ขอค้าน หลวงพ่อเกษม อาจิณสีโล

เราได้ยินมาอย่างนี้

"การเบิกบุญมาจ่าย
ให้ทำวันละพันละหมื่นรอบ
ยิ่งคนไหนที่มีปัญหาติดหนักมาเท่าไหร่
ยิ่งต้องรีบเบิกมาจ่ายให้มากเท่านั้น
จึงจะเจริญ ไม่ใช่ทำวันละสิบรอบสามสิบรอบ
แล้วก็มาบ่นว่าไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น
อู้ย...ทุเรศนะคนแบบนี้.."

การส่งจิตปราถนาดีไปยังสรรพสัตว์ตลอดตื่นนั้นไม่ใช่ของใหม่
หากแต่เป็นการเจริญเมตตาแผ่ออกไป ซึ่งมีฤทธิ์ทางใจ
แต่เจ้าของประโยคข้างต้น นำมาสอนผิดวิธี ซึ่งไม่อยู่ในข่ายพุทธศาสนา
เป็นไปเพื่อความงมงาย มืดบอด ไม่รู้แจ้งอริยะ
พวกที่ติดโอนบุญนั้น มิได้แผ่ออกไปด้วยเมตตาที่แท้จริง
แต่เป็นไปเพื่อเข้าตัว หวังลาภยศให้เทวดาช่วยหนุน
หวังเจ้ากรรมนายเวรเปิดช่องทำมาหากินให้
แทนที่จะพึ่งศีล สมาธิ ปัญญา กลับไปยึดเทวดาประจำรถ เชื้อโรคประจำส้วม
อย่างนี้ อัตตากิเลสในตัวยังเกาะแน่น

 

อ้อขอปิดท้ายนะ ไปหาท่านเราต้องถามตัวเราเองว่าไปหาทำไมไปเพื่ออะไร ไปแล้วได้อะไร แต่ที่ผมฟังและได้อ่าน ส่วนมาไปถามเรื่องไม่เป็นเรื่อง จริตท่านเป็นอย่างนั้นเองคับ มีกิเลสอะไรก็เอาออกมาหมดไม่มีเก็บ ไม่เหมือนบางคนชอบหลอกตัวเอง มันก็น่าแปลกนะคนส่วนมากเอาบุญมาร่วมกับกุศลทั้งที่จริงมันคนละตัวกัน ไปหาท่านนะขอให้ไปถามเรื่องธรรม ก็จะได้ธรรม ถามเรื่องของทางโลกก็จะได้ทางโลก อย่าไปด่าว่าท่านวิบากกรรมมันมีนะคับผมขอให้หยุดว่าท่าน ส่วนตัวไม่เคยเจอท่าน แต่รู้ว่าท่านได้ธรรมระดับไหน อ่านกระทู้ด้านบนของผมแล้วจะรู้ บายคับ....

 

ผมไม่เคืองหรอก ครับ ส่วนเรื่องหลวงพ่อเกษม ผมก็ไม่เคืองอะไรกับท่าน
แต่ เราก็พูดไปตามที่เราเห็น เราไม่ได้ไปพยาบาทท่าน

มีคนออกมาพูดเรื่องหลวงพ่อเกษมมากมาย ไม่ใช่แตเฉพาะผมนะครับ
มีพระมากมายที่ออกมาพูด แต่ท่านเหล่านั้น ท่านไม่อยากจะให้มันเกิดความแตกแยก ท่านก็ไม่ออกตัวพูดมาก

ผมก็ออกมาพูดให้ข้อมูล ส่วนคนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เลือกที่จะเชื่อใคร ก็ไม่มีใครห้ามได้นี่

การอุทิศบุญ ผมก็ทำเป็นประจำ แต่ไม่เคยสอนใครให้ ปรุงเพิ่มไป
อุทิศก็คืออุทิศ มันเป็นแค่คำพูด และใจที่ระลึกถึง
แต่ใครจะพูดว่า โอนบุญ ต้องเวลาเท่านั้นเท่านี หรือมีหลักเกณฑ์ อย่างนั้นอย่างนี้ นี่ก็เพื่ออวดอ้างในทีอยู่แล้วว่าคนอื่นไม่รู้วิชานี้ ท่านรู้ของท่านคนเดียว ท่านเหนือกว่าผุ้อื่น

การกระทำบ่งบอกถึงเจตนานะครับ

แต่เรื่องการอุทิศบุญ หรือ โอนบุญจะว่าไปมันก็เหมือนกันนั่นแหละ มันก็ดีใครทำมันก็ดี เพราะจิตเรามันก็อภัย รวมทั้งมีจิตคิดให้ผุ้อื่น

แต่ มีหลายเรื่องที่เป็นปฏิรูปมากเกินกว่าที่มันควรจะเป็น มันก็ต้องตำหนิ
ก็เป็นเรื่องปกติครับ

นี่เรื่องมันเป็นแบบนี้

 

ในสมัยพุทธกาล ก็มีพระพุทธองค์เรียกพระอรหันต์
ไป เพื่อไตร่ถามการเทศนา เมื่อเทศน์แล้วหมิ่นเหม่
ที่จะพาออกนอกทาง ท่านก็ติติงให้เทศน์ใหม่ แก้ใหม่


ก็ถ้าประเด็นนี้ ทั้งสองฝ่ายคุยกันตรงๆ จะดี
เพราะทั้งคู่ได้แก้ต่างได้ แต่หากมีคุยฝ่ายเดียว
อีกฝ่ายไม่ทราบจะแก้ต่างอย่างไร


จำเลยขาด คงเปิดศาลไม่ได้ครับ

 

วันเปิดกระทู้ 27-02-2008, 10:38 AM

กี่วันและครับ เนี่ย

 

เชิญครับ....ก็นี้ละตามผมเห็น

 

เป็นเรื่องแปลกมากครับ พิศดารธัมจริงๆครับ

 

ใช่มันเป็นเรื่อง...ที่น่าคิด

 

ซูเนโอะว่าเป็นสีลพรตปรามาสนะครับ
ยังหลงบุญ ไหว้เทวดา
หาศรัทรากับฝูงชน อวิชายังดองอย่างนี้ นี่ก็สักกายทิฎฐิ
วิจิกิจฉา ก็มี คือยังเคลือบแคลงในพุทธศาสนา
สังโยชน์ยังครบดีครับ

 

ไม่ไม่ผมคิดว่าท่านต้องมีในยะสำคัญ.......แน้นอ

 

พระที่ท่านพูดแล้วมีนัยยะ จะต้องเป็นของง่ายๆ แต่กินนัยยะมาก
ไม่ใช่ พูดเรื่องยากๆ ที่คนไม่มีทางเห็น ให้เป็นนัยยะ

 

แจ่มครับ ท่านนักรบผู้แกล้วกล้า ผมนับถือท่านเจ้าของกระทู้นะครับ

กระทู้นี้ ใบเหลืองใบแดง อยู่ในกระเป๋ากุงเกง ผมไม่อนุญาตให้แจก

คุยต่อครับ คุยต่อ

ปล่อยผ่าน

 

พระอริยะท่านไม่เอาอะไรแล้วครับ
ญาติโยมเดินทางมา ท่านก็มีแต่ธรรมะให้ไป
อะไรที่เป็นสัมมาทิฎฐฺท่านก็ชี้ไปตรงๆเลย ไม่ต้องมาเกรงใจกัน
จะดูว่าพระรูปใดมีคุณธรรมหรือไม่
ก็ให้เอาสังโยชน์สาม คุณธรรมของพระอริยะเบื้องต้นนี่แหละมาดูเลย
ขาดข้อใดข้อหนึ่งก็ไม่ได้นะ

กรณีจำแนกบุญ ให้ เทวดา เปรต เชื้อโรคนั้น คิดเอาเองนะ
พระพุทธเจ้า ท่านสอนให้พึ่งตนเอง ไม่ไหว้ผี ไหว้ต้นไม้

 

แจ่มครับ ท่านซูเนโอะพูดถูก แต่ระวังไจแอ้นท์นะครับ

ผมเองแหล่ะ ฮ๋าๆๆๆๆ

 

ผมว่าคำว่านัยยะคือ มันคงเหมือนเลขนัยยะทางฟิสิกส์มันครับ....มันมีอยู่ในคำตอบของมันโดยไม่ต้องแสวงหาหรือแสดงวิธีทำ

 

ก็ไม่ได้มองธรรมข้างเดียวนะครับ ก็พิจารณาคำตอบท่านทั้งหลายแล้วก็พิจารณาไปด้วย

 

ยังไงก็แปลกครับ ให้เอาพระพุทธรูปมาทิ้งวัด แล้วให้ไปกรามเทวดา

ก็แปลว่า ให้เอาเทวรูปเข้าบ้าน แทน

โอม.......

เห็นไหมครับ ว่า นัยยะ มีพร่อง

 

ศึกษาคำสอนของท่านจริงๆ ก่อน อย่าเอาแต่ฟังจากวิจารณ์ของคนอื่น
แล้วค่อยมาวิพากษ์

 

หากในกาลต่อมา หากทุกท่านเชื่อในความสอนของหลวงพ่อเกษม กันหมดทุกคน
พากันเผาพระพุทธรูป และไม่สวดมนต์ ในบ้านไม่มีพระพุทธรูป ในวัดไม่มีพระพุทธรูป อยากถามว่าเราจะสืบทอดศาสนาพุทธต่อไปได้อย่างไร
(นี่คือความคิดเห็นของเราจากการที่ได้พยายามไตร่ตรองคำสอนของท่านแล้ว)

 

ถ้าว่าไปแล้วธรรมแท้ก็หาอยู่ที่ โบส อาราม หรือกุฎิ ไม่ แต่อยู่ที่การปฎิบัตรตามหลักคำสอนต่างหาก

พุทธบริษัททั้งสี่ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทำสักการบูชาเราด้วยเครื่องบูชาสักการะทั้งหลายอันเป็นอามิส เช่น ดอกไม้ ฝะฝุป เทียน เป็นต้น หาชื่อว่าบูชาตถาคตด้วยการบูชาอันยิ่งไม่
ผู้ใดปฎิบัติตามธรรมปฎิบัติชอบยิ่ง ปฎิบัติธรรมให้เหมาะสม ผู้นั้นแล ชื่อว่า สักการบูชาอันยอดเยี่ยม