เรื่องเด่น ประสบการณ์จิตหลุด PART.2 เผชิญหน้ากับร่างที่เปลือยเปล่าของตัวเอง ตัวเปล่าๆ VS ตัวเปล่าๆ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย new5336, 22 กรกฎาคม 2018.

  1. new5336

    new5336 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    9
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +13
    outof.jpg

    สวัสดีค่ะ มาต่อจากกระทู้แรก
    แชร์ประสบการณ์ เหตุการณ์จิตหลุดจากร่าง การนอนสมาธิถอดจิตแบบชิวๆ สบายๆ

    วันนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่จะมาเล่าประสบการณ์จิตหลุดในแบบของเราอีก1 เรื่อง ถือว่าเป็นเรื่องสนุกๆ ให้เพื่อนได้อ่านกันนะคะ ก่อนอื่นเลยต้องอภัยล่วงหน้าสำหรับในบทความนี้อธิบายตามความรู้สึก จะไม่มีคำศัพท์อะไรยากๆ ศัพท์บาลี ศัพท์กรรมฐานใดๆนะคะ เรื่องนี้ย้อนกลับไปไม่นาน เป็นเรื่องที่ทำให้เราได้เข้าใจสัจธรรมบางอย่าง เข้าใจกฏของธรรมชาติ (ความจริงอยากจะเล่าอิงตามกฏวิทยาศาสตร์มากกว่าค่ะ) ณ เวลานี้เราอาจจะโง่เขลายังไม่รู้อะไรว่าเป็นอะไร แต่สักวันหนึ่งเราคิดว่าเราจะสามารถเรียนรู้จากมันได้มากขึ้นแน่นอนค่ะ ถือว่าเป็นบทเรียนหนึ่งแล้วกันนะ

    จิตหลุดครั้งนี้ มันสอนอะไร? เราได้อะไรจะมัน?
    มีหลายคนๆบอกว่า การถอดออกมาแบบนี้มันไม่เกิดประโยชน์ มันให้ติด ทำให้เราหลง (ศัพท์ทางบลีเรียกว่าอะไรจำไม่ได้ค่ะ) ให้เราเลิกทำแบบนี้ แล้วหันไปปฏิบัติตามแนวทางตามอื่นๆที่ถูกต้องตามหลักซะ ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้หรอก มันเป็นเองตามธรรมชาติ
    เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้มันสอนให้เราเข้าใจความจริง เข้าใจสัจจะธรรมเกี่ยวกับร่างกายเนื้อของเราเข้าใจกิเลสบางตัวที่เด่นชัดมากๆ
    (สำหรับวิธีการนอนสมาธิแบบเรา ลองเข้าไปอ่านกระทู้แรกนะคะ จะอธิบายอาการไว้ละเอียดเลย)

    ทุกๆคืน ช่วงเวลาตี 1 หรือตี 2 เป็นเวลาที่มักจะเกิดบ่อยๆค่ะ เป็นช่วงเวลาที่เงียบ สถานที่เราว่ามีส่วนมากๆเลยนะคะ เรามักจะนอนทำสมาธิไปสักครู่หนึ่งจนเกิดอาการแผ่ซ่านของแม่เหล็ก หนืดๆ หน่วงๆ บริเวณร่างกาย รู้สึกชัดสุดที่ศรีษะ จิตเราก็เข้าไปจับกับอาการของคลื่นนี้ทันที เราเรียกด้วยตัวเราเองแทนอาการว่า "พลัง" นะคะง่ายดี ในบางครั้งก่อนจะเกิด "พลัง" มักจะมีเกิดอาการแขน ขา หรือส่วนต่างๆของร่างกายบิดงอ ยืดยาวบ้างหลายคนคงเคยเจอกันนะคะ รู้ไว้เฉยๆรู้สึก ไม่สนใจมันค่ะ ควรไปให้ความสนใจตัว "พลัง" จับคลื่นๆนี้ไปเรื่อยๆ แค่ไม่ถึงอึดใจร่างอีกร่างก็จะหลุดออกมาทันที บางครั้งจะหลุดออกมาพร้อมสายลม พายุหนุน แรงเหวี่ยง ซึ่งเราสามรถรู้สึกได้เลย ได้สัมผัสกับสายลมจริง ทั้งทางผิวกาย และทางเสียงของมันด้วยค่ะ บางที่จะเป็นเหมือนพายุหมุนแรงมากๆ พาร่างเราดีดออกมา

    จุดพีค!!!!!!
    จุดพีคสำหรับร่างหลุดในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งอื่นๆ เมื่อหลุดออกมาแล้วทุกอย่างรอบๆตัวนิ่งสงบ ตอนนั้นเรายกแขนสองข้างของเราขึ้นมาดูปรากฏว่าแขนเรามันโปร่งใส เรียบสวยไม่มีกระดูกปูดนูนออกมาเลย ทั้งที่ชีวิตจริงเราผอมกระดูกข้อต่างๆ มีเยอะมากค่ะ (ภาพแขนที่เห็นเรียบสวยไม่มีข้อ ลองนึกถึงแขนรูปปูนปั่นนะคะ) ลักษณะสีจะใสๆ โปร่งเหมือนจะมองทะลุได้ แต่คล้ายฟองสบู่แต่หนา ขุ่นก่า และไม่มีประกายสีรุ่งแววนะคะ ออกหม่นๆ ออกน้ำเงินนิดๆ
    เรามองไปที่เตียงนอนเรา เราเห็นร่างกายเราที่เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้านอนท่าเดิมอยู่
    มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงนอนเปลือย??? ก็เพราะคืนนั้นเราไม่ใส่เสื้อผ้านอนจริงๆค่ะ!!! และไม่ต้องถามนะคะว่าร่างที่ถอดออกมาจะมีเสื้อผ้าไหม!!! ก็ไม่มีเหมือนกันค่ะ เราได้แต่จ้องมองตัวเรา จ้องอยู่สักครู่หนึ่ง....ทันใดนั้นร่างกายที่นอนอยู่แสดงอาการอะไรบ้างอย่างให้เราดูค่ะ!!!! ร่างกายนั้นเริ่มสั่น และเริ่มกระตุกแรงขึ้นๆ นอนชักดิ้นชักงอ แขน ขา หงิกงอ มีของเหลวฟูออกมาจากปาก ปากของเราอ้าค้างน่าเกลียดน่ากลัวมากๆ ตอนนั้นเราไม่ได้เห็นถนัดนักนะคะเพราะช่วงเวลานั้นในห้องเรามืด จริงก่อนถอดมืดยังไงตอนนั้นก็มืดยังงั้น มีแต่เพียงแสงไฟกิ่งข้างนอกที่สาดมาเบาๆเท่านั้นค่ะ สภาพบรรยากาศเหมือนจริง
    เพื่อนๆ ลองคิดสิค่ะว่าเรากำลังเห็นตัวเรากำลังทุรนทุราย หรือเป็นอะไรสักอย่าง มันประหลาดแค่ไหน ตอนนั้นไม่ได้เกิดความกลัวเลย ทำได้แค่เพียงจ้องทำตาโตจ้องอยู่ห่างๆ
    สักครู่หนึ่งแว็ปเดียวร่างกายร่างนั้นมาปรากฏยืนนิ่งๆอยู่ข้างๆ กับเรา!!!
    ร่างนั้นยืนตรงนิ่งเฉย แววตาใสแจ๋วมีชีวิตเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับร่างนี้มาก่อน นี้คือเรานิ!!!! ร่างกายนั้นมันเรานิ!!!! เราเห็นสีหน้า แววตาของตัวเราชัดเจน!!! เราอยู่ห่างกันไม่เกิน 2 ไม้บรรทัดค่ะ
    ณ เวลานั้นบอกไม่ถูกจริงๆ เหมือนเวลามันถูกหยุด เราเริ่มเดินวนรอบร่างเราเพื่อสังเกตุจุดต่างที่ร่างกายที่เปลือยๆ ซึ่งเปลือยทั้งคู่ เราเห็นทุกอย่างๆมันคือเราเอง รูปร่าง ส่วนสูง ทรวดทรง แม้แต่ทรงผม หรือตำหนิต่างๆ แววตานั้นดูเป็นมิตร เชื้อเชิญ.... ใจของเราตอนนั้นก็มันผุดความรู้สึกรักใคร่ หลงไหล่ในร่างกายของตัวเอง (ซึ่งมีอีกคน) เหมือนมีความใคร่ผุดเกิดขึ้นมา เพื่อนๆฟังไม่ผิดค่ะ เราเป็นคนที่รักสวยรักงามยังยึดติดในเรื่องรูปร่างหน้าตามากๆ ก็เหมือนมนุุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งที่มีกิเลสด้านนี้เต็มพร้อม เราเริ่มสัมผัสลูปอีกร่างของเรา โอ้ย..เพื่อลองคิดนะคะ เรามีโครนนิ่งอีกตัว มายืนอยู่หน้าเรา เหตุการณ์หลังจากนี้ไม่ขอเล่านะคะ 18+
    สักครู่หนึ่งจิตเราก็หลุดกลับไปรู้สึกที่ร่างกายที่นอนอยู่ รู้สึกตัวขึ้นอาการของแม่เหล็กยังอยู่สักพักหนึ่งร่างกายนิ่งเคลื่อนไหวไม่ได้สักครู่ ก่อนเป็นปกติ ในคืนนั้นเราก็ได้แต่ทดทวนเรื่องทื่เกิดขึ้น

    เรื่องของเราน่าจะพอทำให้เพื่อนๆ ฉุดคิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง มาถึงตรงนี้ต้องมีผู้ที่เคยผ่านจุดนี้มาแล้ว คงจะรู้แล้วว่าเรากำลังเผชิญบททดสอบอะไรอยู่ และเราเชื่อว่า ไม่ว่าครั้งไหนๆ หรือในครั้งต่อไปที่เกิดจิตหลุดมันจะค่อยๆเฉลยให้เรารู้ ให้เราเข้าใจ และได้คำตอบด้วยตัวเองเรง เราทำเอง เราก็รู้เอง เรื่องบางเรื่องมันไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้เลยค่ะ และเรายังเชื่อเสมอว่าการถอดจิตมันก็ยังมีประโยชน์แฝงอยู่

    ******ถ้าหลายๆคนสนใจ ไว้จะมาเราฟังอีกนะคะ ถือว่าเขามาอ่านเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งค่ะ หากเพื่อนๆท่านได้มีประสบการณ์การคล้ายกัน สามารถแนะนำ ชี้แนะ หรือรวมแชร์เรื่องราวกันได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กรกฎาคม 2018
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ บอกตามตรง "มันหลงได้ไม่กี่วัน พอหายสงสัยแล้ว มันก็เลิกไปเอง" ดังนั้น "ไม่ต้องไปห้ามอะไร" ปล่อยให้มันเป็นไป

    +++ หาก "ห้าม" ไปเรื่อย ๆ สักวัน "มันก็จะต้อง ย้อนกลับมาตรงนี้อีก" ตามเดิม กลายเป็น "วนกลับมาที่เก่า (วิบากไม่สิ้น)" นั่นแหละ

    +++ มันเป็นอาการ "ที่ออกมาสู่ สภาวะแวดล้อมที่ โพล้เพล้ (Twilight)" ประดุจเวลา "ย่ำค่ำ" บันยากาศ "สลัว แต่ ไร้ละอองฝุ่น"

    +++ ฝรั่งเรียกมันว่า Twilight Zone อันเป็น "ภพของสัมภเวสี" จริง ๆ แล้ว คุณ new5336 ออกมาตรงนี้อีกไม่กี่ครั้ง ก็จะ "สิ้นสงสัย" ได้เอง

    +++ ความเป็นจิตนั้น "หากมันไม่สิ้นสงสัย มันย่อมกลับมาอีก จนกว่าจะสิ้นสงสัย" จึงจะ "ขาด" จากปรากฏการณ์นั้นได้

    +++ เมื่อ "ขาด" จากตรงนี้แล้ว จิต ก็จะไม่ "กลับคืนย้อนกลับ" มาใน ภูมิสัมพเวสี นี้อีก ตรงนี้จึงจะ "พ้น" ได้จริง
    +++ การปฏิบัติ "ตามแนวทาง ที่ถูกต้องตามหลัก" จริง ๆ คือ การปฏิบัติในการ "เรียนรู้ธรรมชาติทางจิต ของตน ตามความเป็นจริง" เท่านั้น

    +++ การปฏิบัติ "ตามแนวทางอื่น ๆ" ที่เชื่อว่า "ถูกต้อง" นั้น "ใช่ไม่ได้" จนกว่าจะพิสูจน์ว่า "มันใช้ได้ผลกับเรา" เท่านั้น นอกนั้น "ใช้ไม่ได้"
    +++ ตรงนี้ "ความรู้สึก" ยังไม่เป็นเอกภาพทั้งตัว หากคุณ new5336 ได้อ่าน กระทู้ที่ผมระบุไว้ ก็จะทราบ "ชัดเจน" ได้เอง

    +++ อาการทุกอย่างที่คุณ เล่ามานั้น "ทั้งหมด มีอยู่แล้วในกระทู้นั้น" รวมทั้ง "วีธีการต่อยอด" ให้ด้วย

    +++ แต่ทั้งหมด ย่อมขึ้นกับ การตัดสินใจของตัวคุณ new5336 เอง
    +++ ตรงนี้ "หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม (อีกหนึ่งในสาย พระป่า) เรียกมันว่า พลังสติ"

    +++ ดังนั้น คงไม่ต้องสงสัยอีกแล้วนะว่า แนวทางของคุณจริง ๆ แล้ว "ตรงกับสาย กรรมฐาน สายใด"
    +++ ถูกแล้ว อาการนี้ "เป็นตัวคุณเอง" ที่ไม่ใช่ "กายเนื้อ" และเป็น "อาการก่อนที่จะหลุด เข้าสู่ภพ สัมภเวสี"
    +++ หากคุณ ฝึกไปจนถึงความละเอียดมากกว่านี้ คุณจะรู้ได้เองว่า "ปรากฏการณ์เหล่านี้ เป็นคุณนั่นแหละ ที่กำหนดมันขึ้นมาเอง"
    +++ ตรงนี้แหละ เป็นจุดที่ "พ้นจาก ภูมิสัมภเวสี"

    +++ ผมจะ "เฉลย" แบบคร่าว ๆ ก็แล้วกันนะ

    +++ ตามหลัก "มหาสติปัฏฐาน 4" คือ ตั้งสติภายใน "กาย/ความรู้สึก และ จิต/ความรู้สึก"

    +++ การตั้งสติ "ภายใน" กาย จะได้ "ความรู้สึกาย" (ตรงนี้ คือ การถอดกาย ของคุณ)

    +++ เมื่อพ้นแล้ว มันจะเป็น "สติภายในจิต" (ตรงนี้คือ พีค) ของคุณ ต่อไปมันจะเป็น ภายใน "รู้สึกจิต" ไปเอง

    +++ สรุปเป็น 1. กาย (รูปหยาบ) 2. เวทนาของกาย (นามหยาบ) 3. จิต (รูปละเอียด) 4. ธรรมารมณ์ (นามละเอียด/รู้สึกจิต)

    +++ ในบริเวณ "จุดพีค" ของคุณนี่แหละ ที่เริ่ม "พ้นจาก 2 เข้าสู่ 3 (จิต)"

    +++ กายโปร่งใส ตรงนี้เป็น "กายจิต (รูปละเอียด)" และมันเป็น "ตัวคุณเอง" นั่นแหละ
    +++ ตรงนี้ คือ "มโนมยิทธิ ใน พระไตรปิฏก" เป็น รูปนิรมิตแห่ง ตน
    +++ ตรงนี้แล... "เกิดการ จ้องมอง พิจารณามอง" แล้ว... "เกิดกิเลสแทรก"

    +++ ตรงนี้แล... "ขาดอาการ รู้ อยู่เฉย ๆ" กลายเป็น "พิจารณา ดูนั่น ชอบนี้"

    +++ ตรงนี้แล... "เป็นอาการ สติ ขาด ปัฏฐาน"

    +++ ตรงนี้แล... "เป็นผลลัพธ์ที่มาจาก ฐาน ไม่สมบูรณ์" ราคะ จึงแทรกได้


    +++ ตรงนี้แล... มาจาก "อาการแผ่ซ่านของแม่เหล็ก หนืดๆ หน่วงๆ บริเวณร่างกาย รู้สึกชัดสุดที่ศรีษะ จิตเราก็เข้าไปจับกับอาการของคลื่นนี้ทันที"

    +++ ตรงนี้แล... ที่ไม่ได้ "ปรับความรู้สึก ให้เป็น เนื้อเดียวกันทั้งตัว" แล้วรีบเข้าไปจับ "อาการทันที"

    +++ ตรงนี้แล... คือการ "ชิงสุก ก่อน ห่าม" ผลลัพธ์ ตรงนี้กลายเป็น "รูปราคะ" ณ ขณะ "ถอดจิต"

    +++ ผ่านมานานมากแล้ว และ "ไม่หวลกลับ" มาในบริเวณนี้ นานแล้ว

    +++ จะเฉลยให้ก็ได้ "มันไม่ใช่ บททดสอบ อะไรหรอก"

    +++ มันเป็นเพียงแค่ "ฐานไม่สมบูรณ์ ในตอนฝึกทำ ความรู้สึกทั้งตัว แต่ ยังไม่เป็น เอกภาพเท่าเทียมกัน ทั้งตัว" นั่นเอง

    +++ หากทำ "ฐานรู้สึกตัว ให้เป็นเอกภาพ เนื้อเดียวกันทั้งแท่ง" อาการ ราคะแทรก จะเกิดขึ้นไม่ได้

    +++ แม้ว่าจะเกิด "ปรากฏการณ์แบบเดียวกันก็ตาม" โลภะ/ราคะ/โทสะ จะไม่สามารถ แทรกซ้อนเข้ามาได้เลย

    +++ เหลือแต่ "โมหะ" ที่เป็น "ต้นกำเนิด การแสดง แสงสีเสียงในฟิลม์ ที่จิตมันผลิตออกมา" เท่านั้น


    +++ ปล. หากจะโพสท์ PART ต่อไป ก็ "ไม่ควรตั้ง กระทู้ใหม่" ให้โพสท์ ต่อในกระทู้นี้ไปเลย

    +++ ไม่งั้นมัน "เปลือง" การโหลดของ Server รวมทั้ง ความ ระเกะระกะ ไม่เป็นที่เป็นทาง นะครับ
     
  3. new5336

    new5336 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    9
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +13

    ขอบคุณที่ช่วยชี้แนวทางให้นะคะ อ่านแล้วขนลุกตลอดเวลาเลย
    แปลกจังอ่านแล้วเข้าใจง่ายมากค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    นัยยะ
    "มายาจิตเป็นแค่เพียงกลจิตชนิดหนึ่ง
    แม้เห็นได้ด้วยตาเปล่า
    ก็ยึดไม่ได้ครับ"
     
  5. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ มายา "มี" แต่ ไม่ใช่ของจริง

    +++ ของจริง "มี" แต่ ไม่ใช่มายา

    +++ สติเต็มฐาน แล้วทำปัฏฐานได้ (ไม่หลุด) มายาจะ "เกิดไม่ได้"

    +++ ไม่มีอาการ "หลง" ใด ๆ เกิดขึ้นได้ ใน "โพชฌงค์ 7"

    +++ ไม่มี "นิมิต/มายา" ใด ๆ เกิดขึ้นมาได้ใน "โพชฌงค์ 7"

    +++ ผู้ที่ "ผ่านโพชฌงค์ 7" มาแล้ว จะรู้เอง

    +++ ให้คุณ new5336 ปฏิบัติต่อไป

    +++ หนทางของคุณ มาได้ "ถูกต้อง" แล้ว

    +++ ปรากฏการณ์ใด "เกิดขึ้นจริง มีอยู่จริง" ให้ไปตามนั้น

    +++ ตรงนี้ คือ "ดำรงค์สติมั่น รู้ ธรรมเฉพาะหน้า" ของพระพุทธเจ้า

    +++ ไม่นานก็จะ "รู้แจ้ง" ในสัพสิ่งที่ประกอบเป็น "ตน" ได้เอง นะครับ
     
  6. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    253
    ค่าพลัง:
    +339
    ขวางมรรคผลผู้อื่นจะทุกข์หนัก
    จมไปอีกกี่อสงไขยจึงจะขึ้น
    ไม่รู้แจ้งเห็นจริงพูดไปมั่ว
    ถึงคราวตัวจะรู้ กูไม่น่าเกิดมาชาตินี้เลย

    ซวยเช็ดไปอีกหลายอสงไขยนะครับ
     
  7. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    741
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,505
    9786164742611.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...