มค่อยๆ ประหัตประหารไปทีละจุด ๆ ในที่สุด (ความขัดแย้งในเรื่องลัทธิ นิกาย และศาสนา จะบานปลายเป็นสงครามใหญ่ภายหลัง) เพราะกิเลสในใจผู้นำของแต่ละศาสนามีมาก (อย่ามองข้ามเหตุที่เกิดในประเทศไทย เพราะในเมืองไทยก็เป็นชนวนใหญ่เช่นกัน

    ****************************************************************************************

    กรรมใดเป็นการฝืนกฎแห่งการบำเพ็ญฯ ถ้าหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อฤาษีฯ ไม่ได้สั่งงานให้ข้าพเจ้า ทำเรื่องพิเศษบางส่วนต่อจากท่าน รวมทั้งไม่ได้ศึกษาธรรมในส่วนคำพยากรณ์จากพระฯ จริงๆ ขอให้ปรับโทษอนันตริยกรรมสูงสุดแก่ข้าพเจ้า ให้ยิ่งกว่าพระเทวทัตและผู้กระทำความผิดทุกๆ พุทธศาสนาในอดีตทั้งหมดด้วยเทอญ

    </TD></TR><TR align=right><TD>
    จากคุณ มโนมยิทธิ เมื่อวันที่ 24/10/2548 13:25:27
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    คัดลอกมาจากhttp://www.konmeungbua.com/webboard/...n.asp?GID=8547
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2008
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>น้ำท่วมสุราษฎร์ฯขยายพื้นที่-วัดพระบรมธาตุไชยาจมบาดาลแล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 พฤศจิกายน 2551 17:06 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=bottom background=/images/linedot_hori.gif align=middle>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle>[​IMG]</TD><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=middle>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>วัดพระบรมธาตุไชยา ระดับน้ำสูงประมาณ 20 เซนติเมตร </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>จนท.ต้องเดินลุยน้ำ นำสิ่งของไปช่วยเหลือ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ผู้ประสบภัยรับของ แต่ต้องเดินลุยน้ำท่วมสูง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ผู้ประสบภัยรับมอบถุงยังชีพพระราชทาน มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยาก จากเหล่ากาชาด</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=center width=165 align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>สุราษฎร์ธานี -สถานการณ์น้ำท่วมที่สุราษฎร์ธานี ขยายพื้นที่กว้างขึ้น ส่วนการช่วยเหลือผู้ถูกตัดขาดเป็นไปด้วยความยากลำบาก เหตุรถยนต์ไม่สามารถเข้าถึง เรือท้องแบนไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ต้องเดินลุยกระแสน้ำ นำถุงยังชีพมูลนิธิเพื่อนพึงภาฯ ไปช่วยเหลือ

    วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น.นางวันทนีย์ บุญก่อสกุล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับเทศบาลตำบลท่าชนะ นำถุงยังชีพพระราชทานจากมูลนิธิเพื่อนพึงภาฯ ยามยาก และถุงกู้ชีพจากศูนย์สิรินธร จ.นครศรีธรรมราช ไปมอบให้กับราษฎรที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 600 ชุด เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น ในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลท่าชนะ

    สำหรับการนำสิ่งของไปช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากพื้นที่ถูกน้ำท่วมระดับสูงตั้งแต่ 60-1 เมตรเศษ และมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก เรือท้องแบนไม่เพียงพอ พร้อมทั้งมีฝนตกหนักตลอด เจ้าหน้าที่ต้องแบกถุงยังชีพลุยกระแสน้ำ และสายฝนไปมอบสิ่งของให้ผู้ประสบภัยอย่างทุลักทุเล

    นอกจากพื้นที่ อ.ท่าชนะ แล้ว กระแสน้ำยังได้ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่นาข้าวของชาวบ้าน ในเขตตำบลเวียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี มีราษฎรได้รับความเดือดร้อนแล้ว 3 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 1, 2 และ 5 ระดับน้ำสูงประมาณ 1-1.50 เมตร ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนประมาณ 30 หลังคาเรือน และน้ำยังได้ท่วมถนนเส้นทางสายโมถ่าย-ไชยา รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไป-มาได้

    นอกจากนี้ กระแสน้ำยังได้ไหลเข้าท่วม ภายในบริเวณวัดพระบรมธาตุไชยา ระดับน้ำสูงประมาณ 20 เซนติเมตร ซึ่งเป็นวัดที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากร ให้เป็นศิลปวัฒนธรรมทางโบราณสถาน และยังเป็นวัดพระอารามหลวง ของ จ.สุราษฎร์ธานี ด้วย

    ส่วนบ้านเรือนราษฎรพื้นที่หมู่ 6 ตำบลไชคราม อำเภอดอนสัก ถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 1 เมตร ถนนเชื่อมหมู่บ้านถูกตัดขาดรถไม่สามารถผ่านได้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,700
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** พยากรณ์โลก ****

    เมื่อถึงเวลา...
    โลก....จะแสดงให้รู้ว่า ศาสนศาสตร์ มีหนึ่งเดียว
    คือ เรื่องราวหนทางหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดในศาสนาพุทธ
    ศาสตร์ที่ไม่นำให้หลุดพ้นทุกข์ จะหมดไปด้วยผลการกระทำของตนเอง
    หลักสัจจธรรม จะเป็นหลักเดียวที่มั่นคง สัจจะปฏิบัติจะเผยแพร่ไปทั่วทุกมุมโลก
    วงล้อพระธรรม จะถูกยกตั้งใหม่ เริ่มเข็นอีกครั้งด้วยพระองค์หนึ่ง ผู้ติดตามผู้ทำได้จะหลั่งไหลเข้ามาช่วย
    ผู้คนจากทั่วโลกที่เคยกราบไหว้หลากหลาย จะกลับมาก้มกราบแบบเดียวกัน ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ใจกลางประเทศไทย
    ธรรมจากโลกุตตระ อันแสดงความจริงของพระพุทธเจ้า จะกลายเป็นบทสวดมนต์สากลโลก มนุษย์ทั่วทั้งโลกจะสวดเหมือนกันหมด
    ผู้คนทั่วโลก จะกลายเป็นผู้ทำได้ มีสัจจะนำชีวิต การกระทำจากสัจจะ จะเกิดขึ้นทั่วโลก เกิดเป็นตัวตนของการกระทำที่ประมาณค่าไม่ได้ จะส่งผลตอบแทนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

    พระพุทธเจ้า ... สอนเพียงหลักสัจจะธรรม โดยแสดงแทรกไว้ตามเรื่องราวต่างๆ
    แล้วทรงโปรดหนทางหลุดพ้นทุกข์ คือสัจจะ เพื่อให้นำไปปฏิบัติ
    การให้สัจจะแก่เขาและเธอ คือ การให้โอกาสเขาและเธอพ้นทุกข์

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    วันพุธที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๑
    ขึ้น ๑๕ เดือน ๑๒ ปีชวด
     
  5. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post1655478 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Forever In LoVE<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1655478", true); </SCRIPT>
    ทีมผู้ดูแลแกลเลอรี่

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 10:23 PM
    วันที่สมัคร: Nov 2007
    ข้อความ: 477
    ได้ให้อนุโมทนา: 8,482
    ได้รับอนุโมทนา 8,314 ครั้ง ใน 463 โพส
    พลังการให้คะแนน: 92 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1655478 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->
    ได้อ่านพบบทความที่เกี่ยวเนื่องทั้ง
    รอยพระพุทธบาท ณ เกาะแก้วพิศดาร และ ประเพณีลอยกระทง
    จากเว็บตามรอยพระพุทธบาท ค่ะ
    ----------------------------------------------------------------


    อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ : http://tamroiphrabuddhabat.com/xmb/v...ead.php?tid=35


    ตามรอยพระพุทธบาท ภาคใต้ ปี 2537 ​


    ประวัติรอยพระพุทธบาทที่ ๕ ณ นัมทานที
    (เกาะแก้วพิสดาร จ.ภูเก็ต)
    <DD>ต่อไปนี้จะขอนำ ประวัติรอยพระพุทธ บาทที่ ๕ ณ นัมทานที มาเสนอต่อผู้อ่านเป็นลำดับต่อไป เพราะเห็นว่ากาลสมัยนี้เป็นฤดูกาลทอดผ้ากฐิน อันเป็นประเพณีนิยมมาแต่โบราณกาลของคนไทยที่เป็นพุทธมามกะ

    <DD>ส่วนวันสุดท้ายของการถวายผ้ากฐิน คือวันเพ็ญเดือน ๑๒ อันเป็นวันสำคัญที่ชาวไทยทั้งหลาย รวมไปถึงคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ ต่าง ก็ยังยึดมั่นในประเพณี “การลอยกระทง” แต่จะถูกวัตถุประสงค์หรือไม่ ผู้เขียนก็ได้เคยลง “บทความพิเศษ” ไปแล้ว

    <DD>ฉะนั้น นับตั้งแต่ปี ๒๕๓๗ อันเป็นปี “รณรงค์วัฒนธรรมไทย” คอลัมน์นี้ก็ได้ค้นคว้า หาความรู้มาให้ท่านอ่านกัน พร้อมทั้งก็ได้จัด กิจกรรมต่างๆ เช่นการเดินทางไปฟื้นฟู รอยพระพุทธบาท ณ เกาะแก้วพิสดาร จ.ภูเก็ต พร้อมทั้งได้ร่วมกันจัดงานพิธี “ลอยกระทง” เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๗

    <DD>สำหรับปีนี้ งานลอยกระทง จะตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ เนื่องในโอกาสนี้ “ผู้เขียน” จึงขอรวบรวมบทความนี้เพื่อท่านผู้อ่านทุกท่านจะได้ทบทวนชี้แจง และช่วยกันเผยแพร่ความรู้นี้แก่ผู้อื่นต่อไป เพื่อให้ถูกต้องตามความเป็นจริงที่สุด

    <DD>ในที่นี้ “ผู้เขียน” อยากจะเสนอแนะหน่วยงานต่างๆ ที่มุ่งการจัด งานลอยกระทง จะเป็นระดับชาติหรือระดับจังหวัดก็ดี นอกจากจะมุ่งเอาวัฒนธรรมประเพณีที่ดี ที่มีความสวยงามแล้ว อยากจะให้ทุกหน่วยงานของรัฐ หรือเอกชนก็ดี ควรมุ่งเอาบุญกุศลเป็นหลักด้วย

    <DD>มิฉะนั้น..ลูกหลานไทยที่เกิดในภายหลังอาจจะเข้าใจไม่ตรงประเด็น คิดว่าเป็นเรื่องของพราหมณ์ คือ “ลอยบาป”หรือ “ลอยเคราะห์”เพราะความเป็นจริงแล้ว การลอยกระทง ได้ถือประเพณีนี้กันมานานแล้ว โดยเฉพาะสมัยกรุงสุโขทัยนางนพมาศเป็นผู้ที่มีบทบาทมากที่สุดในสมัยนั้น ตามโบราณราชประเพณีส่วนใหญ่ที่ความสัมพันธ์กับพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น จึงขอให้ทุกท่านโปรดติดตามได้ในบัดนี้

    <DD>สำหรับประวัติความเป็นมาเรื่อง รอยพระพุทธบาทที่ ๕ นี้มีความสำคัญมาก เพราะนักค้นคว้าประวัติศาสตร์ ต่างก็ค้นคว้าหากันมานานแล้ว โดยเฉพาะประเทศต่างๆ เช่น พม่า ลังกา ต่างก็อ้างว่าอยู่ในประเทศของตน บาง คนก็เข้าใจว่าอยู่ในประเทศอินเดียก็มี

    <DD>ต่อมาเมื่อได้พบหลักฐานจาก “กเบื้องจาร” ซึ่งฝังอยู่ใต้ดินบริเวณ บ้านคูบัว จังหวัด ราชบุรี ทำให้เราได้รู้ความจริงว่า รอยพระพุทธบาทที่ ๕ หรือตามประวัติที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฎกว่า ประทานรอยพระพุทธบาทนี้ไว้ให้ พญานาคราช ทั้งหลายได้สักการบูชานั้น ไม่ได้อยู่ที่ประเทศไหนตามที่เข้าใจกัน ความจริงอยู่ในปรเทศไทยนี่เอง

    <DD>อีกทั้งความเชื่อถือของชาวใต้มาตั้งแต่สมัยโบราณ ต่างก็มีความเคารพเลื่อมใส พากัน ไปกราบไหว้บูชาอยู่เสมอมา ทั้งได้ประสบพบกับความ “พิสดาร”อีกนานัปการ คนที่ไม่มี ]ความเคารพต่างก็ประสบภัยพิบัติกันไปแล้วหลายราย โดยเฉพาะวัตถุสิ่งของที่นั่น แม้แต่ทรายเม็ดเดียวยังเอากลับมาไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราพอจะสรุปกันเพียงผิวเผินได้ว่า ถ้าไม่ใช่ของจริงแล้วไซร้ คงจะไม่มีอะไรเป็นที่อัศจรรย์อย่าง แน่นอน <DD>

    รอยพระพุทธบาท ๕ แห่ง


    <DD>แต่ก่อนที่ถึงเรื่องราวทั้งหลายต่อไป จะขอ ย้อนกล่าวถึงรอยพระพุทธบาททั้ง ๕ แห่งเสีย ก่อน ความจริงรอยพระพุทธบาทในประเทศไทย ยังมีอีกมาก แต่เท่าที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกจนเป็น ที่ยอมรับของท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลายนั้น มีปรากฏอยู่ในพระบาลีดังนี้ คือ :-

    <DD>๑. สุวรรณมาลิก (ลังกา)
    <DD>๒. สุวรรณบรรพต (สระบุรี)
    <DD>๓. สุมนกูฏ (ลังกา)
    <DD>๔. โยนกปุระ (เชียงใหม่)
    <DD>๕. นัมทานที (ภูเก็ต)

    <DD>ข้อความในวงเล็บนั้น ผู้เขียนลงเอาไว้เพื่อความเข้าใจตามที่ได้ค้นคว้ามา ซึ่งจะหาอ่านรายละเอียดได้จากหนังสือ “ธัมมวิโมกข์” ฉบับ ที่ ๑๕๖, ๑๖๓, ๑๖๔ (ปี ๒๕๓๗) ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะรอยพระพุทธบาทที่ ๕ “นัมทานที” ซึ่งได้ยืนยันไว้เป็นหลักฐานจากหนังสือ “พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์”อ่านคำจารึกโดย พระราชกวี (อ่ำ ธมฺมทตฺโต) วัดโสมนัสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ มีใจความตามสำนวนสมัยเมื่อสอง พันห้าร้อยกว่าปีมานี้เองว่า...

    <DD>“บุญมุนี อยู่ถ้ำฤษี ผู้นำพุทธ สู่เกาะ คนชาวน้ำ หมู่คนน้ำ เกาะแก้ว เข้ากราบไหว้ ห้อมล้อม พุทธสอนมาก หมู่คนขอรอยตีนไว้ ชายทเล พุทธเหยียบดิน ทำให้ใหญ่กว่า ๓ เท่า เมื่อวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือนอ้าย พุทธพัสสา ๒๒...”

    <DD>ถ้าใช้สำนวนในปัจจุบันอ่านได้ดังนี้

    <DD>“พระปุณณะ อยู่ถ้ำฤษี (เขางู จ.ราชบุรี) ผู้นำพระพุทธเจ้า สู่เกาะคนชาวน้ำ (ชาวเล) หมู่คนน้ำ เกาะแก้ว เข้ากราบไหว้ ห้อมล้อม พระพุทธเจ้าสอนมาก หมู่คนขอรอยพระบาท ไว้ที่ชายทะเล...”

    <DD>ท่านเจ้าคุณพระราชกวี ได้วินิจฉัยเรื่องนี้ ไว้อีกว่า

    <DD>“เท่าที่ปรากฏรอยตีนพุทธนี้ ย่อมทรงแสดงให้เห็นหลักฐาน พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระองค์ว่า ได้เสด็จตั้งแต่ใต้สุดถึงเหนือสุดของ ดินแดน “สุวัณณภูมิ” จึงเสด็จเพื่อทรงเหยียบ แสดงรอยพระบาทเป็นประจักษ์พยานไว้ สัจจพันธ์คีรี (จังหวัดสระบุรี) และที่ เกาะแก้ว(เกาะแก้วพิสดาร?) หรือ “นิมมทานที” (ไทยว่า..นัมมะทา) ซึ่งเป็นที่เลื่องลือมานาน กระทั่งถึงต่างประเทศคือลังกาและชมพูทวีป เพราะคำใน “อรรถกถา” ยืนยันอยู่

    ------------------------------------- <DD><DD>
    อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ : http://tamroiphrabuddhabat.com/xmb/v...ead.php?tid=35
    </DD>
    <!-- / message --><!-- sig -->__________________
    ;aa21fishh_ fishh_fishh_...
    ;)" พ ร ะ เ จ้ า อ ง ค์ แ ส น " แสนคำอธิฐานอันเป็นกุศล แสนความตั้งใจเพื่อส่วนรวม แสนไท ผู้รู้ตื่นจากภายใน หลอมรวมใจเป็นพระปฏิมาคู่บ้านคู่เมือง
    (y) วิ ช ช า ที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    <table width="600" bgcolor="white" border="1" bordercolor="blue" cellpadding="5" cellspacing="0"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="blue">Tropical Cyclone Formation Alert 24W : หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง </td></tr> <tr><td>
    <table width="590" align="center" border="0"> <tbody><tr><td> Tropical Cyclone Formation Alert 24W : หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง
    ประกาศศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น ฮาวาย, สหรัฐฯ (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )
    สภาวะโดยทั่วไปของพายุหมุนเขตร้อนเมื่อเวลา 18.00น.
    ประจำวันที่ 12 พฤศจิกายน 2551 ออกประกาศเวลา 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

    ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิคด้านตะวันตกตอนเหนือ ทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย วันที่ 12 พฤศจิกายน 2551 / 17.57 น. ปรากฎพายุหมุนเขตร้อน 0 ลูก / หย่อมความกดอากาศต่ำ 1 ลูก
    1) Tropical Cyclone Formation Alert 24W(11.4N 116.1E,18-23kts) : เมื่อเวลา 18.00น.วันนี้(12พ.ย.51) หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง 24W ที่อ่อนกำลังลงจากดีเปรสชัน MAYSAK(ไม้สัก/24W) ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ที่ละติจูด 11.4 องศาเหนือ ลองจิจูด 116.1 องศาตะวันออก หรือมีศูนย์กลางอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ห่ างประมาณ 639 กิโลเมตร. กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ด้วยความเร็ว 9 นอต(17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา. การก่อตัวของพายุฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรงบริเวณเหนือศูนย์กลางหย่อมฯยังคงมี อย่างต่อเนื่อง และจากภาพถ่ายดาวเทียมแถบฝนของพายุเริ่มปรากฏชัดเจนมากขึ้น. จากภาพถ่ายดาวเทียมระดับความเร็วลมย้อนหลังทั้ง Quikscatเมื่อช่วงประมาณ 04.00น.วันนี้(12พ.ย.51) และภาพถ่าย WINDSATเมื่อช่วง 08.00น.วันนี้(12พ.ย.51) บ่งชี้ว่ามีการพัดหมุนไปรอบๆศูนย์กลางความกดอากาศต่ำเพิ่มมากขึ้น. ความเร็วลมประมาณ 15-20นอต. ที่ระดับความสูงบรรยากาศชั้นบนของหย่อมฯ กระแสลมในแนวดิ่งมีกำลังอ่อนถึงปานกลางประกอบกับกระแสอากาศมีการพัดขึ้นไป เบื้องบนเพิ่มมากขึ้น. คาดว่ากระแสลมวินด์เชียร์จะมีกำลังอ่อนลงไปอีก ขณะที่แนวปะทะอากาศเขตละติจูดกลางบริเวณด้านเหนือของหย่อมฯกำลังเคลื่อนตัว ไปทางทิศตะวันออก. ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 18-23นอต(33-43 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความกดอากาศที่พื้นผิวน้ำทะเลประมาณ 1005 มิลลิบาร์ คลื่นทะเลสูงสุดประมาณ - เมตรในช่วง 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา / คาด หย่อมความกดอากาศต่กำลังแรง ที่อ่อนกำลังลงจากดีเปรสชัน MAYSAK(ไม้สัก/24W) จะมีทิศทางการเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ต่อไปในอีก 12-24 ชั่วโมงข้างหน้า เนื่องจากมีการก่อตัวของพายุฝนฟ้าคะน้องเพิ่มมากขึ้นประกอบกับกระแสลม วินด์เชียร์มีกำลังอ่อนลง คาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะทวีกำลังเป็นพายุหมุนเขตร้อนในอีกภายใน 24 ชั่วโมงนี้ : ประกาศศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )
    <เพิ่มเติม> สำหรับหย่อมฯลูกนี้มีความเป็นไปได้ 55% ที่จะเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวไทย ก็ขอให้ติดตามในช่วงต่อไป
    [​IMG]

    ภาพถ่ายดาวเทียม INFRARED ทุกๆ 1 ชม.
    ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิคด้านตะวันตกตอนเหนือ (ช่วง ลองจิจูดที่ 100-150 องศาตะวันออก)
    [​IMG]
    ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิคด้านตะวันตกตอนเหนือ (ช่วง ลองจิจูดที่ 140-180 องศาตะวันออก)
    [​IMG]
    ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนเหนือ ทุก ๆ 1 ชั่วโมง
    [​IMG]
    ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทุก ๆ 1 ชั่วโมง
    [​IMG]
    ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณมหาสมุทรเเปซิฟิคตอนเหนือด้านตะวันตก ทุก ๆ 1 ชั่วโมง
    [​IMG]
    ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณประเทศญี่ปุ่น ทุก ๆ 1 ชั่วโมง
    [​IMG]
    ภาพถ่ายแบบเต็ม ทุกๆ 1 ชั่วโมง
    [​IMG]
    http://agora.ex.nii.ac.jp/digital-typhoon/latest/globe/2048x2048/ir.jpgCLICK เพื่อดูภาพขนาดใหญ่
    http://agora.ex.nii.ac.jp/digital-typhoon/latest/animation/MPEG-2/last-120h.mpgCLICK เพื่อดูภาพถ่ายดาวเทียมเคลื่อนไหว 120 ชั่วโมงที่ผ่านมา หรือ เมื่อ 5 วันที่ผ่านมา UPDATE ทุกๆ 1 ชั่วโมง

    *******
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  7. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ทางใตยังมีฝนอยู่ แต่หาก หนาวจัดๆพร้อมฝนทางเหนือด้วย น่าเป็นห่วงสุขภาพชาวไทยทุกคนครับ
     
  8. kowmoo

    kowmoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +1,896
    รายงานข่าวจ๊ะ วันนี้ตลาดน้อย ทรงวาด(โรงเรียนลูกเผยอิงน้ำท่วมเต็มสนามเลยจ๊ะ) โอเดียน หน้า scb (ตลาดน้อยสำนักงานแห่งแรกของประเทศไทยสมัยร.5อะจ๊ะ)น้ำท่วม น้ำไหลเร็วมากประมาณครึ่งเข้ง จบรายงานจ๊ะ
     
  9. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    12 พ.ย. 51

    เหลือง แดง ลูกนายขนมต้ม
     
  10. สัทธาธิกะ

    สัทธาธิกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +373
    [ความรู้ทั่วไป] ระเบิดกัมมันตรังสี (Dirty Bomb)
    <hr class="hrcolor" size="1" width="100%"> ระเบิดกัมมันตรังสี (Dirty Bomb)

    ระเบิด กัมมันตรังสี (Dirty Bomb) เป็นระเบิดประเภทหนึ่งที่ผู้ก่อการร้ายนำวัสดุกัมมันตรังสีมาใช้เป็นส่วน ประกอบ เพื่อก่อความไม่สงบในพื้นที่ต่างๆ ของโลก อาวุธทางรังสีนี้สามารถทำอยู่ในรูปอุปกรณ์เล็กๆ หรือบรรจุเป็นระเบิดรถยนต์ได้ ดังนั้น ในกรณีสถานการณ์เหตุระเบิด Dirty Bomb ท่านสามารถศึกษาคำอธิบายและแนวทางการปฏิบัติตัวได้ ดังนี้
    Dirty Bomb เป็นการผสมระหว่างวัสดุกัมมันตรังสี เช่น Cobalt 60 หรือ Cesium 137 ที่ใช้ในวงการแพทย์และอุตสาหกรรม กับระเบิดปกติ เช่น TNT หรือ C4 เป็นต้น ซึ่งแตกต่างกับระเบิดนิวเคลียร์ ที่เกิดจากปฏิกิริยาฟิชชั่น(Fission) ปลดปล่อยพลังงานมหาศาลและฝุ่นกัมมันตรังสีปริมาณมากในรูปของเมฆดอกเห็ด

    [​IMG]
    -------------- Cobalt 60 --------------

    [​IMG][​IMG]
    ------------- Cesium 137 -------------

    ทั้ง นี้ เมื่อเกิดการระเบิดจะทำให้ฝุ่นวัสดุกัมมันตรังสีอ่อนๆ ฟุ้งกระจายไปในอากาศเป็นวงกว้าง ส่วนความรุนแรงขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุระเบิดที่นำมาใช้และทิศทางลม เช่น ถ้า Dirty Bomb มีส่วนผสมของ Cobalt 60 หรือ Cesium 137 ภายในรัสมี 1-2 กม. อาหารและน้ำจะมีการปนเปื้อนไม่สามารถนำมาอุปโภคบริโภคได้ หรือหากโรงงานในกรุงนิวยอร์กที่ใช้พลังงานจาก Cobalt 60 ระเบิด จะมีฝุ่นกัมมันตรังสีแพร่ไปในพื้นที่ 1,000 ตารางกิโลเมตร เป็นต้น ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และสิ่งปลูกสร้างเสียหาย อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์หลักของการใช้ Dirty Bomb เพื่อผลทางด้านจิตวิทยา สร้างความตื่นตระหนก ความหวาดกลัว และความวิตกกังวลแก่ประชาชน รวมทั้งทำให้เกิดความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากไม่สามารถใช้พื้นที่ที่มีการเปรอะเปื้อนทางรังสีได้ ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ด้วยงบประมาณมหาศาลในการดำเนินการฟื้นฟู

    [​IMG]

    ดังนั้น หากเกิดเหตุระเบิด สามารถปฏิบัติตัวให้เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์
    เพื่อลดการเปรอะเปื้อนและฟุ้งกระจายของสารกัมมันตรังสี ดังนี้

    กรณีอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ

    [​IMG]

    - ใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูก
    - ไม่หยิบจับสิ่งใดๆ ที่กระเด็นออกมาจากที่เกิดเหตุ
    - รีบหลบเข้าไปในอาคารที่มีผนังหรือกระจกที่ปิดมิดชิด
    - ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออกเก็บในถุงพลาสติก
    - ชำระร่างกายและสระผม
    - เปิดวิทยุหรือโทรทัศน์เพื่อฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่
    กรณีอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ
    - หากตัวอาคารไม่ได้รับความเสียหาย ห้ามออกนอกตัวอาคารโดยเด็ดขาด
    - ปิดประตู หน้าต่าง และระบบช่องระบายอากาศ
    - หากตัวอาคารได้รับความเสียหายและจำเป็นต้องออกจากอาคาร ให้ใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูก
    - ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออกเก็บในถุงพลาสติก ทันทีที่เข้าไปในอาคารที่มีผนังหรือกระจกที่ปิดมิดชิด
    - ชำระร่างกายและสระผม
    - เปิดวิทยุหรือโทรทัศน์เพื่อฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่
    กรณีอยู่ในรถยนต์ในขณะที่เกิดเหตุ
    - ปิดหน้าต่าง และเครื่องปรับอากาศ
    - ใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูก
    - พยายามหลบเข้าไปในอาคารที่มีผนังหรือกระจกที่ปิดมิดชิด หากไม่สามารถทำได้
    ให้ขับรถไปอีกด้านหนึ่งของที่เกิดเหตุ และหาสถานที่จอดรถที่ปลอดภัย
    - ดับเครื่องยนต์และเปิดวิทยุหรือโทรทัศน์เพื่อฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่

    จาก คำอธิบายและแนวทางการปฏิบัติข้างต้น จะช่วยให้เราลดความวิตกกังวล รู้สึกอุ่นใจ และสามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องหากเกิดเหตุการณ์ Dirty Bomb ขึ้นในแหล่งชุมชนหรือที่ทำงาน อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกประเทศและทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสารกัมมันตรังสี ได้ตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดแก่ผู้บริสุทธิ์ อันจะนำมาซึ่งแนวทางการควบคุมป้องกันที่เข้มงวดและรัดกุม เพื่อมิให้ผู้ก่อการร้ายสามารถนำ วัสดุกัมมันตรังสีมาเป็นส่วนประกอบในการทำระเบิดกัมมันตรังสีสร้างความไม่ สงบขึ้นได้

    http://www.thaicybergames.com/webboard/index.php?topic=88458.0
     
  11. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    -:- วัดป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต -:-


    หลวงตาผนึก สิริมังคโล มรณภาพแล้ว เมื่อเวลา 18.40 วันที่ 12 พฤศจิกายน
    2551 ณ วัดป่าเขวาสินรินทร์ ต.เขวาสินรินทร์ อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์


    จะมีพิธีสรงน้ำสรีระหลวงตาในวันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2551
    เวลาประมาณ 09.00 น. ไปถึงช่วงเย็น จึงบรรจุลงหีบ แล้วมีการสวดพระอธิธรรมเวลาประมาณ 19.00 น.


    จึงเรียนศิษยานุศิษย์ และผู้ที่เคารพนับถือในองค์หลวงตา ทราบด้วยกัน
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พระฯ ท่านพยากรณ์ว่า

    พวกเปรตอสุรกาย ที่แฝงกายอยู่ในคราบนักบุญและนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ของโลก จะถือเอาเหตุปัจจัย ความแตกต่างทางศาสนาและนิกาย มาเป็นเครื่องยุยง ให้ชาวโลกแตกออกเป็นสองฝ่าย และก็จะเริ่มค่อยๆ ประหัตประหารไปทีละจุด ๆ ในที่สุด (ความขัดแย้งในเรื่องลัทธิ นิกาย และศาสนา จะบานปลายเป็นสงครามใหญ่ภายหลัง) เพราะกิเลสในใจผู้นำของแต่ละศาสนามีมาก

    ( อย่ามองข้ามเหตุที่เกิดในประเทศไทย เพราะในเมืองไทยก็เป็นชนวนใหญ่เช่นกัน )

    *****************************************
    ศึกแย่ง"ทรัพยากร"ชนวนสงครามโลก

    [​IMG]

    โพสต์ทูเดย์ 17 ก.ย. 50
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • amarica.jpg
      amarica.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.4 KB
      เปิดดู:
      3,303
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2008
  13. ปิยนาถ

    ปิยนาถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +298
    “ซัพไพรม์นรก” ถล่มประกันชีวิต <HR class=b>
    Positioning Magazine ตุลาคม 2551

    ตกตะลึง!!! … ช็อกกันไปทั้งโลก เมื่อเศรษฐกิจอเมริกาดำดิ่งยิ่งกว่า “ตกนรก” เพราะการแผลงฤทธิ์เดชแบบไม่มีวันจบลงง่ายๆ ของ “ซัพไพรม์” การโหมปล่อยกู้จำนองแก่ผู้กู้ความน่าเชื่อถือต่ำในสหรัฐฯ จนสถานบันการเงิน แม่แบบเจ้าของนวัตกรรมซับซ้อน แต่ให้ผลตอบแทนยั่วยวนใจ ต้อง “ล้มทั้งยืน” กรณี “เลแมน บราเดอร์ส” อดีตวาณิชธนกิจ เบอร์ 4 จุดชนวน “ปรากฏการณ์โดมิโน” กลายมาเป็น “ฝันร้าย” ตามหลอกหลอนธุรกิจที่เกี่ยวข้องโยงใยไปทุกมุมโลก โดยเฉพาะ “เอไอจี” ยักษ์ใหญ่ธุรกิจประกันวินาศภัย บริษัทแม่ “เอไอเอ” รวมถึง “แบงก์ ฟอร์ติส” ผู้ถือหุ้น “กลุ่มเมืองไทย” จนเชื้อร้ายลุกลามถึงภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิต เกิดอาการ “แพนิค” ราวกับจะบอกว่า ความเชื่อมั่นของเจ้าของกรมธรรม์เริ่มจะมลายหายไป ถ้าไม่เร่งรีบหาทางเยียวยา...

    วิกฤติซัพไพรม์ ที่ส่งผลให้ สถาบันการเงินต้องล้มทั้งยืนทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา ลุกลามไปถึงยุโรป ยังไม่มีรายใดส่งผลต่อความรู้สึก และเขย่าอารมณ์ลูกค้ารายย่อยทั่วโลก โดยเฉพาะคนเอเชียได้เท่ากับรายของ “เอไอจี” หรืออเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ อเมริกา และฟอร์ติส ธนาคารสายเลือดยุโรป จากเนเธอร์แลนด์ ที่เสียหายจากการนำเงินไปลงทุนค้ำประกันธุรกิจจำนองเป็นมูลค่ามหาศาล

    “เอไอจี” จึงหนีไม่รอด ถูกสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ปรับลดอันดับเครดิต “ตราสารหนี้” ของ “เอไอจี” ลงฮวบฮาบ ในที่สุดหุ้นเอไอจีในตลาดหุ้นนิวยอร์กก็ควงสว่าน ดิ่งนรก ตามดัชนีดาวโจนส์ จนมูลค่าหุ้นหายวับไปกับตา

    ขณะที่ “ธนาคารฟอร์ติส” ที่มีบริษัทลูกถือหุ้นในกลุ่มเมืองไทย อันประกอบด้วย เมืองไทยประกันชีวิต และบมจ.เมืองไทยประกันภัย ก็ต้องยอมรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลุ่มเบเนลักซ์ ด้วยความเต็มใจเช่นกัน...

    หลังเจรจา 48 ชั่วโมงกับเฟด ยุติลง ท้ายที่สุดก็ได้รับเงินกู้จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ มาช่วยต่อลมหายให้กับเอไอจี ซึ่งจะมี“เฟด” มาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกือบ 80% พร้อมเปลี่ยนตัวซีอีโอใหม่...

    ในที่สุด เอไอจี ต้องเร่ขายทรัพย์สิน ตัดขายหุ้น บริษัทใน “เครือ AIG” รวมถึง “สาขาAIA” เกือบครึ่งค่อนโลก หั่นทิ้งสายธุรกิจ “คอนซูเมอร์ ไฟแนนซ์ กรุ๊ป หรือ CFG” ใน 11 ประเทศทั่วโลก

    แต่ที่ไม่เปลี่ยนเลยก็คือ อาการแพนิคของนักลงทุน ผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตของเอไอเอ บริษัทลูกที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก ยังคงทนรอยืนต่อแถวเพื่อขอยกเลิกกรมธรรม์ แทบไม่เว้นแต่ละวัน โดยไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ จากบรรดาตัวแทนบริษัท...

    ส่วนใหญ่กลัวว่า หากวันใดบริษัทแม่ต้องการสภาพคล่อง อาจถึงคราวต้องเรียกคืนผลกำไร ประกาศขายทรัพย์สิน หรือขายกิจการ บริษัทลูก หลาน นอกอเมริกา เงินที่เก็บออมไว้ในรูปเบี้ยประกันชีวิตก็อาจจะหายต๋อม !! เรียกคืนกลับมาไม่ได้...

    ความตื่นกลัว เขย่าให้ “อาการแพนิค” จากอเมริกา ข้ามมาที่ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี เพียงชั่วไม่ทันข้ามคืน “คลื่นแพนิค” ก็ซัดเข้าฝั่ง เอไอเอ สาขาประเทศไทย แบบยังไม่ทันได้ตั้งตัว...

    ไม่ใช่แค่ “เอไอเอ” เท่านั้นที่ถูกท้าทายจากวิกฤตความเชื่อมั่น แต่ธุรกิจในเครือเอไอจี ทุกแห่งในประเทศไทย ก็ต้องออกมาแสดงตัว...

    ทั้งที่บางบริษัทเช่น นิวแฮมพ์เชอร์ อินชัวรันส์ หรือแม้แต่ เอไอจี ประกันวินาศภัย (ประเทศไทย) รวมถึงธนาคารเอไอจีเพื่อรายย่อย แทบไม่เคยปรากฏโฉมหน้าต่อสาธารณะมาก่อน ก็ต้องออกมาร่ายยาวถึงความมั่นคงทางการเงิน และสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทแบบงง งวย ตลอดสัปดาห์ที่เอไอจีทำท่าเกือบจะล้มคว่ำ แต่ก็รอดมาได้แบบหวุดหวิด...

    ลูกค้าเอไอเอขอยกเลิกกรรมธรรม์ประกันชีวิต ลูกค้าธนาคารเอไอจีฯ ก็มีบางส่วนถอนเงินฝากออกไป ส่วนกรมธรรม์ประกันวินาศภัยในรายงานบอกว่า มีเพียงรายเดียวที่ขอยกเลิก...

    ผู้รู้ในแวดวงการเงินถึงกับวิเคราะห์แฝงอารมณ์ขบขันว่า... “ถ้ารัฐบาลวอชิงตันปล่อยให้เอไอจีล้ม ก็เท่ากับกรณีล้มละลายของเลแมนฯ จะกลายเป็นเรื่องของเด็กอนุบาลไปเลยทีเดียว” ...

    แค่นี้ก็พอจะเดาได้ถึงความยิ่งใหญ่ของเอไอจี ที่มีขนาดทรัพย์สินสูงระดับ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ที่จะปล่อยให้ล้มไม่ได้ เพราะจะกระเทือนยิ่งกว่า “เฮอร์ริเคนถล่มโลก”...

    อย่างไรก็ตาม นับจากวันที่ 15 ก.ย. เป็นต้นมา เป็นเวลาสองสัปดาห์ ลูกค้าเอไอเอก็ยังคงทยอยเข้ามาขอยกเลิกกรมธรรม์จนมูลค่าสูงถึง 20 ล้านบาท โดยไม่สามารถคาดคะเนได้ว่าจะทุเลาลงได้เมื่อไร...

    ทั้งที่เอไอเอมีขนาดทรัพย์สินสูงถึง 383,000 ล้านบาท เงินสำรองประกันภัย 286,000 ล้านบาท มีเงินกองทุน 69,000 ล้านบาท อัตราความมั่นคงทางการเงินสูงถึง 1,107% จากทางการกำหนดเพียง 150%

    มีกำไรสะสมร่วม 79,000 ล้านบาท มีพอร์ตลงทุนระดับมากกว่า 2 แสนล้านบาท สูงใกล้เคียงกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ด้วยซ้ำ แต่ “วิกฤตความเชื่อมั่น” ก็ยังต้องใช้เวลาเยียวยาอีกนาน...

    “เรากล้าพูดได้ว่า ไม่มีบริษัทไหนในไทยที่จะสามารถเปรียบเทียบกับเราได้ในแง่ของความมั่นคง”

    โทมัส เจมส์ ไวท์ รองประธานบริหารระดับสูงและผู้จัดการทั่วไป เอไอเอ สาขาประเทศไทย ปลุกปลอบขวัญเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา ระหว่างงานแถลงข่าว หลังเฟดเข้าโอบอุ้ม... และแม้กระทั่งกรณีที่บริษัทเอไอจี ประกาศขายทิ้งกิจการไปหลายส่วน

    ทีมบริหารพอร์ตลงทุนของเอไอเอถึงกับบอกว่า ปัญหาของเอไอเอไม่ได้อยู่ที่ความมั่นคง ตรงกันข้าม เอไอเอมั่นคงจนมีปัญหาหนึ่งเดียวเวลานี้คือ เบี้ยและเงินที่หลั่งไหลเข้ามามาก จนไม่รู้จะนำไปลงทุนอะไรดี เพราะมีเงินลงทุนมาก แต่ช่องทางลงทุนก็จำกัด...

    ขณะเดียวกัน เงินกำไรสะสมที่พอกพูนขึ้นทุกปี ก็จะส่งกลับเป็นเงินปันผลผู้ถือหุ้นได้สูงสุดเพียง 2 งวดใน 1 ปี คิดเป็นงวดละ 1,000 ล้านบาท

    แต่ปี 2550ล่าสุด ได้ยื่นขอส่งเงินปันผลกลับบริษัทแม่อเมริกา เป็นเงินกว่า 10,000 ล้านบาท ที่ขอไปเป็นเวลา 2 ปีแล้ว แต่ทางการยังไม่อนุมัติ ก็เป็นว่าต้องยุติเรื่องนี้ลง อันเป็นผลจากวิกฤตความเชื่อมั่น ที่เอไอเอจะต้องจัดการก่อนเป็นอันดับแรก...

    รับรู้กันว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ยังเกรงว่าจะไม่ได้รับเงินคืน จากบรรยากาศรายรอบที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยในแต่ละวัน จึงมีการเข้ามาทยอยขอเวนคืนกรมธรรม์อยู่เป็นระยะๆ จนแทบทั้งอุตสาหกรรมประกันชีวิตต้องออกอาการปั่นป่วนไปกับวิกฤตคราวนี้ด้วย

    สมาคมประกันชีวิตไทย ศูนย์รวมธุรกิจประกันชีวิต เป็นด่านที่สอง ที่นัดรวมพลออกมากู้หน้า กู้ชื่อเสียงให้กับประกันชีวิต หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยหรือ (คปภ.) แสดงตัวเป็นหน่วยกู้ภัยให้กับ เอไอเอ เป็นด่านแรก ก่อนหน้านั้นแล้ว...

    ตัวเลข สถิติร้อนๆ ล่าสุดที่เคยเก็บไว้ใต้ลิ้นชัก ไม่เคยได้นำมาเปิดเผย ก็ถูกนำมาเปิดเผยในคราวนี้...

    สาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย สร้างความมั่นใจว่า ไม่มีบริษัทประกันชีวิตแม้แต่รายเดียวลงทุนอะไรไว้กับเลแมนฯ ซึ่งเป็นข้อดีจากระบบควบคุมดูแลทางการที่ค่อนข้างอนุรักษนิยม ถึงแม้จะถูกล้อเลียนว่าล้าหลังเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ก็ตาม

    ธุรกิจประกันชีวิตทั้ง 24 แห่ง มีสินทรัพย์รวมกัน 815,000 ล้านบาท มีเงินลงทุน 666,245 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในตราสารหนี้ 82.30% ในรูปพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ 61.23% หุ้นกู้ เอกชน 10.20% เงินฝากและตั๋วเงิน 10.87% อีก 9% เป็นเงินให้กู้ยืม และลงทุนในตราสารทุนรวมหุ้นสามัญและหน่วยลงทุน 8.71% โดยมีการลงทุนในต่างประเทศเพียง 2.86%

    แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามกอบกู้เอาศักดิ์ศรีอุตสาหกรรมประกันชีวิตกลับคืนมามากเท่าไร ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งการขอยกเลิกกรมธรรม์ของผู้ถือครองกรมธรรม์ได้ในเร็ววัน...

    บรรยากาศที่เกิดกับเอไอเอ จึงไม่ต่างจากความพยายามเรียกความเชื่อมั่นคืนกลับมาอย่างถึงที่สุดในรอบกว่า 70 ปีนับจากตั้งสาขาในประเทศไทย

    แม้แต่ศัตรูคู่อริในธุรกิจประกันชีวิต ก็ยอมรับแต่โดยดีว่า เอไอเอ สาขาประเทศไทย ไม่มีรอยด่างพร้อยในแง่ของความมั่นคงและสถานะทางการเงิน แต่ก็นั่นแหละ พิษสงของ “ซัพไพรม์” ทำให้ใครต่อใครก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย...

    “เอไอเอ ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่คนตกใจเรื่องความมั่นคงที่เกิดกับบริษัทแม่ เอไอจีในต่างประเทศ ทั้งที่กว่าจะเชื่อมมาถึงเอไอเอ ประเทศไทย ก็ต้องผ่านอีกหลายด่าน เพราะเอไอเอถือหุ้นยาวต่อกันมาเป็นทอดๆ จนแตกเป็นบริษัทลูก หลาน เหลน หล่อน” คู่แข่งอีกบริษัทวิเคราะห์...

    แทบทุกบริษัทประกันชีวิต ในช่วงนี้ต้องจัดสรรทีมงานและงบประมาณเพื่ออธิบายข้อมูลกับลูกค้า ไม่ให้ยกเลิกกรมธรรม์ เพราะการเวนคืนหรือยกเลิกจะทำให้เสียสิทธิ์การออมเงิน ยิ่งถ้ารายใดยกเลิกและกลับมาซื้อใหม่ ก็จะคิดเบี้ยในราคาใหม่ เพราะอายุสูงขึ้น การคิดเบี้ยก็จะแพงกว่าเดิม

    ว่ากันว่า ถ้าต้องการรู้ว่าอาการแพนิคจะทุเลาเบาบางลงเมื่อไร ให้รอดูสถานการณ์ในระยะ 2-3 เดือนต่อจากนี้ โดยดูจากตัวเลขเบี้ยปีต่ออายุของแต่ละบริษัทว่าจะลดน้อยลงมากแค่ไหน หรือจะให้ชัดกว่านี้ ก็ให้สังเกตเบี้ยปีต่ออายุของทั้งอุตสาหกรรมประกันชีวิตให้ดี...

    เพราะนั่นจะอธิบายได้ถึง “ดัชนีความเชื่อมั่นต่อธุรกิจประกันชีวิต” ของผู้ถือกรมธรรม์ที่มีอยู่ประมาณ 22% ของประชากรทั้งประเทศ เป็นอย่างดี

    “การยกเลิกกรมธรรม์มูลค่า 20 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ถือเป็นภาวะปรกติ เพราะต้องมีคนเวนคืนกรมธรรม์ทุกวันอยู่แล้ว คนที่จำเป็นอยากใช้เงินก็มายกเลิก เพราะเอไอเอมีผู้ถือกรมธรรม์ถึง 5 ล้านฉบับ”

    สุทธิ รจิตรังสรรค์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหาร เอไอเอ สาขาประเทศไทย ตอบคำถามคาใจผู้คนทั่วไปที่ยังมีความรู้สึกสับสน...

    โดยเฉพาะความคลางแคลงใจเกี่ยวกับสถานภาพของเอไอเอ สาขาประเทศไทยในอนาคต จะออกหัวหรือก้อย บริษัทแม่จะแก้ปัญหาสภาพคล่องได้เร็วแค่ไหน ภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตที่เพิ่งจะถูกมองในด้านบวก ในชั่วเวลาคนหลายเจเนอเรชั่น จะพลิกฟื้นกลับมาได้รวดเร็วเพียงใด...

    ในคืน “ฝันร้าย” ของ “เอไอเอ” หรืออีกนัยหนึ่ง “เอไอจี” จึงไม่ได้ มีอาการไข้ขึ้นจนถึงขั้นโคม่าอยู่ฝ่ายเดียว...

    ตราบใดที่เอไอเอยังยืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง ทั่วทั้งอุตสาหกรรมประกันชีวิตก็จะหายใจหายคอได้คล่องตัวขึ้น เหมือนยกภูเขาออกจากอก...

    แต่ถ้าเป็นตรงกันข้าม ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกอบกู้ความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ในเร็ววัน

    เพราะ “เชื้อร้ายซัพไพรม์” ที่แพร่ขยายอย่างรวดเร็วทั่วโลก ยังไม่มี “ยาวิเศษ” ขนานใดสามารถรักษาอาการซมพิษไข้จนถึงขั้นโคม่า หายขาดได้ภายใน 1-2 ปีนี้...
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ยุคพระเจ้าจักรพรรดิราช
    ในความเชื่อของชาวคริสต์

    [​IMG]

    [​IMG]
    พระเจ้าจักรพรรดิราช และ รัตนะทั้ง ๗ ประการ


    สรุปคำเผยพระวจนะของ ซินดิ้ เจคอปส์
    (การสัมมนาอธิษฐานแห่งชาติ วันที่ 7-10 มิถุนายน 2006)

    เมื่อสามปีที่แล้วพระเจ้าได้บอกกับดิฉันว่า จะเกิดความไม่สงบทางภาคใต้ ในเวลานี้พระเจ้าบอกกับดิฉันว่าหากคุณอธิษฐาน ความสงบสุขจะเกิดขึ้นกับภาคใต้ พระเจ้าจะแก้ปัญหาของภาคใต้ ดังนั้นดิฉันอยากบอกว่า จงอธิษฐาน ยืนหยัดอย่างมั่นคงและเชื่อว่า พระเจ้าจะทรงเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาอย่างท่วมท้น

    - ซินดี้ เจคอปส์ -

    1.การเคลื่อนไหวอนุชน/การเคลื่อนไหวในเรื่องความบริสุทธิ์

    การเคลื่อนไหวอนุชนกำลังปะทุขึ้นในประเทศไทย ชีวิตที่บริสุทธิ์คือลักษณะที่โดดเด่นของการเคลื่อนไหวนี้ อิสยาห์ 35 (ได้มีการย้ำถึงทางหลวงอันบริสุทธิ์หลายครั้ง) เยาวชนจำนวนมากจะกลับใจหันมาเชื่อพระเจ้า และจะไม่ยอมทำผิดบาปทางเพศ ความบริสุทธิ์ คือลักษณะอันโดดเด่นของเขา ความรักเร่าร้อนที่มีต่อพระเจ้าจะเผาผลาญอยู่ในหัวใจของเขา

    การฟื้นฟูจะเริ่มในมหาวิทยาลัย วิทยาลัยและโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ พระเจ้าจะใช้อนุชนเหล่านี้เป็นนักปฏิรูป ผู้จะปฎิรูประบอบการเมือง เศรษฐกิจ การเงิน การธนาคาร การศึกษา การแพทย์ ศิลปะและสื่อมวลชน

    2.การเคลื่อนไหวพันธกิจโลก (มิชชั่น)

    ประเทศไทยจะระดมคนและขับเคลื่อนพล, ฝึกฝน และส่งคนหนุ่มสาวออกไปประกาศพระกิตติคุณที่ประเทศเพื่อนบ้าน ภาคเหนือของอินเดีย ทิเบตและตะวันออกกลาง (สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน)

    3.ประเทศไทยพลิกฟื้น

    ภายใน 10 ข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ได้รับการพลิกฟื้น คำเผยพระวจนะ ที่นำให้ผู้ที่มาร่วมสัมมนาประมาณกว่า 1,000 คน ได้รับกำลังใจและมีความหวังใจอย่างมาก ซินดิ้และไมค์ สอนเราว่า การปฏิรูปจะต้องเกิดขึ้นก่อน จากนั้นพลิกฟื้นจึงจะเกิดตามมา เราแต่ละคนต้องมีส่วนในการปฏิรูป ใช้ชีวิตในแบบที่จะมีอิทธิพลกับคนรอบข้าง ดำเนินในแนวทางเดียวกับแผ่นดินสวรรค์

    4.การฟื้นฟูเริ่มต้นทางภาคเหนือ

    พระเจ้าทรงให้นิมิตแก่ดิฉันเกี่ยวกับภาคเหนือของประเทศไทย คือที่ไฟของพระเจ้าจะตกลงที่ภาคเหนือ และลุกโชติช่วงอยู่ภาคเหนือ อีกทั้งจะพัดโหมกระหน่ำไปทั่วแผ่นดินไทย (ไฟในที่นี้หมายถึงความรุ่งโรจน์ โชติช่วง สว่างไสว)

    5.เศรษฐกิจ

    ในขณะที่ดิฉันอยู่ประเทศมาเลเซียเมื่อสามปีทีแล้ว พระเจ้าได้ประทานคำพยากรณ์แก่ประเทศไทยว่า พระองค์จะเปิดโปงคอรัปชั่นและจะเปลี่ยนเศรษฐกิจของประเทศไทย จะได้รับการเยียวยารักษา ผู้คนจะต้องการซื่อสินค้าไทยและมาหาซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ประเทศไทยจะค้าขายกับประเทศอื่น ๆ สิ่งที่ดิฉันก็คือว่าเมื่อการคอรัปชั่นถูกเปิดโปง การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในภาคธุรกิจ ราคาสินค้าในไทยจะเพิ่มสูงขึ้นและผู้คนก็ต้องการหาซื้อขึ้นมากอีก ค่าเงินบาทจะแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์ของสหรัฐอเมริกา พระเจ้าจะทรงทำพระราชกิจอย่างน่ามหัศจรรย์

    6.การค้าประเวณี

    ผู้คนจะให้ความสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับการล่วงประเวณี จะมีวันหนึ่งที่โสเภณีจะหายากมากในประเทศไทย ปัญหาของต่างชาติจะลดลง เราจะได้เห็นการอัศจรรย์เกิดขึ้น และเรารู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นจริงในประเทศนี้

    7.การทำแท้ง

    ยืนหยัดเพื่อต่อต้านการทำแท้งในประเทศไทย และปกป้องเด็กที่อยู่ในครรภ์

    8.ทรัพยากรในประเทศไทย

    พระเจ้าบอกว่า ที่ภาคเหนือของประเทศไทยมีแร่ธาตุ เช่นทองคำซ่อนอยู่ซึ่งยังไม่มีใครพบ เป็นสิ่งที่พระเจ้าซ่อนอยู่ไว้ระยะหนึ่ง เชื่อว่าผู้เชื่อในพระเจ้าที่มีหัวใจจะแสวงหาพระเจ้าอย่างจริงจัง พระเจ้าจะให้กุญแจที่จะไขสู่ทรัพย์สมบัติของพระเจ้าเหล่านี้ และจะเป็นสิ่งที่สนับสนุนเพื่อพันธกิจของพระเจ้าจะสำเร็จ

    9.ประมุขของประเทศต่าง ๆ

    ประมุขและพระชินีของพระเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้เดินทางมาประเทศไทยในเวลานี้ อ.ซินดี้เปรียบเทียบเรื่องนี้กับพระคำในอิสยาห์ 60 (จงลุกขึ้นฉายแสง.....พระสิริของพระเจ้าขึ้นมาเหนือเจ้า)และเธอเผยพระวจนะว่า ผู้คนจะเข้ามาความสุกใสแห่งการขึ้นของเจ้า (ประเทศไทย) อาจารย์หนุนใจศิษยาภิบาล ให้เทศนาจากพระธรรมตอนนี้ตลอดทั้งปี

    ที่มา http://hi7.youth4nation.com/PHEUNG/

    หมายเหตุ

    จะเห็นได้ว่าเป็นความเชื่อที่สอดคล้อง ตรงกับความเชื่อในเรื่องยุคพระศรีอาริย์(พระเจ้าจักรพรรดิราช)ของชาวพุทธ ที่จะมาปรากฎกายที่ภาคเหนือของประเทศไทย และภาคเหนือของประเทศไทย จะกลายเป็นแหล่งอารยธรรมแห่งใหม่ของชาวโลก ได้ยึดถือเป็นที่พึ่งพิงอาศัยต่อไปในโลกยุคชาววิไล

    ซึ่งก็ตรงตามคำทำนายของ พระฯ ที่ท่านได้ทรงพยากรณ์เอาไว้ว่า

    "ในอนาคตอันใกล้นี้คนไทยจะปกครองโลกธาตุและจักรวาล เพราะเวลานี้พระโพธิสัตว์ใหญ่หลายท่าน ได้มาถือกำเนิดบนแผ่นดินไทยมานานแล้ว"


    **********************************************************************
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2008
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,700
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** โลกุตตระธรรม ธรรมเหนือโลก ****

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาล ...พระไตรปิฎก องค์โลกุตตระธรรม ปรากฏในประเทศไทยแล้ว
    โอกาสสุดท้าย....อยู่ที่ท่านต้องศึกษาพิจารณา อยู่ที่ตัดสินใจการต้อนรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    โคตรปฏิหาริย์...อยู่ที่สัจจะของคนไทย

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2008
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    กษัตริย์ซาอุดีอาระเบียเรียกร้องโลกมีความอดกลั้นทางศาสนา

    [​IMG]

    สหประชาชาติ 13 พ.ย.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. Ghosty Rat

    Ghosty Rat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +365

    ผมหวังไว้แค่เมืองไทยจะมีทรัพยากรจริงใยช่วงวิกฤติอย่างนี้อย่างที่พวกท่านว่ามานานแล้วและก็หวังให้ผู้นำเราบริหารเพื่อคนของเรา ผมยอมรับว่าดีใจที่ไทยเราเริ่มผลิตน้ำมันได้มากขึ้น ^ ^ แต่ที่น่าห่วงกว่าคือ ผู้นำเท่านั้นแหละ สงครามนั้นเริ่มมีโอกาศขึ้นมาอีกนิดแน่เพราะดูแนวโน้มที่โอบาม่าสานต่อโครงการทางการรบของบุช เหมือนต่างพรรคแต่หัวคิดแบบเดียวกันคือสนองนา่ยทุนที่ผลิตอาวุธภายในประเทศ อย่างโครงการระบบต้านขีปนาวุธในโปแลนด์ซึ่งจะทำให้โลกระอุขึ้นอีกนิดนึงเพราะจีนกับรัสเซียไม่แฮปปี้แน่ = =" ก็ดีใจที่ผู้แลระบบฟังผมบ้างที่ผมเสนอไปเรื่องมีการแหน็บแนมและขอบคุณที่ไม่แบนผมที่ผมหลุดหลายรอบเนอะ ^ ^"
     
  18. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>กทม.น้ำทะเลหนุนสูงสุด2.12เมตรในรอบปี

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1>น้ำทะเลหนุนสูงสุดในรอบปี 2.12 ม. ส่งผลเจ้าพระยาเอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายจุด ปลัดกทม. ระบุกรมชลฯ ปล่อยน้ำมากผิดปกติ เตรียมทำหนังสือสอบถามโดยด่วน
    วันนี้( 13 พ.ย.) นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) ลงพื้นที่ตรวจริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณบริษัทบุญรอด บริวเวอร์รี่ จำกัด (มหาชน ) ถนนสามเสน เนื่องจากในช่วงเช้าที่ผ่านมาระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาหนุนสูงสุดในรอบปี ทำให้น้ำเอ่อทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและภายในถ.สามเสน โดยนายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำวันนี้ถือว่าอยู่ในระดับวิกฤต เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงถึง 2.12 เมตร ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เพียง 1.60 เมตร ส่วนสาเหตุที่มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกตินั้น เนื่องจากมีการระบายน้ำลงมาในแม่น้ำที่มากผิดปกติ ซึ่งภายในวันนี้( 13 พ.ย.) ตนจะทำหนังสือไปยังกรมชลประทานเพื่อให้ชี้แจงในรายละเอียดดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หลังจากน้ำทะลักเข้ามาภายในพื้นที่ชั้นใน ทางเขตดุสิตก็ได้แก้ปัญหาด้วยการเรียงแนวกระสอบทรายใหม่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เช้า

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>พิษเศรษกิจแฮมเบอร์เกอร์ ส่งผลคนตกงานเพิ่มถึงปีหน้า

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1>กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เตรียมมาตรการแก้ไขสถานการณ์เลิกจ้าง อุ้มทั้งสถานประกอบการและคนทำงาน

    นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวยอมรับว่า ถึงสถานการณ์เลิกจ้างจากวิกฤติเศรษฐกิจโดยรวมของโลกที่เกิดจากผลของวิกฤติการณ์แฮมเบอร์เกอร์ หรือวิกฤติการณ์สถาบันการเงินของสหรัฐอเมริกา ได้ส่งผลไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ส่งผลให้สถาการณ์การเลิกจ้างานมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ตัวเลขจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีคนตกงานสูงถึง 4.5 แสนคน จากแรงงานประมาณ 38 ล้านคน และคาดว่าในช่วงปลายปีจนถึงต้นปีหน้า ตัวเลขคนตกงานจะมีเพิ่มมากขึ้น โดยจากทั้งในส่วนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) รวมทั้งในส่วนของอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ แรงงานผลิตและการส่งออกสินค้าด้วย
    ด้านนายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวถึงการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ในเรื่องเดียวกันนี้ว่า เพื่อเป็นการรองรับปัญหาการเลิกจ้างงานที่กำลังจะเกิดขึ้น กรมได้ประสานไปยังสถานประกอบการที่มีแนวโน้มจะปิดกิจการ ให้เตรียมความพร้อมสำหรับลูกจ้าง หากจะต้องเลิกจ้าง ก็จะมีหลักสูตรการฝึกทักษะฝีมือ เพื่อให้สอดคล้องกับความรู้ความชำนาญที่ลูกจ้างมีอยู่ และเป็นความต้องการของตลาดแรงงาน และพัฒนาลูกจ้างให้มีความรู้แบบมัลติสกิลล์ โดยสถานประกอบกิจการสามารถนำค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมไปลดภาษีตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.2545 ได้ด้วย
    นอกจากนี้ยังเตรียมการฝึกยกระดับฝีมือให้แก่ผู้ถูกเลิกจ้าง และต้องการยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงาน เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดงาน ถ้าไม่ต้องการทำในภาคอุตสาหกรรม ก็ส่งเสริมให้ประกอบอาชีพอิสระ หรืออาชีพภาคท่องเที่ยวและบริการ ส่วนการเพิ่มทักษะในภาคเกษตรกรรมก็เตรียมหลักสูตรการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การปลูกพืชแบบเกษตรอินทรีย์ไว้รองรับด้วย ขณะเดียวกัน ก็ผลักดันให้มีโครงการฟุดฟิดฟอร์ไทยไปอินเตอร์ ด้วยการให้ความรู้ภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี แก่ผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาและผู้ที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศ โดยตั้งเป้าไว้ที่ 1 หมื่นคนทั่วประเทศ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>www.komchadluek.net

    วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6559 ข่าวสดรายวัน


    ระบบเตือนสึนามิ




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>นักวิจัยตรวจดูจอมอนิเตอร์เพื่อตรวจหาสัญญาณเตือนสึนามิ ที่สำนักงานอุตุนิยม วิทยาและธรณีฟิสิกส์ในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เปิดใช้งานแล้วหลังพัฒนาระบบขึ้นมาใหม่ อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2547 เลวร้ายที่สุด ที่จังหวัดอาเจะห์ฝั่งตะวันตก มีผู้เสียชีวิต 168,000 ราย เนื่องจากเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนวงแหวนไฟของแปซิฟิก (ภาพ-เอเอฟพี)

    [FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]

    สนอ.สั่งคุมเข้มไข้หวัดนกหวั่นระบาดกรุง ยันยังไม่พบเชื้อ-ส่งเทศกิจลุยตรวจสกัดเคลื่อนย้ายสัตว์ปีก



    นางวันทนีย์ วัฒนะ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดนกในพื้นที่กรุงเทพฯ ภายหลังพบไก่พื้นบ้านติดเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในอ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัยนั้นว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นไก่พื้นบ้านที่ติดเชื้อไข้หวัดนก ไม่ใช่ไก่ที่มีการเลี้ยงภาย ในฟาร์ม นอกจากนี้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการตรวจสอบ ทำลายสัตว์ปีกรวมทั้งฉีดพ่นยาในรัศมี 5 ตารางกิโลเมตรแล้ว ดังนั้นสถานการณ์ดังกล่าวจึงไม่น่าเป็นห่วงโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ

    รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม กทม.ยังคงดำเนินแผนการเฝ้าระวังโรคดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของการควบคุมเส้นทางการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกที่จะเข้ามาในเขตกรุงเทพฯ ขณะนี้จะมีเจ้าหน้าที่เทศกิจคอยตรวจตราและควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกเป็นพิเศษ โดยผู้ที่จะเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯนั้น จะต้องมีใบป.4 ซึ่งจะต้องบ่งบอกว่าสัตว์ปีกดังกล่าวมีต้นทางมาจากที่ไหน และจุดหมายปลายทางคือที่ใด มีนายสัตวแพทย์ตรวจสอบสัตว์ปีกดังกล่าวหรือไม่ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากทม.ยังคงมีมาตรการคุมเข้มและเฝ้าระวังในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

    ด้านนางป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการกองควบคุมโรค เปิดเผยว่า สำหรับสถิติผู้ป่วยเฝ้าระวังตั้งแต่ช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งโรค ปอดบวมซึ่งต้องสงสัยว่าติดเชื้อ จำนวน 15 ราย จากการตรวจสอบ ไม่พบเชื้อไข้หวัดนกแต่อย่างใด นอก จากนี้ยังพบผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกโดยตรง จำนวน 44 ราย จากการตรวจสอบผลทางห้องแล็บก็ไม่พบการติดเชื้อดังกล่าวเช่นเดียวกัน

    นางป่านฤดี กล่าวต่อว่า ในส่วนของการตรวจสอบการติดเชื้อในสัตว์ปีกนั้น จากสถิติการสุ่มตรวจตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-6 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางกองสัตวแพทย์สาธารณสุขได้สุ่มตรวจสัตว์ปีกจำนวน 709 ตัวอย่าง ซึ่งไม่พบการติดเชื้อไข้หวัดนกเช่นเดียวกัน

    หน้า 30
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2008
  19. jiraphat_ji

    jiraphat_ji เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +204
    รู้สึกว่าจะเคยอ่านแล้ว ประมาณเกือบยี่สินแผ่นเห็นจะได้ เขากล่าวถึงโลกจะแตก แต่จำไม่ได้ว่าใครทำนาย อ่านมาหลายปีแล้วด้วย อ่านแล้วก็น่ากลัวเหมือนกัน แต่เชื่อเรื่องผลบุญกุศล การทำดี ฉะนั้นควรจะทำแต่ความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และสร้างบุญกุศลกันเยอะ ๆ นะค่ะ
     
  20. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,700
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** สัจจะปฏิบัติ ****

    พระพุทธเจ้า...มีสัจจะปฏิบัติ ขจัดกิเลสด้วยกำหนดที่ชัดเจนทุกวัน
    เมื่อทำได้ ก็พิจารณาตนเองต่อไป เรื่อยๆ
    เพื่อที่จะหยุดความคิดที่ชอบเผลอ มองตนเองเหนือผู้อื่น .... เราทำได้ เราเก่ง เรามีความสามารถแล้ว
    พระองค์จึง กำหนดข้อสัจจะ ว่า ..."ไม่เห็นตนเองดีแล้ว" มาปฏิบัติ มานำตนเองเป็นประจำ
    นิสัยที่ชอบคิดว่าตนเองเหนือผู้อื่น จึงลดลง และหมดไปในที่สุด
    พระพุทธเจ้าจึงหลุดพ้นการกระทำ จากนิสัยลักษณะนี้ไปได้
    ผลการกระทำที่ทำได้นี้จึงเป็น การกระทำใหม่
    และ เกิดเป็น ตัวกระทำที่ดี
    เป็น บารมี คือ ผลตนทำได้ สะสมติดตัวไป

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...