พระสิวลีลป.โต๊ะเสกขุนแผนยอดขุนพล ลพ สวาทวัดโป่งจันทร์ล๊อคเก็ตและขุนแผนรุ่นแรกลพ.สม โพธิ์ทอง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +224
    จองครับ
     
  2. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +224
    จองครับ
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1719323377572.jpg

    ประวัติ หลวงพ่อโอด
    หลวงพ่อโอด ท่านมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อรุ่ง แห่งวัดหนองสีนวล และหลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพ สองพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของอำเภอตาคลี ในฐานะที่เป็นหลานที่ใกล้ชิด กล่าวคือ โยมพ่อของหลวงพ่อโอด คือ นายชิต แป้นโต เป็นน้องชายแท้ๆ ของหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล และแม่ของนายชิต แป้นโตและ หลวงพ่อรุ่ง ก็เป็นพี่สาวโยมแม่ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ดังนั้นหลวงพ่อโอดท่าน จึงเรียก หลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิมว่า "หลวงลุง" เมื่อท่านกลับจากการเป็น ครูสอนนักธรรมที่วัดดอนยานนาว่าแล้ว ได้มาอยู่กับหลวงพ่อรุ่ง ที่วัดหนองสีนวล ซึ่งในระยะนี้เองที่ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงพ่อรุ่ง โดยศึกษาคู่กับหลวงพ่อสด วัดหางน้ำสาคร (พระครูวิจิตชัยการ) หลวงพ่อรุ่งได้เขี่ยวเข็ญ และพร่ำสอนท่านเป็นอย่างดี ซึ่งท่านได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านเองได้ค่อยจะสนใจเรียน เท่าใดนัก แม้หลวงพ่อรุ่ง จะแสดงคุณวิเศษทางวิชาที่สอนให้ท่านดู ท่านก็ไม่ค่อยจะสนใจ จนหลวงพ่อรุ่งถึงกับเอ่ยปากต่อว่าท่านว่า ท่านเป็นพระหัวสมัยใหม่ สักวันหนึ่งจะต้องนึก ถึงตัวท่านอยู่ศึกษาวิชากับหลวงพ่อรุ่ง จนกระทั่งหลวงพ่อรุ่งมรณภาพ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ท่านก็ได้รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวลต่อจากหลวงพ่อรุ่ง และในปีนี้เองชาวบ้าน หนองสีนวล ชื่อนายอ๊อด ถูกลอบยิงด้วยปืนลูกซอง กระสุนฝังในทั้งเก้าเม็ด จะไปรักษา ที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะเป็นยุคปลายสงคราม ญาติๆ ของนายอ๊อด จึงได้นำร่างที่บาดเจ็บของ นายอ๊อดมาไว้ที่ศาลาวัดหนองสีนวล แล้วนิมนต์ท่านให้ทำการรักษาด้วยความจำเป็น ท่านจึงต้องรักษาให้ตามที่เขาขอร้อง โดยก่อนที่จะลงมือรักษาท่านได้จุดธูปอธิษฐาน ต่อหลวงพ่อรุ่งว่า "หากหลวงลุงต้องการใช้วิชานี้คงอยู่สืบไป ก็ขอให้ทำการรักษานายอ๊อด ให้หาย หากรักษาหายจะเริ่มเรียน วิชาที่สอนให้ทั้งหมด" เสร็จแล้วท่านจึงทำน้ำมนต์ ตามที่ได้เรียนมา แล้วนำไปให้นายอ๊อดดื่มและพรมตามบาดแผลที่ถูกปืน หลังจากนั้นท่าน จึงได้เข้าจำวัดจนเช้ามืด ท่านได้ยินเสียงเรียกว่า หลวงน้า หลวงน้าผมไม่ตายแล้ว ท่านจึงลุกออกมาดู ปรากฏว่าเป็นนายอ๊อด ที่ท่านได้รักษานั่นเองผลออกมาว่าลูกปืนที่ฝัง อยู่ในตัวนายอ๊อดทั้ง ๙ เม็ดไหลออกมาทั้งหมด และบาดแผลก็สมานกันดี เลือดหยุดไหล เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาท่าน ดังนั้นท่านจึงหันมาศึกษาวิชาของหลวงพ่อรุ่ง ทั้งหมดอย่างจริงจัง ส่วนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ระยะที่ท่านอยู่หนองสีนวล ท่านได้ไปมาหาสู่กับ หลวงพ่อเดิมเป็นประจำ และหลวงพ่อเดิม ท่านก็มาหนองสีนวลอยู่เป็นประจำซึ่งท่านก็ได้ ศึกษาวิชาต่างๆ จากหลวงพ่อเดิม ทั้งที่วัดหนองโพและที่วัดหนองสีนวลต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ท่านได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดจันเสน หลวงพ่อเดิมท่านก็ได้ให้ทายกยิ้ม ทายกใหญ่วัดหนองโพ นำตำราต่างๆ ของหลวงพ่อเดิม ขึ้นรถไฟมาให้ท่านได้ศึกษา ที่วัดจันเสนอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งหลวงพ่อเดิมมรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงนับได้ว่า หลวงพ่อโอดท่านเป็นทั้งหลาน และเป็นทั้งศิษย์ ของสองพระเกจิอาจารย์ ที่โด่งดังและเกรียงไกรที่สุดของอำเภอตาคลีในยุคนั้น แต่ มิใช่ว่าจะมีอาจารย์ที่ท่าน ได้ศึกษาทางพุทธาคม เพียงแต่หลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม เท่านั้นก็ไม่ ที่ผู้เขียนรู้จากคำบอกของท่านเองยังมีอยู่อีก ๒ องค์คือ - หลวงพ่อพรหม วัดช่องแคอำเภอ ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ยุค พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ท่านไปหาหลวงพ่อพรหมบ่อยๆ มาก ท่านบอกว่าท่านไปเรียนวิชากับหลวงพ่อพรหม แต่ท่านไม่ได้บอกว่าไปเรียนวิชาอะไร แต่ที่รู้ๆ หลวงพ่อพรหมรักใคร่ในตัวหลวงพ่อโอดมาก ถึงกับยอมมาปลุกเสกวัตถุมงคลให้ที่พระอุโบสถวัดจันเสน ซึ่งหลวงพ่อพรหมท่านไม่เคยยอมไปปลุกเสกนอกวัดช่องแคเลย - หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ตำบล ทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ท่านไปอยู่เรียนกับหลวงพ่อเขน ที่วัดสิงห์เลย ท่านบอกว่า ท่านไปเรียนวิชาทำตะกรุด ซึ่งหลวงพ่อเชน ท่านเก่งมากในเรื่องการทำตะกรุดโทน ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า พระอาจารย์ที่หลวงพ่อโอด ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนไสยเวท พุทธาคม มีอยู่ ๔ รูปคือ ๑. หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ๒. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ๓. หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ๔. หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างตรงครับ

    พระผงรูปเหมือนพิมพ์รัศมีหลวงพ่อโอด วัดจันเสน ปี2531 พร้อมกล่องเดิม
    ให้บูชา
    250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240623_190353.jpg IMG_20240623_190421.jpg IMG_20240623_190313.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2024
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    LUANGPOO_VIVIAN.jpg

    https://palungjit.org/threads/หลวงปู่วิเวียร-วัดดวงแข-อริยสงฆ์กลางกรุง-รวมเรื่องเล่าความศักดิ์สิทธิ์อิทธิปาฏิหาริย์-และวัตถุมงคล.650264/

    ท่านเป็นพระที่มีความเชี่ยวชาญด้านสมถะและวิปัสสนาอย่างมาก ท่านเป็นพระอาจารย์สอนกัมมัฏฐานต่อผู้ใคร่ศึกษา อาจารย์ของท่านประกอบด้วย
    พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม วัดป่าสาลวัน (ลูกศิษย์องค์สำคัญของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต)
    หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม จังหวัดชลบุรี
    หลวงพ่ออยู่ วัดบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์ (ศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท หลวงปู่เฮง วัดเขาดิน จังหวัดนครสวรรค์ และหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์ )
    วัตถุมงคลที่ท่านอธิฏฐานจิตมีพุทธานุภาพและกฤดาภินิหารอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นที่ต้องการของบรรดาลูกศิษย์และผู้นิยมพระเครื่อง หลวงปู่วิเวียร ฐิตปุญญเถร (บุญมาก) ละสังขาร เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2537 เวลา 4 ทุ่มตรง รวมสิริอายุได้ 72 ปี พรรษา 52
    พระสมเด็จ2นะ นะทั้ง2ตัวนี้หลวงปู่เสกด้วยนะหน้าทองและนะปัดตลอดท่านเคยสอนว่าก่อนจะทำตัวนะทั้ง2นี้ให้ทำตัวนะปะถะมังก่อนแล้วลบเป็นตัวนะอีกที1ตัวนะปะถะมังจะคล้ายตัวนะธรรมดา (เป็นวงกลม-ไม้ง่าม-วงกลม-งอเป็นตะขอ-เป็นเศียรกลม) แล้วเรียกสูตรพร้อมลงตัวนะปถมังพินทุกังชาตังทุติยังทัณฑะเมวะจะตติยังเภทะกัญเจวะจตุถังอังกุสัมภะวังปัญจะมังสิระสังชาตังนะกาโรโหตุสัมภะโว จงมาบังเกิดเป็นตัวนะปถมังเสร็จแล้วก็ลบเป็นตัวนะทั้ง2ต่อไป แล้วเสกกำกับต่อไป หลวงปู่เคยพูดว่ารุ่นหลังๆฉันเก่งแล้วนะแต่ละรุ่นละปีแต่ละแบบท่านเศกยากขึ้นเรื่อยๆเวลาท่านนั่งเสกท่านจะเรียกสูตรต่างๆพระคาถาต่างๆที่ลงอยู่ที่องค์พระเป็นเวลานาน พระดีที่อย่ามองข้ามนะครับ

    เนื้อหามวลสารมี ผงนะปถมัง ผงพระพุทธคุณ ผงตรีนิสิงเห ผงอิทธเจ ผงมหาราช ท่านยังลบผงอื่นๆอีกมากเช่น ผงชินปัญชร+สัตตะนาเค+สัมพุทเธ+มหาปฐหมื่น+ไก่เถื่อน+ฝนแสนห่า ฯลฯ.ผงเสกท่านให้เอาดินสอพองมาบดให้ละเอียดแล้วท่านนั่งเสกเป็นผงเสก ผงเกษรดอกไม้เช่น เกษรบัว +มะลิ+พิกุล+บุญนาค จากที่ศักดิ์สิทธิ์ ว่านมงคล เช่นเสน่ห์จันทร์ทั้ง 5 และจาก อ.สัมฤทธิ์ อ.สอนว่านสมุนไพรที่ มจร. ดินกากยายักษ์ ดินวิเศษแห่งแดนใต้ พระราชญาณเวที(หลวงปู่สุระ)วัดยะลา วัดสวนใหม่ จ.ยะลา สหธรรมหลวงปู่ที่ให้ความนับถือในพุทธาคมกันมาก ท่านเคยศึกษาวิชาสัมพุทเธหงสาร่วมกันที่วัดดวงแข เมื่อปี2512 เป็นผู้เอามาให้ 5 ปี๊บ หลวงปู่ให้ผสมผงเหล่านี้ตามกรรมวิธีของท่าน เนื้อผงสีขาวเหลืองก็ใส่ดินกากยายักษ์น้อย เนื้อผงสีเทาดำก็ใส่ดินกากยายักษ์มาก ตามอัตราส่วนไปใช้น้ำมันทั้งอิ๊วและกล้วยน้ำเป็นตัวเชื่อม
    เรื่องเล่าจกกลพ.เล็ก วัดท่าขนุน
    ครูบาอาจารย์ท่านมาสงเคราะห์กันมาก มีอยู่ท่านหนึ่งที่อาตมาลืมกันไปแล้วท่านก็ยังมา คือ หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข เคยได้ยินชื่อไหม ?
    หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข มรณภาพไปไม่นาน ท่านเป็นพระธรรมยุต เป็นสหธรรมิกรุ่นน้องของหลวงปู่มหาอำพัน แต่ท่านไม่ได้มาสายสุกขวิปัสสโกเหมือนกับหลวงปู่มหาอำพัน ท่านมาแรงกว่านั้น คราวนี้สมัยที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ จะว่าไปจริง ๆ แล้วท่านดังมากนะ แต่พวกเราอาจจะไม่รู้จัก เพราะว่าท่านเป็นพระธรรมยุต เวลาท่านสร้างวัตถุมงคล เตาหลอมจะมีสังกะสีล้อมแล้วเป่าไฟจนสังกะสีแดงโร่เลย ท่านก็เจิมเตาหลอมทั้งอย่างนั้นแหละ ชาวบ้านเห็นคาตาทุกครั้ง
    ถามหลวงปู่ว่าทำไมถึงต้องเจิม ? “ก็ทำตามหลักวิชาที่ศึกษามา ถ้าไม่ทำอย่างนี้ไม่ต้องมาให้ข้าทำ” ท่านถนัดที่สุดคือกสิณน้ำ พระที่ท่านสร้างออกมานี่เมตตามหานิยมสุด ๆ ขนาดรุ่นหนึ่งท่านต้องเก็บบรรจุกรุหมดเลย เพราะว่าลูกศิษย์ดันทะลึ่งไปได้ผู้หญิงแล้วก็ไม่ยอมเลี้ยงเขา"รุ่นอาตมานี่ทันรุ่นสองของท่าน ท่านบอกว่ารุ่นหนึ่งข้ายังไม่เก่ง หลวงปู่พูดอย่างนี้แปลว่าอะไร ? รุ่นหนึ่งข้ายังไม่เก่ง ก็คือหัดทำ ความจริงท่านอยู่อย่างสมถะ กุฏิที่วัดดวงแขจะพังแหล่ไม่พังแหล่ เป็นอาคารเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓-๔ ลูกศิษย์ก็เลยขออนุญาตหลวงปู่ทำกุฏิใหม่ แต่พวกเขาประเภทเบี้ยน้อยหอยน้อย จึงขออนุญาตสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่ท่านไม่อนุญาตให้สร้าง ก็ตื๊อจนกระทั่งท่านสร้าง ท่านก็บอกว่าถ้าสร้างต้องทำตามข้า ก็เลยต้องตามใจท่าน
    พระทุกรุ่นของหลวงปู่ท่านเรียกว่า พระพุทธเมตตาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพระปิดตา ไม่ว่าจะเป็นพระลอยองค์ ไม่ว่าจะเป็นพระกลีบบัว ฯลฯ ท่านเรียกพระพุทธเมตตาหมด ก็คือได้รับความเมตตาสงเคราะห์จากพระพุทธเจ้า อาตมาเองก็ตุนเอาไว้เยอะเหมือนกัน เพราะว่าช่วงนั้นเดินจากวัดเทพศิรินทร์ฯ มาหน่อยหนึ่ง ผ่านทางหัวลำโพงก็เป็นวัดดวงแข เสร็จแล้วก็ไปฉันเพลที่บ้านเพื่อนหลังวัดดวงแข แล้วก็กลับวัดเทพศิรินทร์ฯ"ต้องบอกว่าหลวงปู่วิเวียรเป็นพระดีที่หมกตัวอยู่กลางกรุง แล้วท่านไม่ค่อยแสดงออก แต่ว่าวัตถุมงคลของท่านทุกรุ่นนี่เชื่อขนมกินได้เลย ถ้าใครใช้ในเรื่องเมตตาค้าขายนี่ได้เต็มที่ อาตมาเองก็ตุนไว้อย่างละหลายองค์ เพราะว่าสมัยนั้นท่านก็ไม่ได้จำหน่าย ส่วนใหญ่ขอฟรีด้วย อาศัยเส้นหลวงปู่มหาอำพัน
    จริง ๆ ท่านก็แจกลูกศิษย์ฟรี แต่ส่วนใหญ่ลูกศิษย์ก็ถวายเงินท่าน ส่วนอาตมาเห็นว่าท่านเป็นพระธรรมยุตไม่จับเงิน ก็ใช้วิธีไถฟรี ๆ ...(หัวเราะ)...
    หลวงปู่ท่านเมตตามาเยี่ยม ถ้าหากว่าดูบุคลิกแล้วหลวงปู่วิเวียรจะคล้าย ๆ กับหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง พระของท่านทุกรุ่นจะเรียกพระพุทธเมตตาเหมือนกันหมด
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จพุทธเมตา ๒ นะ หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข ปี 2536 ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240626_060629.jpg IMG_20240626_060653.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2024
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    S__27754502 (1).jpg

    "หลวงพ่อบาง ปัญญาทีโป"
    วัดสโมสร(หม่อมแช่ม)นนทบุรี
    เทพเจ้าชาวมอญกระทุ่มมืด
    เจ้าตำรับ"ผ้าขอดแดงแรงฤทธิ์"
    พระครูปัญญานนทคุณ หรือ หลวงปู่บาง ปัญญาทีโป อดีตเจ้าอาวาสวัดสโมสร(เภี่ยเกริงหม่อมแช่ม) ต.ไทรใหญ่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เป็นพระเกจิอาจารย์รามัญที่มีชิ่อเสียงองค์หนึ่งของจังหวัดนนทบุรี
    ท่านมีนามเดิมว่า "บาง" นามสกุล "นุชสุภาพ" เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๐ ถือกำเนิดในครอบครัวชาวมอญแห่งบ้านคลองหม่อมแช่ม ต.ไทรใหญ่ อ.บางบัวทอง(ขณะนั้นยังไม่ได้ตั้งเป็นอ.ไทรน้อย) จ.นนทบุรี โยมพ่อชื่อ"คำ" โยมแม่ชื่อ"กุหลาบ" เป็นบุตรชายคนโตในจำนวนพี่น้อง ๒ คน เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๗๐ บิดามารดาย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ปากลัด อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
    วัยเด็กได้ศึกษาตำราหนังสือไทยที่วัดแหลม โดยมีพระมังกร ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติกันเป็นผู้สอนให้ ต่อมาได้เข้าศึกษาวิชาสามัญที่โรงเรียนอนุบาลวัดกลางสวน โดยภายหลังโรงเรียนถูกยุบไปเพราะมีเด็กนักเรียนน้อย บิดามารดาจึงพาไปฝากเรียนกับพระอาจารย์เติม ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดกลางสวน อ.พระประแดง ในขณะนั้น ท่านได้เรียนตำราหนังสือภาษามอญจนอ่านออกเขียนได้ ต่อมาบิดามารดาได้พาไปฝากเรียนกับหลวงตาสว่าง ซึ่งมีศักดิ์เป็นตาที่วัดสุทธาโภชน์ กิ่งอำเภอลาดกระบัง จ.พระนคร(ในขณะนั้น)
    ต่อมาหลวงตาสว่างย้ายมาจำพรรษาที่วัดหม่อมแช่ม(วัดสโมสร) ท่านจึงติดตามมาอยู่ที่ด้วย แต่ก็ยังเดินทางไปเรียนวิชาที่วัดกลางสวนด้วย กระทั่งเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ จึงบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดกลางสวน โดยมีพระอธิการเติม วัดกลางสวน เป็นพระอุปัชฌาย์
    ท่านได้อยู่ศึกษาธรรม และไสยเวทย์รามัญกับพระอาจารย์เติม ๑ พรรษา จึงกลับมาดูแลหลวงตาสว่างที่วัดสโมสร เนื่องจากชราภาพและตามองไม่เห็น
    วัดสโมสรในขณะนั้นมีพระอาจารย์เจิ๊ด เป็นเจ้าอาวาส โดนทางวัดได้เปิดการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมพอดี ท่านจึงเข้าเรียนพระปริยัติธรรม จนสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ในขณะอายุได้ ๑๗ ปี ต่อมาพระอาจารย์เจิ๊ดได้แต่งตั้งให้ท่ารเป็นครูสอนนักธรรมชั้นตรี พร้อมกับสอนหนังสือมอญควบคู่ไปด้วย พออายุครบ ๒๐ ปีจึงอุปสมบท ณ วัด กลาง ต.บางผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปรา การ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๒ โดยมี พระครูธรรมวิธานปรีชา(พระมหาทองก้อน กงทอง) วัดกลาง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดอุย วัดกลาง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระสมุห์จีบ วัดกลาง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปัญญาทีโป”
    หลังจากนั้นได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดสโมสร เพื่อร่ำเรียนพระปริยัติธรรมต่อ จนท่านสอบไล่ได้นักธรรมชั้นโท ในปี พ.ศ.๒๔๘๕ ต่อมาพระอาจารย์เจิ๊ดแต่งตั้งให้เป็นครูสอนนักธรรมทั้งชั้นโท และชั้นตรี ท่านได้สอนหนังสือมอญแก่เด็กวัดร่วมด้วยเรื่อยมาตลอด จนกระทั่งวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๑ พระอาจารย์เจิ๊ด ท่านได้ถึงกาลมรณภาพ พระอาจารย์บาง จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสโมสร
    เมื่อจัดการธุระในงานปลงศพพระอาจารย์เจิ๊ดเรียบร้อยแล้ว ท่านยังเทียวไปเทียวมากับวัดกลางสวนอยู่สม่ำเสมอ เพื่อปรนนิบัติดูแลพระอาจารย์เติม จนถึงวาระสุดท้าย ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๒ จึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสโมสร เมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๙๒ ณ วัดละหาร
    ท่านได้พัฒนาเสนาสนะภายในวัด และช่วยอุปถัมภ์ชาวบ้านในด้านต่างๆ และยังส่งเสริมในด้านการศึกษามาโดยตลอด จนเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๙๗ จึงได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นตรี ที่ "พระครูปัญญานนทคุณ" เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ ซึ่งนับว่าเป็นสมภารรูปแรกของวัดสโมสร ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นพระครู ต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท และชั้นเอก ในปี พ.ศ.๒๕๒๔ และปีพ.ศ.๒๕๓๑ ตามลำดับ

    หลวงปู่บางท่านเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในด้านพระปริยัติธรรม และพระวินัย เป็นอย่างดี รวมทั้งมีความชำนาญในด้านงานช่างไม้ และประเพณี วัฒนธรรม ภาษามอญ ในช่วงที่ท่านยังร่างกายแข็งแรงดีอยู่นั้น หลวงปู่ท่านได้สนับสนุนส่งเสริมให้พระสงฆ์และชาวบ้านนั้นช่วยกันอนุรักษ์สืบทอดประเพณีวัฒนธรรมแบบมอญไว้อย่างเข้มแข็ง
    ท่านเป็นผู้ที่มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณเป็นเลิศ ท่านเป็นพระที่สมถะ มักน้อย สันโดษ พูดน้อย มีจริยวัตรงดงามตามแบบพระสงฆ์มอญ เป็นที่น่าเลื่อมใสยกย่อง วัตรปฏิบัติของท่านสามารถเป็นต้นแบบที่ใช้สั่งสอนลูกศิษย์ได้ตลอดเวลา
    วัตถุมงคลของท่านที่เป็นที่รู้จักกันดีว่าพุทธคุณนั้นครอบจักรวาล ได้ทั้งเหนียว แคล้วคลาด และเมตตา อาทิ ผ้าขอดแดงไตรมาส ซึ่งเด่นในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย, เหรียญกลมมีห่วง รุ่นแรก ปีพ.ศ.๒๕๑๗ เด่นในด้านมหาอุตม์,พระผงพิมพ์สมเด็จ พิมพ์ต่างๆ เด่นในด้านเมตตา, และอีกหลายชนิดที่ไม่ได้กล่าวถึงล้วนแต่มีประสบการณ์ทั้งสิ้น

    วาระสุดท้ยท่านได้ละสังขารลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ สิริอายุได้ ๘๗ ปี พรรษา ๖๖ ทางคณะศิษย์ร่วมกันจัดพิธีศพให้ตามธรรมเนียมแบบรามัญอย่างสมเกียรติ และจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ณ ปราสาททรงมอญชั่วคราววัดสโมสร ทางวัดจัดให้มีการจุดลูกหนู(ฮะตะน็อย)ตามธรรมเนียมงานปลงศพพระสงฆ์มอญ มีการรำสามถาดตามความเชื่อของชาวมอญ โดยจัดสร้างปราสาททรงมอญและจัดให้มีพิธียกยอดฉัตรปราสาทตามแบบภูมิปัญญามอญ มีการแสดงมหรสพสมโภชน์อย่างยิ่งใหญ่ มีประชาชนทั้งชาวไทย และชาวมอญ จากทั่วสารทิศหลั่งไหลมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันแสดงถึงคุณงามความดีที่หลวงปู่บางได้กระทำไว้เมื่อครั้งยังดำรงขันธ์อยู่นั่นเอง
    **เรียบเรียงข้อมูลจาก"หนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ พระครูปัญญานนทคุณ(บาง ปัญญาทีโป)"
    ขอบคุณเจ้าของภาพจากหลายๆเว็บ
    S__27754510.jpg
    หลวงปู่บาง เดิมทีท่านเป็นคนพระประแดง บวชอยู่ที่นั่น น่าจะวัดกลางสวน เริ่มเรียนกับหลวงพ่อเติม วัดกลางสวน และวิชาตำรับมอญ กระทั้งผ้าแดงผ้าดำ ก็เรียนจากสายนี้ จนทางวัดสโมสรร้างเจ้าอาวาสลง จึงนิมนต์ท่านไปเป็นเจ้าอาวาส ด้วยว่าท่านเป็นมอญหนึ่งละ แล้วชุมชนคลองหม่อมแช่มก็มอญทั้งนั้น และที่วัดนี่หลวงพ่อบางก็ได้ค้นพบตำราวิชาต่างๆของชาวมอญโบราณ จึงเริ่มเรียนโดยมีพื้นฐานจากการศึกษาวิชาจากวัดกลางสวนมาก่อน ผ้าแดงของท่านนั้นไม่ธรรมดานะครับ ลองสอบถามชาวบ้านแถบนั้นดูว่า ดีจริงแค่ไหน และผมเองคิดว่าถ้าหมดท่านแล้ว ก็จะไม่มีใครทำได้อีกต่อไป แม้อาจารย์เชียรเองท่านก็มุ่งทำแต่เชือกคาดเอว แขวนคอ กันงูเท่านั้น ท่านยังมีพระเครื่องอีกมากมายหลายรุ่น แต่ที่สำคัญ พระนั้นแจกอย่างเดียว ไม่มีศูนย์พระเข้าไปเจาะทำได้ ยกเว้นตอนที่ขอเอาประวัติท่านไปลงในพระเกจิ ก็ขอทำเฉพาะกิจเท่านั้น
    แนะนำวัตถุมงคลของท่านที่ว่าสุดๆนะครับ
    1.ผ้าขอดแดง หรือกะตุด
    2.เหรียญรุ่นแรก
    3.สมเด็จรุ่นแรก
    4.สมเด็จปรกโพธิ์รุ่นแรก
    5.รูปหล่อห้อยคอ ยิ่งรูปหล่อนี่หายากแพง และประสพการณ์แคล้วคลาดสูงมาก เหมือนผ้าแดงเลยทีเดียว
    6.สุดท้ายเหรียญแจกทหารมอญกู้ชาติปี2530(ราวๆนั้น) เหรียญรุ่นนี้หลวงพ่อเสกทุกคืน เป็นเวาลา3เดือนเต็ม สำหรับแขวนเพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะ
    เคยมีชาวบ้านไปส่องปลาจับปลาแถวคลองรอบวัดสโมสรกลางคืน(แถวนั้นเป็นทุ่งนาปลาเยอะครับเพราะเป็นหลังวัดที่เก็บศพไม่มีคู่แข่ง) ดึกมากประมาณตีหนึ่งตีสอง ส่องไฟไปพบหลวงพ่อยืนเพ่งที่โลงเก็บศพหลังวัด ซึ่งเรียงรายหลายโลงศพก็เน่าน้ำเหลืองก็หยดเต็มพื้น อยู่มืดๆองค์เดียว ชาวบ้านคนนั้นตกใจนึกว่าผี แต่พอส่องดูดีๆเป็นหลวงพ่อบาง หลวงพ่อท่านเป็นพระนักปฏิบัติด้วยครับ.. ..พระครื่องของหลวงพ่อมีพุทธคุณครบทุกด้านครับ มีมหาอุดด้วยเคยมีคนแขวนพระสมเด็จรุ่นสองหรือรุ่นสาม องค์เล็กองค์เดียว แล้วโดนดักยิงด้วยปืนสองกระบอก่คือ ปืนลูกซองยาว และปืนลูกกรดยาว ยืนอยู่คนละข้างทาง เรียกรถให้หยุดแล้วพากันยิง แต่ยิงไม่ออกทั้งสองกระบอกครับ คนขับเลยโกยสุดชีวิต..เหตุเกิดที่ เขต อ.บางเลน เขตติดต่อวัดหม่อม(วัดสโมสร)
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จเสาร์ 5 หลวงปู่บางวัดหนองพลับพิมพ์เล็ก รุ่นประสบการณ์ ๒ องค์ ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240626_063148.jpg IMG_20240626_063215.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2024
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    fb_img_1716530247417-jpg-jpg.jpg
    ประวัติ ท่านเจ้าคุณพระมงคลวิจิตร ( พร้า อตฺตสนฺโต ) เจ้าอาวาสวัดโคกดอกไม้ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท
    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า พร้า ยอดดำเนิน เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ เมษายน ๒๔๖๖ ตรงกับเดือน ๕ ปีกุน เป็นชาวชัยนาทโดยกำเนิด ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
    ชีวิตในเยาว์วัยของท่านผิดแผกไปจากเด็กในวัยเดียวกัน เพราะกำพร้าโยมบิดาตั้งแต่ท่านอยู่ในครรภ์ของมารดาได้เพียง ๓ เดือน เมื่อพ้นจากครรภ์มารดา เครือญาติจึงพร้อมใจกันตั้งชื่อให้ท่านว่า กำพร้า หากแต่การแจ้งชื่อที่ปรากฏในทะเบียนราษฎร์ ตกคำว่า กำ คงเหลือเพียงคำว่า พร้า เพียงอย่างเดียว
    จึงไปตรงกับคำที่หมายถึง ของมีคม ซึ่งเกิดจากเหล็กกล้ามีดพร้า นั่นเอง
    ในวัยเด็ก แม้จะขาดบิดาผู้เป็นเสาหลักของครอบครัว แต่มารดาของท่านได้อุ้มชูเลี้ยงดูบุตรธิดาด้วยความอุตสาหะ และท่านยังได้รับความเอื้ออาทรจากบรรดาเครือญาติ เนื่องจากมีอุปนิสัยเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย มีใจโอบอ้อมอารี ท่านมักจะติดตามผู้ใหญ่เข้าวัดทำบุญอยู่เสมอๆ
    หลังจากได้ศึกษาเล่าเรียนจบชั้นประถมปีที่ ๔ มิได้มีโอกาสเรียนต่อ เพราะฐานะทางบ้านยากจน ทั้งๆ ที่ใจของท่านอยากจะร่ำเรียนต่อ จึงเป็นเหตุให้ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ว่า
    " หากมีโอกาสได้บวช จะขอบวชให้เสากุฎีคอดหรือเสากุฎีขาด และหากมีโอกาสได้เป็นสมภารเจ้าวัด จะอุปถัมภ์การศึกษาแก่เด็กๆ ที่พ่อแม่มีฐานะยากจน จะทำ จะช่วยให้เต็มความสามารถ "
    ครั้นอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโคกดอกไม้ ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท โดยมีพระครูปัตย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์เขียว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โห้ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ได้รับฉายา อตฺตสนฺโต หมายถึง ผู้มีตนอันสงบแล้ว
    ภายหลังจากที่ได้อุปสมบทแล้ว ท่านมีจิตมุ่งมั่นและเพลิดเพลินต่อรสพระธรรม หมั่นเพียรในการศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท รวมทั้งช่วยเหลือการพัฒนาวัด และญาติโยมที่มีความทุกข์-เดือดร้อน จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านดงคอน
    ต่อมา ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโคกดอกไม้ ได้ยึดหลัก พูดจริง ทำจริง ยึดความถูกต้องเป็นเกณฑ์
    ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ - สมณศักดิ์
    พ.ศ.๒๔๙๑ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดโคกดอกไม้ และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลดงคอน
    พ.ศ.๒๕๑๓ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
    ปัจจุบัน ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลดงคอน
    พ.ศ.๒๕๑๓ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ในราชทินนามที่ พระครูวิจิตรชยานุรักษ์
    พ.ศ.๒๕๑๙ ได้รับพะราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม
    พ.ศ.๒๕๓๐ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
    พ.ศ.๒๕๖๒ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๖๗ พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ (ชนิดสามัญยก) ในราชทินนามที่ พระมงคลวิจิตร
    ด้านการพัฒนาและสาธารณะ
    หลวงพ่อพร้าได้ตั้งใจพัฒนาวัดที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมจนรุ่งเรือง ท่านได้สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ บูรณะเจดีย์ สร้างซุ้มประตู ถนนภายในวัด สร้างสนามเด็กเล่น ศาลาประชาคมและบูรณะวัดที่มีฐานะด้อยกว่า อีกทั้งยังพัฒนารับอุปถัมถ์ในการสร้างโรงพยาบาลและพัฒนาชุมชนให้มีความเจริญ
    ด้านการศึกษา
    ด้วยปณิธานของหลวงพ่อพร้าที่ตั้งใจเอาไว้แต่ต้นว่า เมื่อได้บวชและได้เป็นเจ้าอาวาสจะสนับสนุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่มีฐานะยากจน ซึ่งท่านได้จัดตั้งกองทุนเอาไว้ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้มีโอกาสได้รับการศึกษา รวมทั้งพระภิกษุสามเณร ที่ขาดแคลน ท่านได้ส่งพระภิกษุสามเณรที่สนใจใฝ่การศึกษาเหล่านั้น ไปรับการศึกษาในกรุงเทพมหานคร บางรายประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมมากมาย โดยอาศัยปัจจัยจากกองทุนการศึกษาที่ท่านจัดตั้งขึ้น
    ด้านสาธารณสุข
    แต่เดิมชาวบ้านดงคอน ขาดแคลนแพทย์และสถานพยาบาลที่ทันสมัย ท่านได้ให้การสงเคราะห์ด้วยการนำเอาวิชาแพทย์แผนโบราณบำบัดโรคภัยไข้เจ็บให้กับญาติโยม ในระยะต่อมา ได้เป็นแกนนำในการก่อสร้างสถานีอนามัยขึ้นที่วัดโคกดอกไม้ เป็นสถานที่บริการทางการแพทย์แผนปัจจุบัน
    นอกจากนี้ หลวงพ่อพร้า ได้ให้ความสนใจศึกษาด้านวิทยาคม ค้นคว้าด้านปฏิบัติจิตภาวนา เพื่อให้จิตบังเกิดสมาธิและได้กราบฝากตัวเป็นศิษย์ต่อหลวงพ่อโต วัดวิหารทอง ซึ่งเป็นหลวงลุงของท่าน และได้รับความเมตตาถ่ายทอดวิชาให้จนหมดสิ้น หลวงพ่อโตยังให้ความเมตตาอุปถัมภ์ในการบูรณะวัดโคกดอกไม้ เป็นการช่วยเหลือพระหลานชายของท่านอีกทางหนึ่งด้วย
    และอีกท่านหนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระอาจารย์ที่ได้มอบสรรพวิชา ให้กับหลวงพ่อพร้ามากมายหลายด้าน คือ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท
    พุทธาคมอันเข้มขลังที่หลวงพ่อพร้าได้รับถ่ายทอดจาก ๒ พระอาจารย์ ภายหลังได้นำมาสงเคราะห์ให้กับญาติโยมที่ประสบความเดือดร้อน โดยเฉพาะตำรับน้ำมนต์อันเข้มขลัง ซึ่งท่านมิได้เรียกร้องอะไร เพียงแต่ขอค่าบูชาครูเพียงบาทเดียว จนได้รับการยกย่องและเรียกขานนามของท่านว่า หลวงพ่อพร้า เจ้าตำรับน้ำมนต์บาทเดียว
    สำหรับวัตถุมงคลของท่านที่มีประสบการณ์และกล่าวขานกันถึงพุทธคุณ ได้แก่ พระสมเด็จมหาลาภ รุ่นแรกปี ๒๕๑๒ และปี ๒๕๑๔ พระสมเด็จ ด้านหลังฝังข้าวสารดำ ๙ เม็ด รุ่นแรกปี ๒๕๑๔ รุ่น ๒ ปี ๒๕๓๐ ฝังข้าวสารดำ ๖ เม็ด และตะกรุดโทน
    อีกทั้งยังได้จัดสร้างวัตถุมงคลเป็นรุ่นที่ ๓ มีตะกรุดโทน เหรียญบาตรน้ำมนต์ เพื่อมอบให้กับเจ้าภาพกองผ้าป่า กองละ ๑,๒๕๐ บาท เป็นกองทุนในการก่อสร้างอาคารเรียน โรงเรียนชุมชนวัดโคกดอกไม้และยังจัดสร้างพระสมเด็จปรกโพธิ์ (โพธิ์แก้ว) หลังยันต์ตำรับหลวงพ่อกวย, พระสมเด็จหลังรูปเหมือน มีดหมอและจตุคามรามเทพ
    หลวงพ่อพร้า ได้ถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชรา ที่กุฏิวัดโคกดอกไม้ เมื่อเวลา ๑๗.๐๔ น. ของวันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ สิริอายุ ๙๖ ปี พรรษา ๗๖
    ขอขอบเจ้าของบทความ ขออนุญาตนำประวัติของหลวงพ่อพร้า นำมาเผยแผ่บารมร ขอคุณเจ้าของบทความจากอินเตอร์และ google
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนของขวัญหลววพ่อพรัา เนื้อผงพุทธคุณ ปี ๒๕๓๕ รุ่นประสบการณ์ ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อโต วัดวิหารทอง ซึ่งเป็นหลวงลุงของท่าน อีกทั้งยังเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ประสพการสูง วัดโคกดอกไม้ จ.ชัยนาท ให้บูชาคู่กัน ๒ องค์ 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    ชุดที่๒

    IMG_20240626_071534.jpg IMG_20240626_071602.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1718875594345-jpg.jpg
    ประวัติย่อ พระหลวงตาอภิชาตบุตร (หลวงปู่สุมา สจฺจวโร)
    หลวงปู่สุมา สฺจจวโร ท่านมีเมตตาสูงมาก ต่อลูกศิษย์ลูกหาทุกๆคน ไม่ถือตัว ไม่ชอบยศ ไม่ชอบตำแหน่ง ชอบสมถะ มักสันโดด ชอบช่วยเหลือชีวิตสรรพสัตว์ น้อยใหญ่ โดยเฉพาะมนุษย์เรา เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วย หลวงปู่บอกขอให้รู้ขอให้บอก หลวงปู่จะช่วยเหลือทุกวิถีทาง เพราะกว่าจะเกิดมาได้ จนเรียกว่าสัตว์ประเสริฐนี่แสนอยากลำบาก ไม่อยากให้ใครก็ตาม ต้องจบชีวิตลงโดยทางมืด อยากจะให้ไปทางสว่างๆกัน และอยากให้มีอายุยืนยาว นานๆ
    หลวงปู่สุมา ท่านยังแข็งแรงดีครับ แต่ต้องพูดเสียงดังๆหน่อย ท่านถึงจะได้ยินแม้ว่าท่านจะอายุมากแล้วก็ตาม ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.2469 ที่บ้านนาพู่ ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี อายุปัจจุบันร่วม 92 ปีแล้ว ส่วนพรรษานั้นที่ 70 พรรษา ไม่ธรรมดาครับ เพราะหลวงปู่บวชเมื่ออายุ 22 ปี ในปี พ.ศ.2491 ณ วัดมัชฌิมาวาส อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีพระเทพวิสุทธาจารย์ (หลวงปู่ดีเน๊าะ) เป็นพระอุปัชฌาย์ และก่อนหน้าท่านบรรพชาเป็นสามเณรมาก่อน เรียกได้ว่า จบวัยเรียนจากชั้นประถม ก็เข้าสู่ร่มกาสาวพัตร ถวายตัวเป็นศิษย์แห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดชีวิตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เลยที่เดียว
    เข้าวัดฟังธรรม ทำบุญตักบาตร สนทนาธรรมะกับหลวงพี่ที่วัดลำดวน(บ้านนาพู่)ตลอด จนรู้สึกชอบและอยากจะบวช จะขออนุญาตกับบิดา-มารดา บวชบรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งท่านก็อนุญาตด้วยดี
    จากนั้นก็ได้ร่ำเรียนวิชาธรรมะศึกษา-นักธรรมตรี-นักธรรมโท-นักธรรมเอก และเปรียญธรรม(ปธ.)ตามลำดับ และไม่ขอสึกสักที จนเข้าบวชเป็นพระภิกษุในเวลาต่อมา
    หลวงปู่สุมา สจฺจวโร ได้มีปฏิปทา ปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย อย่างเคร่งครัด สนใจเรียนวิชาทุกแขนง ทั้งสายวิทยาคม ได้แก่ หลวงปู่ทอง วัดโนนยาง จ.อุดรธานี หลวงพ่อพิบูลย์ วัดพระแท่น(บ้านแดง)จ.อุดรธานี พระปลัดหยุ่น วัดดงยวด จ.อุดรธานี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสายเหนียว คงกระพันชาตรี ของจังหวัดอุดรธานีทั้งนั้น เป็นต้น
    หลวงปู่หยุ่น พระเกจิผู้โด่งดังในอดีต ที่มีข่าวการปล้นจี้หมายจะฆ่าชิงทรัพย์สมบัติของวัด เมื่อราว 20-30 ปี ที่ผ่านมา แต่อาวุธโจรผู้ร้ายไม่ระคายผิวท่าน และมีอันต้องเป็นบ้าใบ้-เสียชีวิตไปในที่สุด ตลอดจนการรักษาให้ลดละเลิกเหล้า ได้ผลดีนักเป็นที่ทราบกันทั้งจังหวัดใกล้ไกล และรวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน
    อีก ทั้งพระในสายวิปัสนากรรมฐาน หลวงปู่สุมาแม้ท่านจะไม่ได้ฝากกายถวายเป็นศิษย์สายธรรมยุตินิกายโดยสมบูรณ์ แต่หลวงปู่ก็ได้ศึกษาร่ำเรียนวิชาวิปัสนากรรมฐานและอื่นๆจากครูบาอาจารย์แถบ ภาคอีสานมาพอสมควรกับการรู้และปฏิบัติเป็นอย่างดี อาทิ ลป.ชอบ ลป.เทสก์ ลป.หลุย ลป.อ่อน ลต.มหาบัว ลป.เหรียญ เป็นต้น ตลอดจนการใฝ่รู้ใฝ่เรียน วิชาเปรียญธรรม(ปธ.)จนได้รับการแต่งแตั้งเป็น พระครูผู้สอนวิชาธรรมศึกษา ให้แก่พระภิกษุสามเณร วัดลำดวน(นาพู่) วัดบ้านศรีบุญรื่อง วัดศรีจาน วัดบ้านเชียงหวาง
    หลวงปู่ได้พระสอนนักธรรม ที่วัดบ้านนาพู่ บ้านเชียงหวาง บ้านศรีจาน บ้านศรีบุญเรือง และเป็นผู้ก่อตั้งสร้างวัดป่าดอนนาวศรีสามัคคีธรรม ขึ้นในปี 2516 เพื่อให้เป็นสถานที่ที่กราบไหว้สักการะบูชา และเป็นที่ยึดเหนียวทางจิตใจสืบไป มาจนถึงทุกวันนี้
    #ที่มาจากเว็บพลังจิต

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


    เหรียญรุ่น 7"พิเศษ ๙๙๙"บูชาครูคณะศิษย์กรุงเทพสร้างถวายมีเนื้อทองแดงรมดำ และเนื้อกะหลั่ยเงินลงยา
    สร้างราว 2,000 เหรียญ
    ปัจจุบันหมดไปจากวัดแล้วประสบการณ์เรื่องแคล้วคลาด ตกที่สูง ตกต้นไม้ตกตึก ตกนั่งร้านไม่เป็นไร
    ให้บูชา 2 เหรียญคู่กัน 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ ชุดที่๒

    IMG_20240626_085011.jpg IMG_20240626_085033.jpg IMG_20240626_084943.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    6944240-3c791-1-jpg.jpg
    ครั้งหนึ่งหลวงปู่ชอบท่านพักอยู่ที่ผาแด่น ในเขต อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยพระเณรที่ตามขึ้นไปทำความเพียรบนยอดเขานั้น วันนั้นเป็นวันพระ จะต้องลงเขาไปร่วมอุโบสถ
    หลวงปู่ก็นำพระเดินลงมาจากผาแด่น พอไปถึงลำธาร ปรากฏว่าน้ำไหลแรงมาก เพราะเมื่อคืนฝนตกหนัก และได้ตกติดต่อกัน เป็นเวลานาน ทางเดินจากยอดเขา ที่จะผ่านลำธารนั้น ถูกตัดขาดด้วยกระแสน้ำ ไม่มีใครกล้าข้ามสักคน ด้วยน้ำไหลเชี่ยวและลำธารนั้นลึกมาก
    หลวงปู่ไปยืนพิจารณาอยู่ริมลำธาร เพียงอึดใจเดียว กระแสน้ำที่กำลังไหลเชี่ยว ก็พลันหยุดนิ่งในทันที ! ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงกันหมด ต่างก็คิดกันว่า เคยได้ยินเรื่องอัศจรรย์ของหลวงปู่มาก็มาก ไม่นึกว่าจะได้มาพบกับตาตัวเองก็คราวนี้ หลวงปู่ก้าวข้ามลำธารไปก่อน มองกลับมาเห็นศิษย์แต่ละคนกำลังอยู่ในอาการตกตะลึง
    6944240-3c791(1).jpg
    ท่านจึงเรียกให้ข้ามตามท่านมา บรรดาศิษย์ทั้งหลายก็พากันกลัวๆกล้าๆ กว่าจะได้สติกัน ก็เดินข้ามลำธารกันมาหมดทุกองค์แล้ว เมื่อพ้นมาเพียงอึดใจเดียว กระแสน้ำในลำธารที่หยุดนิ่งเมื่อสักครู่นี้ ก็เกิดไหลเชี่ยวกรากต่อไปดังเดิม มีพระไปกราบเรียนถามหลวงปู่ว่าทำอย่างไรจึงหยุดน้ำได้
    หลวงปู่ตอบว่า “ภาวนาไปก็รู้เอง ”
    -ประวัติ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม-
    ท่านเกิดเมื่อวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2444 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 3 ปีฉลู ณ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เป็นบุตรของนายมอ และ นางพิลา แก้วสุวรรณ แต่เดิมครอบครัวท่านอยู่อำเภอด่านซ้ายดินแดนอันศักดิ์สิทธ์แห่งพระธาตุศรีสองรักเนื่องจากตัวอำเภอด่านซ้ายอยู่กลางหุบเขาพื้นที่ราบมีไม่มากนัก ทำให้การทำมาหากินลำบากจึงได้พากันอพยพมาอยู่บ้านโคกมน
    บวชสามเณรเมื่ออายุ 19 ปี ณ วัดบ้านนาแก ตำบลบบ้านากลาง อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นสามเณรอยู่ถึง 4 ปีกว่า และได้อุปสมบทเมื่ออายุ 23 ปี วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2467 ณ วัดศรีธรรมาราม อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร โดยมีพระครูวิจิตรวิโสธนาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แดง เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ท่านเป็นศิษย์ท่านพระอาจารย์มั่น โปรดปรานมากที่สุด และเป็นพระอริยสงฆ์
    หลวงปู่ชอบมีการสร้างวัดไว้มากมาย เป็นสถานบำเพ็ญภาวนาปฏิบัติธรรมหลายจังหวัด อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ ศรีสะเกษ มุกดาหาร และประเทศลาว ที่วัดหลักกิโลที่ 136 เส้นทางไปเวียงจันทร์ วัดที่หลวงปู่สร่างขึ้นส่วนใหญ่ จะตั้งขึ้นเป็นป่าช้าหรือในป่าลึก
    สำหรับที่จังหวัดเลย หลวงปู่ชอบได้สร้างวัดจำนวนทั้งสิ้น 8 แห่ง คือ วัดป่าห้วยลาด วัดป่าบ้านบง วัดป่าสานตม วัดป่าม่วงไข่ (ปัจจุบันหลวงพ่อขันตี จำพรรษาอยู่) วัดป่าฐานสโม วัดปาโคกมนและวัดป่าสัมมานุสรณ์ ในสายพระธุดงค์กรรมฐานที่เป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นที่ยกย่องว่าหลวงปู่ชอบ ฐานสโมถือว่าเป็นศิษย์ที่สำคัญอีกรูปหนึ่ง ที่มีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญในด้านความเพียร มีนิสัยมักน้อย สันโดษ ชอบแสวงหาความวิเวกอยู่เป็นนิจ ข้อปฏิบัติและธรรมของหลวงปู่ชอบ เป็นที่ยอมรับจากบรรดาคณะศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั่วไป
    ที่มา : ที่มา : กำลังพุทธภูมิ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จหลวงปู่ชอบ เมตตา ๙๑ และ เมตตา ๙๓ ชุด ๒ องค์ บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    img_20240624_153236-jpg.jpg img_20240624_153254-jpg.jpg img_20240624_153221-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2024
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง
    1719411852923.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1719442374640.jpg
    หลวงปู่แฟ้ม อภิรโต
    และปฐมบูรพจารย์ในองค์หลวงปู่บุญส่ง
    ." พระวรพรตปัญญาจารย์ "
    หรือ #หลวงปู่แฟ้ม อภิรโต วัดป่าอรัญญิกาวาส จ.ชลบุรี พระผู้เป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ในองค์หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    ประวัติของหลวงปู่แฟ้มนั้น
    จะไม่ค่อยมีให้เห็นปรากฎกันมากนักในยุคปัจจุบัน ทำให้คนไม่ค่อยรู้จักท่าน

    หากแต่หลวงปู่บุญส่งท่านปรารภว่า
    พระอุปัชฌาย์ของท่านนั้น
    #เก่งจริง และ #เมตตาเป็นที่สุด
    สมัยก่อนแถบทางภาคตะวันออก
    ไม่มีใครไม่รู้จักหลวงปู่แฟ้ม
    ด้วยว่าท่านเป็นพระที่เก่งทั้งปริยัติและปฏิบัติ
    อีกทั้งยังเป็นศิษย์ของ
    "#พระเขมทัสสีชลธีสมานคุณ"
    วัดเขาบางทราย จ.ชลบุรี
    ผู้เป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับ
    #สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ สุขบท)แห่งวัดเทพศิรินทร์ฯ กทม.
    ซึ่งทั้งสองเป็นศิษย์เอกในองค์
    #เจ้าคุณเฒ่า แห่งวัดเขาบางทราย
    ปฐมบรมครูแห่งสำนักตักศิลาของภาคตะวันออก ที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของการปฏิบัติและพุทธเวทย์อย่างวัดเขาบางทราย
    และแม้ว่าหลวงปู่แฟ้ม
    ท่านจะเก่งปฏิบัติแต่ปริยัติท่านก็ไม่ได้ทิ้ง
    สมณศักดิ์สุดท้ายที่ท่านได้รับคือ
    #ท่านเจ้าคุณ ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี
    " พระดีไม่จำเป็นต้องดัง
    และพระดังบางทีอาจจะไม่ใช่พระที่ดี "
    พ่อแม่ครูอาจารย์หลายรูปท่านเคยกล่าวไว้ให้ฟัง
    สำหรับสมัยก่อนหลวงปู่แฟ้ม
    ท่านเป็นพระที่ดี และพระที่ดัง
    เป็นพระที่จริงจัง และปฏิบัติอย่างเข้มข้น
    แต่กระนั้นก็เมตตาเป็นที่สุด
    .
    .
    หลวงปู่บุญส่งบอกว่า
    หลวงปู่แฟ้มเมตตามาก ๆ
    มากถึงมากที่สุดเลยล่ะ
    .
    .
    จึงไม่ต้องสงสัยว่าแบบอย่างของการครองตนและโปรดสาธุชนด้วยความเมตตานำหน้านั้น หลวงปู่บุญส่งท่านได้ต้นแบบมากจากไหน

    หลวงปู่บุญส่งปรารภว่า
    หลวงปู่แฟ้มท่านปฏิบัติดีมาก เคร่งครัดมาก แต่เป็นที่น่าเสียเสียดายในภายหลัง
    ด้วยความที่ท่านเมตตาแก่สาธุชน
    ผู้กำลังตกทุกข์อย่างไม่มีประมาณ
    เวลาในการปฏิบัติของท่านจึงน้อยลง
    เพราะต้องออกสงเคราะห์ญาติโยมและโปรดศิษย์ ซึ่งส่วนใหญ่มาขอความเมตตาในเรื่องขอการสูตร
    #ยารักษาโรค
    เพราะหลวงปู่แฟ้มท่านเชี่ยวชาญทางด้าน
    #หมอยา ใครเจ็บป่วยอะไรมา
    ท่านสามารถสงเคราะห์ให้หายได้หมด
    จากปากต่อปาก จากหนึ่งไปสอง
    จนนานวันผู้คนก็หลั่งไหลกันมา
    ขอความเมตตาจากท่าน
    ตั้งแต่ "เช้ายันค่ำ" หน้าที่ของท่านคือ
    นั่งสงเคราะห์ลูกศิษย์ผู้กำลังตกทุกข์นั่นเอง
    แต่กระนั้น หลวงปู่แฟ้ม
    ท่านก็ได้ให้กำเนิดทายาท
    ผู้เป็นหน่อเนื้อแห่งองค์พระชินสีห์
    ที่เป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบขึ้นมาหลายรูป เป็นพระแท้ที่ควรค่าแก่การบูชา เป็นต้นว่า
    .
    #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    ซึ่งในปัจจุบันถือได้ว่า
    เป็นกำลังหลักแห่งวงศ์พระกรรมฐานในยุคปัจจุบัน
    หลวงปู่บุญส่ง
    จะรักและเคารพอุปัชฌาย์
    ของท่านเป็นอย่างมาก
    ท่านมักจะบอกว่า
    " สมัยก่อน เราไปไหนมาไหนได้
    ก็เพราะบารมีของอุปัชฌาย์ของเรานี่แหละ
    ทุกคนต่างเมตตา พอรู้ว่าเราเป็นศิษย์ของหลวงปู่แฟ้ม ท่านเป็นพระดี และดังสำหรับสมัยก่อน "
    และยังปรารภให้ฟังอีกว่า
    " หากยังอยู่กับหลวงปู่แฟ้ม
    ตอนนี้เราคงขึ้นเป็นเจ้าคุณไปแล้วล่ะ
    แต่เราดื้อ เราชอบความวิเวกมากกว่า
    ชอบการท่องเที่ยว ชอบการธุดงค์
    ถึงตอนหลังเราจะออกจากท่านแล้ว
    ท่านก็ยังเมตตาบอกเราว่า
    ไปไหนมาไหน หากท่องเที่ยวแล้วเกิดมีปัญหาอะไรก็ให้บอกไปว่าเป็นศิษย์ของอุปัชฌาย์แฟ้ม
    เนี่ยแหละเราเลยรอดมาจนถึงทุกวันนี้
    ก็เพราะบารมีของท่าน ... ท่านเป็นพระที่เมตตาเป็นที่สุด"
    สมัยนี้หลวงปู่แฟ้มอาจจะไม่ใช่พระดัง
    ในความรู้สึกของใครหลายคน
    แต่อย่างที่บอก
    #พระดี
    #บางครั้งบางทีก็ไม่จำเป็นต้องดังเสมอไป
    อย่างที่เขาบอกกันไว้
    "ความดังไม่คงที่ ความดีสิคงทน"
    น้อมกราบหลวงปู่แฟ้ม อภิรโต
    และ #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร ด้วยเศียรเกล้า

    #ประวัติ
    "พระวรพตปัญญาจารย์"
    หรือ #หลวงปู่แฟ้ม อภิรโต
    สถานะเดิมชื่อแฟ้ม นามสกุล งามทัพ
    บิดาชื่อ นายเที่ยง
    มารดาชื่อ นางเทียน
    สกุล งามทัพ
    เกิดที่บ้าน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
    เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ.๒๔๕๕
    มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๖ คน
    อุปสมบท ณ วัดอรัญญิกาวาส จ.ชลบุรี

    วันที่ ๒๘ มิถุนยา พ.ศ.๒๔๗๘
    โดยมี "พระเขมทัสสีชลธีสมานคุณ"
    วัดเขาบางทราย จ.ชลบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์
    หลวงปู่แฟ้ม ยึดหลักการปกครอง
    และปฏิบัติพระธรรมวินัย
    ตามรอยพระอาจารย์ของท่าน อาทิ
    .
    "พระเขมทัสสีชลธีสมานคุณ"
    หรือ #เจ้าคุณเขมฯ
    หลวงปู่สน
    หลวงปู่ชื่น
    และหลวงปู่เฮี้ยง
    ท่านเชี่ยวชาญในด้านโหราศาสตร์
    แพทย์แผนไทย
    และหลายท่านยังไม่รู้ว่าหลวงปู่แฟ้ม
    ผู้เป้นอาจารย์ของหลวงปู่บุญส่งนี่แหละ
    ที่เป็นผู้อยู้เบื้องหลังการสร้างพระปิดตาของหลวงปู่เฮี้ยง วัดป่าที่โด่งดัง
    ซึ่งได้ริเริ่มสร้างครั้งแรก
    เมื่อปลายปี 2484-2486 นั้น
    #หลวงปู่แฟ้ม อภิรโต รูปนี้แหละ
    ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังและเป็นผู้ดำเนินการสร้างทั้งสิ้น โดยใช้ผงต่างๆ ของ
    #หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์
    และ #หลวงพ่อเจียม วัดกำแพง
    เป็นมวลสารและปลุกเสกอธิษฐานจิต
    จนชื่อพระปิดตาของหลวงปู่เฮี้ยง วัดป่า
    กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานพระปิดตาเมืองชลที่ถูกเล่าขานตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
    "หลวงปู่แฟ้ม" และ "หลวงปู่เฮี้ยง"
    มีอายุห่างกัน 14 ปี โดยหลวงปู่แฟ้มเกิดปี 2455 ส่วนหลวงปุ่เฮี้ยงนั้นเกิดปี 2441
    แต่จริง ๆ แล้ว "หลวงปู่แฟ้ม ผู้เป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่บุญส่งนั้น ถือได้ว่า เป็นศิษย์รุ่นน้องหรือเป็นศิษย์ที่มีอุปัชฌาย์เดียวกันกับ "หลวงปู่เฮี้ยง"
    นั่นคือ "พระเขมทัสสีชลธีสมานคุณ" (เอี่ยม เมฆียเถร)หรือ #ท่านเจ้าคุณเขมฯ
    อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาบางทรายรูปที่ 2
    สำนักตักศิลาอันเลื่องชื่อในอดีต
    ของภาคตะวันออก
    ซึ่ง "ท่านเจ้าคุณเขมฯ" รูปนี้นั้น
    ถือได้ว่าเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    ที่ดีจริง และ เก่งจริง อีกรูปหนึ่งของเมืองชล
    โดยท่านเจ้าคุณเขมฯ
    ที่เป็นอุปัฌชาย์ของทั้ง
    หลวงปู่เฮี้ยงและหลวงปู่แฟ้ม
    (อาจารย์ของหลวงปู่บุญส่ง)รูปนี้นั้น
    ท่านเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกับ
    #สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ สุขบท) แห่งวัดเทพศิรินทร์ฯ กทม.
    สมเด็จพระราชาคณะ
    ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์แห่งองค์
    #เจ้าคุณนรฯ เนื้อนาบุญกลางกรุง
    ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    โดยทั้ง "เจ้าคุณเขมฯ"
    และ "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ สุขบท)" นั้นมีอุปัชฌาย์รูปเดียวกันคือ
    #ท่านเจ้าคุณเฒ่า
    หรือ #พระครูชลโธปมคุณมุนี (พุฒ)
    อดีตเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี
    พระมหาเถราจารย์นามอุโฆษในอดีต
    แห่งวัดเขาบางทราย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระปิดตาหลวงพ่อแฟ้มให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ

    IMG_20240627_053631.jpg IMG_20240627_053658.jpg IMG_20240627_053558.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2024
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1719449915973.jpg

    "หลวงพ่อสมควร วิชชาวิสาโล" เจ้าอาวาสวัดศรีสวรรค์สังฆาราม (วัดถือน้ำ) นามเดิม สมควร สุริยประภา เกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2459 ตรงกับวันเสาร์ แรม 11 ค่ำ ปีมะโรง ณ บ้านเลขที่ 42 หมู่ 5 ต.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา บิดาชื่อนายเซ็นแนน มาราดชื่อนางสุพันธ์ สุริยประภา
    บรรพชา และอุปสมบท เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2479 ณ อุโบสถวัดลำดวน ต.ในเมือง อ.พระตะบอง จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา หลังจากบรรพชา-อุปสมบทแล้ว ได้ศึกษาบาลี สอบได้นักธรรมโท และศึกษาปฏิบัติธรรมแล้วออกเดินธุดงค์นานกว่า 30 ปี ทั้งในประเทศกัมพูชาและประเทศไทย
    พ.ศ.2492 เป็นเจ้าอาวาสวัดสาละวัน จ.นครปฐม พ.ศ.2507 เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสวรรค์สังฆาราม สร้างโรงเรียนวัดศรีสวรรค์สังฆาราม สร้างโรงเรียนวัดเขาพระยาพายเรือ จ.อุทัยธานี บูรณะก่อสร้างวัดเขาหินเทิน จ.อุทัยธานี สร้างตึกสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลค่ายจิระประวัติ
    ท่านได้ ศึกษาพระธรรม คาถาอาคม และปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์คิมออม วัดโพนโด่ง พระอาจารย์ถังฮาย วัดจงโกรม ประเทศเวียดนาม ศึกษาคาถาอาคมจากพระครูแลน วัดมะถัก จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา และศึกษาการทำตะกรุด ผ้ายันต์กับพระอาจารย์ซิว วัดลำดวน ศึกษาการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับพระธรรมจริยาพฤติ เจ้าคณะจังหวัดพระตะบอง
    นอก จากนี้ยังได้ศึกษาปฏิบัติจิต ทำสมาธิและคาถาอาคมกับอีกหลายอาจารย์ในช่วงระหว่างเดินธุดงค์
    หลวง พ่อสมควรเดินทางเข้าประเทศไทย พ.ศ.2487 ออกเดินธุดงค์ไปทั่วประเทศไทยได้พบพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากมาย ได้ศึกษาแลกเปลี่ยนวิชาอาคมและเคยเรียนวิชากับหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้มากมายเพื่อแจกจ่ายให้ทหารไปรบ ให้ประชาชนไปบูชา สร้างเหรียญรุ่นแรกที่วัดสาละวัน ตะกรุด ราชสีห์งาช้าง
    วัตถุมงคลที่ มีผู้นิยมใช้และเกิดอภินิหารทั้งคงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม เช่น เหรียญรุ่นแรกรูปกงจักร เหรียญโสฬสมงคล
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จนฤภัยเสาร์ห้าปิดทองผสมเกษา และ เหรียญเสาร์ห้าหลังยันต์โสฬสมงคล ๒ องค์ ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240627_053725.jpg IMG_20240627_053748.jpg IMG_20240627_053816.jpg IMG_20240627_053838.jpg IMG_20240627_053901.jpg IMG_20240627_053948.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    index (3).jpeg

    เกจิอาจารย์ของอำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ซึ่งท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีผู้เคารพนับถือเลื่อมใสท่านมาก คือหลวงพ่อโต วัดวิหารทอง ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เข้มขลังในวิทยาคมมากรูปหนึ่งของจังหวัดชัยนาท
    วัดวิหารทอง ตั้งอยู่ที่ตำบลเที่ยงแท้ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท วัดอยู่ติดกับแม่น้ำน้อย อยู่ใกล้กับที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี เดิมเป็นวัดโบราณอยู่ในกำแพงเมืองสรรค์ ในสมัยอยุธยาตอนปลาย ต่อมากลายสภาพเป็นวัดร้าง ในสมัยรัชกาลที่ 5 ผู้ปกครองเมืองสรรค์ ชื่อหลวงวัง และนายสอน ได้นำวัวมาเลี้ยงในบริเวณนี้และพบองค์พระเจดีย์เก่าแก่ ภายหลังนายสอนได้บวช และมาจำพรรษาที่องค์พระเจดีย์ร้าง แล้วก็ได้ช่วยกันบูรณปฏิสังขรณ์จนเป็นวัดขึ้น และมีเจ้าอาวาสสืบต่อๆ กันมาจนถึงปัจจุบันนี้
    ประวัติหลวงพ่อโต ท่านเกิดที่ตำบลดงคอน อำเภอสรรคบุรี เมื่อปีพ.ศ.2401 โยมบิดาชื่อเงิน โยมมารดาชื่อปุ้น เมื่อท่านอายุได้ 7 ขวบ ได้บรรพชาเป็นสามเณร และเมื่ออายุได้ 20 ปีบริบูรณ์ ท่านจึงได้อุปสมบทที่วัดท่าทวน อำเภอสรรคบุรี โดยมีพระอุปัชฌาย์อ่วม เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออุปสมบทแล้วท่านได้เดินทางมาศึกษาบาลีสันกฤตที่วัดสามปลื้ม กทม. ต่อมาภายหลังจึงได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดวิหารทอง อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ระหว่างนี้ท่านก็ได้ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมกับ พระเกจิอาจารย์ดังในอดีตดังต่อไปนี้ อาทิเช่น พระอุปัชฌาย์อ่วม หลวงพ่อเฒ่า วัดค้างคาว หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลังจากที่หลวงพ่อเมฆ เจ้าอาวาสวัดวิหารทองมรณภาพ ชาวบ้านต่างพร้อมใจกันนิมนต์หลวงพ่อโต ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสสืบแทนต่อมา
    เมื่อท่านได้เป็นเจ้าอาวาสแล้วท่านก็ได้บูรณปฏิสังขรณ์ และพัฒนาวัดวิหารทอง และวัดอื่นๆ จนมีความเจริญรุ่งเรือง โดยท่านเป็นศูนย์รวมใจของชาวบ้านสร้าง มณฑปพระ พุทธบาทจำลอง วัดวิหารทอง ศาลาการ เปรียญวัดบ้านเชี่ยน สร้างพระอุโบสถ วิหาร หอประชุม ศาลาการเปรียญ วัดดงคอน ศาลาการเปรียญวัดสระแก้ว ศาลาการเปรียญวัดนก ศาลาการเปรียญวัดบางขุด ศาลาการเปรียญวัดท่าโบสถ์ ศาลาการเปรียญวัดมหาธาตุ ศาลาการเปรียญวัดกำแพง ศาลาการเปรียญวัดสระไม้แดง เป็นต้น
    ท่านได้ช่วยสร้างความเจริญให้แก่วัดต่างๆ มากมาย หลวงพ่อโต ท่านเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ มีตบะแก่กล้า พูดน้อย และมีวาจาสิทธิ์ เรื่องวาจาสิทธิ์ของท่านนั้นเป็นที่ทราบกันดีของชาวบ้าน
    ซึ่งก็มีเรื่องอยู่มากมาย เช่น มีชาวบ้านถูกโจรกระตุกสร้อยคอ แล้วมาบอกหลวงพ่อ ท่านบอกว่า "ไม่หาย มันเอาไปไม่ได้" ปรากฏว่าอีกสักพักใหญ่คนร้ายได้วิ่งเข้ามาในวัด และเอาสายสร้อยมาคืนเจ้าของ เข้าใจว่าคนร้ายไปไหนไม่ได้หรืองงงวยจนทำอะไรไม่ถูกจึงนำสร้อยกลับมาคืนที่ วัด
    อีกครั้งหนึ่ง ที่วัดโพธิ์ทองนิมนต์ท่านไปงานวัดโพธิ์ทอง เมื่องานเลิก ก็มีคนมาแจ้งกับหลวงพ่อว่าจักรยานหาย หลวงพ่อโตท่านก็ว่า "เดี๋ยวมันก็ขี่กลับมาเอง" และบอกให้ชายคนนั้นนั่งรอ ปรากฏว่าประมาณครึ่งชั่วโมง ขโมยได้ขี่จักรยานเข้ามาในวัด กรรมการวัดจึงจับตัวไว้ได้
    เรื่องไฟไหม้บ้านผู้ใหญ่โต๊ะ เนื่องจากวัดมีงานและชาวบ้านจุดตะไลแต่ ตะไลไม่ขึ้นกลับวิ่งข้ามแม่น้ำไปตกบนหลังคาบ้านผู้ใหญ่ ไฟไหม้โหมแรงมาก กำลังจะลามไปติดบ้านชาวบ้านอีกหลายหลัง กรรมการวัดรีบวิ่งไปบอกหลวงพ่อ ท่านจึงลงมาดู และท่านได้ใช้ผ้าแดงโบก 3 ครั้ง แล้วพูดว่า "เอาแต่หลังเดียว" ปรากฏว่าไฟค่อยๆ ดับลงโดยไม่ลามไปติดบ้านหลังอื่นๆ วันรุ่งขึ้นหลวงพ่อได้นำไม้สัก หลังคาไปให้ผู้ใหญ่สร้างบ้านใหม่
    หลวงพ่อโต วัดวิหารทอง ท่านได้สร้าง เครื่องรางของขลัง และ วัตถุมงคลไว้หลายอย่าง เช่น ตะกรุดผ้ายันต์ เสื้อยันต์มงคลแขน โดยท่านจะเขียนยันต์เป็นภาษาไทย ซึ่งต่างจากเกจิอาจารย์ท่านอื่นๆ การสร้างพระเครื่องนั้น ท่านก็ได้สร้างไว้ เช่น เหรียญพระพุทธปางลีลาเนื้อทองเหลืองมีหูในตัว พระพิมพ์เนื้อตะกั่ว ทั้งพิมพ์นั่งและยืน นอกจากนี้ยังมีเหรียญรุ่นแรกรุ่นเดียวเป็นรูปท่านครึ่งองค์ ปัจจุบันหาชมยาก หลวงพ่อโตท่านมรภาพเมื่อปีพ.ศ.2485 สิริอายุได้ 84 ปี พรรษาที่ 63
    หลวงพ่อโต ท่านเป็นพระที่มีใจคอเด็ดเดี่ยว สนใจในคาถาอาคมและวิปัสสนากรรมฐานมาก ท่านได้ไปศึกษาอาคมและวิปัสสนากับ หลวงพ่อเฒ่า แห่งวัดค้าง คาว ต.โพธิ์งาม หลวงพ่อเฒ่า แห่งวัดค้างคาวนี้ ได้ชื่อว่าเป็นผู้วิเศษแห่งเมืองสรรค์ ท่านเคยสร้างผ้าแดง ผืนใหญ่ ชาวบ้านเรียกว่า ผ้าอาฬารวะกะยักษ์ มีคุณวิเศษมาก มีสนน ราคาแพงมาก อาจแพงที่สุดในประเทศไทยก็ได้ ขนาดผ้าขาดๆ ยังมี คนแบ่งเช่าอักขระเป็นตัวๆ
    ท่านหลวงพ่อเฒ่า เป็นสหายทางธรรมกับหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า คนแก่ๆ เล่าว่าหลวงพ่อศุขเคยมาหา หลวงพ่อเฒ่าเป็นประจำ การมาก็มาในลักษณะแปลกๆ เช่น หายตัวมา ดำน้ำมาโผล่ที่วัดหลวงพ่อเฒ่าก็เคยมา
    เมื่อสิ้นบุญหลวงพ่อเฒ่าแล้ว หลวงพ่อโตได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เล่ากันว่าศิษย์ร่วมรุ่นของท่านมี 2 องค์ คือ หลวงพ่อคง วัดใหม่บำเพ็ญบุญ กับ หลวงพ่อปลื้ม วัดสังฆาราม ท่านทั้งสามองค์นี้ได้สร้างเหรียญรูปเหมือนองค์ละ 1 รุ่น มีสนนราคาเช่า หากันแพงตกเป็นหมื่นบาท คนอำเภอสรรคบุรีเคารพและภาคภูมิใจในหลวงพ่อทั้งสามองค์นี้มาก เรียกว่า รักองค์ไหนก็เล่นหากันได้เลย
    แต่ท่านหลวงพ่อโตท่านเขียนขอมไม่เป็น คือเขียนภาษาขอมไม่เป็น แต่จารตัวนะได้เป็นบางตัว เวลาท่าน ลงผ้ายันต์ เสื้อยันต์ ตะกรุด แหวนแขน ท่านจะเขียนเป็นภาษาไทยเลย เขียนด้วยหมึกจีน แถวบนท่านจะเขียนว่า นะโมพุทธายะ แถวล่างท่านจะหนุน ด้วยธาตุทั้ง 4 คือ นะมะพะทะ เขียนเป็นภาษาไทยเช่นกัน บางคนเห็นเสื้อยันต์ท่านแล้วหัวร่อไม่ศรัทธา แต่ก็แปลกดีถ้าใส่ไปไหนคนอ่านทุกที ท่านจะเขียนเพียง 9 ตัวเท่านี้
    นอกจากท่านจะเขียนขอมไม่เป็นแล้ว วัตถุมงคลของท่าน โจร, ทหาร และตำรวจ จะใช้ไม่ได้ คนที่ใช้วัตถุมงคลของท่านได้ คือคนทำมาหากินเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ราคาของวัตถุมงคลของท่านตกต่ำเลย ตรงกันข้ามเมื่อไม่มีสิทธิ์ใช้พวกเขากลับพยายามจะใช้ ราคาแพงกลับไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือของท่านหายากมาก คือหาคนปล่อยไม่ได้นั่นเอง โดยเฉพาะเหรียญรุ่นแรก
    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อโต เนื้ออัลปาก้า ไม่บอกชื่อของท่านและวัด ปัจจุบันเช่าหากันแพงมากครับเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อโต เนื้ออัลปาก้า ไม่บอกชื่อของท่านและวัด ปัจจุบันเช่าหากันแพงมาก
    หลวงพ่อโตท่านมีรูปร่างใหญ่โตสมชื่อ ผิวเนื้อค่อนข้างดำ ฉันหมากตลอดเวลา พูดน้อย เดินไวมาก รูปร่างคล้ายหลวงพ่อปากคลองมะขามเฒ่า สมัยที่หลวงพ่อปากคลองยังแข็งแรงอยู่ คล้ายกันมาก ตลอดจนการนั่งและสีผิว คือใหญ่โต ค่อนข้างดำ สมัยก่อนเวลาจะไปไหนต้องเดินไป ท่านเดินเร็วมาก ถ้าหากผ่านหมู่บ้าน ชาวบ้านจะตักน้ำใส่โอ่งไว้เป็นโอ่งๆ ทีเดียว แล้วนิมนต์ท่านทำน้ำมนต์ให้ ชาวบ้านก็จะตักเอาไปแบ่งกัน
    ท่านหลวงพ่อโตมีคุณวิเศษเหนือเกจิองค์อื่นอยู่อย่างหนึ่ง ท่านเป็นผู้ที่มีตบะแก่กล้า เท่าที่ได้ยินมาแล้วนำมาเปรียบเทียบ ท่านเป็นพระที่มีตบะแก่กล้าที่สุด เคยได้ยินและได้ฟังมา เวลาวัดมีงาน ในสมัยก่อน อำเภอสรรคบุรี แม้ตำรวจก็ไม่สามารถดูแลความเรียบร้อยในงานได้ มักจะมีการจี้ ลักขโมยกันเป็นประจำ อีกอย่างหนึ่งคือกำลังของตำรวจมีน้อยด้วย ทางวัดต่างๆ จึงต้องนิมนต์ท่านไปคุมงาน
    เวลาหลวงพ่อโตมา ท่านจะถือไม้อันหนึ่งเรียกว่า ไม้ขี้เตือก เป็นเศษไม้ไผ่ คนจะร้องบอกว่า หลวงพ่อโตมาแล้ว เท่านั้นแหละคนที่ยืนอยู่จะนั่งลงยกมือไหว้ท่าน ยกท่วมหัวเลย เกรงอำนาจท่าน กลัวท่านว่า กลัวจะเป็นไปตามปากท่าน เพราะท่านเป็นพระที่มีวาจาสิทธิ์ กลัวท่านเอาไม้เคาะหัว แล้วจะจัญไร อุปนิสัยเมื่อท่านมาแล้วต้องยกมือไหว้นี้ ติดจนเป็นนิสัย คนเก่าๆ เมื่อพูดถึงหลวงพ่อโต ต้องยกมือไหว้ก่อน จะมีน้ำตาคลอทุกครั้ง เช่น คุณลุงแล บ้านอยู่เดิมบาง เมื่อพบ พระพิมพ์หลวงพ่อโตครั้งไหนแกต้องยกมือไหว้ ถ้าถามถึงหลวงพ่อโตด้วยละก็ยกมือไหว้อยู่นั่นแหละ มีน้ำตาคลอทุกครั้ง ยิ่งพวกคนเมาแล้วเข้าไป ในวัดละก็ เวลาท่านมาแทบจะหายเมาทีเดียว ก้มกราบติดดินไม่ยอมเงย หน้าเลย
    บทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    วัตถุมงคลสร้างย้อนยุคหลวงพ่อโตวัดวิหารทองรูปหล่อและเหรียญเสมา ๒ องค์
    ได้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240627_101514.jpg IMG_20240627_101552.jpg IMG_20240627_101440.jpg IMG_20240627_101608.jpg IMG_20240627_101629.jpg IMG_20240627_101743.jpg IMG_20240627_101704.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1719482861541.jpg
    เหรียญหลวงปู่ เดินหน อิเกสาโร หลังหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ออกวัดมณีโสภณ จ.ลพบุรี ปีชวด 2539 จัดสร้างถวายโดยนายหล่อ มัสยานันท์ ผู้ที่เคยมีบันทึกว่าถ่ายภาพหลวงปู่เดินหน อิเกสาโรครับ( ผมแนบ credit ข้อมูลรูปถ่ายมาให้ด้วยครับ ศึกษาร่วมกันครับ)
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240627_165543.jpg IMG_20240627_165605.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2024
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1719491191090.jpg
    ประวัติหลวงปู่ล้อม สีลสังวโร วัดป่าเมตตาธรรม อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด
    พระครูวิมลสังวรคุณ หรือ หลวงปู่ล้อม สีลสํวโร
    เกิดเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ตรงกับวันศุกร์ แรม ๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง ณ หมู่บ้านโปโล ต.ดอนโอง อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด นามเดิมของท่านคือ บุญล้อม ทิพย์โชติ
    เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดศรีชุมชื่น ต.บ้านกอ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๐๕ โดยมีพระครูวชิรธรรมนิเทศ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสิริศรี โกศล
    เป็นพระกรรมวาจาจารย์พระอธิการคำไหล เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    สำเร็จเป็นพระภิกษุในเวลา ๑๓.๐๐ น. ได้รับฉายาว่า “สีลสํวโร”
    หลวงปู่ล้อม ศิษย์ของหลวงปู่ทองมาถาวโรหลวงปู่ทองมา ถาวโร วัดสว่างท่าสี จ.ร้อยเอ็ด อมตะอริยะสงฆ์ผู้ทรงอภิญญาแห่งลุ่มแม่น้ำชี อดีตเจ้าอาวาสวัดสว่างท่าสี ต.ท่าม่วง อ.เสลภูมิ ซึ่งได้รับสมญานามว่า "หลวงพ่อหมอยาเทวดา" ครั้งยังมีชีวิตท่านดังมากในเรื่อง "น้ำมนต์" มีความศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่ว่า เสกล้างหน้าเป็นสิริมงคล เสกน้ำมนต์แก้เสนียดจัญไรภัยพิบัตินานาทั้งปวง แก้ถูกกระทำย่ำยี ปราบผีสางนางไม้ ช่วยให้คลอดบุตรง่าย ฯลฯ และที่ขึ้นชื่อลือชาคือ การรักษาคนบ้าวิกลจริตหายเป็นปลิดทิ้ง ท่านจะอบรมสั่งสอนชาวบ้านให้ตั้งอยู่ในศีลธรรม ยึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    ศิษย์ที่เป็นบรรพชิตรูปหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงในปัจจุบัน คือ พระครูวิมลสังวรคุณ หรือ หลวงพ่อล้อม สีลสังวโร เจ้าอาวาสวัดป่าเมตตาธรรม อ.โพธิชัย จ.ร้อยเอ็ด โดยท่านได้ศึกษากรรมฐาน และคาถาอาคมจากหลวงปู่ทองมา ทั้งนี้หลวงพ่อล้อมให้ความเคารพนับถือประดุจดังบิดามารดา โดยท่านได้ทำหน้าที่แห่งความเป็นศิษย์อย่างดีเยี่ยม
    ส่วนความรู้ทางธรรมนั้น หลวงพ่อสอบได้นักธรรมชั้นเอก เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๑ ณ วัดเวฬุวัน สำนักเรียน จ.ร้อยเอ็ด และสอบได้ประโยค ๑-๒ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๕ จากวัดสาลาวดี สำนักเรียน จ.ร้อยเอ็ด นอกจานี้ท่านยังศึกษา อักษรขอม อักษรไทยน้อย การเขียนแบบแปลนงานก่อสร้าง และสิ่งที่หลวงพ่อชอบมากรวมทั้งมีความชำนาญเป็นพิเศษ คือ นวกรรม การเขียนอักษณธรรม
    เมื่อหลวงพ่อล้อมได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้ดำเนินรอยตามรอยหลวงปู่ทองอย่างงดงาม สร้างทั้งศาสนวัตถุ และศาสนทายาทไว้มากมาย จนทำให้หลวงพ่อเป็นที่รู้จัก และเป็นที่นับถือของศิษยานุศิษย์ทั้งในและต่างประเทศ สำหรับการจัดสร้างวัตถุมงคลนั้น ท่านเริ่มสร้างตะกรุดมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๖ เมื่อครั้งยังเป็นเจ้าอาวาสใหม่ๆ จากนั้นก็สร้างเรื่อยมา โดยท่านจะสร้างเองทั้งหมด เพื่อนำปัจจัยที่ได้มาสร้างพัฒนาปรับปรุงวัด รวมทั้งกิจทางด้านการสงเคราะห์อย่างที่เห็น
    เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๔ ท่านได้นำญาติโยมสร้างถาวรวัตถุในวัดทั้งหมด เช่น อุโบสถ พระเจดีย์ศรีเมตตา ศาลาการเปรียญ กุฏิกัมมัฏฐาน ศาลาอเนกประสงค์ รวมทั้งรักษาสภาพป่าให้สมกับคำว่า "วัดป่า" เหมาะเป็นที่สัปปายะแก่การปฏิบัติธรรม ขณะเดียวกันท่านได้สร้างองค์เทพตามคติความเชื่อคนของไทยไว้หลายองค์ เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจได้กราบไหว้ขอพรโดยไม่ต้องเดินทางไกล ภายในวัดมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อยูองค์หนึ่ง คือ พระพุทธรูปเสี่ยงทาย โดยการอธิษฐานให้หนักและเบาได้
    นอกจากนี้แล้วหลวงพ่อล้อมยังให้ความสำคัญในเรื่องการศึกษาของพระภิกษุสามเณรในวัดเป็นอย่างมาก แม้ที่วัดจะไม่ได้เป็นสำนักเรียนแต่ท่านก็ได้ส่งพระเณรไปเรียนตามสำนักเรียนต่างๆ โดยเป็นธุระนำไปฝากถึงที่ทั้งวัดในต่างจังหวัด และวัดในกรุงเทพฯ ทั้งนี้หลวงพ่อจะพูดกับลูกศิษย์เสมอๆ ว่า "ถ้าเราไม่มีวิชาความรู้ก็เหมือนคนตาบอดที่ไม่รู้ทางเดิน เป็นชีวิตที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย ไร้แสงส่วางนำทาง ขาดเข็มทิศชี้ทาง"
    หลวงพ่อล้อมจะสอนลูกศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่า ให้ขยันพากเพียรในการศึกษา ดังนั้นศิษย์ของท่านจึงได้ดีแล้วก้าวหน้า ทั้งนี้หลวงพ่อไม่เคยกล่าวอ้างถึงบุญคุณกับลูกศิษย์เหล่านั้นเลย ท่านได้ตั้งอยู่ในพรหมวิหาร ๔ อย่างดีเยี่ยม นั่นคือ มีเมตตารักใคร่ศิษย์ทุกคน มีกรุณาสงสารศิษย์ที่ช่วยตัวเองไม่ได้ มีมุฑิตากับศิษย์ที่ได้ดีมีความเจริญก้าวหน้า และมีอุเบกขาวางเฉยต่อเหตุการณ์ที่ดีและร้าย มุ่งหาทางแก้ด้วยปัญญาให้เหตุร้ายกลายเป็นดี
    สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันในเรื่องความรู้ ความสามารถ และผลงาน คือ เกียรติประวัติที่หน่วยงานและสถาบันต่างๆ มอบให้ เช่น พ.ศ.๒๕๔๑ ได้โล่วัดพัฒนาตัวอย่าง จากกรมการศาสนา พ.ศ.๒๕๕๓ ได้รับโล่-พัด-ย่าม วัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น จากกรมการศาสนา และ เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๔ หลวงพ่อล้อมได้รับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักรทองคำ สาขาสงเคราะห์ประชาชน จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดฯ สยามบรมราชกุมารี
    "อาตมาสร้างโลงศพไว้ใส่ตัวเอง เขาเรียกว่า เตรียมตัวตายก่อนตายจริง เมื่อถึงเวลาจะไม่ได้เป็นภาระต่อญาติโยม ปีนี้อายุมากถึง ๗๒ ปี ซึ่งจะมีการทำบุญครบ ๖ รอบ ในเดือนพฤษภาคม ชีวิตยิ่งใกล้ความตายมากยิ่งขึ้น การได้เห็นโลงทำให้เราคิดถึงความตายมากยิ่งขึ้น เป็นกรรมฐานอย่างหนึ่ง ไม่ยึดติด ยึดมั่น ถือมั่น ไม่ได้ใช้เตือนสติตัวเองอย่างเดียว หากยังใช้เตือนสติญาติโยมด้วย คนที่อายุยังน้อยมักคิดว่าอีกนานถึงจะตาย แต่แท้ที่จริงแล้วความตายกับการมีชีวิตอยู่เป็นเส้นขนานกัน เมื่ออาตมาตายก็ให้สวดและเผาตามประเพณีอีสาน ไม่ต้องเก็บไว้เป็นภาระกับคนรุ่นหลัง" นี่เป็นเหตุผลการทำโลงศพไว้ใส่ตัวเองของหลวงพ่อล้อม ซึ่งท่านได้สั่งทำและมาตั้งไว้ที่วัดมา ๑ ปีแล้ว
    สำหรับชาติภูมิของหลวงพ่อล้อมนั้น ชื่อและสกุลเดิมของท่าน คือ "บุญล้อม ทิพย์โชติ" เกิดวันศุกร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๕ ณ บ้านเลขที่ ๓๔ หมู่ ๗ ต.ดอนโอง อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๕ ณ อุโบสถวัดศรีชมชื่น ต.อ้อมกอ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี โดยมีพระครูวชิรธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดศรีชมชื่นเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสิริโกศล วัดศรีชมชื่น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอธิการคำไหล วัดเวฬุวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วได้รับฉายาว่า "สีลสํวโร" แปลว่า "ผู้มีศีลอันสำรวมดีแล้ว ผู้มีศีลอันประเสริฐ หรือ ผู้สำรวมด้วยศีล"
    พระหมอยาผู้ชี้ทางให้เลิกยาเสพติด
    ทุกๆ วันจะมีญาติโยมจากจังหวัดต่างๆ นำลูกหลานมาเลิกยาเสพติด เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ หลวงพ่อล้อมก็เมตตาให้ความสงเคราะห์แก่ทุกคน บางวันก็ไม่ได้พักผ่อนเลย มีอยู่บ่อยๆ ที่ญาติโยมมาปลุกตอนกลางดึก เพื่อขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อ
    ในการรักษาผู้ติดตาเสพติดทุกชนิด หลวงพ่อล้อมจะให้กินยาสมุนไพร ๑ แก้ว สำหรับผู้ติดบุหรี่ ยาบ้า กาว ทินเนอร์ ยากล่อมประสาทต่างๆ เมื่อผู้มาเลิกยาเสพติดออกไปจากวัดป่าเมตตาธรรมแล้ว ผู้เสพยาเสพติดที่ได้กินยาสมุนไพรไป ๑ อาทิตย์ ผู้นั้นจะถูกหรือได้กลิ่นยาเสพติดชนิดนั้นๆ ไม่ได้เลย จะมีอาการเหม็นยาชนิดนั้นๆ อย่างรุนแรง จะไม่มีอาการอยากยาเสพติดชนิดนั้นๆ อีกเลย
    ขณะเดียวกัน หลวงพ่อล้อมยังรักษาผู้ที่มีอาการปวดเอว แข้ง ขา ปวดเมื่อยตามร่างกาย ช่วยแผ่เมตตาให้ผู้ที่ค้าขายไม่ค่อยดี รวมทั้งรักษาคุณไสยมนต์ดำต่างๆ ตลอดจนให้ฤกษ์ในงานมงคลพิธีต่างๆ ตามหลักโหราศาสตร์ เพื่ออนุเคราะห์ญาติโยมให้ดำเนินชีวิตอย่างมีความสงบสุข
    หลวงพ่อล้อมบอกว่า เรื่องสมุนไพร หรือยาไทยนั้น ในเบื้องต้นหลวงพ่อล้อมไม่ได้สนใจมากนัก แต่เมื่อมีอายุมากขึ้น ชีวิตได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก มองเห็นความเป็นอนิจจังของชีวิตตนเองและญาติโยม หลวงพ่ออยากช่วยให้ญาติโยมหายเจ็บป่วย จึงได้มุ่งศึกษาสมุนไพรไทยจากหมอยาไทย จนถือได้ว่ามีความรู้ความสามารถในการรักษาชาวบ้าน ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นปราชญ์ผู้ทรงวิทยาการด้านสมุนไพรระดับหนึ่ง
    ท่านใดอยากเลิกยาเสพติดทุกชนิด สามารถมารักษาให้หายขาดได้ ซึ่งที่ผ่านมากว่า ๙๐% มารักษาแล้วหายขาดอย่างน่าอัศจรรย์ใจ โดยใช้ทั้งยาสมุนไพร คาถา รวมทั้งการตั้งสัจจะ โดยท่านรักษามาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๒ มีผู้เข้ามารักษากว่าหมื่นคน สาธุ...
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อล้อมวัดป่าเมตตาธรรมให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240627_165714.jpg IMG_20240627_165736.jpg
     
  15. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,920
    ค่าพลัง:
    +6,837
    ขอจองครับ
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้จัดส่ง

    1719499996038.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1719532354296.jpg

    ประวัติ หลวงปู่ พระครูแป๋ว (พระครูปัญญาวิมล) ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบล เป็น พระอุปัชฌาย์ อายุ ๘๕ปี บวชตั้งแต่ อายุ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ กับพระราชสิงหมุนี พระครูรัตนาธาร(หลวงพ่อเยื้อน)
    พรรษาแรก "หลวงพ่อแป๋ว" อยู่กับหลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ร่ำเรียนวิชา ทำตะกรุด ต่อมา ไปเรียนกับหลวงพ่อกวย สักหนุมาน แผลงฤทธิ์ สักธนูมือ สักมงกุฎพระเจ้า (หลังเหรียญรุ่นแรก) ป้อนน้ำมันงาให้ท่านรูปเดียว ตั้งแต่ปี 2498 หลวงพ่อกวยเอ่ยปากยอมรับว่า "อื้อใช้ได้ใช้ได้ทำเหมือนหลวงพ่อแล้วนี่" ปกติหลวงพ่อกวยไม่ยอมรับใครง่ายๆ
    ต่อมาไปหา "หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์" ศิษย์ "หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์" เรียกหลวงพ่อทองว่า "พ่อ" ปี 2513
    ปี 2517 หลวงพ่อกวยมาเสกพระให้ถึงโบสถ์วัดดาวเรือง หลวงพ่อกวยบอกว่า "ให้พระครูทำบ่อยๆ ทำทุกวันทั้งยืนเดินนั่งนอนกรรมฐานอย่าทิ้ง เมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป ทำได้ขลังเหมือนข้าฯ ” ถึงวันนั้น พระครูแป๋วไม่เป็นสองรองใคร
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงทุกๆท่านครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อแป๋ววัดดาวเรืองปี 2538 สร้างสะพาน 2 องค์กล่องเดิมจากวัด ให้บูชา 230 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240628_064925.jpg IMG_20240628_064951.jpg IMG_20240628_065008.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87-jpg.jpg ตะกรุดน้องแมวนี้ถือเป็นวัตถุมงคลที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งขององค์หลวงปู่ ตะกรุดสร้างจากรกแมวแห้งแท้ๆ ผสมกับผงมวลสาร เกศาจีวรหลวงปู่ แผ่นจารยันต์ พอกด้วยครั่งหรือวัสดุอื่นๆที่ใช้สำหรับอุดล็อคเก็ต ปั้นเป็นตะกรุดและถักเชือก ดังนั้นตระกรุดนี้จึงไม่ควรที่จะใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง หรือวางไว้ในที่ไม่สมควร เพราะไม่ใช่เป็นแค่เพียงเครื่องราง แต่ได้ผสมเกศาจีวรของหลวงปู่เข้าไปด้วย
    ตะกรุดนี้ได้รับการอธิษฐานจิตจากพระอริยเจ้า ด้วยความเมตตาที่จะให้ลูกศิษย์มีความคล่องตัว เจริญก้าวหน้าในการงาน โดดเด่นมากทางเมตตามหานิยม เมตตาค้าขาย เป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้าง และยังสามารถคุ้มครองป้องกันภัยได้ตามแต่จะอธิษฐานเอา
    หลวงปู่ไม อินทสิริ พ่อแม่ครูอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ศิษย์ของหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ องค์ท่านมีบารมีเกี่ยวข้องกับองค์พระอุปคุต ท่านเทศน์ว่าท่านบวชป็นเณรและเป็นไข้ป่าสิ้นในสมัยพระอุปคุต วัตถุมงคลของหลวงปู่มีพุทธคุณทั้งเมตตาและมหาปราบ ดังเช่นบารมีแห่งองค์พระอุปคุต คือทั้งมหาลาภ และ ทรงฤทธิ์ปราบมาร ประสบการ์เรื่องกันผี ไล่ผี มีอยู่มากมาย สมัยก่อนท่านว่า หากผีเข้าให้นำรูปถ่ายท่านอธิษฐาน ใช้ไล่ผีได้

    ประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดนั้นก็มีอยูมากมาย เมื่อเสร็จจากเทศนาแล้วหากมีเวลา หลวงปู่มักจะเล่าเรื่องที่ลูกศิษย์ที่ห้อยเหรียญท่านแล้วแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุให้ฟังอยู่หลายครั้ง
    หลวงปู่ท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ไว้ว่า เมื่อก่อนเราเป็นพวกไม่ชอบวัตถุมงคลนะ ไม่ชอบเลยของพวกนี้ แต่ทีนี้มันมีเหตุให้ต้องทำ คือชาวบ้านเขาเดือนร้อนมีผีเข้าปอบเข้า ก็เลยต้องทำของพวกนี้เพื่อช่วยเหลือสงเคราะห์เขา เลยเป็นเหตุให้ได้ทำของพวกนี้

    "ของหลวงตาไมมีรัศมีแสงออกมาเป็นเจ็ดสี"
    หลวงตาสมหมายกล่าวถึงหลวงตาไมในงานพุทธาภิเศกที่กรุงเทพท่านได้รับนิมนต์ไปด้วยกัน แล้วหลวงตาเข้าสมาธิอธิฐานจิตเห็นแสงจากหลวงตาไมมากองวัตถุมงคล ลูกศิษย์ถามถึงองค์อื่นที่มาในงานว่าเป็นไงท่านก็ไม่ตอบ ถามว่าของหลวงตาละเป็นไง หลวงตาก็ยิ้ม
    หลวงปู่ไม อินทสิริ พ่อแม่ครูอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ศิษย์ของหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ องค์ท่านมีบารมีเกี่ยวข้องกับองค์พระอุปคุต ท่านเทศน์ว่าท่านบวชป็นเณรและเป็นไข้ป่าสิ้นในสมัยพระอุปคุต วัตถุมงคลของหลวงปู่มีพุทธคุณทั้งเมตตาและมหาปราบ ดังเช่นบารมีแห่งองค์พระอุปคุต คือทั้งมหาลาภ และ ทรงฤทธิ์ปราบมาร ประสบการ์เรื่องกันผี ไล่ผี มีอยู่มากมาย สมัยก่อนท่านว่า หากผีเข้าให้นำรูปถ่ายท่านอธิษฐาน ใช้ไล่ผีได้
    หลวงตาสมหมายกล่าวถึงหลวงตาไมในงานพุทธาภิเศกที่กรุงเทพท่านได้รับนิมนต์ไปด้วยกัน แล้วหลวงตาเข้าสมาธิอธิฐานจิตเห็นแสงจากหลวงตาไมมากองวัตถุมงคล ลูกศิษย์ถามถึงองค์อื่นที่มาในงานว่าเป็นไงท่านก็ไม่ตอบ ถามว่าของหลวงตาละเป็นไง หลวงตาก็ยิ้ม
    "สมัยนี้ที่สามารถเห็น ผี เห็นเทวดาพวกกายละเอียด ได้จริงๆมีไม่มากอุปทานกันเป็นส่วนมาก แต่ที่เห็นได้จริงๆก็มีหลวงตาไมนี้ละ" หลวงตาสมหมายกล่าวถึงหลวงตาไม ถึงเรื่องเห็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็น

    ขอบคุณที่มา: จากกระทู้ ช้างเผือกในป่าอีสาน อภิญญาหลวงตาสมหมาย วัดป่าสันติกาวาส อุดรธานี
    ถามถึงองค์อื่นที่มาในงานว่าเป็นไงท่านก็ไม่ตอบ ถามว่าของหลวงตาละเป็นไง หลวงตาก็ยิ้ม
    "สมัยนี้ที่สามารถเห็น ผี เห็นเทวดาพวกกายละเอียด ได้จริงๆมีไม่มากอุปทานกันเป็นส่วนมาก แต่ที่เห็นได้จริงๆก็มีหลวงตาไมนี้ละ" หลวงตาสมหมายกล่าวถึงหลวงตาไม ถึงเรื่องเห็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ตะกรุดรกแมวหลวงพ่อไม อินทสิริวัดป่าเขาภูหลวง ดอกนี้ไม่ได้ถักหุ้มนะครับผมได้มาตอนทำบุญค่ารักษาพระอาพาธ
    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทครับ
    ถ่ายภาพให้ดูทั้ง 2 ด้าน
    img_20221028_165644-jpg.jpg img_20221028_165702-jpg.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,719
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง
    1719655595811.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  20. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +224
    จองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...